ตอนที่ 76

การต่อสู้แห่งโชคชะตา

หลังจากฮั่นเฉียวเซิงประกาศผล, การประลองรอบแรกถือว่าได้สิ้นสุดลงแล้ว

จอมยุทธ์รุ่นเยาว์

20 คนถูกคัดออก ส่วนอีก 20 คนเข้ารอบ

จากนั้นฮันเฉียวเซิงก็หยิบหยกที่มีชื่อของทั้ง 20 คนขึ้นมาเพื่อจับคู่อีกครั้ง

สำหรับบรรดาผู้ที่เข้ารอบนั้น

ผลการจับสลากรอบที่สองมีความสำคัญอย่างยิ่ง มันเกี่ยวพันว่าพวกเขาจะสามารถผ่านเข้าประตูนิกายหนุนสวรรค์ได้สำเร็จหรือไม่

!

ในที่สุดหยกทั้ง

20 เม็ดก็สุ่มแบ่งออกเป็น 10 คู่ต่อหน้าฮันเฉียวเซิง เขาหยิบหยกขึ้นมาทีละสองเพื่อประกาศผลการจับคู่

“คู่แรก เจี้ยนหวู่เซิงพบกับชิวหยวนหวู่ !”

“คู่ที่ 2 จี้เค่อพบกับเป่ยซานปูลั่ว

!”

“คู่ที่ 3 เว่ยหลิงเฟิงพบหยินเจี้ยน !”

“คู่ที่ 4 จี้หลิงพบหวู่หลง !”

“คู่ที่ 5 จี้เทียนซิงพบเจียงไป๋อวี้ !”

“คู่ที่ 6…”

ทันทีที่ฮันเฉียวเซิงประกาศรายชื่อทั้ง

10 คู่จบ ฝูงชนนับหมื่นคนในจัตุรัสก็ร้องอุทานฮือฮาออกมา  ไม่มีใครคาดคิดว่าจี้เทียนซิงจะต้องสู้กับเจียงไป๋อวี้

!

การต่อสู้ครั้งนี้มีความสำคัญมาก

ผู้แพ้จะถูกคัดออกทันที ส่วนผู้ชนะก็สามารถการันตีอันดับ 1 ใน 10 สุดยอดและตีตั๋วผ่านเข้าประตูนิกายได้เลย

ดังนั้น

ระหว่างจี้เทียนซิงกับเจียงไป๋อวี้จะมีหนึ่งคนที่ถูกคัดออกส่วนอีกคนได้มีโอกาสเข้าสู่นิกายหนุนสวรรค์

!

การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ชี้ชะตา

!

นอกจากนี้จี้เทียนซิงและเจียงไป๋อวี้ต่างก็เป็นที่กล่าวถึงกันมากในช่วงหลายวันมานี้

นับตั้งแต่ที่เจียงไป๋อวี้ล้มเหลวในการทำลายค่ายกล แต่จี้เทียนซิงกลับทำสำเร็จ

ชื่อของพวกเขาถูกยกขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนากันอย่างกว้างขวาง

มีหลายคนเริ่มคาดเดาว่าบัดนี้จี้เทียนซิงแข็งแกร่งกว่าเจียงไป๋อวี้ไปแล้ว

มิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถทำลายค่ายกลได้ในขณะที่เจียงไป๋อวี้ทำไม่ได้

อย่างไรก็ตาม

นี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น

เพราะในอดีตที่ผ่านมาจี้เทียนซิงกับเจียงไป๋อวี้ไม่เคยประมือกันมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

บัดนี้การสุ่มจับสลากของฮั่นเฉียวเซิงได้ผูกชะตาของชายหนุ่มทั้งสองเข้าด้วยกันแล้ว

คนนับหมื่นภายในจัตุรัสต่างก็กำลังคิดถึงเรื่องนี้  นี่เป็นประสงค์ของเทพยาดาหรือไม่ ?

ทวยเทพกำหนดชะตากรรมระหว่างชายหนุ่มทั้งสองเอาไว้แล้วหรือ

?

ในไม่ช้าฮั่นเฉียวเซิงก็ได้ประกาศผลการจับคู่ทั้ง

10 และประกาศเริ่มต้นประลองในทันที

จอมยุทธ์คู่แรกเดินขึ้นเวทีประลองและห่างกันสิบเมตรด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

ชายหนุ่มผู้หนึ่งในเสื้อคลุมสีน้ำเงินชื่อว่าชิวหยวนหวู่

เขาเป็นอัจฉริยะในเชิงกระบี่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในรัฐ เขามีความแข็งแกร่งในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่สี่ตั้งแต่อายุยังน้อย

ส่วนชายหนุ่มอีกคนในอาภรณ์สีดำมีใบหน้าแบนและมีรอยแผลกระบี่ที่แก้มขวา

คนผู้นี้คือเจี้ยนหวู่เซิง

ผู้คลั่งไคล้กระบี่ เขามีความแข็งแกร่งในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่ 6 ซึ่งถูกจี้เทียนซิงสะกดข่มมาโดยตลอด

และทำได้เพียงรั้งอันดับสองในรัฐนภากระจ่างมาอย่างยาวนาน

แต่ปัจจุบันนี้เขาเป็นยอดฝีมือที่มีระดับพลังสูงสุดในบรรดาจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ทั้ง

20 คนตรงหน้า !

ดังนั้นเมื่อชิวหยวนหวู่รู้ว่าคู่ต่อสู้รอบที่สองของเขาคือเจี้ยนหวู่เซิง

หัวใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความสิ้นหวังหดหู่

จากนั้นการประลองก็เริ่มขึ้น

แต่ทว่า ความแข็งแกร่งของทั้งสองนั้นแตกต่างกันมากและผลของการต่อสู้ย่อมชัดเจน

เจี้ยนหวู่เซิงใช้เพียง

5 กระบวนท่าเท่านั้นและเอาชนะชิวหยวนหวู่ได้อย่างง่ายดาย

หลังจากนั้นฮั่นเฉียวเซิงก็ประกาศผลทันที

เจี้ยนหวู่เซิงเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดและมีคุณสมบัติเข้าร่วมนิกายหนุนสวรรค์ !

ชิวหยวนหวู่พ่ายแพ้และเดินคอตกลงจากเวทีอย่างเสียใจและไม่เต็มใจ

การต่อสู้ครั้งที่สองของรอบที่สองเริ่มขึ้นอีกครั้ง

คู่ต่อสู้ขององค์หญิงน้อยจี้เค่อก็คือเป่ยซานปูลั่ว  มันคือคุณชายของตระกูลขุนนางชั้นสูงในเมืองจักรวรรดิ นอกจากนี้ยังเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์อีกด้วย

มันมีพลังในระดับเดียวกันกับองค์หญิงน้อยจี้เค่อและศาสตร์กระบี่ของมันก็นับว่าล้ำลึกไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม

จี้เค่อใช้พลังทั้งหมดในการต่อสู้ครั้งนี้เพื่อคว้าสิทธิ์เข้านิกายให้ได้

ทั้งคู่ต่อสู้กันนานถึงครึ่งชั่วโมงจนกระทั่งผ่านไปกว่าร้อยกระบวนท่าถึงได้ตัวผู้ชนะ

จี้เค่อต้องจ่ายค่าตอบแทนถึง

7 แผลกระบี่ก่อนที่จะเอาชนะเป่ยซานปูลั่วไปได้อย่างเฉียดฉิวและติดหนึ่งในสิบสุดยอด

ได้รับคุณสมบัติในการเข้าร่วมนิกายหนุนสวรรค์เป็นคนที่สอง

หลังจากผู้ดูแลฮั่นเฉียวเซิงประกาศผลการประลอง

จี้เค่อก็เดินลงจากเวทีด้วยใบหน้าซีดเซียว นางรีบทำแผลและกินโอสถรักษาอาการทันที

การต่อสู้ครั้งที่สามนั้นน่าตื่นเต้นยิ่งกว่า

เว่ยหลิงเฟิงหนึ่งในวีรบุรุษคู่ดำขาวและอีกฝ่ายหยินเจี้ยนได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือดน่าดูชม  วิชากระบี่ของพวกเขาแพรวพราวละเอียดอ่อนจนกระตุ้นเลือดลมของผู้ชมนับหมื่นให้เดือดพล่าน

ท้ายที่สุดเว่ยหลิงเฟิงก็เอาชนะหยินเจี้ยนไปได้และเข้าสู่สิบอันดับสุดท้าย

จากนั้นก็เป็นรอบที่

4  องค์ชายน้อยจี้หลิงพบกับหวู่หลง

คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ปีและมีพลังในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นสี่

ส่วนระดับพลังยุทธ์ของจี้หลิงนั้นยังไม่มีผู้ใดทราบ...

ชายหนุ่มทั้งสองปะทะกันกว่า

20 กระบวนท่าและในที่สุดจี้หลิงก็เอาชนะหวู่หลงไปได้อย่างง่ายดาย

ประชาชนหลายหมื่นคนในจัตุรัสโห่ร้องแสดงความยินดีต่อชัยชนะขององค์ชายน้อยจี้หลิงกันอย่างคึกโครม

ทุกคนไม่อาจเชื่อได้ว่าองค์ชายจี้หลิงจะพัฒนามาถึงขั้นนี้ได้ในระยะเวลาเพียงแค่สองเดือน

แม้กระทั่งจอมยุทธ์ในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่สี่ก็ยังเอาชนะได้อย่างง่ายดาย

นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ

!

จี้เทียนซิงเฝ้าจับตาดูการต่อสู้ระหว่างองค์ชายจี้หลิงกับหวู่หลง

เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าจี้หลิงเก็บซ่อนพลังฝีมือเอาไว้และไม่ได้ลงมือเต็มที่เลยในการประลองทั้งสองรอบ

เขาคาดคะเนในใจว่าระดับพลังที่แท้จริงของจี้หลิงน่าจะอยู่ในขั้นเจ็ด  ด้วยเขตแดนพลังระดับนี้

หากลงมือจริงจังก็สามารถเอาชนะหวู่หลงได้ภาย 3-5 กระบวนท่าเท่านั้น

อีกทั้งสิ่งนี้ยังทำให้จี้เทียนซิงรู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าผู้ที่หล่อหลอมพลังของเขาจากลูกปัดครองวิญญาณก็คือองค์ชายจี้หลิง

!

ท้ายที่สุดแล้วลูกปัดครองวิญญาณก็ประจุไว้ด้วยพลังบ่มเพาะชั่วชีวิตของเขา  หลังจากหลอมรวมพลังในลูกปัดครอบวิญญาณทั้งหมด องค์ชายจี้หลิงจะมีพลังในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่เจ็ดอย่างสมบูรณ์

ซึ่งเท่ากับพลังยุทธ์ในจุดสูงสุดของเขาเมื่อหลายเดือนก่อน

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

จี้เทียนซิงก็ขมกรามและกำหมัดแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารที่เย็นเยือก

“จี้หลิง !

เจ้าคือผู้ที่ใช้ให้หลิงหยุนเฟยมาตีสนิทข้าและใช้ลูกปัดครองวิญญาณ ! คนที่ช่วยชีวิตนางในคฤหาสน์ดอกพลัมคืนนั้นก็คือเจ้าเช่นกัน !”

“ที่แท้ เรื่องราวทั้งหมดมีเจ้าเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง

เจ้าตัวบัดซบที่วางตัวสุภาพอ่อนน้อมแต่ลับหลังกลับชั่วช้าสามานย์นัก !”

ในไม่ช้าการประลองรอบที่

5 ก็เริ่มขึ้น

จี้เทียนซิงและเจียงไป๋อวี้ขึ้นเวทีพร้อมกันด้วยกระบี่ในมือ

พวกเขานั่งขัดสมาธิกลางลานประลอง

จี้เทียนซิงมองไปที่เจียงไป๋อวี้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์  แววตาเต็มไปด้วยความไม่แยแส

เขาไม่มีความแค้นเคืองใดๆกับเจียงไป๋อวี้มาก่อน

และวันนี้การที่ต้องมาต่อสู้กันล้วนเป็นเพราะโชคชะตา

แต่เจียงไป๋อวี้กลับจ้องมองเขาด้วยความโกรธเคือง

ดวงตาของมันเต็มไปด้วยโทสะคุกรุ่นและแผ่ซ่านจิตสังหารออกมาอย่างไม่เก็บงำ

“จี้เทียนซิง ! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าในรอบนี้

!”

“ช่างเป็นโชคชะตาที่วิเศษนัก ! ข้าอยากขอบคุณผู้ดูแลฮั่นเหลือเกินที่จับคู่ให้ข้ามาพบเจ้า

ข้าจะได้ล้มเจ้าต่อหน้าทุกคน !”

เจียงไป๋อวี้กล่าวออกมาพร้อมกับแสดงสีหน้าเยาะเย้ย

เขาร่ายยาวต่อไปว่า

“หลายวันมานี้ข้าต้องกลายเป็นตัวตลกของทุกคนในเมือง  จี้เทียนซิง

เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเกลียดชังเจ้าแค่ไหน !”

“ข้าจะเอาชนะเจ้าต่อหน้าผู้คนนับหมื่น !

ข้าจะทำให้ทุกคนได้ประจักษ์ในวันนี้ว่าเจียงไป๋อวี้คืออัจฉริยะอันดับหนึ่งที่แท้จริง

!”

“จี้เทียนซิง

เจ้ามันแค่โชคดีที่ทำลายค่ายกลในวันนั้นได้ แต่หากเป็นเรื่องการต่อสู้

เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอย่างแน่นอน !”