ตอนที่ 44

ตัวอ่อนกระบี่ทองคำ

จี้เทียนซิงได้อ่านตำรายุทธ์มามากมายและได้เรียนรู้เกี่ยวกับตำนานของเหล่าจอมยุทธ์ที่มีความสามารถยอดเยี่ยม

เขาไม่เคยกล้าที่จะจินตนาการเลยว่าวันหนึ่งตนเองจะได้รับประสบการณ์แบบเดียวกับบุคคลเหล่านั้น,   ทำลายและฟื้นฟู !

เขาตระหนักดีถึงความไม่ธรรมดาของการทำลายและฟื้นฟู  อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีและดวงตาเต็มไปด้วยประกาย

!

“ก่อนนี้ถูกทำลาย !  ตันเถียนเสียหาย

!

ไม่มีวันกลับสู่เขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงได้จนเป็นที่ขบขันของผู้คนทั่วทั้งรัฐนภากระจ่าง”

“แต่นับจากวันนี้ไป ข้าจะมีศักยภาพสูงล้ำเกินกว่าที่คนธรรมดาจะเข้าถึงได้และเป็นจอมยุทธ์ในระดับที่สูงขึ้นจนไม่อาจนำตัวเองในสมัยก่อนไปเทียบได้

!”

“จากดักแด้กลายเป็นผีเสื้อ โบยบินสู่ท้องนภา !”

หลังจากนั้นไม่นาน

มวลอารมณ์ของจี้เทียนซิงก็ค่อยๆสงบลง

เขาหลับตาคอยสำรวจถึงการเปลี่ยนแปลงของเส้นลมปราณภายในร่างกายอย่างเงียบๆ

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่กองกำลังและยอดฝีมือมากมายต่างก็ต้องการดอกไม้ดาราแดง”

“ดวงอาทิตย์หมายถึงขั้วบวกและดวงจันทร์หมายถึงขั้วลบ ความบังเอิญที่พลังของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มาอยู่ในของชิ้นเดียวกัน

มันก็คล้ายคลึงกับหยินหยางผสาน

ผลที่ได้ย่อมศักดิ์สิทธิ์มาก”

“ตอนแรกพลังในขั้วบวกของมันทำลายเส้นลมปราณในร่างกายของข้าหมดสิ้น

หลังจากนั้นพลังขั้วลบก็เข้ามาฟื้นฟู”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ดวงตาของจี้เทียนซิงก็ฉายแววประหลาดใจ

เพียงแค่การทำลายและฟื้นฟูตามตำนานชาวยุทธ์ก็ทำให้เขามีความสามารถในวิถีการฝึกยุทธ์มากพอแล้ว

หากรวมไปถึงหยินหยางด้วยเขายิ่งไม่เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะเลยหรือ ?

จี้เทียนซิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวังในอนาคต

!

เขาเชื่อว่าวันแห่งการชำระแค้นและล้างความอัปยศนั้นอยู่ไม่ไกลแล้ว

อย่างไรก็ตาม

ทั้งหมดที่เขาวาดฝันเอาไว้จะสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาในการควบแน่นตัวอ่อนกระบี่

หากทำไม่เสร็จ

อนาคตที่วาดหวังไว้ก็เป็นได้แค่ภาพมายา

เวลาผ่านไปอีกหกชั่วโมงอย่างรวดเร็ว

อาการคันของจี้เทียนซิงหายไปและเส้นลมปราณก็ได้รับการปรับโฉมใหม่

ดอกไม้ดาราแดงยังคงมีผลอยู่ในร่างกายของเขาอย่างเงียบงัน

มันค่อยๆเสริมพลังให้แขนขาและร่างกายทุกส่วน

จี้เทียนซิงพยายามบ่มเพาะอย่างหนักและดูดซับพลังฟ้าดินผ่านข่ายอาคม

แน่นอนว่าพลังของฟ้าดินนั้นไร้ที่สิ้นสุด

พวกมันไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาเหมือนสายน้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำ

หลังจากการเปลี่ยนแปลงของเส้นลมปราณ

มันกลายเป็นกว้างขวางมากขึ้นและหนาแน่นมากขึ้น พวกมันหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ชักช้า

หากเส้นลมปราณในอดีตของเขาเป็นเหมือนลำธารเล็กๆ

เส้นลมปราณในปัจจุบันของเขาก็คือแม่น้ำ !

“ยอดมาก !  ด้วยความแข็งแกร่งของเส้นชีพจรลมปราณในปัจจุบันของข้า

การควบแน่นตัวอ่อนกระบี่มีโอกาสสำเร็จอย่างน้อยก็ 80%

!”

หลังจากนั้นจี้เทียนซิงก็เตรียมตัว

เขาแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะชักนำ 12 ปราณกระบี่ไปควบแน่นเป็นตัวอ่อนกระบี่

ในเทือกเขาเย่

ยามช่วงวิกฤตที่ผ่านมาหลายครั้งหลายครา เขาได้บังคับและควบคุมปราณกระบี่ทั้ง 12 ให้ออกจากร่างกายหลายครั้งจนคุ้นเคยเป็นอย่างมาก

ตอนนี้เขาจึงจัดการควบคุมปราณกระบี่ที่เส้นลมปราณให้แหวกว่ายไปยังจุดตันเถียน

เส้นลมปราณที่ถือกำเนิดใหม่นี้ไม่เพียงแค่กว้างขึ้น

แต่มันยังแข็งแกร่งพอที่จะรองรับปราณกระบี่ที่แหลมคม

ในระหว่างที่พวกมันกำลังแหวกว่าย

เขาก็รู้สึกเจ็บจี๊ดเหมือนผึ้งต่อย แต่ความเจ็บปวดในระดับนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขาเลย

หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป

จี้เทียนซิงก็ประสบความสำเร็จในการย้ายปราณกระบี่จากจุดชีพจรฮุ้ยจงไปไว้ที่ตันเถียน

ปราณกระบี่สีทองอ่อนขนาดเท่าไม้จิ้มฟันกำลังล่องลอยอยู่ในหลุมดำที่ตันเถียนอย่างเงียบสงบ

ในที่สุด

ก้าวแรกก็สำเร็จแล้ว !

เขากระตุ้นปราณกระบี่ที่จุดชีพจรฮุ้ยจงให้ไหลผ่านเส้นลมปราณและเคลื่อนไปยังตันเถียนได้สำเร็จเป็นจุดแรก

หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง

ปราณกระบี่ที่เล่มที่ 2 ก็มาถึงตันเถียนเป็นเล่มต่อมา

ถัดไป

จี้เทียนซิงก็ชักนำปราณกระบี่เล่ม 3 4 และ 5 .......

สามชั่วโมงผ่านไป

ในที่สุดปราณกระบี่ที่จุดชีพจรทั้งหมด 12

สายได้ถูกชายหนุ่มชักนำไปรวมตัวกันในหลุมดำที่ตันเถียนจนครบ

เขาเหลือเพียงก้าวเดียวก็จะสำเร็จ

!

ขั้นตอนสุดท้ายก็คือการหลอมปราณกระบี่ทั้ง12สายและควบแน่นเป็นตัวอ่อนกระบี่ !

จี้เทียนซิงไม่เร่งร้อน

เขาเริ่มกระบวนการอย่างรอบคอบและมั่นคงตามวิถีดวงใจกระบี่

กระบวนการนี้ยากเย็นที่สุดและไม่อาจผิดพลาดได้เลย มิฉะนั้นต้องเริ่มใหม่หมด

หลังจากผ่านไปอีก

8 ชั่วโมง ในที่สุดเขาก็รวม 12 ปราณกระบี่จนกลายเป็นกระบี่ทองคำขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือได้

ตัวอ่อนกระบี่ก่อตัวขึ้นสำเร็จในที่สุด

!

ต่อจากนี้ไป

กระบี่ทองคำเล่มนี้ก็คือแหล่งกักเก็บพลังลมปราณเช่นเดียวกับตันเถียนของเขา !

ในที่สุดเขาก็วางรากฐานสำหรับวิถีดวงใจกระบี่สำเร็จแล้ว

เขาก้าวสู่เส้นทางแห่งเต๋ากระบี่ได้สำเร็จ !

ตอนนี้เขาอารมณ์ดีมากและโลหิตภายในกายก็เดือดพล่าน

ด้วยความอัปยศอดสูที่ถูกยัดเยียดมาให้มากมาย  ผ่านประสบการณ์ชีวิตและความเป็นความตายแสนสาหัส

ในที่สุดก็คุ้มค่า !

จี้เทียนซิงหยุดการบ่มเพาะไว้เท่านี้ก่อน

ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนล้าและหิวโหย

เขาเดินออกมาจากห้องลับทันที

หลังจากกลับมาที่ห้องเขาก็เรียกหาสาวใช้ส่วนตัว

ฮวนเอ๋อ

ฮวนเอ๋อรีบผลักประตูเข้ามาและได้เห็นสภาพของจี้เทียนซิง

นางก็ยกมือปิดปาก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจในทันที

“คุณชายใหญ่

ท่านเพียงปิดประตูบ่มเพาะแค่สองวัน..... ไฉนกลายเป็นเช่นนี้....!”

นางเห็นว่าผมเผ้าของจี้เทียนซิงยุ่งเหยิงเหมือนหงอนไก่

เสื้อคลุมสีดำเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้า แขน ขนกลายเป็นดำเมี่ยม

เขาดูเหมือนขอทานที่ไม่ได้อาบน้ำมานานหลายปี

จี้เทียนซิงอารมณ์ดีมาก

เขาเพียงหัวเราะลั่นและโบกมือพลางกล่าวว่า “ฮวนเอ๋อ

เจ้ามิต้องตกใจ ไปเตรียมน้ำให้ข้าที ข้าอยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า”

“นอกจากนี้ เจ้าจงไปที่ห้องครัวและเตรียมสำรับกับข้าวชุดใหญ่ให้ข้าด้วย

นายน้อยผู้นี้หิวโหยนัก !”

ฮวนเอ๋อข่มจิตใจที่เต็มไปด้วยความสงสัยเอาไว้

นางไม่ได้กล่าวอะไรออกมาได้แต่เพียงทำตามคำสั่งของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว

......

หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป

จี้เทียนซิงก็ชำระล้างสิ่งสกปรกออกทั้งหมดและเปลี่ยนเป็นชุดที่สะอาดสะอ้าน

กลับไปมีสภาพเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์เหมือนเช่นเคย

ยิ่งไปกว่านั้น

ร่างกายของเขาถูกชำระล้างด้วยพลังของดาวไม้ดาราแดง

ร่างกายและมวลกล้ามเนื้อดูสมส่วนกำยำยิ่งขึ้น ผิวพรรณเปล่งปลั่งเหมือนหยกชั้นเลิศ

ในขณะที่ฮวนเอ๋อยืนข้างๆรอปรนนิบัติ

ดวงตาของนางก็แอบชำเลืองมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง ใบหน้าที่น่ารักของนางแดงขึ้นเล็กน้อยและคิดในใจว่า

“ที่แท้เกิดอะไรขึ้นกับคุณชายใหญ่ ? เขาเก็บตัวเพียงแค่สองวันเท่านั้น หลังจากออกมาไม่เพียงแค่ดูสดชื่นอารมณ์เท่านั้น

แม้แต่ผิวพรรณก็สวยเปล่งปลั่งดั่งอิสตรี”

นอกจากนี้นางยังรู้สึกได้อีกว่า

มวลอารมณ์ บรรยากาศ และความมั่นใจของคุณชายใหญ่ของนางนั้นกลับคืนมาแล้ว !

เทียบกับสมัยที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองจักรวรรดิแล้ว

สภาพในตอนนี้ยังดูยอดเยี่ยมยิ่งกว่าแบบเทียบกันไม่ได้ !

ถึงแม้ว่าอาหารจำนวนมากที่กองไว้บนโต๊ะจะหายไปอย่างรวดเร็ว

แต่ฮวนเอ๋อกลับรู้สึกว่าอากัปกิริยาและการกินของเขานั้นช่างสง่างามและน่าประทับใจยิ่ง

บุคลิกและท่วงท่าของเขาเปลี่ยนไปจนไม่อาจละสายตาไปได้

หลังจากนั้นไม่นาน

จี้เทียนซิงก็กินอาหารบนโต๊ะจนอิ่มและเดินออกไปข้างนอก

หลังจากออกจากสวน

ชายหนุ่มก็รีบไปหอฝึกยุทธ์เพื่อทดสอบระดับเขตแดนในปัจจุบันทันที