การประเมินผลสิ้นเดือน
อี้โม่และซื่อจิงเฉิงพูดจาเข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ราวกับหยินหยางคู่ผสาน
ส่วนศิษย์คนอื่นๆเพียงจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยท่าทางไม่พึงประสงค์และยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น
ทันใดนั้นใบหน้าของจี้เทียนซิงก็มืดมน
ดวงตาจ้องมองไปที่คนทั้งสองพลางกล่าวว่า “พวกเจ้าสองคนนี่ดีแต่นินทาเสียดสีชาวบ้าน
ยังมีหน้ามาแสดงความเห็นยุยงให้แตกแยกอีกหรือ ?”
“ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้เป็นวันประเมินผลสิ้นเดือนแต่พวกเจ้าเอาแต่พร่ำไร้สาระเป็นตัวตลก
ไม่กลัวว่าวันนี้ล้มเหลวแล้วจะถูกชาวบ้านทับถมบ้างหรือไง ?”
อี้โม่และซื่อจิงเฉิงสีหน้าเปลี่ยนไปและจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยความขุ่นเคือง
“บัดซบ น้ำหน้าอย่างเจ้านับเป็นตัวอะไร ? กล้าตำหนิพวกข้างั้นหรือ !?”
“เหอะ ! เจ้าถูกขังอยู่ในถ้ำวายุทมิฬร่วมสิบวันยังมีหน้ามาเข้ารับการประเมินอีก
? ข้าเกรงว่าเจ้าไม่มีเวลาแม้แต่จะฝึกฝนปรุงยาด้วยซ้ำ
!”
“คอยดูเถอะ
หลังจากเจ้าปรุงยาล้มเหลวต่อหน้าครูฝึกฮั่นในที่สาธารณะ
เจ้าจะยังมีหน้าอยู่ในหอยุทธ์ฟงอวิ๋นได้อีกมั้ย !”
จี้เทียนซิงหรี่ตามองคนทั้งสองอย่างเหยียดหยามพลางกล่าวว่า
“เหอะๆ การปรุงยาของข้าก็แค่พอไปวัดไปวาได้
แต่ลิ้นของพวกเจ้าดูเหมือนจะคล่องกว่าการปรุงยามากนัก”
อี้โม่และซื่อจิงเฉิงเต็มไปด้วยความภาคภูมิและมั่นใจในศาสตร์แห่งการปรุงยามากกว่าศาสตร์ใดๆ
เมื่อโดนดูถูกจากคำพูดของจี้เทียนซิง พวกเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธเคือง
“จี้เทียนซิง
ฝีปากกล้านักนะ
เจ้ากำลังรนหาที่ตาย !”
“สารเลว !”
เมื่อสิ้นเสียงของพวกเขาก็มีศิษย์อีกสองคนเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่
หนึ่งในนั้นก็คือเนี่ยห่าว
เขาเห็นจี้เทียนซิงจึงเดินเข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นก็แสดงความกังวลออกมา
เมื่อได้เห็นใบหน้าของอี้โม่และซื่อจิงเฉิงเต็มไปด้วยความโกรธ
เนี่ยห่าวคาดเดาได้ทันทีว่าพวกเขากำลังทะเลาะกับจี้เทียนซิงอีกแล้ว
ดังนั้นเขาจึงตบไหล่ของจี้เทียนซิงเบาๆและกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า
“พี่จี้ อย่าไปยุ่งกับพวกมันเลย รกสมองเปล่าๆ”
จี้เทียนซิงพยักหน้าพลางกล่าวว่า
“ถูกของเจ้า สุนัขบ้าสองตัวกำลังไล่กัดผู้คน
ข้าไม่อยากกัดตอบเพราะข้าเป็นมนุษย์”
เนี่ยห่าวยิ้มเยาะขึ้นมาทันทีและเหลือบมองไปที่อี้โม่กับซื่อจิงเฉิง
ทำให้ใบหน้าของพวกเขาเขียวคล้ำและขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธแค้น
แต่พวกเขาก็ไม่กล้าลงมือ
หลังจากนั้นฮั่นเฉียวเซิงและตู้หวู่ก็เดินเข้ามาถึงที่ประตูห้องโถงหลัก ด้านหลังของพวกเขาติดตามมาด้วยชายหนุ่มผู้หนึ่งในเสื้อคลุมสีฟ้า
จี้เทียนซิงเห็นบุคลผู้นี้และจดจำได้ในทันที
เพราะคนผู้นี้ก็คือลู่หมิงหยาง !
ฮั่นเฉียวเซิงและตู้หวู่เดินผ่านเข้ามาในห้องโถงใหญ่และทำให้ศิษย์ทุกคนหยุดการสนทนาทันที จากนั้นฮั่นเฉียวเซิงก็ประกาศเสียงดังว่า “ข้าเดาว่าพวกเจ้าทุกคนย่อมทราบข่าวแล้วว่าจี้หลิงถูกขับไล่ออกจากนิกาย”
“ตั้งแต่วันนี้ไปลู่หมิงหยางจะเข้าร่วมหอยุทธ์ฟงอวิ๋น
ข้าขอให้พวกเจ้าสามัคคีและฝึกฝนร่วมกันอย่างปรองดอง”
ฮั่นเฉียวเซิงเพียงแค่แนะนำสั้นๆ เขาไม่ได้พูดว่าเพราะอะไรลู่หมิงหยางถึงกลับเข้ามาเป็นศิษย์ฝ่ายนอกของหอยุทธ์ฟงอวิ๋น
หลังจากแนะนำลู่หมิงหยางเสร็จก็ประกาศอีกครั้งว่า
“วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเดือนและเป็นวันสิ้นสุดการเรียนรู้ในเดือนนี้อีกด้วย”
“ตลอดทั้งเดือนนี้ข้ามอบหมายให้พวกเจ้าได้ศึกษาวิถีแห่งโอสถและสมุนไพรอย่างละเอียดแล้ว วันนี้ผลการทดสอบของพวกเจ้าจะเป็นตัวชี้วัดว่าร่ำเรียนมาพอหรือยัง”
หลังจากกล่าวจบ
ฮั่นเฉียวเซิงก็แบ่งศิษย์ทั้งสิบคนออกเป็นสองแถวนั่งตรงข้ามกันที่ห้องโถงใหญ่
ตู้หวู่หยิบเตาปรุงยาสิบเตาออกมาจากแหวนมิติและวัตถุดิบในการหลอมโอสถ
3 ชนิดเพื่อแจกจ่ายให้กับศิษย์ทุกคน
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วฮั่นเฉียวเซิงก็ประกาศเสียงดังว่า “เริ่มการปรุงยาได้ทันที พวกเจ้าต้องปรุงยาสะสมวิญญาณ, ยาหยกฟ้าและยาบำรุงใจ สามชนิด มีเวลาจำกัดสองชั่วโมง หากถึงกำหนดเส้นตายแล้วยังหลอมเป็นเม็ดยาไม่สำเร็จก็ถือว่าล้มเหลวและจะถูกลงโทษ
! หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง
ข้าจะจัดอันดับพวกเจ้าตามคุณภาพของเม็ดยาที่พวกเจ้าสกัดออกมา !”
หลังจากฮั่นเฉียวเซิงกล่าวจบ การประเมินก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
จี้เทียนซิงเริ่มตั้งสมาธิอย่างไม่รอช้า
เช่นเดียวกับศิษย์อีกเก้าคนที่เหลือ แม้ว่าจะมีเวลาจำกัดอันน้อยนิด
แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนจนลนลาน
อันดับแรก
เขาเริ่มตรวจสอบและทำความสะอาดเตาปรุงยา จากนั้นก็ขจัดเอาสิ่งเจือปนออก ก่อนที่จะเปิดอาคมในเตา
เขาทาบฝ่ามือไปที่เตาปรุงยาและอัดปราณแท้เข้าไปเพื่อกระตุ้นให้อาคมทำงาน
หลังจากไฟเริ่มคงที่
เตาปรุงยาก็เริ่มมีอุญหภูมิเข้าที่ เขาจึงใส่สมุนไพรลงไปในเตา
ขั้นตอนทั้งหมดในการปรุงยาประทับลึกอยู่ในใจของเขาหมดแล้วจากการชี้แนะอย่างใกล้ชิดของเซี่ยงหวู่จี้ เขาเริ่มปรับแต่งเม็ดยาสะสมวิญญาณเป็นชนิดแรก
เช่นเดียวกับศิษย์คนอื่นๆ
พวกเขาทั้งหมดต่างก็ตั้งสมาธิอย่างใจจดใจจ่อในการปรุงยาจนทำให้บรรยากาศทั่วห้องโถงใหญ่กลายเป็นอึดอัดกดดัน
ฮั่นเฉียวเซิงและตู้หวู่ยืนอยู่กลางห้อง
สายตาจับจ้องไปยังศิษย์ทั้งสิบคนอย่างเงียบงัน
.............
เวลาผ่านไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงหนึ่งชั่วโมงแรก
จากการสังเกตของครูฝึกทั้งสอง
พวกเขาก็เริ่มเห็นปฏิกิริยาของศิษย์ทุกคน
อี้โม่และซื่อจิงเฉิงเกิดในตระกูลผู้หลอมโอสถ พวกเขามีพื้นฐานและความสามารถสูงล้ำ
การเคลื่อนไหวของพวกเขาดูเรียบง่ายและราบรื่นราวกับมิได้กดดันมากนักกับการปรุงยาระดับนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีประสบการณ์มากกว่าทุกคน
กระบวนการต่างๆจึงรวดเร็วที่สุดเป็นสองอันดับแรก
ส่วนศิษย์คนอื่นๆแม้จะมีอาการเกร็งและกดดันจนดูเงอะงะเก้กัง
แต่ฮั่นเฉียวเซิงก็ดูออกว่าพวกเขาได้ศึกษาและฝึกฝนกันมาอย่างดีแล้ว ขาดแต่เพียงประสบการณ์เท่านั้น
ส่วนพฤติกรรมของจี้เทียนซิงกลับทำให้ฮั่นเฉียวเซิงและตู้หวู่ค่อนข้างประหลาดใจ
พวกเขาทั้งสองคิดว่าจี้เทียนซิงที่ถูกขังไว้ในถ้ำวายุทมิฬร่วมสิบกว่าวันย่อมไม่มีเวลาพอที่จะศึกษาและฝึกฝนการปรุงยาได้มากนัก
เดิมทีพวกเขามั่นใจว่าจี้เทียนซิงคงต้องสอบตกในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าพวกเขาก็คือการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วปราดเปรียวของจี้เทียนซิง
นอกจากนี้ขั้นตอนและเทคนิคในการปรุงยาของเขาก็ค่อนข้างยอดเยี่ยม
เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับการชี้แนะจากคนผู้นั้นเป็นแน่
ครูฝึกทั้งสองหันไปมองหน้ากันและได้เห็นรอยยิ้มในดวงตาของอีกฝ่าย
จากนั้นสายตาของพวกเขาทั้งสองก็ไปตกอยู่ที่ลู่หมิงหยาง การแสดงออกของมันดูไม่คล่องตัว สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
ในขณะที่กำลังปรุงยาก็ยังต้องใช้ตำราควบคู่ไปด้วย
เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ฝึกการปรุงยาเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม
เขาเพิ่งเข้าหอยุทธ์ฟงอวิ๋นได้ไม่นานจึงทำได้ไม่ดีอย่างที่ฮั่นเฉียวเซิงและตู้หวู่คาดหวังไว้
พวกเขามีคำตอบแล้ว การประเมินครั้งนี้ผู้ที่รั้งท้ายย่อมเป็นลู่หมิงหยางแน่นอน
กำหนดเวลาสองชั่วโมงใกล้จะมาถึงโดยไม่รู้ตัว ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายซื่อจิงเฉิงที่ปรุงยาได้รวดเร็วที่สุดก็กำลังจะปรุงยาชนิดที่สาม
ในที่สุดเขาก็ผ่อนคลายลงเมื่อมองไปยังศิษย์คนอื่นๆและเห็นว่าไม่มีใครเร็วเท่าเขา มุมปากของเขาจึงยกโค้งขึ้นอย่างเย้ยหยัน
หลังจากนั้นไม่นานอี้โม่ก็เริ่มปรุงยาบำรุงใจตามมาเป็นอันดับสอง
เขาหันไปมองคนอื่นๆและเห็นว่าซื่อจิงเฉิงปรุงยาเสร็จหมดเรียบร้อยแล้วทั้งสามชนิดจึงขมวดคิ้วแสดงให้เห็นถึงความเป็นปรปักษ์
เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ไม่ได้เห็นศิษย์คนอื่นๆเป็นคู่แข่งแม้แต่น้อย
พวกเขามองเพียงกันและกันเป็นคู่แข่งในศาสตร์นี้
หลังจากนั้นไม่นานจี้เทียนซิงก็ปรุงยาเสร็จเป็นคนที่สาม ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุข
หน้าผากของเขามีเหงื่อผุดขึ้นและใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย
เนื่องจากในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เขาพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อปรุงยาทั้งสามชนิด
เขาสูญเสียทั้งพลังปราณและจิตวิญญาณที่ใช้ควบคุมไฟอย่างต่อเนื่องจนรู้สึกอ่อนล้า แต่ในครั้งนี้เขามั่นใจว่าเม็ดยาทั้งสามที่หลอมออกมาย่อมมีคุณภาพสูงกว่าที่หลอมในตำหนักไท่อันเมื่อวานแน่นอน
!
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved