ตอนที่ 196

การปะทะกันของศิษย์ฝ่ายนอกที่แข็งแกร่งที่สุด

!

บนเวทีมังกรจันทร์

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบงันเป็นเวลานาน

เหล่าศิษย์นิกายกระบี่ฟ้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น, ความไม่ยินยอมในขณะที่จ้องมองจี้เทียนซิง ส่วนนิกายพันธมิตรสวรรค์กลับเปี่ยมล้นไปด้วยความชื่นมื่นยินดีในชัยชนะอันง่ายดายของจี้เทียนซิง

ครู่ต่อมาชูไฮว่ซานก็ประกาศผลการประลอง

“รอบที่สองนิกายพันธมิตรสวรรค์เป็นฝ่ายชนะ !”

“ต่อไปขอให้ทั้งสองฝ่ายเตรียมพร้อมสำหรับการประลองรอบที่สาม”

การต่อสู้ครั้งที่สามเป็นการประลองรอบสุดท้ายและจะเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินผลลัพธ์

ในขณะเดียวกันนี่ก็เป็นการต่อสู้ระหว่างศิษย์ฝ่ายนอกที่แข็งแกร่งที่สุดของทั้งสองนิกายอีกด้วย

!

จี้เทียนซิงยังคงยืนรออยู่บนเวทีอย่างสงบเยือกเย็น

ฝูงชนของนิกายกระบี่ฟ้าหันไปมองฮั่งเชินที่แบกกระบี่หนักด้วยสีหน้าเย็นชาและเต็มไปด้วยจิตสังหาร

ก่อนหน้านี้มันเมินหน้าจี้เทียนซิงและไม่เคยเห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา อย่างไรก็ตามเมื่อมันได้เห็นพลังกระบี่อันน่าทึ่งของอีกฝ่ายแล้ว มันก็สลัดความคิดเดิมในทันที

บัดนี้มันถือว่าจี้เทียนซิงเป็นศัตรูที่ต้องตัดสินเป็นตายกันเสียแล้ว

“ตึง ... !”

ฮั่งเชินไม่ได้เดินขึ้นเวทีแต่มันกระทืบเท้าอย่างหนักลงบนพื้นจนเกิดเสียงดังสนั่น

มันมาหยุดอยู่ตรงหน้าจี้เทียนซิงห่างไปสิบเมตรพลางจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเฉื่อยชา

“ศิษย์น้องจี้

ข้าไม่คิดฝันเลยว่าเจ้าจะงำประกายขนาดนี้ เจ้าเก็บซ่อนพลังฝีมือได้ลึกซึ้งมาก

มิหนำซ้ำยังมีเพลงกระบี่อันน่าทึ่งเมื่อครู่นั้นอีก”

“แต่ไม่ว่าเพลงกระบี่ของเจ้าจะทรงพลังแค่ไหน

เจ้าก็มีพลังบ่มเพาะแค่ปราณจิตขั้นแรกเท่านั้น

เจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าแน่นอน !”

“เมื่อต้องมาวัดกับข้า

ชะตากรรมของเจ้าจะน่าสังเวชยิ่ง !”

“อย่างไรเสีย ข้าจะให้โอกาสต้นกล้าที่ดีอย่างเจ้า

จะยอมแพ้ก็รีบเอ่ยปากซะก่อนที่จะเจ็บตัว มิฉะนั้น…อย่าโทษว่าข้าโหดเหี้ยมอำมหิต !”

น้ำเสียงของฮั่งเชินสงบเยือกเย็น

ดวงตาเต็มปรี่ไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ

ในฐานะจอมยุทธ์อัจฉริยะ

มันมีทั้งความมั่นใจและความโอหังตามธรรมชาติ

ถึงแม้จี้เทียนซิงเพิ่งสำแดงฝีมือที่น่าอัศจรรย์เพียงใด

มันก็ยังมั่นใจว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมาจะไม่เปลี่ยนแปลง ชัยชนะจะต้องตกเป็นของมัน

!

ปราณจิตขั้นแรกคิดจะล้มปราณจิตขั้นห้า

?  นี่เป็นเพียงความฝันเฟื่องอันเพ้อเจ้อและมีอยู่เพียงในเทพนิยายเท่านั้น

!

จี้เทียนซิงมองฮั่งเชินอย่างสงบและกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า

“ข้าเชื่อมั่นในความมานะพยายามและในพจนานุกรมของข้าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

!”

“ฮั่งเชิน ข้าจะเอาชนะเจ้าในการต่อสู้ครั้งนี้

ภูเขามังกรจะต้องตกเป็นของนิกายพันธมิตรสวรรค์ !”

ถึงแม้ฮั่งเชินจะเย่อหยิ่งมั่นใจ

แต่จี้เทียนซิงก็ไม่น้อยหน้าและมั่นใจเช่นกัน

หลังจากได้ยินคำประกาศของจี้เทียนซิง

ฮั่งเชินก็เอื้อมมือแตะด้ามกระบี่พิฆาตสุริยันที่อยู่ด้านหลังพลางแสยะยิ้มกล่าวว่า

“ในเมื่อศิษย์น้องจี้มั่นใจมากเช่นนี้ก็แสดงว่าพร้อมแล้ว”

“ขอเตือนอีกครั้ง

กระชับชุดเกราะของเจ้าให้ดีแล้วมาดูกันซิว่าข้าจะสับเจ้าเป็นแปดชิ้นได้ไหม !”

ตูม

!!

กล่าวจบฮั่งเชินก็กุมกระบี่พิฆาตสุริยันไว้ด้วยสองมือ

ปราณโลหิตสังหารปะทุซ่านทั่วร่างจนผิวหนังของมันกลายเป็นสีแดงก่ำและมีสีหน้าดุดันขึ้นเรื่อยๆ

เลือดในกายเดือดพล่านและระเบิดออกดั่งสายฟ้าอัสนีปะทุ

พลังอันน่าสะพรึงกลัวค่อยๆสะสมพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันกำลังเปิดใช้งานสายเลือดกระบี่ยุทธ์ที่เป็นพรสวรรค์โดยกำเนิดของมัน

ด้วยพลังประเภทนี้ผู้ใช้งานจะเริ่มบ้าคลั่งกระหายเลือดและทำให้พลังรบเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

!

เมื่อได้เห็นภาพนี้เหล่าคนของนิกายกระบี่ฟ้าก็ลอบกำหมัดแน่นและตั้งตารอคอยภาพที่ฮั่งเชินกดจี้เทียนซิงไว้แทบเท้า

!

ศิษย์หลายคนโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นและให้กำลังใจฮั่งเชินอย่างเนืองแน่น

“ฮั่งเชิน ปลดปล่อยจิตสังหารของเจ้าออกมา !”

“ลุยเลย

ให้เจ้าพวกเศษสวะนิกายพันธมิตรสวรรค์หงายเงิบต่อพลังสายเลือดกระบี่ยุทธ์ของเจ้าซะ !”

“ฮั่งเชินต้องชนะ ! นิกายกระบี่ฟ้าต้องชนะ

!”

เหล่าศิษย์นิกายพันธมิตรสวรรค์ที่ได้เห็นร่างกายของฮั่งเชินปะทุพลังออกมาก็เริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียด

หลายๆคนเบิกตากว้างและจ้องมองไปที่ฮั่งเชินสลับกับจี้เทียนซิง

แววตาเต็มไปด้วยความกังวล

แม้กระทั่งฮั่นเฉียวเซิง

ชูไฮว่ซานและอาวุโสคนอื่นก็ขมวดคิ้วแน่น ในใจเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มกังวล

ในมุมมองของพวกมัน

ฮั่งเชินมีพลังระดับปราณจิตขั้นห้าแต่เมื่ออีกฝ่ายใช้พลังสายเลือดกระบี่ยุทธ์เข้าหนุนเสริมก็ทำให้พลังรบโดยรวมทะยานเกือบจะแตะระดับปราณจิตขั้นที่หก

!

หากหันมามองจี้เทียนซิง

ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งยอดเยี่ยมเพียงใดก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะผู้ที่มีพลังเหนือกว่าถึงห้าระดับ

!

นั่นมิใช่ปาฏิหาริย์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกต่อไป

หากเป็นจริงก็คือความฝันอันเพ้อเจ้อเท่านั้น !

ในเวลาเดียวกัน

การเกร็งพลังของฮั่งเชินก็มาถึงขีดสุด

จิตสังหารก่อเกิดเป็นชั้นพลังปราณสีชมพูบางๆห้อมล้อมไปทั่วร่าง

ดวงตาของมันก็กลายเป็นสีแดงเข้มและจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงพลางคำรามเสียงต่ำว่า

“จี้เทียนซิง

จงตายให้ข้า !”

เพลงกระบี่โลหิตคลั่ง !

สับเมฆาพินาศสิ้น !

ฮั่งเชินกุมกระบี่พิฆาตสุริยันไว้ด้วยสองมือและเหวี่ยงออกไปด้วยปราณโลหิตสังหาร

มันพุ่งเข้าใส่จี้เทียนซิงราวกับสัตว์ป่ากระหายเลือดก่อเกิดเป็นคลื่นกระบี่ยักษ์สีแดงชาดสองสาย

“ฉัวะ  ฉัวะ  !”

คลื่นกระบี่ยักษ์ยาวสองเมตรและกว้างเท่าโต๊ะ

รูปลักษณ์ของมันเป็นสีแดงเลือดและโอบหุ้มไปด้วยบรรยากาศกระหายเลือด

พลังทำลายของมันนั้นทั้งรุนแรงและทรงพลังมาก

สองกระบี่

หนึ่งซ้ายหนึ่งขวาและพุ่งเข้าหาจี้เทียนซิงด้วยความรวดเร็ว

เมื่อได้เห็นภาพนี้เหล่าศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“กลายเป็นว่าศิษย์พี่ฮั่งเชินใช้เพลงกระบี่โลหิตคลั่ง

?  นี่เขาเอาจริงเอาจังถึงขั้นใช้เพลงกระบี่นี้เลยหรือ

!”

“ฮั่งเชินไม่ได้ใช้เพลงกระบี่เจ็ดสังหาร

แต่ใช้เพลงกระบี่โลหิตคลั่งโดยตรง ดูเหมือนเขาต้องการจบการต่อสู้โดยเร็ว !”

“พนันได้เลยว่าจี้เทียนซิงเละแน่เมื่อเจอกับเพลงกระบี่ชุดนี้ของฮั่งเชิน

!”

“ฮ่าๆๆ พวกเจ้าดูนั่นสิ

จี้เทียนซิงยังยืนนิ่งต่อไอสังหารของฮั่งเชินอยู่เลย

มิใช่ว่ากลัวจนช็อคแข้งขาสั่นไปหมดแล้วหรอกหรือ ?!”

เหล่าศิษย์นิกายกระบี่ฟ้าเห็นว่าจี้เทียนซิงยืนนิ่งไม่ไหวติงจึงคิดว่าอีกฝ่ายกลัวจนก้าวขาไม่ออก

ทว่าหลังจากนั้นภาพที่ตระการตายิ่งกว่าก็ได้เกิดขึ้น

เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ดุเดือดของฮั่งเชิน

จี้เทียนซิงไม่เพียงแค่ ‘ไม่’ ยกกระบี่ขึ้นต้านรับเท่านั้นแต่เขายังเก็บกระบี่มังกรดำกลับไปอีกด้วย

เขาคิดเผชิญหน้ากับการโจมตีของฮั่งเชินด้วยมือเปล่า

!?

ผู้คนของนิกายพันธมิตรสวรรค์ที่ได้เห็นภาพนี้ต่างก็แปลกใจและสับสนพวกมันหันไปพูดคุยกันด้วยความร้อนใจ

“นี่.... จี้เทียนซิงคิดจะทำอะไร ? ใช้มือเปล่ารับกระบี่ของฮั่งเชินงั้นหรือ ?!”

“นี่มันช่างไร้สาระเกินไปหรือไม่ ? ไม่ต้องกล่าวว่ามันมีพลังแค่ปราณจิตขั้นแรก

ส่วนอีกฝ่ายปราณจิตขั้นห้า

เพียงระดับบ่มเพาะต่างกันลิบขนาดนี้มันก็ไม่สามารถเอาชนะฮั่งเชินได้ง่ายๆอยู่แล้ว  นี่อะไรของมัน ? เก็บกระบี่กลับไปเสียชิบ

!”

“ก่อนหน้านี้จี้เทียนซิงเอาชนะหยินเฟยหยางได้ด้วยหนึ่งกระบี่

แสดงว่านอกเหนือจากความแข็งแกร่งของมันแล้ว กระบี่ของมันย่อมทรงพลังอย่างมาก

เห็นได้ชัดว่าเป็นศาสตราวุธที่เหนือกว่าระดับล้ำลึก  แล้วมันเก็บกระบี่ไปทำไมนั่น ?”

"นั่นสิ

ข้าก็ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่

มันทิ้งอาวุธขั้นเทพไปสู้กับศัตรูด้วยมือเปล่า !”

เหล่าศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้าเห็นจี้เทียนซิงเก็บกระบี่ไป

พวกมันต่างก็ตกตะลึงอย่างไม่คาดฝัน จากนั้นสีหน้าของพวกมันก็เต็มไปด้วยอาการดูถูกเย้ยหยัน

“ฮ่าๆๆ

ไอ้หมอนั่นสติแตกไปแล้วแหงๆ”

“คิดจะใช้เพลงหมัดวัดกับกระบี่ของฮั่งเชินงั้นหรือ

?

ไข่กระทบหินชัดๆ มันจบแบบศพไม่สวยแน่ !”

“โอ้

หรือเป็นเพราะว่าจี้เทียนซิงรู้ตัวว่ารับกระบี่ของฮั่งเชินไม่ได้และย่อมพ่ายแพ้แน่นอน

มันก็เลยทำเนียนแกล้งยอมแพ้ด้วยมือเปล่า ?”

“เฮอะ ! ก่อนหน้านี้ข้าเห็นมันเอาชนะหยินเฟยหยางมาได้ก็หลงคิดว่ามันพอมีฝีมือติดตัวนิดหน่อย

อย่างน้อยๆคงรับมือฮั่งเชินได้สักสองสามท่า ที่แท้ก็ฟลุ๊ค”

“ดูท่าผลลัพธ์จะออกมาแล้ว

ภูเขามังกรจะยังคงเป็นของนิกายกระบี่ฟ้าเรา !”