ฉู่เทียนเซิงได้พูดคุยกับจี้เทียนซิงเกี่ยวกับความลับของนิกายอีกเล็กน้อย
สิ่งนี้ทำให้จี้เทียนซิงได้ตระหนักและมีความเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวมของนิกายพันธมิตรสวรรค์
มันเข้าใจว่าสถานะของตนเองในตอนนี้แล้วว่า
มันสมควรได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายนับตั้งแต่สิ้นสุดการจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์
ก่อนหน้านี้มันเป็นเพียงศิษย์สายตรงที่ได้อานิสงค์จากบารมีของประมุข
แต่ไม่เคยมีผู้ใดยกย่องมันในฐานะศิษย์ชั้นเลิศอย่างแท้จริง
แต่ตอนนี้ต่างออกไป มันเอาชนะการแข่งขันติดต่อกันสามครั้งรวดจนขึ้นมายืนอยู่ในอันดับสองของนิกาย
มันได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นถึงความแข็งแกร่ง
บัดนี้มันคือศิษย์สายตรงอย่างแท้จริง
สถานะของมันเปรียบได้กับหยุนเหยาศิษย์เอก ดังนั้นความลับสุดยอดของนิกาย
มันมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับรู้
ในขณะเดียวกันจี้เทียนซิงก็เข้าใจสัจจะธรรมหนึ่ง
พลังความสามารถอันยิ่งใหญ่ย่อมมาพร้อมกับหน้าที่ความรับผิดชอบอันหนักอึ้ง
เมื่อมันได้รับความไว้วางใจจากประมุขนิกาย
เมื่อมันสามารถยืนเคียงข้างหยุนเหยา เมื่อนั้นมันก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบและหน้าที่
ครึ่งชั่วยามต่อมาจี้เทียนซิงก็กล่าวคำอำลากับฉู่เทียนเซิงและเดินออกจากห้องลับ
เมื่อออกจากตำหนักฉิงเทียนกลับไปที่ลานเทียนซิง
มันก็เป็นช่วงบ่ายอันร้อนระอุจากแสงอาทิตย์
ประตูทางเข้าลานเทียนซิงเปิดออกแต่ไร้ซึ่งวี่แววของศิษย์รับใช้สองคน
หญิงรัใช้เสี่ยวซวงยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องนั่งเล่น
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย
มีหลายครั้งหลายคราวที่ชะเง้อมองออกไปข้างนอกราวกับกำลังรอคอยใครบางคน
เมื่อเห็นการกลับมาของจี้เทียนซิงนางก็เผยสีหน้าโล่งอกและรีบคารวะพร้อมกับแจ้งข่าวอย่างรวดเร็ว
"ศิษย์พี่จี้ ท่านกลับมาเสียที !"
จี้เทียนซิงชำเลืองมองอีกฝ่าย ถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"
เสี่ยวซวงกล่าวตอบอย่างรวดเร็ว "ศิษย์พี่จี้
มีศิษย์พี่ท่านหนึ่งนามว่าซูฉินมาหาท่าน เขาแจ้งว่ามีเรื่องเร่งด่วนที่สำคัญมาก"
"เขากำลังรอท่านอยู่ในห้องนั่งเล่นกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว
ท่านรีบไปพบเขาเถอะเจ้าค่ะ”
"ซูฉิน?" จี้เทียนซิงขมวดคิ้วพลางขบคิดในใจอยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้นมันก็จดจำได้ว่าฝ่ายหลังเป็นศิษย์ของหอวิญญาณโอสถที่เคยโน้มน้าวชักชวนให้จี้เค่อฝากตัวเป็นศิษย์ของหอวิญญาณโอสถ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จี้เทียนซิงก็อดไม่ได้ที่จะขบคิดในใจ
“เขามีเรื่องเร่งด่วนอะไรนะ ? หรือว่า......
มันจะเกี่ยวข้องกับเค่อเค่อ ?”
ทันทีที่ชายหนุ่มก้าวยาวๆเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
มันก็ได้เห็นซูฉินในชุดเสื้อคลุมสีขาว
มันเดินไปเดินมาด้วยสีหน้าท่าทางที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
ทันทีที่ได้เห็นจี้เทียนซิงเดินเข้ามา
มันรีบเข้าไปคารวะทักทายอย่างรวดเร็ว “คารวะศิษย์พี่จี้ ท่านมาได้เสียที”
จี้เทียนซิงเห็นท่าทางร้อนรนของอีกฝ่ายจึงโบกมือพลางกล่าวว่า
“ศิษย์น้องซูสงบใจก่อน
เชิญลงนั่งแล้วค่อยพูดกัน”
ซูฉินส่ายหัวแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า "ศิษย์พี่จี้
นี่เป็นเรื่องด่วน ข้านั่งไม่ติดหรอกขอรับ”
"วันนี้ข้ามารบกวนท่านถึงลานเทียนซิงก็เพราะมีเรื่องด่วนมาก
ศิษย์น้องจี้เค่อ .......นางเกิดเรื่องขึ้นแล้ว”
ร่างกายของจี้เทียนซิงสะท้านเฮือก ความกังวลมากมายหลั่งไหลเข้ามาผ่านแววตา
พลันถามอย่างรวดเร็วว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเค่อเค่อ ? มีเรื่องอะไร ?”
ซูฉินทอดสายตามองไปนอกห้องและกล่าวด้วยเสียงต่ำ
“ศิษย์พี่จี้
ท่านรีบตามข้าไปดูนางที่หอวิญญาณโอสถก่อนเถิด
พวกเราเดินไปคุยไประหว่างเดินทางก็ได้ เร็วเข้า"
จี้เทียนซิงเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของจี้เค่อ
ดังนั้นจึงตอบรับโดยธรรมชาติ
มันติดตามซูฉินออกจากลานเทียนซิงและมุ่งหน้าไปยังหอวิญญาณโอสถทันที
ระหว่างทาง ซูฉินเริ่มเปิดปากอธิบายขึ้นว่า
"นับตั้งแต่ศิษย์น้องจี้เค่อเข้าเป็นศิษย์หอวิญญาณโอสถ
นางก็อยู่ดีมีสุขและสงบสุขมาตลอดสองเดือน"
"นางเป็นเด็กฉลาดมีพรสวรรค์
เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและสดใสน่ารัก นางเรียนรู้ทักษะการเล่นแร่แปรธาตุและการปรุงยาได้อย่างรวดเร็วและลึกซึ้งยิ่ง
นางเป็นที่รักใคร่ของอาจารย์และศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกคน"
"นับตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา
จู่ๆศิษย์น้องก็รู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างหาสาเหตุมิได้ พวกเราก็ไม่มีใครทราบว่าเพราะเหตุใด"
"จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่ได้สติและต้องคอยรักษาประคองอาการด้วยโอสถ
หลังจากเกิดเรื่อง ผู้อาวุโสเหยาก็รีบมาตรวจสอบอาการของนางและพบว่าอาการของนางไม่ดีเอามากๆ"
สีหน้าของจี้เทียนซิงกลายเป็นเคร่งขรึมและถามด้วยความกังวลว่า
“ทำไมเค่อเค่อถึงเป็นเช่นนี้ได้
?
เหล่าอาวุโสก็มิอาจหาสาเหตุได้เลยหรือไง ?”
ซูฉินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายหัวและพูดว่า
"ข้าคิดว่าบางทีผู้อาวุโสอาจจะทราบเหตุผลแต่ท่านไม่บอกพวกเรามากกว่า”
"ศิษย์น้องจี้เค่อยังมีสติอยู่แต่พลังลมปราณปั่นป่วน
นางอยู่ในอันตรายที่อาจจะตายได้ทุกเมื่อ ในตอนแรกผู้อาวุโสไม่ให้ข้าพูดเรื่องนี้
ท่านคิดจะหาวิธีรักษานางเอง
แต่.....ศิษย์น้องแม้จะอยู่ในอาการสาหัส
นางก็ยังละเมอร้องเรียกชื่อท่านตลอดเวลา ข้าทนไม่ไหวจึงมุ่งหน้ามายังลานเทียนซิงเพื่อตามหาท่านนี่แหละ
หลังจากฟังคำอธิบายของซูฉิน จี้เทียนซิงก็กล่าวอย่างเคร่งเครียด
“ศิษย์น้องซู ขอบใจเจ้ามากแล้วที่แจ้งข่าวนี้ต่อข้า”
"เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำ" ซูฉินฝืนยิ้มและตอบกลับ
.................
ทั้งสองใช้เวลาไม่นานก่อนจะมาถึงหอวิญญาณโอสถ
ซูฉินพาจี้เทียนซิงผ่านบ้านหลายหลัง ตรงเข้าไปในส่วนลึกของหอวิญญาณโอสถ
จนกระทั่งมาถึงหน้าประตูห้องลับแห่งหนึ่ง
ด้านนอกประตูมีผู้ดูแลสองคนกำลังยืนเฝ้าอยู่
เมื่อเห็นซูฉินและจี้เทียนซิงที่เดินตรงเข้ามา
ผู้ดูแลทั้งสองก็รีบเหยียดมือออกไปขวางด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพลางกล่าวว่า "นี่เป็นเขตหวงห้ามของ
พวกเจ้าถอยไปโดยเร็ว อย่าได้มารบกวน !"
ซูฉินโค้งคำนับและล่าถอยไปยืนด้านข้างทันที
จี้เทียนซิงหยิบป้ายคำสั่งสวรรค์ออกมาและอธิบายว่า "ข้าคือจี้เทียนซิง
เป็นพี่ชายของจี้เค่อ นางประสบเหตุข้าจำเป็นต้องเข้าไปเยี่ยม
ขอท่านผู้ดูแลโปรดหลีกทาง”
ผู้ดูแลชุดดำสองคนพยักหน้าและเปิดประตูห้องลับพร้อมกับหลีกทางให้อีกฝ่าย
“ขอบคุณท่านทั้งสอง”
จี้เทียนซิงคำนับขอบคุณและเดินเข้าไปทันที
ห้องลับแห่งนี้กว้างกว่าร้อยเมตรและจัดวางข่ายอาคมไว้หนาแน่น
รวมไปถึงเตาปรุงยาและตู้เก็บโอสถสมุนไพร
สถานที่แห่งนี้สมควรเป็นที่ที่เหล่าอาวุโสของหอวิญญาณโอสถเอาไว้ฝึกฝนการปรุงยา
กลางห้องลับมีหยกวิญญาณพันปีขนาดใหญ่ตั้งอยู่
โดยมีจี้เค่อในชุดสีเขียวนอนอยู่บนนั้นในอาการสาหัส
ผิวของนางซีดเหมือนหิมะในบางครั้ง และบางครั้งก็กลายเป็นสีทอง
ตลอดทั้งร่างมีควันพวยพุ่งออกมาด้วยแรงกดดันอันเกรี้ยวกราดรุนแรง
หยกวิญญาณดูดซับพลังจนปล่อยลำแสงสีฟ้าออกมามากมายราวกับหมอกหนาที่ปกคลุมไปทั่วร่างของนาง
พวกมันพยายามถ่ายเทพลังชีวิตเข้าสู่ร่าง
นอกจากหยกวิญญาณพันปีแล้ว
ถัดไปเป็นกองหินวิญญาณและโอสถวิญญาณมากมายโดยมีผู้อาวุโสท่านหนึ่งกำลังวาดมือด้วยพลังปราณเพื่อควบคุมข่ายอาคมอีกสองจุด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
จี้เทียนซิงเห็นได้ชัดเจนว่า
ผู้อาวุโสท่านนี้กำลังควบคุมข่ายอาคมด้วยพลังของหยกวิญญาณพันปีเพื่อข่มความรุนแรงของพลังอันรุนแรงที่ไหลออกมาจากร่างของจี้เค่อ
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้
ชายหนุ่มจึงยืนเงียบๆโดยไม่รบกวนอีกฝ่าย
ในที่สุด ครึ่งชั่วยามต่อมา ควันสีขาวที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของจี้เค่อก็ถูกกักเอาไว้ในที่สุด
ผู้อาวุโสหยุดมือพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อ
เขาหันไปมองจี้เทียนซิง ขมวดคิ้วและถามว่า “จี้เทียนซิง เจ้ามานี่ได้อย่างไร ?"
ชายหนุ่มประสานมือคารวะพลางอธิบายว่า
"ผู้อาวุโสเหยา
ข้าได้ยินจากซูฉินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับจี้เค่อ ข้าจึงรีบมาดูขอรับ"
"ผู้อาวุโส ท่านบอกข้า
เหตุใดจี้เค่อถึงได้หมดสติไปอย่างฉับพลันเช่นนี้ อาการของนางเป็นอย่างไรบ้าง ?"
การแสดงออกของอาวุโสเหยากลายเป็นเคร่งเครียดยิ่งขึ้น
คนเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นห่วงเป็นใยนาง
ข้าก็ไม่คิดจะปิดบัง
เหตุผลที่จี้เค่อต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่าพลังสายเลือดของนางตื่นขึ้นเมื่อสองสามวันก่อน
มันคือสายเลือดดาราแดง"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved