การปะทะกันของศิษย์ฝ่ายนอกที่แข็งแกร่งที่สุด
!
บนเวทีมังกรจันทร์
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบงันเป็นเวลานาน
เหล่าศิษย์นิกายกระบี่ฟ้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น, ความไม่ยินยอมในขณะที่จ้องมองจี้เทียนซิง ส่วนนิกายพันธมิตรสวรรค์กลับเปี่ยมล้นไปด้วยความชื่นมื่นยินดีในชัยชนะอันง่ายดายของจี้เทียนซิง
ครู่ต่อมาชูไฮว่ซานก็ประกาศผลการประลอง
“รอบที่สองนิกายพันธมิตรสวรรค์เป็นฝ่ายชนะ !”
“ต่อไปขอให้ทั้งสองฝ่ายเตรียมพร้อมสำหรับการประลองรอบที่สาม”
การต่อสู้ครั้งที่สามเป็นการประลองรอบสุดท้ายและจะเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินผลลัพธ์
ในขณะเดียวกันนี่ก็เป็นการต่อสู้ระหว่างศิษย์ฝ่ายนอกที่แข็งแกร่งที่สุดของทั้งสองนิกายอีกด้วย
!
จี้เทียนซิงยังคงยืนรออยู่บนเวทีอย่างสงบเยือกเย็น
ฝูงชนของนิกายกระบี่ฟ้าหันไปมองฮั่งเชินที่แบกกระบี่หนักด้วยสีหน้าเย็นชาและเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ก่อนหน้านี้มันเมินหน้าจี้เทียนซิงและไม่เคยเห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา อย่างไรก็ตามเมื่อมันได้เห็นพลังกระบี่อันน่าทึ่งของอีกฝ่ายแล้ว มันก็สลัดความคิดเดิมในทันที
บัดนี้มันถือว่าจี้เทียนซิงเป็นศัตรูที่ต้องตัดสินเป็นตายกันเสียแล้ว
“ตึง ... !”
ฮั่งเชินไม่ได้เดินขึ้นเวทีแต่มันกระทืบเท้าอย่างหนักลงบนพื้นจนเกิดเสียงดังสนั่น
มันมาหยุดอยู่ตรงหน้าจี้เทียนซิงห่างไปสิบเมตรพลางจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเฉื่อยชา
“ศิษย์น้องจี้
ข้าไม่คิดฝันเลยว่าเจ้าจะงำประกายขนาดนี้ เจ้าเก็บซ่อนพลังฝีมือได้ลึกซึ้งมาก
มิหนำซ้ำยังมีเพลงกระบี่อันน่าทึ่งเมื่อครู่นั้นอีก”
“แต่ไม่ว่าเพลงกระบี่ของเจ้าจะทรงพลังแค่ไหน
เจ้าก็มีพลังบ่มเพาะแค่ปราณจิตขั้นแรกเท่านั้น
เจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าแน่นอน !”
“เมื่อต้องมาวัดกับข้า
ชะตากรรมของเจ้าจะน่าสังเวชยิ่ง !”
“อย่างไรเสีย ข้าจะให้โอกาสต้นกล้าที่ดีอย่างเจ้า
จะยอมแพ้ก็รีบเอ่ยปากซะก่อนที่จะเจ็บตัว มิฉะนั้น…อย่าโทษว่าข้าโหดเหี้ยมอำมหิต !”
น้ำเสียงของฮั่งเชินสงบเยือกเย็น
ดวงตาเต็มปรี่ไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ
ในฐานะจอมยุทธ์อัจฉริยะ
มันมีทั้งความมั่นใจและความโอหังตามธรรมชาติ
ถึงแม้จี้เทียนซิงเพิ่งสำแดงฝีมือที่น่าอัศจรรย์เพียงใด
มันก็ยังมั่นใจว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมาจะไม่เปลี่ยนแปลง ชัยชนะจะต้องตกเป็นของมัน
!
ปราณจิตขั้นแรกคิดจะล้มปราณจิตขั้นห้า
? นี่เป็นเพียงความฝันเฟื่องอันเพ้อเจ้อและมีอยู่เพียงในเทพนิยายเท่านั้น
!
จี้เทียนซิงมองฮั่งเชินอย่างสงบและกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า
“ข้าเชื่อมั่นในความมานะพยายามและในพจนานุกรมของข้าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
!”
“ฮั่งเชิน ข้าจะเอาชนะเจ้าในการต่อสู้ครั้งนี้
ภูเขามังกรจะต้องตกเป็นของนิกายพันธมิตรสวรรค์ !”
ถึงแม้ฮั่งเชินจะเย่อหยิ่งมั่นใจ
แต่จี้เทียนซิงก็ไม่น้อยหน้าและมั่นใจเช่นกัน
หลังจากได้ยินคำประกาศของจี้เทียนซิง
ฮั่งเชินก็เอื้อมมือแตะด้ามกระบี่พิฆาตสุริยันที่อยู่ด้านหลังพลางแสยะยิ้มกล่าวว่า
“ในเมื่อศิษย์น้องจี้มั่นใจมากเช่นนี้ก็แสดงว่าพร้อมแล้ว”
“ขอเตือนอีกครั้ง
กระชับชุดเกราะของเจ้าให้ดีแล้วมาดูกันซิว่าข้าจะสับเจ้าเป็นแปดชิ้นได้ไหม !”
ตูม
!!
กล่าวจบฮั่งเชินก็กุมกระบี่พิฆาตสุริยันไว้ด้วยสองมือ
ปราณโลหิตสังหารปะทุซ่านทั่วร่างจนผิวหนังของมันกลายเป็นสีแดงก่ำและมีสีหน้าดุดันขึ้นเรื่อยๆ
เลือดในกายเดือดพล่านและระเบิดออกดั่งสายฟ้าอัสนีปะทุ
พลังอันน่าสะพรึงกลัวค่อยๆสะสมพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันกำลังเปิดใช้งานสายเลือดกระบี่ยุทธ์ที่เป็นพรสวรรค์โดยกำเนิดของมัน
ด้วยพลังประเภทนี้ผู้ใช้งานจะเริ่มบ้าคลั่งกระหายเลือดและทำให้พลังรบเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
!
เมื่อได้เห็นภาพนี้เหล่าคนของนิกายกระบี่ฟ้าก็ลอบกำหมัดแน่นและตั้งตารอคอยภาพที่ฮั่งเชินกดจี้เทียนซิงไว้แทบเท้า
!
ศิษย์หลายคนโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นและให้กำลังใจฮั่งเชินอย่างเนืองแน่น
“ฮั่งเชิน ปลดปล่อยจิตสังหารของเจ้าออกมา !”
“ลุยเลย
ให้เจ้าพวกเศษสวะนิกายพันธมิตรสวรรค์หงายเงิบต่อพลังสายเลือดกระบี่ยุทธ์ของเจ้าซะ !”
“ฮั่งเชินต้องชนะ ! นิกายกระบี่ฟ้าต้องชนะ
!”
เหล่าศิษย์นิกายพันธมิตรสวรรค์ที่ได้เห็นร่างกายของฮั่งเชินปะทุพลังออกมาก็เริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียด
หลายๆคนเบิกตากว้างและจ้องมองไปที่ฮั่งเชินสลับกับจี้เทียนซิง
แววตาเต็มไปด้วยความกังวล
แม้กระทั่งฮั่นเฉียวเซิง
ชูไฮว่ซานและอาวุโสคนอื่นก็ขมวดคิ้วแน่น ในใจเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มกังวล
ในมุมมองของพวกมัน
ฮั่งเชินมีพลังระดับปราณจิตขั้นห้าแต่เมื่ออีกฝ่ายใช้พลังสายเลือดกระบี่ยุทธ์เข้าหนุนเสริมก็ทำให้พลังรบโดยรวมทะยานเกือบจะแตะระดับปราณจิตขั้นที่หก
!
หากหันมามองจี้เทียนซิง
ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งยอดเยี่ยมเพียงใดก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะผู้ที่มีพลังเหนือกว่าถึงห้าระดับ
!
นั่นมิใช่ปาฏิหาริย์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกต่อไป
หากเป็นจริงก็คือความฝันอันเพ้อเจ้อเท่านั้น !
ในเวลาเดียวกัน
การเกร็งพลังของฮั่งเชินก็มาถึงขีดสุด
จิตสังหารก่อเกิดเป็นชั้นพลังปราณสีชมพูบางๆห้อมล้อมไปทั่วร่าง
ดวงตาของมันก็กลายเป็นสีแดงเข้มและจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงพลางคำรามเสียงต่ำว่า
“จี้เทียนซิง
จงตายให้ข้า !”
เพลงกระบี่โลหิตคลั่ง !
สับเมฆาพินาศสิ้น !
ฮั่งเชินกุมกระบี่พิฆาตสุริยันไว้ด้วยสองมือและเหวี่ยงออกไปด้วยปราณโลหิตสังหาร
มันพุ่งเข้าใส่จี้เทียนซิงราวกับสัตว์ป่ากระหายเลือดก่อเกิดเป็นคลื่นกระบี่ยักษ์สีแดงชาดสองสาย
“ฉัวะ ฉัวะ !”
คลื่นกระบี่ยักษ์ยาวสองเมตรและกว้างเท่าโต๊ะ
รูปลักษณ์ของมันเป็นสีแดงเลือดและโอบหุ้มไปด้วยบรรยากาศกระหายเลือด
พลังทำลายของมันนั้นทั้งรุนแรงและทรงพลังมาก
สองกระบี่
หนึ่งซ้ายหนึ่งขวาและพุ่งเข้าหาจี้เทียนซิงด้วยความรวดเร็ว
เมื่อได้เห็นภาพนี้เหล่าศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“กลายเป็นว่าศิษย์พี่ฮั่งเชินใช้เพลงกระบี่โลหิตคลั่ง
? นี่เขาเอาจริงเอาจังถึงขั้นใช้เพลงกระบี่นี้เลยหรือ
!”
“ฮั่งเชินไม่ได้ใช้เพลงกระบี่เจ็ดสังหาร
แต่ใช้เพลงกระบี่โลหิตคลั่งโดยตรง ดูเหมือนเขาต้องการจบการต่อสู้โดยเร็ว !”
“พนันได้เลยว่าจี้เทียนซิงเละแน่เมื่อเจอกับเพลงกระบี่ชุดนี้ของฮั่งเชิน
!”
“ฮ่าๆๆ พวกเจ้าดูนั่นสิ
จี้เทียนซิงยังยืนนิ่งต่อไอสังหารของฮั่งเชินอยู่เลย
มิใช่ว่ากลัวจนช็อคแข้งขาสั่นไปหมดแล้วหรอกหรือ ?!”
เหล่าศิษย์นิกายกระบี่ฟ้าเห็นว่าจี้เทียนซิงยืนนิ่งไม่ไหวติงจึงคิดว่าอีกฝ่ายกลัวจนก้าวขาไม่ออก
ทว่าหลังจากนั้นภาพที่ตระการตายิ่งกว่าก็ได้เกิดขึ้น
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ดุเดือดของฮั่งเชิน
จี้เทียนซิงไม่เพียงแค่ ‘ไม่’ ยกกระบี่ขึ้นต้านรับเท่านั้นแต่เขายังเก็บกระบี่มังกรดำกลับไปอีกด้วย
เขาคิดเผชิญหน้ากับการโจมตีของฮั่งเชินด้วยมือเปล่า
!?
ผู้คนของนิกายพันธมิตรสวรรค์ที่ได้เห็นภาพนี้ต่างก็แปลกใจและสับสนพวกมันหันไปพูดคุยกันด้วยความร้อนใจ
“นี่.... จี้เทียนซิงคิดจะทำอะไร ? ใช้มือเปล่ารับกระบี่ของฮั่งเชินงั้นหรือ ?!”
“นี่มันช่างไร้สาระเกินไปหรือไม่ ? ไม่ต้องกล่าวว่ามันมีพลังแค่ปราณจิตขั้นแรก
ส่วนอีกฝ่ายปราณจิตขั้นห้า
เพียงระดับบ่มเพาะต่างกันลิบขนาดนี้มันก็ไม่สามารถเอาชนะฮั่งเชินได้ง่ายๆอยู่แล้ว นี่อะไรของมัน ? เก็บกระบี่กลับไปเสียชิบ
!”
“ก่อนหน้านี้จี้เทียนซิงเอาชนะหยินเฟยหยางได้ด้วยหนึ่งกระบี่
แสดงว่านอกเหนือจากความแข็งแกร่งของมันแล้ว กระบี่ของมันย่อมทรงพลังอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าเป็นศาสตราวุธที่เหนือกว่าระดับล้ำลึก แล้วมันเก็บกระบี่ไปทำไมนั่น ?”
"นั่นสิ
ข้าก็ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่
มันทิ้งอาวุธขั้นเทพไปสู้กับศัตรูด้วยมือเปล่า !”
เหล่าศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้าเห็นจี้เทียนซิงเก็บกระบี่ไป
พวกมันต่างก็ตกตะลึงอย่างไม่คาดฝัน จากนั้นสีหน้าของพวกมันก็เต็มไปด้วยอาการดูถูกเย้ยหยัน
“ฮ่าๆๆ
ไอ้หมอนั่นสติแตกไปแล้วแหงๆ”
“คิดจะใช้เพลงหมัดวัดกับกระบี่ของฮั่งเชินงั้นหรือ
?
ไข่กระทบหินชัดๆ มันจบแบบศพไม่สวยแน่ !”
“โอ้
หรือเป็นเพราะว่าจี้เทียนซิงรู้ตัวว่ารับกระบี่ของฮั่งเชินไม่ได้และย่อมพ่ายแพ้แน่นอน
มันก็เลยทำเนียนแกล้งยอมแพ้ด้วยมือเปล่า ?”
“เฮอะ ! ก่อนหน้านี้ข้าเห็นมันเอาชนะหยินเฟยหยางมาได้ก็หลงคิดว่ามันพอมีฝีมือติดตัวนิดหน่อย
อย่างน้อยๆคงรับมือฮั่งเชินได้สักสองสามท่า ที่แท้ก็ฟลุ๊ค”
“ดูท่าผลลัพธ์จะออกมาแล้ว
ภูเขามังกรจะยังคงเป็นของนิกายกระบี่ฟ้าเรา !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved