ตอนที่ 258

วิธีการเช่นนี้ก็สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้

?

ก่อนลงมือหยุนเหยาได้จัดวางแผนการไว้ทั้งหมดแล้ว ดังนั้นสมาชิกทุกคนจึงมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนเป็นระเบียบเรียบร้อย

หยุนเหยา

เฟิงหมิน อู่อวี้ปิดล้อมมหาปุโรหิต ในขณะที่ฮ่าวเมิ่งกับจี้เทียนซิงรุมโจมตีเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้

ทั้งสองฝ่ายเปิดการต่อสู้ในป่าและทันใดนั้นเงากระบี่ก็พร่างพราวบดบังดวงอาทิตย์

มันทำลายต้นไม้ใบหญ้าไปนับไม่ถ้วน

เสียงอู้อี้ดัง

‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง !’ จากการกระทบกันของกระบี่ ระเบิดก้องไปทั่วผืนป่า คลื่นทำลายล้างอันรุนแรงแผ่กระจายกวาดต้านไปทั่วรัศมีร้อยเมตร

ป่าอันเงียบสงบกลายเป็นความยุ่งเหยิง

มันเต็มไปด้วยซากปรักหักของสภาพแวดล้อมรอบๆและต้นไม้ใหญ่ที่ล้มระเนระนาด

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายประหัตถ์ประหารกันอยู่ครู่หนึ่ง

สถานการณ์ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง

แรกเริ่มเดิมที

มหาปุโรหิตและเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ถูกซุ่มโจมตีจนไม่ทันได้ตั้งตัว

สถานการณ์ของพวกเขาจึงตกเป็นรองและเป็นฝ่ายถูกกระทำฝ่ายเดียว

แต่หลังจากผ่านการสู้รบไปได้ชั่วขณะ พวกเขาก็เริ่มตั้งสติคืนความเยือกเย็นกลับมาได้และจัดการตอบโต้อย่างเข้ารูปเข้ารอย

มหาปุโรหิตเป็นยอดฝีมือในขอบเขตปราณโอสถขั้นสูงสุด

แม้ว่าจะถูกโอบล้อมโดยสามหัวหน้าศิษย์อย่างหยุนเหยา

เฟิงหมินและอู่อวี้ก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำ

เขายังไม่ได้ใช้อาวุธเวทย์ด้วยซ้ำ

เพียงแค่ใช้หมัดและเท้าที่ผสานกับการโจมตีอันรุนแรงก็ทำให้ได้เปรียบในการต่อสู้กับรุ่นเยาว์ทั้งสามแล้ว

ทั้งสามคนเป็นศิษย์หัวหน้าของแต่ละนิกายและเป็นอัจฉริยะชั้นยอดที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความสามารถ

แน่นอนว่าฝีมือของพวกเขาย่อมมิใช่ชั่ว

ถึงกระนั้นก็ตาม

นอกเหนือจากหยุนเหยาที่สามารถเผชิญหน้ากับมหาปุโรหิตได้อย่างพอฟัดพอเหวี่ยงแล้ว เฟิงหมินกับอู่อวี้กลับทำได้เพียงสู้พลางหลบพลาง

ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ทั้งสามเหวี่ยงกระบี่ออกไปอย่างต่อเนื่องและก่อเกิดเป็นคลื่นกระบี่อันท่วมท้นที่พุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้

มหาปุโรหิตคล่องแคล้วว่องไว

เขาล่าถอยอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของคลื่นกระบี่และโต้กลับด้วยหมัดและเท้าอย่างต่อเนื่อง

เขาเหวี่ยงหมัดสีแดงเลือดที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณอันเข้มข้นเข้าหาทั้งสามจนบีบให้ทุกคนต้องล่าถอย

พลังของหมัดเงาโลหิตเหล่านั้นค่อนข้างใหญ่จนทำให้อากาศระเบิดออก

ทุกครั้งที่กระแทกใส่ต้นไม้ใหญ่ในป่าก็ทำให้มันแหลกเป็นเสี่ยงๆได้อย่างง่ายดาย

เงาร่างของคนทั้งสี่หายวูบไปวูบมาจนยากจะมองตามได้ทัน

พวกเขาค่อยๆขยับสมรภูมิรบจากถ้ำปีศาจไปจนถึงในป่าลึก

.........

ส่วนอีกด้านหนึ่ง

ฮ่าวเมิ่งและจี้เทียนซิงก็กำลังต่อสู้กับเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้

เสื้อคลุมสีขาวที่ฮ่าวเมิ่งสวมใส่ถูกฉีกทึ้งเป็นผ้าขี้ริ้วจนต้องสลัดทิ้งไป

เขาไร้อาภรณ์ปกปิดร่างกายส่วนบนเหลือเพียงกางเกงขาสั้นหนังเพียงชิ้นเดียวและเผยให้เห็นกล้ามเนื้อใหญ่หน้าที่อัดแน่นไปด้วยมวลพลัง

ร่างกายของเขาแข็งแรงเหมือนหอคอยเหล็กกล้า

ผิวหนังเป็นสีคล้ำและมีแขนขาที่ใหญ่หนาพอๆกับเอว

ในขณะนี้เขากุมกระบี่ยักษ์สีแดงด้วยสองมือ

ดวงตาพุ่งพล่านไปด้วยเจตนาต่อสู้

เขาคำรามกึกก้องและเหวี่ยงกระบี่ยักษ์เข้าใส่อีกฝ่าย  เขาดูดุร้ายป่าเถื่อนราวกับไดโนเสาร์กึ่งมนุษย์

!

“ตายซะ นังปีศาจ !!”

เท้าของเขากระทืบอย่างแรงลงบนพื้นและเกิดเสียงดัง

ตูม !  พื้นดินสั่นไหวทันทีที่เขาพุ่งทะยาน

กระบี่ยักษ์สีแดงที่ยาวสองเมตรและกว้างเท่ากับม้านั่งตัวหนึ่งแผ่พุ่งเปลวไฟสีแดงเข้มที่โอบอุ้มไว้ด้วยพลังของทรราชที่บ้าคลั่ง

“ตูม !  ตูม !!

ทุกครั้งที่ฮ่าวเมิ่งตวัดกระบี่ยักษ์อันทรงพลังออกไปมันจะเปล่งเสียงและเปลวเพลิงอันแรงกล้า

ราวกับจะผ่าร่างเสวี่ยเยวี่ยจวิ้นจู้ออกเป็นสองส่วนในทันที !

ด้วยท่าทีเย่อหยิ่งอหังการ

เขาได้เข้าโจมตีเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้อย่างเกรี้ยวกราดราวกับสัตว์ประหลาดคลั่ง

ภายในป่าทึบเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ต้นหนา

แต่พวกมันกลับถูกทำลายอย่างง่ายดายด้วยกระบี่ยักษ์สีแดงจนลำต้นหักโค่นระเนระนาด

ในเวลาเดียวกันกับการจู่โจมอันรุนแรงของฮ่าวเมิ่ง

จี้เทียนซิงก็เก็บกระบี่มังกรดำกลับไปและโคจรเคล็ดวิถีใจกระบี่ออกมาเพื่อควบคุมคลื่นกระบี่ไปโจมตีต่อเนื่อง

“เช้ง

เช้ง  เช้ง  เช้ง  !”

เส้นสายคลื่นกระบี่สีทองกระจายตัวออกไปราวกับแหวกว่ายสายธารและโอบล้อมเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้จากทุกทิศทาง

กระบี่แต่ละสายพุ่งเป้าไปที่จุดสำคัญของนาง !

จี้เทียนซิงเกือบตกตายด้วยน้ำมือของนางมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

เขาเกลียดชังอีกฝ่ายอย่างสุดขั้วหัวใจ

หากมีโอกาสสังหาร

แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ออมมือ

แต่น่าเสียดายที่เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้แข็งแกร่งเกินไป

ระดับพลังยุทธ์ของนางมิได้ด้อยไปกว่าหยุนเหยาแม้แต่น้อยและตัดผ่านมาถึงขอบเขตปราณโอสถนานแล้ว

ถึงแม้จะร่วมมือกับฮ่าวเมิ่งที่มีพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นที่แปดและโอบล้อมนางเอาไว้ได้

แต่มันก็ยังไม่อาจทำอะไรนางได้ในเวลาอันสั้น

“พวกหนอนแมลงที่น่ารำคาญ !”

เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้คำรามลั่น

มือทั้งสองข้างของนางเปล่งแสงสีแดงเลือดออกมาและควบแน่นเป็นหัตถ์ปราณโลหิตยักษ์ที่มีขนาดเท่าอ่าง

มันแฝงไว้ด้วยพลังอันรุนแรงและพุ่งเข้าใส่ทั้งสองอย่างต่อเนื่อง

กระบี่ยักษ์สีแดงเพลิงของฮ่าวเมิ่งและคลื่นสายธารกระบี่สีทองของจี้เทียนซิงถูกกระแทกด้วยหัตถ์ปราณโลหิตของนาง

พวกมันกระเด็นไปซ้ายขวาและพลังทำลายก็ลดทอนไปหมดสิ้น

ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีหลายครั้งที่กระบี่ยักษ์ของฮ่าวเมิ่งและคลื่นกระบี่ของจี้เทียนซิงได้กระทบร่างของนาง

แต่ทว่าร่างกายของนางถูกปกคลุมไว้ด้วยชั้นหมอกโลหิตหนาราวกับเกราะปราณโลหิต

ดังนั้น

การโจมตีของพวกเขาแม้แต่เกราะปราณโลหิตก็ยังไม่อาจทะลวงผ่านไปได้  แล้วจะทำร้ายนางได้อย่างไร ?

เวลาผ่านไป

ทั้งสองโจมตีสำเร็จเข้าเป้าไปแล้วหลายร้อยครั้ง แต่กลับไม่อาจทำให้เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้บาดเจ็บได้เลย

หลังจากนางตั้งตัวติดก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“หึๆ .....

! จี้เทียนซิง เจ้ามันไม่รู้จักประมาณตน !  ลำพังฝีมือเศษสวะอย่างพวกเจ้าสองคนกลับกล้าซุ่มโจมตีจวินจู้อย่างข้างั้นหรือ

? ผู้ใดมอบความกล้าให้เจ้าเช่นนี้ ?!”

“หากพวกเจ้ามีพลังแค่นี้ก็จงตายซะเถอะ !”

หลังจากกล่าวเย้ยหยัน

เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้พลันปะทุพลังปราณทั้งมวลออกมาเพื่อเตรียมใช้ออกด้วยกระบวนท่าสังหารที่ทรงพลัง

“เงาโลหิตผันแปร !”

นางคำรามกึกก้อง

ปราณโลหิตที่ห่อหุ้มร่างกายของนางพลันถูกเร่งเร้าขึ้นอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

“ฟิ้ว !”

เงาร่างของนางเปล่งประกายและพุ่งออกไปเป็นเส้นรุ้งสีแดงเลือด

หลบกระบี่ยักษ์ของฮ่าวเมิ่งได้ในเสี้ยวพริบตา

“ฟิ้ว !”

ในเสี้ยววินาทีต่อมา

นางปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของจี้เทียนซิงราวกับภูติพรายและซัดหัตถ์ปราณโลหิตเข้าหากลางหลังของเขา

“เร็วมาก..... !”

จี้เทียนซิงหน้าถอดสีและรู้ตัวว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว  สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือใช้ย่างก้าวไร้เงาเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีของนาง

อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาตอบสนองของเขาก็ยังช้ากว่าเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ที่โคจรพลังเต็มที่

ในที่สุดเขาก็ถูกโจมตีเข้าด้วยหัตถ์ปราณโลหิต

"ปง  !!!"

เสียงอู้อี้ดังขึ้นเมื่อหัตถ์ปราณเฉียดผ่านที่แผ่นหลัง

ร่างของเขากระเด็นออกไปร่วมสิบเมตรและสั่นกระตุกอยู่หลายครั้งกว่าจะหยุดได้

โชคดีที่เขาเร็วพอที่จะหลีกเลี่ยงจุดสำคัญและไม่ได้รับบาดเจ็บหนักจากการโจมตีของนาง

อย่างไรก็ตาม

หลังจากรับหัตถ์ปราณโลหิตทำให้เขาค้นพบอะไรบางอย่าง นั่นก็คือเส้นชีพจรกระบี่ในร่างกายของเขาได้เปลี่ยนไป

ก่อนออกจากด่านที่ตำหนักเทียนซิง

เขาได้บรรเทาจุดฝังเข็มจุดที่สองของเส้นชีพจรกระบี่เส้นที่สอง

ด้วยเวลาที่มีจำกัด

ในช่วงสั้นๆเข้าจึงยังบรรเทาไม่ครบกระบวนการ

อย่างไรก็ตาม

เมื่อครู่นี้เขาได้ทะลวงขีดจำกัดศักยภาพเพื่อเลี่ยงจุดตายจากหัตถ์ปราณโลหิตของเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้

ความเร็วในการโคจรพลังปราณในร่างของเขาถูกรีดเค้นจนถึงขีดจำกัดและก่อให้เกิดผลกระทบที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง

ในช่วงอันสั้น

จุดฝังเข็มได้ถูกบรรเทาเพิ่มเติมโดยบังเอิญจากการรีดเค้นพลังปราณในชั่วพริบตา

เขาคาดไม่ถึงว่าการทลายขีดจำกัดในช่วงความเป็นความตายจะส่งผลให้ประสบความสำเร็จในการบรรเทาจุดชีพจร

!

ผลที่ออกมาทำให้ความแข็งแกร่งของเขาได้พัฒนาขึ้นอีกขั้น

ซึ่งผลลัพธ์นี้ทำให้เขาทั้งรู้สึกดีใจและแปลกใจในเวลาเดียวกัน

“วิธีการฝึกฝนของวิถีใจกระบี่นั้นแตกต่างจากการฝึกฝนบ่มเพาะทั่วๆไปมากมายนัก

มันสามารถกระตุ้นศักยภาพในช่วงความเป็นความตาย อีกทั้งยังสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อีกด้วย  ช่างวิเศษนัก !”

“ข้าเดาไม่ผิดจริงๆ มีเพียงการต่อสู้จริงที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเท่านั้นที่ทำให้ข้าสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้รวดเร็วขึ้น

!”