หากมิใช่เพราะปราณกระบี่ของเจ้า
“หากฝึกสำเร็จจะสามารถสำแดงพลังทำลายที่น่ากลัวเช่นนี้ได้งั้นหรือ
?”
สีหน้าของจี้เทียนซิงเปลี่ยนไป
ในใจเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“หากตาแก่เหม็นปะทุพลังเต็มร้อย มิใช่ว่าตำหนักไท่อันจะพังพินาศในพริบตาเลยหรือ
?”
“ตาแก่นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว ! นี่เขาบรรลุเขตแดนยุทธ์ระดับไหนกันแน่ ? ปราณจิต ? หรือจะเป็นเขตแดนปราณฟ้าในตำนาน ?”
หลังจากนั้นไม่นานอารมณ์ที่พุ่งพล่านของเขาก็สงบลง เขาไม่กล้าคิดฟุ้งซ่านอีก และปิดตาลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นึกถึงสายลมและสายฟ้า
“ถึงแม้ว่ากระบวนท่าวายุอัสนีกระหน่ำจะมิได้ซับซ้อนเท่ากับคมมีดพันขนนก
แต่จุดเด่นของมันก็เน้นถึงพลังทำลายและวิธีการ…”
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
เซี่ยงหวู่จี้ยืนอยู่ใต้ชายคาและมองจี้เทียนซิงอย่างสงบ
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
จี้เทียนซิงลืมตาขึ้นและเดินไปที่ลานกว้างอย่างสงบ
จากนั้นก็โคจรพลังลมปราณในร่าง
“เช้ง เช้ง เช้ง !”
ปราณกระบี่สามสายปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
แสงสีทองเข้มส่องประกายยามราตรีอันมืดมิด
จี้เทียนซิงใช้สองมือและสองนิ้วร่ายรำเพลงกระบี่
เขาโบกมือวาดเป็นเส้นสายอันลี้ลับเพื่อควบคุมปราณกระบี่ทั้งสาม
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว
!”
ปราณกระบี่ส่งเสียงแตกหักอันแหลมคมและวนเวียนรอบตัวเขาในระยะสามเมตร
พวยพุ่งการโจมตีออกไปในทุกมุมและทุกทิศทาง
วูบ
วูบ วูบ !
การเคลื่อนไหวมือของชายหนุ่มที่โบกสะบัดเริ่มเร็วและเร็วขึ้นเรื่อยๆ
จนเกิดเป็นริ้วลำแสงที่พัวพันกันจนเห็นได้ชัดตา
เมื่อความเร็วของปราณกระบี่ทั้งสามที่ถูกกรีดวาดไปมาอันซับซ้อนเริ่มมาถึงขีดจำกัด
ความรวดเร็วดั่งการโจมตีของสายฟ้าฟาดก็ปรากฏขึ้น
คลื่นพลังที่เหวี่ยงซัดออกไปในทุกทิศทางก็เริ่มรุนแรงขึ้นเป็นทบทวี
ตูม
ตูม ตูม .... !
สิบลมหายใจผ่านไปอย่างรวดเร็วและปราณกระบี่สามสายก็โจมตีออกไปนับพันครั้งติดต่อกัน
จี้เทียนซิงร่ายรำเพลงกระบี่คมมีดพันขนนกเสร็จสิ้นแล้ว แต่มันก็สูบใช้พลังลมปราณของชายหนุ่มมากเกินไปจนใบหน้าเริ่มซีดเซียว
ดังนั้นเขาจึงโบกมือเรียกปราณกระบี่ทั้งสามกลับมาหา
มันล่องลอยอยู่กลางอากาศ
ถึงแม้ว่าเขาจะต้องใช้พลังและระยะเวลาเป็นสองเท่าในการควบคุมปราณกระบี่กว่าจะโจมตีออกไปได้พันครั้ง
แต่ก็นับว่าเขาสำเร็จกระบวนท่านี้ไปได้ 7-8
ส่วนแล้ว
เนื่องจากพื้นฐานบ่มเพาะของเขายังอ่อนแอและปราณกระบี่ก็มิได้แข็งแกร่งเทียบเท่ากับคลื่นพลังกระบี่ของเซี่ยงหวู่จี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่เขตแดนพลังของเขาหนาแน่นและสูงพอ
เขาจะบรรลุในระดับเดียวกันกับเซี่ยงหวู่จี้ได้แน่อน
ในเวลานี้เอง
เซี่ยงหวู่จี้กล่าวอย่างเงียบงัน
“ไอ้หนู
เจ้าต้องใช้เวลามากกว่าข้าถึงสองเท่ากว่าจะจู่โจมออกไปได้พันครั้ง
แต่กระนั้นพลังทำลายของปราณกระบี่ก็ยังนับว่าอ่อนแออยู่เล็กน้อย เอาเถอะ ถือว่าหยวนๆไปก็แล้วกันว่าเจ้าเรียนรู้กระบวนท่าคมมีดพันขนนกได้แล้ว”
“เจ้าเพิ่งเห็นข้าแสดงเพลงกระบี่เพียงครั้งเดียวก็ทำได้สำเร็จ
นับว่าได้สักสามคะแนนก็แล้ว... ส่วนความเข้าใจและพรสวรรค์โดยธรรมชาติของเจ้าก็งั้นๆ
พอถูไถกว่าศิษย์คนอื่นๆ !”
ถึงแม้เซี่ยงหวู่จี้จะกล่าวเช่นนี้
แต่ลึกๆแล้วเขาค่อนข้างพอใจในตัวจี้เทียนซิงมาก
เขาตระหนักว่าจี้เทียนซิงสามารถเรียนรู้คมมีดพันขนนกได้จากการมองเพียงครั้งเดียว
ซึ่งพรสวรรค์เหล่านี้หาได้ยากยิ่งจากบรรดาศิษย์นับพันของนิกายพันธมิตรสวรรค์
นอกจากนี้โดยปกติแล้วเซี่ยงหวู่จี้ก็ไม่ค่อยกล่าวชมผู้ใดมากนัก
จี้เทียนซิงที่ได้รับคำชมว่า
‘งั้นๆ’ จากปากของเซี่ยงหวู่จี้
เรียกได้ว่าเหนือล้ำกว่าศิษย์สาวกของนิกายพันธมิตรสวรรค์ส่วนใหญ่เลยทีเดียว
เซี่ยงหวู่จี้ยกคิ้วขึ้นและกล่าวอย่างเฉยเมยว่า
“เอาล่ะ งั้นก็ร่ายกระบวนท่าที่สองต่อเลย”
“วายุอัสนีกระหน่ำก็จะคล้ายคลึงกับคมมีดพันขนนก
แต่มันล้ำลึกยิ่งกว่า”
จี้เทียนซิงก็เข้าใจในจุดนี้เช่นกัน
เขาผงกศีรษะและมีสีหน้าจริงจังขึ้นอีกไม่น้อย
หลังจากหายใจเข้าลึกๆเขาก็ระดมปราณกระบี่
“เช้ง เช้ง !”
ปราณกระบี่ทองคำสามสายกลายเป็นสอง
และเปลี่ยนรูปร่างจากขนาดเท่า ‘ไม้จิ้มฟัน’ ไปเป็น ‘มีดสั้น’
“วายุอัสนีกระหน่ำ !”
จี่เทียนซิงโคจรเคล็ดวิชาด้วยมือทั้งสองข้างในทันทีและกระแทกปราณกระบี่ทั้งสองเล่มไปเบื้องหน้า
“ฟิ้ว ฟิ้ว
!”
พวกมันบินออกไปสามเมตรทั้งซ้ายและขวา
จากนั้นก็ระเบิดขุมพลังอันรุนแรงออกมากระแทกลงบนพื้นดิน
"ปัง !"
บังเกิดเสียงทื่อดังขึ้น แสงกระบี่สีทองหลอมรวมกันด้วยสายลมอันรุนแรง และปรากฏเป็นเส้นสายของอัสนีที่ยาวเท่ากับตะเกียบตกกระทบลงมาบนพื้นหินอย่างรุนแรง
พื้นหินสีน้ำเงินที่แข็งแรงเกิดรอยปริแตกยาวครึ่งเมตรและทำให้เศษหินเล็กๆกระเด็นหลุดออกมา
หลังจากแสดงกระบวนท่าวายุอัสนีกระหน่ำเสร็จ
จี้เทียนซิงก็ชักนำปราณกระบี่สองเล่มกลับเข้าร่าง
เมื่อก้มลงมองไปที่รอยแตกยาวครึ่งเมตรบนพื้นเขาก็เกาหัวแกร่กๆ
เนื่องจากเส้นสายอัสนีที่เซี่ยงหวู่จี้ใช้ออกนั้นระเบิดพื้นหินจนเป็นหลุมกว้างสามเมตร
แต่สายฟ้าจากปราณกระบี่ของเขานั้นมีขนาดเล็กมากและทำให้เกิดรอยแตกเพียงเล็กน้อย
ช่องว่างระหว่างเขากับเซี่ยงหวู่จี้นั้นห่างชั้นกันอย่างน้อยๆก็สองสามเท่า
!
“วายุอัสนีกระหน่ำของตาแก่เหม็นสามารถก่อรูปสายฟ้าที่ผ่าลงมาจนพื้นดินและตำหนักยังต้องสั่นสะเทือน”
“พลังของเขาราวกับเป็นสายฟ้าจากท้องนภาที่แท้จริง
ส่วนของข้านั้นยังกับปลาไหลไฟฟ้าที่ป่วยเป็นโรค....”
“เฮ้อ...
ไม่รู้ว่าต้องฝึกหนักอีกกี่ปีถึงจะเทียบเท่าตาแก่เหม็นผู้นี้ได้”
จี้เทียนซิงทอดถอนใจและบ่นพึมพำกับตัวเอง
จากนั้นก็เดินกลับไปหาเซี่ยงหวู่จี้ที่ใต้ชายคาด้วยอารมณ์ที่หนักอึ้งพลางกล่าวอย่างหดหู่ว่า
“ผู้อาวุโส
เคล็ดวายุอัสนีกระหน่ำที่ข้าสำแดงเมื่อครู่นี้.... นับว่าผ่านไหม ?”
เซี่ยงหวู่จี้หันหน้าไปจ้องมองอีกฝ่ายและกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า
“ผ่านมารดาเจ้าสิ ! เจ้าไม่เห็นขนาดและรูปร่างของมันหรือไง ? ใช้ออกมาเองแท้ๆ !”
“วายุอัสนีกระหน่ำที่ข้าใช้นั้นราวกับสายฟ้าจากท้องนภา
ส่วนของเจ้ามันเหมือนกับลมตดชัดๆ !”
“เอ่อ...... ” จี้เทียนซิงหน้าแดงก่ำและทำได้เพียงยิ้มแห้งๆแก้เก้อเท่านั้น
“เหอะ ! เซี่ยงหวู่จี้แค่นเสียงเย็น
จากนั้นก็เก็บสีหน้าเย้ยหยันกลับไปและกล่าวอย่างสบายๆว่า “แต่เอาเถอะ อย่างน้อยเจ้าก็ยังเรียกลมตดออกมาได้
นับว่าเจ้าสำเร็จแล้ว หากเทียบกับซวนซวนน้อยยังนับดีกว่ามาก
นางฝึกกับข้าสามครั้งยังเรียกลมตดออกมาไม่ได้อย่างเจ้า”
แม้ว่าเซี่ยงหวู่จี้จะใช้คำว่าลมตดอยู่บ่อยๆเพื่อชมจี้เทียนซิงอ้อมๆ
แต่ความสนใจของชายหนุ่มกลับไม่ได้อยู่ในประเด็นนี้อีกแล้วเมื่อเซี่ยงหวู่จี้กล่าวถึงซวนซวน
เขาถามว่า
“ผู้อาวุโส ท่านเป็นอาจารย์ปู่ของซวนซวนงั้นหรือ ?”
“ถูกต้อง พูดแล้วเรื่องมันยาว......” เซี่ยงหวู่จี้ตอบจากจิตใต้สำนึก
แต่กล่าวไปได้ครึ่งหนึ่งก็หยุดพูด
เขาหันเหหัวเรื่องและจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงด้วยสีหน้าขุ่นเคืองพลางกล่าวว่า
“ว่าแต่เจ้าเถอะ
สารเลวน้อย เจ้ารังแกนางหรือเปล่า ?”
“แค่กๆ …ไม่
ไม่อย่างแน่นอน!” จี้เทียนซิงโบกไม้โบกมือซ้ำแล้วซ้ำอีกและกล่าวยืนยัน
“ก็ดี เอาล่ะ กลับเข้าเรื่อง” เซี่ยงหวู่จี้ขมวดคิ้วและกล่าวต่อไปว่า “ถึงแม้ว่าเจ้าจะสำเร็จสองกระบวนท่าแรก
แต่เจ้าก็ต้องหมั่นฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของมัน”
“เมื่อใดที่เจ้าสำแดงสองกระบวนท่านี้ในเขตแดนที่สูงกว่าได้
ข้าจะสอนกระบวนท่าอื่นๆให้”
จี้เทียนซิงโค้งคำนับอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่สอนสั่ง ผู้เยาว์ซาบซึ้งมาก !”
เซี่ยงหวู่จี้จ้องมองชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวอย่างเจ้าเล่ห์ว่า
“เหอๆ แค่ขอบคุณมันไม่พอหรอกไอ้หนู !”
“อืม... เอาแบบนี้เป็นไง
เจ้าออกจากหอยุทธ์ฟงอวิ๋นตั้งแต่พรุ่งนี้และย้ายมาอยู่ในตำหนักไท่อัน
ทำความสะอาดห้องหับและดูแลสมุนไพรให้ข้าทุกวัน…”
โดยไม่รอให้ตาเฒ่าพูดจบ
จี้เทียนซิงหน้าซีดเผือดและรีบชี้ไปบนท้องฟ้าพลางกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ผะ... ผู้อาวุโส ฟ้ามืดแล้ว ข้าต้องรีบกลับหอยุทธ์
ท่านแก่แล้วก็ควรจะพักผ่อนแต่หัวค่ำนะ ข้าไปล่ะ !”
หลังจากนั้นจี้เทียนซิงก็วิ่งหนีจากไปด้วยความเร็วสุดชีวิต
เซี่ยงหวู่จี้มองไปที่ด้านหลังที่กำลังวิ่งหนีไปของชายหนุ่มและมีรอยยิ้มผุดขึ้น
“จิ๊ๆๆ
ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณเลยนะเจ้าสารเลวน้อย ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากน้อยแค่ไหนที่ใฝ่ฝันจะได้มาอยู่ใกล้ๆข้า
แต่เจ้ากลับวิ่งหนีเสียนี่ !”
“หากมิใช่เพราะปราณกระบี่ของเจ้าคล้ายคลึงกับเทพกระบี่.... ตาแก่ผู้นี้ก็คร้านจะเสียเวลาดูแลเจ้า”
*ระดับพลังที่ปรากฏตอนนี้*
1.เขตแดนปรับแต่งกายา
2.เขตแดนต้นกำเนิดแท้จริง [真元境] ขอแก้เป็น เขตแดนปราณแท้
3.เขตแดนแก่นกำเนิด
[元丹境] ขอแก้เป็น เขตแดนปราณจิต
4.เขตแดนปราณฟ้า [天元境]
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved