ตอนที่ 313 สายเลือดดาราแดง

ฉู่เทียนเซิงได้พูดคุยกับจี้เทียนซิงเกี่ยวกับความลับของนิกายอีกเล็กน้อย

สิ่งนี้ทำให้จี้เทียนซิงได้ตระหนักและมีความเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวมของนิกายพันธมิตรสวรรค์

มันเข้าใจว่าสถานะของตนเองในตอนนี้แล้วว่า

มันสมควรได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายนับตั้งแต่สิ้นสุดการจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์

ก่อนหน้านี้มันเป็นเพียงศิษย์สายตรงที่ได้อานิสงค์จากบารมีของประมุข

แต่ไม่เคยมีผู้ใดยกย่องมันในฐานะศิษย์ชั้นเลิศอย่างแท้จริง

แต่ตอนนี้ต่างออกไป มันเอาชนะการแข่งขันติดต่อกันสามครั้งรวดจนขึ้นมายืนอยู่ในอันดับสองของนิกาย

มันได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นถึงความแข็งแกร่ง

บัดนี้มันคือศิษย์สายตรงอย่างแท้จริง

สถานะของมันเปรียบได้กับหยุนเหยาศิษย์เอก ดังนั้นความลับสุดยอดของนิกาย

มันมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับรู้

ในขณะเดียวกันจี้เทียนซิงก็เข้าใจสัจจะธรรมหนึ่ง

พลังความสามารถอันยิ่งใหญ่ย่อมมาพร้อมกับหน้าที่ความรับผิดชอบอันหนักอึ้ง

เมื่อมันได้รับความไว้วางใจจากประมุขนิกาย

เมื่อมันสามารถยืนเคียงข้างหยุนเหยา เมื่อนั้นมันก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบและหน้าที่

ครึ่งชั่วยามต่อมาจี้เทียนซิงก็กล่าวคำอำลากับฉู่เทียนเซิงและเดินออกจากห้องลับ

เมื่อออกจากตำหนักฉิงเทียนกลับไปที่ลานเทียนซิง

มันก็เป็นช่วงบ่ายอันร้อนระอุจากแสงอาทิตย์

ประตูทางเข้าลานเทียนซิงเปิดออกแต่ไร้ซึ่งวี่แววของศิษย์รับใช้สองคน

หญิงรัใช้เสี่ยวซวงยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องนั่งเล่น

ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย

มีหลายครั้งหลายคราวที่ชะเง้อมองออกไปข้างนอกราวกับกำลังรอคอยใครบางคน

เมื่อเห็นการกลับมาของจี้เทียนซิงนางก็เผยสีหน้าโล่งอกและรีบคารวะพร้อมกับแจ้งข่าวอย่างรวดเร็ว

"ศิษย์พี่จี้ ท่านกลับมาเสียที !"

จี้เทียนซิงชำเลืองมองอีกฝ่าย ถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"

เสี่ยวซวงกล่าวตอบอย่างรวดเร็ว "ศิษย์พี่จี้

มีศิษย์พี่ท่านหนึ่งนามว่าซูฉินมาหาท่าน เขาแจ้งว่ามีเรื่องเร่งด่วนที่สำคัญมาก"

"เขากำลังรอท่านอยู่ในห้องนั่งเล่นกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว

ท่านรีบไปพบเขาเถอะเจ้าค่ะ”

"ซูฉิน?" จี้เทียนซิงขมวดคิ้วพลางขบคิดในใจอยู่ครู่หนึ่ง

จากนั้นมันก็จดจำได้ว่าฝ่ายหลังเป็นศิษย์ของหอวิญญาณโอสถที่เคยโน้มน้าวชักชวนให้จี้เค่อฝากตัวเป็นศิษย์ของหอวิญญาณโอสถ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จี้เทียนซิงก็อดไม่ได้ที่จะขบคิดในใจ

“เขามีเรื่องเร่งด่วนอะไรนะ ? หรือว่า......

มันจะเกี่ยวข้องกับเค่อเค่อ ?”

ทันทีที่ชายหนุ่มก้าวยาวๆเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น

มันก็ได้เห็นซูฉินในชุดเสื้อคลุมสีขาว

มันเดินไปเดินมาด้วยสีหน้าท่าทางที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล

ทันทีที่ได้เห็นจี้เทียนซิงเดินเข้ามา

มันรีบเข้าไปคารวะทักทายอย่างรวดเร็ว “คารวะศิษย์พี่จี้ ท่านมาได้เสียที”

จี้เทียนซิงเห็นท่าทางร้อนรนของอีกฝ่ายจึงโบกมือพลางกล่าวว่า

“ศิษย์น้องซูสงบใจก่อน

เชิญลงนั่งแล้วค่อยพูดกัน”

ซูฉินส่ายหัวแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า "ศิษย์พี่จี้

นี่เป็นเรื่องด่วน ข้านั่งไม่ติดหรอกขอรับ”

"วันนี้ข้ามารบกวนท่านถึงลานเทียนซิงก็เพราะมีเรื่องด่วนมาก

ศิษย์น้องจี้เค่อ .......นางเกิดเรื่องขึ้นแล้ว”

ร่างกายของจี้เทียนซิงสะท้านเฮือก ความกังวลมากมายหลั่งไหลเข้ามาผ่านแววตา

พลันถามอย่างรวดเร็วว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเค่อเค่อ ? มีเรื่องอะไร ?”

ซูฉินทอดสายตามองไปนอกห้องและกล่าวด้วยเสียงต่ำ

“ศิษย์พี่จี้

ท่านรีบตามข้าไปดูนางที่หอวิญญาณโอสถก่อนเถิด

พวกเราเดินไปคุยไประหว่างเดินทางก็ได้ เร็วเข้า"

จี้เทียนซิงเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของจี้เค่อ

ดังนั้นจึงตอบรับโดยธรรมชาติ

มันติดตามซูฉินออกจากลานเทียนซิงและมุ่งหน้าไปยังหอวิญญาณโอสถทันที

ระหว่างทาง ซูฉินเริ่มเปิดปากอธิบายขึ้นว่า

"นับตั้งแต่ศิษย์น้องจี้เค่อเข้าเป็นศิษย์หอวิญญาณโอสถ

นางก็อยู่ดีมีสุขและสงบสุขมาตลอดสองเดือน"

"นางเป็นเด็กฉลาดมีพรสวรรค์

เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและสดใสน่ารัก นางเรียนรู้ทักษะการเล่นแร่แปรธาตุและการปรุงยาได้อย่างรวดเร็วและลึกซึ้งยิ่ง

นางเป็นที่รักใคร่ของอาจารย์และศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกคน"

"นับตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

จู่ๆศิษย์น้องก็รู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างหาสาเหตุมิได้ พวกเราก็ไม่มีใครทราบว่าเพราะเหตุใด"

"จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่ได้สติและต้องคอยรักษาประคองอาการด้วยโอสถ

หลังจากเกิดเรื่อง ผู้อาวุโสเหยาก็รีบมาตรวจสอบอาการของนางและพบว่าอาการของนางไม่ดีเอามากๆ"

สีหน้าของจี้เทียนซิงกลายเป็นเคร่งขรึมและถามด้วยความกังวลว่า

“ทำไมเค่อเค่อถึงเป็นเช่นนี้ได้

?

เหล่าอาวุโสก็มิอาจหาสาเหตุได้เลยหรือไง ?”

ซูฉินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายหัวและพูดว่า

"ข้าคิดว่าบางทีผู้อาวุโสอาจจะทราบเหตุผลแต่ท่านไม่บอกพวกเรามากกว่า”

"ศิษย์น้องจี้เค่อยังมีสติอยู่แต่พลังลมปราณปั่นป่วน

นางอยู่ในอันตรายที่อาจจะตายได้ทุกเมื่อ ในตอนแรกผู้อาวุโสไม่ให้ข้าพูดเรื่องนี้

ท่านคิดจะหาวิธีรักษานางเอง

แต่.....ศิษย์น้องแม้จะอยู่ในอาการสาหัส

นางก็ยังละเมอร้องเรียกชื่อท่านตลอดเวลา ข้าทนไม่ไหวจึงมุ่งหน้ามายังลานเทียนซิงเพื่อตามหาท่านนี่แหละ

หลังจากฟังคำอธิบายของซูฉิน จี้เทียนซิงก็กล่าวอย่างเคร่งเครียด

“ศิษย์น้องซู ขอบใจเจ้ามากแล้วที่แจ้งข่าวนี้ต่อข้า”

"เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำ" ซูฉินฝืนยิ้มและตอบกลับ

.................

ทั้งสองใช้เวลาไม่นานก่อนจะมาถึงหอวิญญาณโอสถ

ซูฉินพาจี้เทียนซิงผ่านบ้านหลายหลัง ตรงเข้าไปในส่วนลึกของหอวิญญาณโอสถ

จนกระทั่งมาถึงหน้าประตูห้องลับแห่งหนึ่ง

ด้านนอกประตูมีผู้ดูแลสองคนกำลังยืนเฝ้าอยู่

เมื่อเห็นซูฉินและจี้เทียนซิงที่เดินตรงเข้ามา

ผู้ดูแลทั้งสองก็รีบเหยียดมือออกไปขวางด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพลางกล่าวว่า "นี่เป็นเขตหวงห้ามของ

พวกเจ้าถอยไปโดยเร็ว อย่าได้มารบกวน !"

ซูฉินโค้งคำนับและล่าถอยไปยืนด้านข้างทันที

จี้เทียนซิงหยิบป้ายคำสั่งสวรรค์ออกมาและอธิบายว่า "ข้าคือจี้เทียนซิง

เป็นพี่ชายของจี้เค่อ นางประสบเหตุข้าจำเป็นต้องเข้าไปเยี่ยม

ขอท่านผู้ดูแลโปรดหลีกทาง”

ผู้ดูแลชุดดำสองคนพยักหน้าและเปิดประตูห้องลับพร้อมกับหลีกทางให้อีกฝ่าย

“ขอบคุณท่านทั้งสอง”

จี้เทียนซิงคำนับขอบคุณและเดินเข้าไปทันที

ห้องลับแห่งนี้กว้างกว่าร้อยเมตรและจัดวางข่ายอาคมไว้หนาแน่น

รวมไปถึงเตาปรุงยาและตู้เก็บโอสถสมุนไพร

สถานที่แห่งนี้สมควรเป็นที่ที่เหล่าอาวุโสของหอวิญญาณโอสถเอาไว้ฝึกฝนการปรุงยา

กลางห้องลับมีหยกวิญญาณพันปีขนาดใหญ่ตั้งอยู่

โดยมีจี้เค่อในชุดสีเขียวนอนอยู่บนนั้นในอาการสาหัส

ผิวของนางซีดเหมือนหิมะในบางครั้ง และบางครั้งก็กลายเป็นสีทอง

ตลอดทั้งร่างมีควันพวยพุ่งออกมาด้วยแรงกดดันอันเกรี้ยวกราดรุนแรง

หยกวิญญาณดูดซับพลังจนปล่อยลำแสงสีฟ้าออกมามากมายราวกับหมอกหนาที่ปกคลุมไปทั่วร่างของนาง

พวกมันพยายามถ่ายเทพลังชีวิตเข้าสู่ร่าง

นอกจากหยกวิญญาณพันปีแล้ว

ถัดไปเป็นกองหินวิญญาณและโอสถวิญญาณมากมายโดยมีผู้อาวุโสท่านหนึ่งกำลังวาดมือด้วยพลังปราณเพื่อควบคุมข่ายอาคมอีกสองจุด  สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

จี้เทียนซิงเห็นได้ชัดเจนว่า

ผู้อาวุโสท่านนี้กำลังควบคุมข่ายอาคมด้วยพลังของหยกวิญญาณพันปีเพื่อข่มความรุนแรงของพลังอันรุนแรงที่ไหลออกมาจากร่างของจี้เค่อ

เมื่อเห็นสถานการณ์นี้

ชายหนุ่มจึงยืนเงียบๆโดยไม่รบกวนอีกฝ่าย

ในที่สุด ครึ่งชั่วยามต่อมา ควันสีขาวที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของจี้เค่อก็ถูกกักเอาไว้ในที่สุด

ผู้อาวุโสหยุดมือพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อ

เขาหันไปมองจี้เทียนซิง ขมวดคิ้วและถามว่า “จี้เทียนซิง เจ้ามานี่ได้อย่างไร ?"

ชายหนุ่มประสานมือคารวะพลางอธิบายว่า

"ผู้อาวุโสเหยา

ข้าได้ยินจากซูฉินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับจี้เค่อ ข้าจึงรีบมาดูขอรับ"

"ผู้อาวุโส ท่านบอกข้า

เหตุใดจี้เค่อถึงได้หมดสติไปอย่างฉับพลันเช่นนี้ อาการของนางเป็นอย่างไรบ้าง ?"

การแสดงออกของอาวุโสเหยากลายเป็นเคร่งเครียดยิ่งขึ้น

คนเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นห่วงเป็นใยนาง

ข้าก็ไม่คิดจะปิดบัง

เหตุผลที่จี้เค่อต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่าพลังสายเลือดของนางตื่นขึ้นเมื่อสองสามวันก่อน

มันคือสายเลือดดาราแดง"