วิธีการเช่นนี้ก็สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้
?
ก่อนลงมือหยุนเหยาได้จัดวางแผนการไว้ทั้งหมดแล้ว ดังนั้นสมาชิกทุกคนจึงมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนเป็นระเบียบเรียบร้อย
หยุนเหยา
เฟิงหมิน อู่อวี้ปิดล้อมมหาปุโรหิต ในขณะที่ฮ่าวเมิ่งกับจี้เทียนซิงรุมโจมตีเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้
ทั้งสองฝ่ายเปิดการต่อสู้ในป่าและทันใดนั้นเงากระบี่ก็พร่างพราวบดบังดวงอาทิตย์
มันทำลายต้นไม้ใบหญ้าไปนับไม่ถ้วน
เสียงอู้อี้ดัง
‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง !’ จากการกระทบกันของกระบี่ ระเบิดก้องไปทั่วผืนป่า คลื่นทำลายล้างอันรุนแรงแผ่กระจายกวาดต้านไปทั่วรัศมีร้อยเมตร
ป่าอันเงียบสงบกลายเป็นความยุ่งเหยิง
มันเต็มไปด้วยซากปรักหักของสภาพแวดล้อมรอบๆและต้นไม้ใหญ่ที่ล้มระเนระนาด
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายประหัตถ์ประหารกันอยู่ครู่หนึ่ง
สถานการณ์ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
แรกเริ่มเดิมที
มหาปุโรหิตและเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ถูกซุ่มโจมตีจนไม่ทันได้ตั้งตัว
สถานการณ์ของพวกเขาจึงตกเป็นรองและเป็นฝ่ายถูกกระทำฝ่ายเดียว
แต่หลังจากผ่านการสู้รบไปได้ชั่วขณะ พวกเขาก็เริ่มตั้งสติคืนความเยือกเย็นกลับมาได้และจัดการตอบโต้อย่างเข้ารูปเข้ารอย
มหาปุโรหิตเป็นยอดฝีมือในขอบเขตปราณโอสถขั้นสูงสุด
แม้ว่าจะถูกโอบล้อมโดยสามหัวหน้าศิษย์อย่างหยุนเหยา
เฟิงหมินและอู่อวี้ก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำ
เขายังไม่ได้ใช้อาวุธเวทย์ด้วยซ้ำ
เพียงแค่ใช้หมัดและเท้าที่ผสานกับการโจมตีอันรุนแรงก็ทำให้ได้เปรียบในการต่อสู้กับรุ่นเยาว์ทั้งสามแล้ว
ทั้งสามคนเป็นศิษย์หัวหน้าของแต่ละนิกายและเป็นอัจฉริยะชั้นยอดที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความสามารถ
แน่นอนว่าฝีมือของพวกเขาย่อมมิใช่ชั่ว
ถึงกระนั้นก็ตาม
นอกเหนือจากหยุนเหยาที่สามารถเผชิญหน้ากับมหาปุโรหิตได้อย่างพอฟัดพอเหวี่ยงแล้ว เฟิงหมินกับอู่อวี้กลับทำได้เพียงสู้พลางหลบพลาง
ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ทั้งสามเหวี่ยงกระบี่ออกไปอย่างต่อเนื่องและก่อเกิดเป็นคลื่นกระบี่อันท่วมท้นที่พุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้
มหาปุโรหิตคล่องแคล้วว่องไว
เขาล่าถอยอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของคลื่นกระบี่และโต้กลับด้วยหมัดและเท้าอย่างต่อเนื่อง
เขาเหวี่ยงหมัดสีแดงเลือดที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณอันเข้มข้นเข้าหาทั้งสามจนบีบให้ทุกคนต้องล่าถอย
พลังของหมัดเงาโลหิตเหล่านั้นค่อนข้างใหญ่จนทำให้อากาศระเบิดออก
ทุกครั้งที่กระแทกใส่ต้นไม้ใหญ่ในป่าก็ทำให้มันแหลกเป็นเสี่ยงๆได้อย่างง่ายดาย
เงาร่างของคนทั้งสี่หายวูบไปวูบมาจนยากจะมองตามได้ทัน
พวกเขาค่อยๆขยับสมรภูมิรบจากถ้ำปีศาจไปจนถึงในป่าลึก
.........
ส่วนอีกด้านหนึ่ง
ฮ่าวเมิ่งและจี้เทียนซิงก็กำลังต่อสู้กับเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้
เสื้อคลุมสีขาวที่ฮ่าวเมิ่งสวมใส่ถูกฉีกทึ้งเป็นผ้าขี้ริ้วจนต้องสลัดทิ้งไป
เขาไร้อาภรณ์ปกปิดร่างกายส่วนบนเหลือเพียงกางเกงขาสั้นหนังเพียงชิ้นเดียวและเผยให้เห็นกล้ามเนื้อใหญ่หน้าที่อัดแน่นไปด้วยมวลพลัง
ร่างกายของเขาแข็งแรงเหมือนหอคอยเหล็กกล้า
ผิวหนังเป็นสีคล้ำและมีแขนขาที่ใหญ่หนาพอๆกับเอว
ในขณะนี้เขากุมกระบี่ยักษ์สีแดงด้วยสองมือ
ดวงตาพุ่งพล่านไปด้วยเจตนาต่อสู้
เขาคำรามกึกก้องและเหวี่ยงกระบี่ยักษ์เข้าใส่อีกฝ่าย เขาดูดุร้ายป่าเถื่อนราวกับไดโนเสาร์กึ่งมนุษย์
!
“ตายซะ นังปีศาจ !!”
เท้าของเขากระทืบอย่างแรงลงบนพื้นและเกิดเสียงดัง
ตูม ! พื้นดินสั่นไหวทันทีที่เขาพุ่งทะยาน
กระบี่ยักษ์สีแดงที่ยาวสองเมตรและกว้างเท่ากับม้านั่งตัวหนึ่งแผ่พุ่งเปลวไฟสีแดงเข้มที่โอบอุ้มไว้ด้วยพลังของทรราชที่บ้าคลั่ง
“ตูม ! ตูม !!
”
ทุกครั้งที่ฮ่าวเมิ่งตวัดกระบี่ยักษ์อันทรงพลังออกไปมันจะเปล่งเสียงและเปลวเพลิงอันแรงกล้า
ราวกับจะผ่าร่างเสวี่ยเยวี่ยจวิ้นจู้ออกเป็นสองส่วนในทันที !
ด้วยท่าทีเย่อหยิ่งอหังการ
เขาได้เข้าโจมตีเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้อย่างเกรี้ยวกราดราวกับสัตว์ประหลาดคลั่ง
ภายในป่าทึบเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ต้นหนา
แต่พวกมันกลับถูกทำลายอย่างง่ายดายด้วยกระบี่ยักษ์สีแดงจนลำต้นหักโค่นระเนระนาด
ในเวลาเดียวกันกับการจู่โจมอันรุนแรงของฮ่าวเมิ่ง
จี้เทียนซิงก็เก็บกระบี่มังกรดำกลับไปและโคจรเคล็ดวิถีใจกระบี่ออกมาเพื่อควบคุมคลื่นกระบี่ไปโจมตีต่อเนื่อง
“เช้ง
เช้ง เช้ง เช้ง !”
เส้นสายคลื่นกระบี่สีทองกระจายตัวออกไปราวกับแหวกว่ายสายธารและโอบล้อมเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้จากทุกทิศทาง
กระบี่แต่ละสายพุ่งเป้าไปที่จุดสำคัญของนาง !
จี้เทียนซิงเกือบตกตายด้วยน้ำมือของนางมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
เขาเกลียดชังอีกฝ่ายอย่างสุดขั้วหัวใจ
หากมีโอกาสสังหาร
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ออมมือ
แต่น่าเสียดายที่เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้แข็งแกร่งเกินไป
ระดับพลังยุทธ์ของนางมิได้ด้อยไปกว่าหยุนเหยาแม้แต่น้อยและตัดผ่านมาถึงขอบเขตปราณโอสถนานแล้ว
ถึงแม้จะร่วมมือกับฮ่าวเมิ่งที่มีพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นที่แปดและโอบล้อมนางเอาไว้ได้
แต่มันก็ยังไม่อาจทำอะไรนางได้ในเวลาอันสั้น
“พวกหนอนแมลงที่น่ารำคาญ !”
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้คำรามลั่น
มือทั้งสองข้างของนางเปล่งแสงสีแดงเลือดออกมาและควบแน่นเป็นหัตถ์ปราณโลหิตยักษ์ที่มีขนาดเท่าอ่าง
มันแฝงไว้ด้วยพลังอันรุนแรงและพุ่งเข้าใส่ทั้งสองอย่างต่อเนื่อง
กระบี่ยักษ์สีแดงเพลิงของฮ่าวเมิ่งและคลื่นสายธารกระบี่สีทองของจี้เทียนซิงถูกกระแทกด้วยหัตถ์ปราณโลหิตของนาง
พวกมันกระเด็นไปซ้ายขวาและพลังทำลายก็ลดทอนไปหมดสิ้น
ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีหลายครั้งที่กระบี่ยักษ์ของฮ่าวเมิ่งและคลื่นกระบี่ของจี้เทียนซิงได้กระทบร่างของนาง
แต่ทว่าร่างกายของนางถูกปกคลุมไว้ด้วยชั้นหมอกโลหิตหนาราวกับเกราะปราณโลหิต
ดังนั้น
การโจมตีของพวกเขาแม้แต่เกราะปราณโลหิตก็ยังไม่อาจทะลวงผ่านไปได้ แล้วจะทำร้ายนางได้อย่างไร ?
เวลาผ่านไป
ทั้งสองโจมตีสำเร็จเข้าเป้าไปแล้วหลายร้อยครั้ง แต่กลับไม่อาจทำให้เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้บาดเจ็บได้เลย
หลังจากนางตั้งตัวติดก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หึๆ .....
! จี้เทียนซิง เจ้ามันไม่รู้จักประมาณตน ! ลำพังฝีมือเศษสวะอย่างพวกเจ้าสองคนกลับกล้าซุ่มโจมตีจวินจู้อย่างข้างั้นหรือ
? ผู้ใดมอบความกล้าให้เจ้าเช่นนี้ ?!”
“หากพวกเจ้ามีพลังแค่นี้ก็จงตายซะเถอะ !”
หลังจากกล่าวเย้ยหยัน
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้พลันปะทุพลังปราณทั้งมวลออกมาเพื่อเตรียมใช้ออกด้วยกระบวนท่าสังหารที่ทรงพลัง
“เงาโลหิตผันแปร !”
นางคำรามกึกก้อง
ปราณโลหิตที่ห่อหุ้มร่างกายของนางพลันถูกเร่งเร้าขึ้นอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
“ฟิ้ว !”
เงาร่างของนางเปล่งประกายและพุ่งออกไปเป็นเส้นรุ้งสีแดงเลือด
หลบกระบี่ยักษ์ของฮ่าวเมิ่งได้ในเสี้ยวพริบตา
“ฟิ้ว !”
ในเสี้ยววินาทีต่อมา
นางปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของจี้เทียนซิงราวกับภูติพรายและซัดหัตถ์ปราณโลหิตเข้าหากลางหลังของเขา
“เร็วมาก..... !”
จี้เทียนซิงหน้าถอดสีและรู้ตัวว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือใช้ย่างก้าวไร้เงาเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีของนาง
อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาตอบสนองของเขาก็ยังช้ากว่าเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ที่โคจรพลังเต็มที่
ในที่สุดเขาก็ถูกโจมตีเข้าด้วยหัตถ์ปราณโลหิต
"ปง !!!"
เสียงอู้อี้ดังขึ้นเมื่อหัตถ์ปราณเฉียดผ่านที่แผ่นหลัง
ร่างของเขากระเด็นออกไปร่วมสิบเมตรและสั่นกระตุกอยู่หลายครั้งกว่าจะหยุดได้
โชคดีที่เขาเร็วพอที่จะหลีกเลี่ยงจุดสำคัญและไม่ได้รับบาดเจ็บหนักจากการโจมตีของนาง
อย่างไรก็ตาม
หลังจากรับหัตถ์ปราณโลหิตทำให้เขาค้นพบอะไรบางอย่าง นั่นก็คือเส้นชีพจรกระบี่ในร่างกายของเขาได้เปลี่ยนไป
ก่อนออกจากด่านที่ตำหนักเทียนซิง
เขาได้บรรเทาจุดฝังเข็มจุดที่สองของเส้นชีพจรกระบี่เส้นที่สอง
ด้วยเวลาที่มีจำกัด
ในช่วงสั้นๆเข้าจึงยังบรรเทาไม่ครบกระบวนการ
อย่างไรก็ตาม
เมื่อครู่นี้เขาได้ทะลวงขีดจำกัดศักยภาพเพื่อเลี่ยงจุดตายจากหัตถ์ปราณโลหิตของเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้
ความเร็วในการโคจรพลังปราณในร่างของเขาถูกรีดเค้นจนถึงขีดจำกัดและก่อให้เกิดผลกระทบที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง
ในช่วงอันสั้น
จุดฝังเข็มได้ถูกบรรเทาเพิ่มเติมโดยบังเอิญจากการรีดเค้นพลังปราณในชั่วพริบตา
เขาคาดไม่ถึงว่าการทลายขีดจำกัดในช่วงความเป็นความตายจะส่งผลให้ประสบความสำเร็จในการบรรเทาจุดชีพจร
!
ผลที่ออกมาทำให้ความแข็งแกร่งของเขาได้พัฒนาขึ้นอีกขั้น
ซึ่งผลลัพธ์นี้ทำให้เขาทั้งรู้สึกดีใจและแปลกใจในเวลาเดียวกัน
“วิธีการฝึกฝนของวิถีใจกระบี่นั้นแตกต่างจากการฝึกฝนบ่มเพาะทั่วๆไปมากมายนัก
มันสามารถกระตุ้นศักยภาพในช่วงความเป็นความตาย อีกทั้งยังสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อีกด้วย ช่างวิเศษนัก !”
“ข้าเดาไม่ผิดจริงๆ มีเพียงการต่อสู้จริงที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเท่านั้นที่ทำให้ข้าสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้รวดเร็วขึ้น
!”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved