ตอนที่ 297

หัตถ์เปลวอัคคีสำแดงเดช

!

ฉู่เทียนเซิงก็จ้องมองจี้เทียนซิง

เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและเพ่งมองอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำอีก

ศิษย์สาวกสามัญทั่วย่อมไม่สามารถมองเห็นร่องรอยนี้ได้

แต่เขาเป็นถึงยอดยุทธ์ระดับปราณฟ้า

เขาเห็นได้ชัดเจนว่าพลังฝีมือของจี้เทียนซิงได้ล่วงมาถึงขอบเขตปราณจิตขั้นที่ห้าแล้ว

!

ส่วนลึกในดวงตาของเขาส่องประกายด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยและใบหน้าที่สง่างามของเขาก็สว่างจ้าขึ้น

เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวอีกฝ่าย

ในที่สุดผู้คนก็มารวมตัวกัน

การจัดอันดับรายชื่อสวรรค์กำลังจะเริ่มขึ้น

ฉู่เทียนเซิงนั่งอยู่บนบัลลังก์และมองลงไปที่ฝูงชนอย่างเคร่งขรึมพลางกล่าวว่า

“วันนี้นับเป็นวันสำคัญประจำปีอันยิ่งใหญ่ของนิกาย…”

คำพูดของเขาเป็นคำปราศรัยทั่วไป

น้ำเสียงที่ดังกังวาลของเขาได้เอ่ยถึงความยิ่งใหญ่และความสำคัญของการจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์

หลังจากพูดจบ

เขากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “การจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์ครั้งนี้ยังคงปฏิบัติตามปกติ

ซึ่งเจ้าภาพก็คือผู้อาวุโสของนิกายเย่หง”

เย่หงแทรกตัวเดินออกจากฝูงชนทันทีและโค้งคำนับไปที่ฉู่เทียนเซิง

“คารวะท่านประมุข”

ต่อมาเย่หงก็เดินไปเหยียบบนเวทีกลางจัตุรัสและประกาศเสียงดัง

“ข้าเชื่อว่าทุกคนย่อมทราบดีว่ารายชื่อขั้นสวรรค์ในวันนี้ยิ่งใหญ่และแตกต่างจากปีก่อนๆ

ก่อนจะเริ่มต้นการจัดอันดับ มีศิษย์ฝ่ายในสองคนได้ปฏิบัติตามกฎของนิกายในการประกาศท้าประลองเพื่อแก้ไขปัญหาความบาดหมางส่วนตัว”

“กฎนี้เป็นกรณีที่เคยเกิดขึ้นอยู่เสมอ

ทางผู้อาวุโสไม่เคยแทรกแซงข้อพิพาทส่วนตัวระหว่างศิษย์

หากมิอาจตกลงกันจะต้องว่ากันไปตามกฎของนิกาย”

“การต่อสู้ครั้งนี้ทุกคนในสถานที่นี้จะเป็นสักขีพยานให้แก่จี้เทียนซิงและไป๋หวู่เชิน

ตามข้อตกลงของพวกเขาทั้งสอง ผู้แพ้จะต้องลดตัวไปเป็นศิษย์รับใช้ของอีกฝ่ายเป็นเวลาหนึ่งปี”

“ได้เวลาแล้ว

หากทั้งสองฝ่ายไม่มีข้อคัดค้านใดๆก็ขึ้นมาบนเวทีและเริ่มการประลองได้ !”

เมื่อเสียงของเย่หงลดลง

ไป๋หวู่เชินก็เป็นฝ่ายเดินนำออกมาจากฝูงชน

เขาจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยสีหน้ามั่นใจและเลียริมฝีปากอย่างลับๆด้วยท่าทีเย้ยหยัน

จี้เทียนซิงไม่ใส่ใจ

เขาเพิกเฉยต่อการยั่วยุของอีกฝ่ายและเดินตามหลังไปขึ้นเวที

ทั้งสองยืนอยู่ในวงแหวนของเวทีและอยู่ห่างกัน

10 เมตร

ไป๋หวู่เชินหลิ่วตาไปที่จี้เทียนซิงและกล่าวด้วยเสียงต่ำกว่า

“ศิษย์น้องจี้

ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมพร้อมเป็นคนใช้ตำหนักข้าแล้วสินะ !”

“ขอร้องสิ

ร้องขอชีวิตข้าซี่ ! ตราบใดที่เจ้าคุกเข่าร้องขอความเมตตาต่อหน้าทุกคน

ข้าจะให้เจ้าแพ้อย่างไม่อดสู ... ”

จี้เทียนซิงหรี่ตามองอีกฝ่ายพลางถามด้วยเสียงเย็นชา

“ไป๋หวู่เชิน เจ้าคิดว่าจะรับมือข้าได้สักกี่กระบวนท่า

?”

สีหน้าท่าทาง

น้ำเสียง

ตลอดจนการแสดงออกของจี้เทียนซิงนั้นมิได้แสดงออกถึงความเย่อหยิ่งจองหองหรือยั่วยุแม้แต่น้อย

มันราวกับว่าเขากำลังถามคำถามอย่างจริงจัง

ใบหน้าของไป๋หวู่เชินเปลี่ยนไป

คนคำรามออกมาด้วยความโกรธว่า “บัดซบ !  ข้าต่างหากที่ควรจะถามคำนี้กับเจ้า

!”

จี้เทียนซิงยังคงสงบและไม่แยแส

เขากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังว่า “ไป๋หวู่เชิน

หากเจ้ารับมือข้าได้สามท่า ข้าจะถือว่าเจ้าชนะ”

ทันทีที่ประโยคนี้กล่าวออกมา

สีหน้าของไป๋หวู่เชินก็บิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธกริ้ว

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย โทสะพลันปะทุซ่านขึ้นอย่างมิอาจควบคุมได้

“จี้เทียนซิง !

ข้าจะให้เจ้าได้รู้ซึ้งถึงความยิ่งใหญ่ของสวรรค์และปฐพี ด้วยความแข็งแกร่งเพียงน้อยนิดของเจ้าตอนนี้กลับตีฝีปากกล้าต่อข้างั้นหรือ

?”

เขาไม่อยากเชื่อว่าจี้เทียนซิงจะบ้าคลั่งถึงกล้าท้าทายเขาด้วยเรื่องไร้สาระเช่นนี้ต่อหน้าสาธารณะชน

นี่มันช่างเหิมเกริมเกินไปแล้ว

!

นี่คือการเหยียดหยามอย่างที่สุด

มันคือความอัปยศต่อเขาโดยตรง !

ผู้อาวุโสและผู้ดูแลที่อยู่รอบเวทีต่างได้ยินคำพูดของจี้เทียนซิงเต็มสองรูหู

พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

มีคนเข้าใจว่าฟังผิดไป

มีบางคนคิดว่าจี้เทียนซิงโอหังเกินไป

หลายๆคนมองจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าเวทนาเย้ยหยันต่อความไร้เดียงสา

คนกลุ่มนั้นรู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นบ้าไปแล้วซึ่งมันจะทำให้ไป๋หวู่เชินมีโทสะจนต้องลงมือหนักถึงขั้นพิการเป็นแน่

ในเวลานี้เองผู้อาวุโสเย่หงผู้ควบคุมการประลองพลันเอ่ยปากถามว่า

“จี้เทียนซิง

คำพูดของเจ้าเมื่อครู่นี้นับรวมในเดิมพันด้วยใช่หรือไม่ ?”

จี้เทียนซิงไม่ตอบคำ

เขาเพียงพยักหน้าอย่างไร้อารมณ์

ทันใดนั้นเหล่าศิษย์ในนิกายหลายร้อยคนในจัตุรัสก็ตกตะลึงและแสดงออกด้วยสีหน้าตกใจ

ผู้อาวุโสและผู้ดูแลหลายคนอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ

พวกเขาจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม

ทุกคนไม่อาจปักเชื่อได้ลง

ประโยคของเขาเมื่อครู่นี้กล่าวขึ้นมาจริงๆมิใช่การล้อเล่น !

ตั้งเมื่อไหร่กันที่ไป๋หวู่เชินถูกศิษย์น้องที่เพิ่งเข้านิกายไม่กี่เดือน

ดูหมิ่นหยามเกียรติขนาดนี้ ?

เขาโกรธจนใบหน้าบิดเบี้ยวดำทะมึน

แต่เขาก็พยายามหักห้ามใจไม่ให้โกรธแค้นจนเสียสมาธิในการต่อสู้

"ดี! ดีมาก!

จี้เทียนซิง เป็นเจ้าเองนะที่รนหาที่ !”

เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพลันกล่าวเย้ยว่า

“ข้าก็อยากเห็นนักเชียวว่าเจ้าจะล้มข้าได้อย่างไรในสามกระบวนท่า

! เข้ามา !!”

สิ้นเสียงท้าทายของไป๋หวู่เชิน

ผู้อาวุโสเย่หงก็วาดฝ่ามือออกมาเป็นข่ายปราณป้องกันอันยิ่งใหญ่ขึ้น

ม่านปราการสีเหลืองกว้างกว่า

100 เมตรล้อมรอบไปทั่วทั้งเวทีและแยกมันออกจากจัตุรัส

มีเพียงจี้เทียนซิงและไป๋หวู่เชินเท่านั้นที่อยู่ในม่านปราการสีเหลืองทรงกลม

หากพวกเขามิได้มีพลังถึงขั้นทำลายจันทร์ดับดารา

รับรองว่ารัศมีพลังใดๆก็มิอาจเล็ดรอดออกมาส่งผลกระทบต่อผู้ชมรอบนอก

เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ

เย่หงก็ประกาศสียงดังว่า “ข้าขอประกาศว่า การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้ !”

ขวับ  ขวับ

ขวับ  !!

ในขณะที่เสียงของเย่หงลดลง

ไป๋หวู่เชินผู้ซึ่งเดือดดาลและเก็บกดถึงขีดสุดก็ได้ชักกระบี่ออกมาด้วยความเร็วสูงสุดและฟาดฟันออกไปเป็นคลื่นกระบี่ส่องสว่างกว่าสามสิบหกสายในทุกทิศทาง

เปิดฉากโจมตีจี้เทียนซิงอย่างฉับพลัน !

นี่คือวิชากระบี่ของไป๋หวู่เชินที่เป็นเลื่องลือ

เพลงกระบี่ระดับล้ำลึกขั้นสุดยอด, สามสิบหกกระบี่ดาวไถ

เขาปะทุพลังปราณที่อัดแน่นออกมาก่อเกิดเป็นคลื่นกระบี่เรืองแสงที่เร็วประดุจสายฟ้าที่แลบผ่าท้องนภามาสู่ดิน

ภายในรัศมีสิบเมตร

มันถูกปกคลุมไปด้วยรังสีกระบี่ทั้งสามสิบหกเส้นทางในทันที มันกลายเป็นแดนมรณะ

คลื่นกระบี่ทุกสายชี้เป้าไปที่จุดตายของจี้เทียนซิง

มันคือวิชาพิฆาตให้ถึงตาย

เมื่อเห็นฉากนี้

ศิษย์หลายร้อยคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึก ใจเต้นกระตุ้นด้วยความหวาดผวา

ดวงตากลายเป็นพร่าเลือนด้วยแสงกระบี่ทั่วทุกทิศทาง

ทุกคนอยากรู้ว่าจี้เทียนซิงจะตอบสนองต่อคลื่นกระบี่คลุมฟ้านี้อย่างไร

? เขาจะสามารถหลบหนีจากกระบวนท่าสังหารของไป๋หวู่เชินได้หรือไม่

?

โดยไม่มีผู้ใดคาดคิด  แต่จี้เทียนซิงยังคงนิ่งเฉย

คนแหงนหน้ามองกระบวนท่าสังหารอันเกรี้ยวกราดทรงพลังด้วยสีหน้าเฉยชา

เขาไม่เพียงแค่ไม่คิดจะล่าถอยเท่านั้น

แม้แต่กระบี่หรืออาวุธก็ยังไม่ชักออกมาด้วยซ้ำ

ฟุ่บ !

ทันใดนั้น

ชายหนุ่มพลันยกมือซ้ายขึ้นด้วยท่วงท่าสง่างาม

มั่นคงดั่งภูผาแต่ก็ดูไม่เหมือนจะตอบโต้การโจมตีของไป๋หวู่เชินได้แม้แต่น้อย

เมื่อถึงจุดนี้

ทุกคนในจัตุรัสเผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและแสดงออกอย่างไม่อยากเชื่อ  พวกเขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี  บางส่วนส่งเสียงหัวเราะและแสดงออกอย่างดูหมิ่นดูแคลน

“นี่มันบ้าไปแล้ว ? มันคิดจะรับมือกับไม้ตายของศิษย์พี่ไป๋ด้วยมือเปล่างั้นหรือ

?”

“เขาไม่ได้ชักอาวุธออกมาด้วยซ้ำ ? นี่มันจองหองเกินไปหรือเปล่า ?”

“เหอะๆ คราวนี้จี้เทียนซิงไม่ตายก็พิการแล้ว

ไม่เจียมกะลาหัวเสียจริง !”

“เพ้ย ! สารเลวตัวนี้ช่างบ้าดีเดือดเหลือเกิน

สุดท้ายก็ท่าดีทีเหลว !”

ในใจของทุกคนเต็มไปด้วยความคิดต่างๆนาๆมากมาย

แต่ทว่า

มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่พบว่าแขนซ้ายและฝ่ามือซ้ายทั้งข้างของจี้เทียนซิงนั้นได้กลายเป็นสีแดงเถือก

มันแดงราวกับการก่อตัวของแมกมาอันร้อนระอุ !

ด้วยฝ่ามือที่ดูหนักอึ้งราวกับขุนเขา

ทั่วรัศมีร้อยเมตรรูปวงแหวนพลันกลายเป็นร้อนแรงขึ้นอย่างยิ่งยวด

มันราวกับว่าอากาศโดยรอบกำลังถูกเผาไหม้

หัตถ์เพลิงข้างหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้าจากอากาศที่เบาบางในฉับพลัน

สูงกว่าร้อยเมตรขึ้นไป

ฝ่ามือยักษ์ที่ลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรงกินรัศมี

20 เมตรซึ่งเกิดขึ้นจากการควบแน่นอันทรงพลังของเปลวอัคคีสีแดงเถือก

มันตกลงมาประดุจดาวตกและฟาดเข้าหาไป๋หวู่เชินอย่างโหดเหี้ยม

ในขณะนั้นเอง

เวทีขนาดใหญ่ส่องสว่างไปด้วยเปลวไฟอันร้อนรุ่ม ราวกับว่ามีดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งดวง

!

ศิษย์สาวกหลายร้อยคนรู้สึกร้อนลวกอย่างผิดปกติ

พวกเขาอดไม่ได้ที่จะแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ทันใดนั้น

สายตาทุกคู่ที่ได้เห็นหัตถ์เพลิงขนาดมหึมาที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยสีหน้าสยดสยอง

ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ

ไป๋หวู่เชินตะลึงงัน

คนเหม่อมองไปที่ฝ่ามือยักษ์ที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงสีแดงชาด

รูม่านตาของเขาหดวูบเหลือเท่าเข็ม ใบหน้าแสดงความตื่นตระหนกและสิ้นหวังออกมา

เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ด้วยความแข็งแกร่งของจี้เทียนซิง

เหตุใดถึงได้ปะทุการโจมตีที่น่ากลัวเยี่ยงนี้ออกมาได้ ?

ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตปราณจิต

ไฉนถึงได้น่ากลัวขนาดนี้ ?

ในขณะที่ความคิดเหล่านี้ประดังอยู่ในหัว

หัตถ์เพลิงข้างนั้นพลันตกลงมาจากท้องฟ้ากดทับร่างของเขาในพริบตา

“บรึ้ม  !!!!!”

เสียงกัมปนาทดังกึกก้องไปทั่วจัตุรัส

พื้นแผ่นดินสั่นสะเทือนอึกทึกคึกโครม ทันใดนั้นก็เกิดระเบิดเพลิงขึ้นในจตุรัสกระจายไปทั่วในทันที

ม่านปราการกว้างร้อยเมตรเต็มไปด้วยกองเพลิงจากฝากฟ้า

ภายในข่ายปราณก่อเกิดเป็นลูกบอลทะเลเพลิงสีแดงที่ไม่อาจมองเห็นสภาพภายในได้แม้แต่น้อย

ทั่วทั้งจัตุรัสสั่นไหวอย่างรุนแรง

มันสั่นสะเทือนหลายสิบครั้งติดต่อกันแล้วค่อยๆสงบลง