ตอนที่ 360 เวลาที่มีจำกัด

อันที่จริงแล้วด้วยระดับความแข็งแกร่ง

พลังและวิธีการของจี้เทียนซิงนั้นยังมิอาจทำลายข่ายปราณอนุพันธ์ห้าธาตุได้อย่างสมบูรณ์

เขาสามารถปิดการทำงานของมันได้เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น

คร่าวๆแล้วก็ประมาณเจ็ดวัน

หลังจากเจ็ดวันผ่านไปอนุพันธ์ห้าธาตุจะกลับมาทำงานตามปกติ

แต่เพียงสามารถทำได้ขนาดนี้ก็สร้างความตื่นตะลึงให้แก่หยุนเหยา

ชูไฮว่ซานและเหล่าผู้ดูแลอย่างคาดไม่ถึงแล้ว !

ผู้คนรอบๆยังคงรู้สึกทึ่งกับภาพที่เห็น  จี้เทียนซิงหยุดมือและนั่งลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว

ถือหินวิญญาณไว้ในมือและเริ่มฟื้นฟูพลังลมปราณ

ในช่วงเวลาตลอดห้าชั่วยามที่ผ่านมานี้

เขาใช้พลังไปมากมายในกระบวนการทะลวงข่ายปราณ ไม่เพียงแค่ปราณแท้มหาศาลที่เสียไป

แต่จิตวิญญาณก็ยังอ่อนล้าตามไปด้วย

เมื่อเห็นเช่นนี้หยุนเหยาจึงเดินชดช้อยไปเบื้องหน้ามันและนั่งลงเหยียดฝ่ามือผสานกับฝ่ามือของอีกฝ่ายเพื่อส่งผ่านพลังไปให้

เดิมทีจี้เทียนซิงจะต้องใช้เวลาฟื้นฟูพลังกว่าสี่ชั่วยามและเสียหินวิญญาณหนึ่งก้อน

แต่ด้วยความช่วยเหลือของหยุนเหยา

พลังของมันก็ฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ได้หลังจากสองชั่วยามผ่านไป

หลังจากเสร็จเรียบร้อย

จี้เทียนซิงก็พยักหน้าให้นางเพื่อแสดงความขอบคุณ

จากนั้นเขาก็กลับไปลงมือต่ออีกครั้ง ทะลวงข่ายปราณชนิดที่สอง, ข่ายปราณเจ็ดดารา

เมื่อเห็นขั้นตอนนี้

ชูไฮว่ซานขมวดคิ้วขึ้นโดยพลันและถามในทันทีว่า “เทียนซิง

เหตุใดเจ้าถึงได้เริ่มลงมือกับข่ายปราณเจ็ดดาราก่อนเล่า ? มิใช่ว่าควรเป็นเสถียรหกวิถีหรอกหรือ ??”

ไม่เพียงแค่ชูไฮว่ซานเท่านั้นที่สงสัย

แต่ทุกคนรอบๆก็รู้สึกแบบเดียวกัน

จี้เทียนซิงอธิบายให้ฟังอย่างรวดเร็วว่า

“อาวุโสชู

มหาข่ายปราณระดับสวรรค์นี้ซ้อนทับกันด้วยข่ายปราณถึงห้าชนิด

กระบวนการในการทำลายมันจะต้องทำทีละขั้นและค่อนข้างนอกกรอบ"

"หากเริ่มจากง่ายไปยากซึ่งเป็นสามัญสำนึกทั่วไป

ข้าเกรงว่าข่ายปราณเสถียรหกวิถีจะเกิดปฏิกิริยาขึ้นและระเบิดอย่างรุนแรงแน่นอน

สุสานและภูเขาทั้งหมดจะพังทลาย”

ชูไฮว่ซานตระหนักขึ้นมาอย่างฉับพลันและพยักหน้าเข้าใจ

“เป็นเช่นนี้นี่เอง

!”

จี้เทียนซิงกล่าวต่อไปว่า

"ก่อนหน้านี้ข้าได้มีวาสนาได้ฝึกฝนวิถีแห่งข่ายอาคมกับผู้อาวุโสท่านหนึ่งอยู่สองสัปดาห์

มันทำให้ข้าเข้าใจถึงการจัดวางและรูปแบบของมหาข่ายปราณระดับสวรรค์นี้

ข้าจึงค่อยๆปลดมันตามลำดับไปทีละส่วน"

ตอนอยู่ในวิหารโบราณแห่งดวงดาว

เต่ามังกรได้สั่งสอนความรู้ให้จี้เทียนซิงมากมาย

เขาจึงทราบหัวใจสำคัญในการทำลายมหาข่ายปราณระดับสวรรค์นี้

อีกทั้งเต่ามังกรยังย้ำนักย้ำหนาว่าจงปลดล็อคมันตามลำดับเท่านั้น

หากวางลำดับการปลดทะลวงผิดพลาด

ผลที่ตามมาจะร้ายแรงยิ่ง ข่ายปราณจะเกิดปฏิกิริยาและระเบิดในทันที

จี้เทียนซิงจดจำคำพูดเหล่านี้ไว้ในใจและก่อนจะลงมือเขาก็ได้คิดคำนวณถึงความเป็นไปได้มากมายหลายร้อยครั้ง

ซึ่งผลที่ออกมาจะต้องแม่นยำที่สุด

หยุดไปครู่หนึ่ง

ชายหนุ่มก็จีบนิ้วชี้กับนิ้วกลางเข้าหากันก่อรูปแบบเป็นดัชนีกระบี่

จากนั้นใช้ดัชนีกระบี่วาดเป็นเส้นสายโค้งเว้าอย่างต่อเนื่องด้วยท่วงท่าลึกลับพิสดาร

ปราณแท้เปล่งแสงสว่างไหลเวียนไปตามเส้นโค้งเหล่านี้

หลังจากนั้นไม่นานเส้นสายปราณแท้เปล่งปลั่งจากดัชนีกระบี่ก็จมเข้าไปในข่ายปราณและสร้างปฏิกิริยาอันยิ่งใหญ่ขึ้นทันที

มันเกิดการเปลี่ยนแปลงราวกับแผ่นดินไหว

ม่านปราการหลากสีที่มีรัศมี

1,000 เมตรส่องสว่างขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที ก่อตัวเป็นเมฆหลากสีด้วยรัศมีหลายสิบไมล์

มหาข่ายปราณระดับสวรรค์ทั้งหมดยังมีการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง  มีจุดสีเงินหนาแน่นเกาะอยู่บนม่านปราการหลากสีกว่า

90,000 จุด  ประดุจดั่งทะเลดวงดาวที่กว้างใหญ่ไพศาล

จุดสีเงินเหล่านั้นเปล่งแสงเจิดจ้าดั่งดวงดารา

สะท้อนหมูเมฆหลากสีสันเหนือมหาข่ายปราณ

ทันใดนั้นเองแผนที่หมู่ดาวอันงดงามตระการตาและน่าหลงใหลพลันปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

ทุกคนมองไปที่หมู่เมฆและดวงดาวบนท้องฟ้า

ได้เห็นจุดแสงสีเงินของดวงดาวทั้ง 90,000 ดวงที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา

ภาพอันวิจิตรที่ได้เห็นนี้ทำให้ทุกคนอึ้ง

โดยเฉพาะเหล่าผู้ดูแลที่หมกมุ่นอยู่กับการศึกษาข่ายปราณอาคมมากว่าครึ่งชีวิต  พวกมันประจับใจต่อความลึกลับอันน่าหลงใหลของข่ายปราณระดับสวรรค์ที่เปล่งแสงเจิดจ้าอยู่เบื้องหน้า

ในขณะนี้เอง

พวกมันได้เห็นความลึกลับของข่ายปราณเจ็ดดาราซึ่งเป็นข่ายปราณระดับสวรรค์ ภาพของดาวเคลื่อนดาราคล้อยเหล่านี้ทำให้พวกมันตัวสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น

"ละ.. เหลือเชื่อ ! เป็นบุญตาของข้ายิ่งนักที่มีโอกาสได้เห็นการก่อตัวของข่ายปราณอันงดงามเช่นนี้

ตาแก่อย่างข้าตายไปก็ไม่เสียดายแล้ว !”

"นี่เป็นปาฏิหาริย์อย่างแน่นอน

! การก่อตัวอันน่าอัศจรรย์นี้ไม่ได้เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ! "

"จี้เทียนซิงมีความสามารถในระดับปราณจิตเท่านั้น

แต่ความสำเร็จของมันกลับลึกล้ำเกินกว่าพวกเราทุกคน  ช่างน่าอับอายเสียจริง......."

"ไอ๊ ! เมื่อเทียบกับเด็กหนุ่มอายุเพียง 17

ปีที่ทำได้ขนาดนี้ การที่พวกเรามีชีวิตมาร่วมร้อยกว่าปีนั้นช่างสูญเปล่าเสียจริง !"

"สวรรค์อวยพรให้นิกายเรามีศิษย์ที่ประเสริฐและมากความสามารถอีกคน

!"

ทุกคนรอบๆเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี ปากพูดพร่ำเพ้อในขณะที่ดวงตาจับจ้องไปบนท้องฟ้าหมู่ดาวอย่างไม่ละสายตา

ก่อนหน้านี้ที่ทุกคนได้ยินว่าจี้เทียนซิงคิดจะทำลายมหาข่ายปราณ

พวกมันเต็มไปด้วยความวิตกกังวลเพราะกลัวว่ามันจะทำพลาดจนเกิดความเสียหาย

ท้ายที่สุดแล้วชูไฮว่ซานก็เคยย้ำนักย้ำหนากับพวกมันทุกคนว่าข่ายปราณระดับสวรรค์ชุดนี้มีความลึกลับเป็นอย่างยิ่ง

การทำลายข่ายปราณขนาดใหญ่นั้นหากเกิดการเบี่ยงเบนผิดพลาดใดๆ

มันจะทำให้เกิดผลตามมาที่ไม่อาจแก้ไขได้

ข่ายปราณทั้งหมดและสุสานจะระเบิด

ทว่า เมื่อทุกคนที่ได้เห็นกระบวนการและวิธีการทำลายข่ายปราณของจี้เทียนซิง, ได้เห็นแผนที่ดวงดาวบนท้องฟ้าที่วิจิตรงดงาม

ความวิตกกังวลทั้งหมดก็หายไปโดยพลันและถูกแทนที่ด้วยความตื่นตะลึงตกใจ

แม้แต่หยุนเหยาที่มักจะวางสีหน้าเย็นชาก็ยังต้องเผยอกลีบปากน้อยๆขึ้นด้วยความตกใจ  นางตกตะลึงกับความลึกลับของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวสีเงินตรงหน้านี้

นางยืนอยู่ข้างๆจี้เทียนซิง ผินวงหน้างามจ้องมองอีกฝ่ายอย่างสนอกสนใจและได้เห็นสีหน้าจริงจังที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ

กลิ่นอายบุรุษเพศที่หนักแน่นมั่นคงราวกับขุนเขา ทั้งหมดทั้งมวลทำให้นางรู้สึกถึงคุณค่าและเสน่ห์ของมันมากขึ้นเรื่อยๆ

"หากเปรียบเทียบกับชายหนุ่มหล่อเหลาที่มีความกล้าหาญดุดัน  เทียนซิงนั้นสงบเยือกเย็น, สุขุม, มีความมั่นใจและเก็บอาการได้ดียิ่งกว่า"

"หากได้เห็นท่วงท่าของมันในยามนี้

ไม่ทราบว่าจะมีอิสตรีมากน้อยเพียงใดที่จะตกหลุมรักและหลงใหลมัน.... "

ความคิดเหล่านี้เปล่งประกายในใจของหยุนเหยา

จากนั้นมุมปากของนางก็ยกขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยยิ้มที่งดงาม

ผ่านไปสี่ชั่วยามโดยไม่รู้ตัว

เมฆหลากสีสันที่ปกคลุมท้องฟ้าและแผนภูมิท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ซึ่งประกอบไปด้วย

90,000 ดวงดาวก็สลายไปในที่สุด

จี้เทียนซิงวาดเส้นสายปราณแท้อันเจิดจ้าอย่างต่อเนื่องหลายครั้งเพื่อทำลายข่ายปราณ

ในที่สุดก็สามารถปิดการทำงานของมันได้ชั่วคราว

ข่ายปราณเจ็ดดารานั้นลึกซึ้งและทรงพลังยิ่งกว่าอนุพันธ์ห้าธาตุ

ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถก็ยังทำได้เพียงปิดการทำงานของมันได้แค่หกวันเท่านั้น

หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการ

จี้เทียนซิงก็หดมือกลับและหยุดโคจรพลัง ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดเซียว

เหงื่อเย็นเริ่มซึมออกมาจากหน้าผาก

ลมปราณแท้จริงของเขาหมดลงอีกครั้งและจิตวิญญาณรู้สึกอ่อนล้า

เขาหยิบหินวิญญาณออกมาและดูดซับพลังของมันเพื่อฟื้นฟู

หยุนเหยาก็เดินไปนั่งตรงข้ามเขาอีกครั้ง

ทาบฝ่ามือประสานเพื่อถ่ายเทลมปราณช่วยฟื้นฟูพลังอีกทางหนึ่ง

สามชั่วยามต่อมาพลังของเขาก็ฟื้นกลับมาได้แปดส่วน

เขาอดทนต่อความเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ

เริ่มกระบวนการทำลายมหาข่ายปราณระดับสวรรค์ต่อไป

"ยังคงเหลือข่ายปราณซ้อนอีกสามชนิดที่ต้องทำลาย

แต่ข้ามีเวลาแค่หกวันเท่านั้น”

"ครั้งนี้ข้าจะต้องหยุดการทำงานของข่ายปราณเสถียรหกวิถีเป็นลำดับต่อไป

!”

จี้เทียนซิงทราบดีว่ายิ่งเป็นข่ายปราณชุดหลังๆความยากก็จะยิ่งมากขึ้นเป็นเท่าทวี

แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัด เขาจะหยุดพักไม่ได้

เขาจ้องเขม็งไปที่ข่ายปราณเบื้องหน้า โบกฝ่ามือโคจรพลังลมปราณออกมาอีกครั้งเป็นแสงปราณเจิดจ้า

ฉีดอัดเข้าไปที่ม่านพลังหลากสีสันและเริ่มกระบวนการยับยั้งการทำงานของข่ายปราณเสถียรหกวิถี