โลกใบเล็กในข่ายอาคม
เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างก็พูดคุยถกเถียงกันอยู่พักหนึ่ง
จากนั้นก็จ้องมองไปยังกลางห้องโถง
มีม่านแสงสีขาวที่กินรัศมีสิบเมตรและส่องแสงสีขาวอันพร่างพราวงดงามออกมา
เห็นได้ชัดว่านี่ข่ายปราณขนาดใหญ่อีกจุดหนึ่ง
ซึ่งเป็นไปตามชื่อของมัน ข่ายปราณแม่ลูก
จุดที่พวกมันทุกคนยืนอยู่นี้ก็คือข่ายปราณแม่และม่านแสงสีขาวกลางห้องโถงก็คือข่ายปราณลูก
ฮั่นเฉียวเซิงวางโทเค็นประจำตัวของทุกคนไว้ในข่ายปราณลูกนั่นเอง พวกมันทุกคนเพิ่งผ่านการทดสอบแรก จากนั้นก็ต้องเข้าสู่ข่ายปราณลูกเพื่อค้นหาโทเค็นของตนเองให้พบ
ตอนนี้ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
ซึ่งเวลาที่ฮั่นเฉียวเซิงกำหนดไว้สองชั่วโมง ตอนนี้เท่กับว่าผ่านไปหนึ่งในสี่แล้ว
ศิษย์ทั้งหลายเริ่มรู้สึกว่าเวลากระชั้นชิดนัก
พวกมันเริ่มหยุดพูดคุยและมุ่งหน้าไปยังข่ายปราณลูก
“เวลาไม่คอยท่าแล้ว
รีบเข้าไปในข่ายปราณลูกแล้วตามหาโทเค็นกันเถอะ!”
“จี้เทียนซิงกับลู่หมิงหยางยังไม่โผล่หัวมาอีก
สิ้นหวังแล้วล่ะ ตกรอบแน่นอนงานนี้”
“จะไปสนใจพวกไร้ค่าทำไม
รีบเข้าไปดูในข่ายปราณลูกกันเถอะ”
“เฮ้ๆ พวกเจ้าดูสิ ! ข่ายปราณลูกนี้แปลกพิลึกนัก ไม่สามารถเดินเข้าไปตรงๆได้
เจ้าต้องตีความเพื่อทำลายมันก่อน !”
“บ้าเอ้ย ! ดูเหมือนว่าการทดสอบรอบที่สองจะต่างออกไปเสียแล้ว
เริ่มศึกษาหาวิธีทำลายมันโดยเร็วเถอะ”
“มะ... ไม่ได้ผล ! ข้าลองหลายวิธีที่ครูฝึกฮั่นสอนมาทั้งหมดแล้ว
ไม่เวิร์คสักวิธีเลยอ่า !”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายเริ่มพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง
จากนั้นก็เริ่มตระหนักถึงความยากลำบากของด่านที่สองแล้ว ใบหน้าของพวกมันเริ่มดูไม่จืดและเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม
ในที่สุดพวกมันก็เข้าใจแล้วว่าค่ายกลแม่ลูกที่ฮั่นเฉียวเซิงวางไว้
แม้จะเป็นข่ายปราณล้ำลึกระดับต่ำ แต่มันก็เต็มไปด้วยปริศนาที่ซ่อนเร้น
มันไม่ง่ายเลยที่จะเข้าไปในข่ายปราณรองเพื่อค้นหาโทเค็นประจำตัว
!
......
“วูบ !”
เมื่อลำแสงสีขาวกระพริบวูบ
ลู่หมิงหยางก็ปรากฏขึ้นบนทางเดินอันมืดมิดผ่านอากาศที่เบาบาง
ที่ด้านหลัง
ด้านซ้ายและด้านขวาของมันก็ยังคงเป็นกำแพงหินสีน้ำเงิน มีเพียงทางเดินด้านหน้าเท่านั้นที่ขยายยาวยืดออกไปและมีแสงรำไรที่สุดทาง
ลู่หมิงหยางหันไปมองรอบๆและไม่พบใครสักคนบนเส้นทางอันมืดมิด
ทันใดนั้นสีหน้าของมันก็เผยรอยยิ้มอันแจ่มใสออกมา
“เหอๆเจ้าพวกงี่เง่า
คิดว่าคนอย่างข้าจะไม่ผ่านด่านแรกงั้นหรือ ?”
“ด้วยสมองหมูๆของพวกเจ้าจะคิดออกได้อย่างไรว่าข้าทำลายข่ายปราณแม่เพื่อเข้าสู่ข่ายปราณลูกโดยตรง
?”
“ดูเหมือนว่าอันดับหนึ่งในการประเมินครั้งนี้คงมิใช่ใครอื่นนอกจากข้าเสียแล้ว ฮ่าๆๆ ...”
เมื่อคิดได้ดังนี้
ลู่หมิงหยางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่น
แต่ในขณะนี้เองเมื่อเสียง
“วูบ” กระทบโสต ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในเสื้อคลุมสีฟ้าก็ปรากฏตัวขึ้นในอากาศที่เบาบางเช่นเดียวกับมัน
ลู่หมิงหยางหน้าถอดสีโดยพลันและรับรู้ว่าคนผู้นี้ก็คือจี้เทียนซิง
!
มันตกตะลึงทันทีและจ้องมองไปที่อีกฝ่ายพลางร่ำร้องโหวกเหวกราวกับเห็นผี
"จิ.. จี้เทียนซิง ! เจ้า...
เจ้าเข้ามาได้อย่างไร ?”
"เป็นไปไม่ได้ ! มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
!”
ลู่หมิงหยางเป็นผู้เชี่ยวชาญข่ายปราณก่อนที่จะเข้านิกายพันธมิตรสวรรค์
ดังนั้นมันจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในการทดสอบนี้มากกว่าศิษย์คนอื่นๆ
มันคาดไม่ถึงว่าจี้เทียนซิงจะตามมันมาติดๆโดยการทำลายข่ายปราณชั้นแรกจนเข้ามาในข่ายปราณลูกโดยตรง
!
ยิ่งไปกว่านั้น
จี้เทียนซิงก็ช้าก็มันเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น !
เมื่อได้ยินเสียงร้องทัก
จี้เทียนซิงก็เห็นภาพเบื้องหน้าและเจ้าของเสียง
สายตาของเขาตกไปอยู่ที่ลู่หมิงหยาง
เมื่อได้เห็นสีหน้าหม่นหมองของอีกฝ่าย
จี้เทียนซิงร่ำร้องออกมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “เหอะ
มันแปลกตรงไหน ? ก็แค่ระเบิดมันทิ้งซะเพราะข่ายปราณนี้เป็นข่ายปราณซ้อนข่ายปราณและมีช่องทางลับอยู่เต็มไปหมด
พวกมันสามารถทะลุหากันได้ตราบเท่าที่ทำลายพื้นผิวของมัน ของพรรค์นี้ก็แค่ภาพมา....”
หลังจากพูดสาธยายถึงตอนนี้
จี้เทียนซิงก็ยกมือขึ้นและกล่าวว่า “ช่างเถอะๆ ลืมมันไปซะ
ต่อให้อธิบายให้เจ้าฟังไปมากแค่ไหนเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”
“อะไรวะ !?”
ลู่หมิงหยางเบิกตาถลนพลางตะโกนใส่หน้าจี้เทียนซิงทันที คำพูดเหยียดหยามดูแคลนของอีกฝ่ายทำให้สีหน้าของมันดูไม่จืดจนควันออกหู
“เจ้ากล้าดูถูกข้า ? คิดว่าข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูดหรือไง ? ฮ่าๆๆ... จี้เทียนซิง อย่าได้ผยองเกินไปนัก !”
ลู่หมิงหยางจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงพลางสบถออกมาด้วยความโกรธ
จี้เทียนซิงเหลือบมองอีกฝ่ายที่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงและกล่าวว่า
“ลู่หมิงหยาง เจ้าป่วยหรือเป็นโรคประสาท ?”
ลู่หมิงหยางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยโทสะและตะโกนออกมาว่า
“เจ้า ! จี้เทียนซิง คอยดูกันไปเถอะ
ข้าจะคว้าอันดับหนึ่งและเหยียบย่ำเจ้าไว้ใต้เท้า ! ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นว่าใครกันแน่คืออัจฉริยะในศาสตร์ข่ายอาคม”
จี้เทียนซิงเผยสีหน้าเบื่อหน่ายพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
“เรื่องนี้ยังต้องถามอีกหรือ ? ข้าต่างหากอันดับหนึ่ง !”
เมื่อกล่าวจบเขาก็เชิดมุมปากขึ้นอย่างดูแคลน
จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินลึกเข้าไปตามทาง
ลู่หมิงหยางมองไปที่แผ่นหลังของอีกฝ่ายและขบกรามกรอด
มือสองข้างกำแน่นจนกระดูกลั่นเอี๊ยดอ๊าด
"ระยำ ! มันจงใจกวนโทสะข้าให้สูญเสียความเยือกเย็นชัดๆ
...... ข้าเกือบจะหลงกลมันเสียแล้ว !”
หลังจากนั้นไม่นานลู่หมิงหยางก็คืนสติและรีบไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาวิ่งมาจนถึงสุดทางก็เห็นประตูแสงสองบานที่อยู่เบื้องหน้า
ประตูแสงทางด้านซ้ายเป็นสีแดงและขอบของกรอบประตูสะท้อนไปด้วยแสงของเปลวเพลิงที่ลุกโหม
ส่วนประตูแสงทางด้านขวาเป็นสีฟ้าน้ำแข็งและกรอบประตูถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งหนาและแท่งน้ำแข็งอันแหลมคมมากมาย
เมื่อเห็นประตูแสงทั้งสองบานนี้ลู่หมิงหยางก็เข้าใจทันที
มันคิดในใจว่า
“ดูเหมือนว่าจะมีโลกใบเล็กอยู่ภายในข่ายปราณย่อย...
มีทางเลือกสองทางหนึ่งคือไฟอีกหนึ่งคือน้ำแข็ง...."
“จี้เทียนซิงเพิ่งเข้าประตูน้ำแข็งทางด้านขวาไป
หากเป็นเช่นนี้ข้าจะเข้าประตูเพลิงทางด้านซ้ายเอง !"
ด้วยความคิดในใจ
ลู่หมิงหยางก็ก้าวเท้าเข้าไปในประตูแสงเปลวเพลิงด้วยความลังเลเล็กน้อย
“พึ่บ !”
เมื่อเกิดประกายไฟขึ้น
ลู่หมิงหยางก็เข้าสู่โลกใบเล็กของข่ายปราณย่อยและปรากฏตัวขึ้นบนภูเขาสีแดงก่ำอันร้อนระอุ
เทือกเขาทั้งหมดนั้นเปลือยเปล่าและพื้นผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มทั้งสิ้น
รวมไปถึงควันดำที่พวยพุ่งขึ้นฟ้าอย่างต่อเนื่อง
อุณหภูมิบนพื้นดินสูงมากและมีหลายแห่งที่ถูกแผดเผาไปด้วยเปลวไฟสีแดงเข้ม
หลุมบ่อบางแห่งก็ยังเต็มไปด้วยแม็กมาสีแดงเถือก
นอกจากนี้ยังมีลำธารสีแดงหลายแห่งบนไหล่เขา
ตามมาด้วยลาวาสีแดงไหลลงมาจากภูเขา
อากาศโดยรอบร้อนระอุอย่างสุดขั้ว
แม้แต่เปลวไฟสีแดงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ล่องลอยอยู่ทั่วไป
ลู่หมิงหยางยืนอยู่บนภูเขาไฟได้ระยะหนึ่งก็เริ่มรู้สึกร้อนลวกจนผิวแห้งกรัง
มันคิดในใจว่า “ครูฝึกฮั่นหนักมือเกินไปหรือเปล่า...
? ถึงขนาดสร้างภูเขาไฟในข่ายปราณย่อยเชียวหรือ
?”
“รอบๆตัวข้าดูยังไงก็ไม่มีทางไปต่อ ดูเหมือนจะต้องพลิกภูเขาค้นหาโทเค็นเองเสียแล้ว...
จะว่าไป ถึงแม้ข้าจะรู้ว่านี่เป็นภาพลวงตาที่สร้างขึ้นโดยข่ายปราณของครูฝึกฮั่น
แต่มันกลับเหมือนจริงจนแทบจะแยกไม่ออก !”
ลู่หมิงหยางกระซิบกับตัวเองและค่อยๆเดินลัดเลาะไปตามแนวภูเขาไฟเพื่อค้นหาโทเค็นด้วยสายตาที่กระตือรือร้น
ถึงแม้มันจะพยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีเปลวเพลิงหนาแน่นและพื้นที่ที่มีลาวาไหลผ่าน แต่กระนั้น
อากาศและผืนดินอันร้อนระอุก็ยังทำให้มันต้องตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
มันพยายามข่มใจและกัดฟันแน่นด้วยความแน่วแน่
มันพยายามบอกตัวเองในใจอยู่ตลอดเวลาว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพลวงตาที่สร้างขึ้นจากข่ายปราณเท่านั้น ตราบใดที่หาทางทำลายแกนกลางของข่ายปราณได้
ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าก็จะหายไปในพริบตา
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved