การกระทำที่คาดไม่ถึง
ฉัวะ
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ
ฉัวะ !
รัศมีกระบี่อันพร่างพราวห้าสายแผ่กระจายออกไป
แต่ละสายมุ่งเข้าหาเงาดำทั้งห้าร่างที่พุ่งเข้ามา
ผู้นำของเงาดำห้าร่างนั้นคือสตรีนางหนึ่งที่แผ่กลิ่นอายอันแข็งแกร่งออกมา
สตรีนางนี้มิใช่ตัวตนที่แปลกหน้าสำหรับจี้เทียนซิงและหยุนเหยา
วูบ
วูบ !!
ในขณะที่พุ่งออกมา
นางร่ายมนต์คาถาในทันทีและเปลี่ยนฝ่ามือคู่นั้นให้กลายเป็นฝ่ามือยักษ์คู่หนึ่ง มันกระแทกเข้าใส่ลำแสงกระบี่ห้าสายของหยุนเหยา
แกร่ก...
แกร่ก... แกร่ก
หลังจากเสียงแสบแก้วหูดังขึ้น
ลำแสงกระบี่ทั้งหมดก็เริ่มแตกหักและสลายไปในที่สุด
เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยนี้
ทั้งจี้เทียนซิงและหยุนเหยาก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ดวงตาทอประกายจิตสังหารอันแรงกล้า
"นังแม่มด
เป็นเจ้านี่เอง”
หยุนเหยาตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
กระบี่ตวัดออกไปหาอีกฝ่ายทันที
ส่วนจี้เทียนซิงก็ชักกระบี่มังกรดำออกมาเข้าต่อกรกับเงาดำอีกสี่ร่างที่อยู่ด้านหลังนาง
เงาร่างทั้งสี่นั้นสูงใหญ่และมีรูปร่างผิดปกติ
ในดวงตาของพวกมันเป็นสีแดงเลือดและทั่วร่างล้อมรอบไปด้วยมนต์หมอกสีดำ
พวกมันทั้งหมดก็คือผู้พิทักษ์แห่งเผ่าพันธุ์ปีศาจ
เมื่อตอนที่อยู่ในถ้ำเผ่าปีศาจ
จี้เทียนซิงเคยประมือกับผู้พิทักษ์เหล่านี้มาก่อนและรู้ว่าพวกมันมีพลังในขอบเขตปราณจิตทั้งหมด
“ฟั่บ
ฟั่บ ฟั่บ ฟั่บ !”
ชายหนุ่มเหวี่ยงกระบี่มังกรดำออกไปก่อเกิดเป็นคลื่นกระบี่สี่สายที่โจมตีเข้าหาผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจทั้งสี่ตน
พวกมันโต้ตอบกลับอย่างรวดเร็วและปิดกั้นคลื่นกระบี่ทั้งสี่ของจี้เทียนซิงเอาไว้
เป้าหมายของพวกมันชัดเจนมาก พวกมันไม่สนใจหยุนเหยาแต่เพียงชักดาบยาวออกมาและห้อมล้อมจี้เทียนซิง
ภายในพริบตาเขาก็ถูกล้อมไว้ด้วยผู้พิทักษ์สี่ตน
ส่วนอีกด้านหนึ่งหยุนเหยาก็ปะทะกับองค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยอย่างรุนแรง
พลังทำลายของพวกนางนั้นทำให้ทั่วทั้งถ้ำสั่นไหว
เนื่องจากทั้งคู่ต่างก็เป็นยอดฝีมือในขอบเขตปราณจิต
พลังปราณที่ใช้ออกมานั้นจึงทำให้ผนังถ้ำรอบๆเริ่มปริแตกและทรุดตัวลง
พวกนางใช้เคล็ดวิชามากกว่าสิบกระบวนท่าและย้ายจุดปะทะไปที่มุมถ้ำซึ่งห่างจากจี้เทียนซิงและผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจทั้งสี่ตน
ผลพวงจากการปะทะอันรุนแรงของทั้งสองฝ่ายทำให้คลื่นลมก่อตัวขึ้นและพัดก้อนหินดินทรายในถ้ำมารวมกันและระเบิดเป็นสะเก็ดน้ำไม่ถ้วน
“ปัง ! ปัง !”
องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยซัดฝ่ามือโลหิตคู่นั้นเข้าหาหยุนเหยาอย่างไม่หยุดยั้ง
แต่อีกฝ่ายก็หลบรอดไปได้
ฝ่ามือสีแดงเลือดของนางทุบเข้าใส่กำแพงหินอันแข็งแกร่งจนเกิดรอยประทับรูปฝ่ามือสองข้างไว้บนกำแพงหินทันที
รอยประทับฝ่ามือขนาดใหญ่ก่อให้เกิดรอยปริแตกไปทั่วกำแพงจนสะเก็ดหินเริ่มหลุดร่อน
“วูบ !”
หยุนเหยาฉวยโอกาสสวนกลับและซัดกระบี่เข้าหาองค์หญิงเสวี่ยเยวี่ย
แต่ทว่านางก็หลบรอดไปได้เช่นกัน
ลำแสงกระบี่ยาวสองเมตรพุ่งชนกำแพงหินและคว้านเป็นร่องลำธารลึกทันที
ก้อนกรวดลอยฟุ้งกระจายนับไม่ถ้วน
พวกนางทั้งสองมีระดับพลังฝีมือไล่เลี่ยกันและยากจะรู้ผลแพ้ชนะในเวลาอันสั้น
อีกฝั่งหนึ่ง
จี้เทียนซิงถูกล้อมโดยผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจถึงสี่คนและตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมาก
ถึงแม้เขาจะมีพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นแรกและถือกระบี่มังกรดำไว้ในมือ
แต่ทว่าเขาก็ยังไม่อาจต้านทานเหล่าปีศาจพวกนี้ได้อย่างง่ายดายนัก
ท้ายที่สุดแล้วผู้พิทักษ์ปีศาจทั้งหมดล้วนมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับขอบเขตปราณจิตขั้นที่สี่
! นอกจากนี้พวกมันยังฝึกฝนค่ายกลวิชาดาบที่โจมตีออกไปได้อย่างพร้อมเพรียง
พวกมันทั้งสี่มีลำดับการเข้าออกในการโจมตีที่หนักแน่นและมั่นคง
ทุกการโจมตีทั้งดุดันและไร้ที่สิ้นสุดราวกับคลื่นลมที่พัดมาเป็นระลอกอย่างต่อเนื่อง มันทำให้จี้เทียนซิงแทบไม่มีเวลาพักหายใจ
ในการต่อสู้ครั้งนี้ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงอันตรายและยากที่จะรับมือยิ่งกว่าการต่อสู้กับฮั่งเชินเมื่อหลายวันก่อนเสียอีก
เมื่อไร้ทางเลือก
เขาจำเป็นต้องเก็บกระบี่มังกรดำกลับไปและใช้เคล็ดเพลงกระบี่ดาราเหินของเซี่ยงหวู่จี้เพื่อรับมือแทน
คมมีดขนนกพันเล่ม !
จี้เทียนซิงคำรามลั่นและกระตุ้นพลังของตัวอ่อนกระบี่ปลดปล่อยคลื่นกระบี่สีทองเก้าเล่มออกมา มันพุ่งเข้าหาผู้พิทักษ์ทั้งสี่ในทันที
ฟิ้ว
ฟิ้ว ฟิ้ว...... !
คลื่นกระบี่เก้าเล่มโจมตีอย่างรวดเร็วร่วมสองหลายครั้งในชั่วอึดใจและระเบิดออกเป็นลำแสงสีทองอันพร่างพราว
ภายในรัศมีสิบเมตรถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองที่เจิดจ้าบาดตาจนทำให้พวกมันถูกบดบังจนแทบมองไม่เห็นเงาร่าง
กระบวนท่านี้ใช้ได้ผล
มันทำให้ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ยากที่จะลงมือ
พวกมันทำได้เพียงยกดาบขึ้นต้านรับคลื่นกระบี่ที่รัวถี่ยิบเท่านั้น
คลื่นกระบี่และดาบยาวกระทบกันครั้งแล้วครั้งเล่า
เปล่งเสียงแหลมแสบแก้วหูดังเคร้ง เคร้ง ! และก้องกังวานภายในถ้ำอย่างรุนแรง
ในที่สุดจี้เทียนซิงก็มีเวลาได้พักหายใจหลังจากถูกรุมล้อมอย่างกดดันมาเป็นเวลานาน
เขาถีบตัวเองออกจากวงล้อมของคลื่นกระบี่สีทองที่ตัวเองปลดปล่อยออกมาเพื่อตั้งหลักใหม่
ภายในระยะเวลาสั้นๆเพียงห้าอึดใจ
คลื่นกระบี่ทั้งเก้าก็โจมตีออกไปครบพันครั้ง จากนั้นพลังทำลายของมันก็ลดทอนลง
ผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจทั้งสี่ตนยังมิได้ตกตาย
แต่พวกมันก็เจ็บปวดไม่น้อยกับการโจมตีที่หนักหน่วงระลอกนี้
ชุดเกราะที่พวกมันสวมใส่นั้นบิดเบี้ยวผิดรูปจากคลื่นกระบี่และมีบางจุดเกิดรอยปริแตก
ชุดเกราะของพวกมันไม่อาจทานรับคลื่นกระบี่ของจี้เทียนซิงได้ทั้งหมด
ร่างกายของพวกมันถูกแทงทะลุเป็นหลุมเลือดจำนวนมาก
สุดท้ายบาดแผลเหล่านั้นก็เริ่มมีเลือดสีม่วงไหลย้อยออกมา
ภายในชั่วพริบตา
ผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจทั้งสี่ตนก็ชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีม่วง สีหน้าของพวกมันซีดเผือดด้วยความอับอาย
โชคดีที่พวกมันปกป้องศีรษะและจุดสำคัญส่วนอื่นเอาไว้ได้
มิฉะนั้นพวกมันคงกลายเป็นถุงเลือดและตกตายในที่สุด
“สารเลว
บัดซบเอ๊ย !”
“ฆ่ามันให้จงได้ !”
“สับมันให้เละเป็นเนื้อบด !”
ผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจทั้งสี่ตนกรีดร้องด้วยความโกรธแค้น
พวกมันไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนเองและกระชับดาบยาวไว้แน่นจากนั้นก็พุ่งเข้าหาจี้เทียนซิงด้วยดวงตาแดงก่ำ
ชายหนุ่มตั้งหลักอยู่ห่างออกไปสิบเมตรเพื่อสะสมพลังและกระตุ้นตัวอ่อนกระบี่
จากนั้นก็ปลดปล่อยเพลงกระบี่ดาราเหินท่าที่สองไปทันที
“วายุอัสนีบาต !!”
ปราณกระบี่สีทองสองเล่มส่องประกายเจิดจ้าและเล็งเป้าพุ่งเข้าโจมตีผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจสองตน
ลำแสงสีทองผสานเข้ากับพายุเฮอริเคนที่รุนแรงจนเกิดเป็นสายฟ้าสีทองที่ฟาดซัดเข้าหาพวกมันในทันที
“ครืน....... เปรี้ยง !!”
สิ้นเสียงกัมปนาทดังกึกก้อง ผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจสองตนก็กระเด็นละลิ่ว, โลหิตสาดกระเซ็นราวกับพิรุณโลหิต
พื้นหินหนาถูกดึงคว้านออกมาจนเกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ราวกับถังน้ำ
จี้เทียนซิงจัดการผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจไปได้สองตน
แต่ทว่ายังมีพวกมันเหลืออีกสองตนที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยดวงตาที่แดงก่ำและหมายจะล้างแค้นให้สหายของพวกมัน
เมื่อได้เห็นภาพนี้
จี้เทียนซิงก็หน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยแรงกดดันอันรุนแรงที่แผ่ซ่านมาจากพวกมัน เขาไร้ทางเลือก
สุดท้ายก็ต้องเค้นพลังเพื่อใช้เพลงกระบี่ดาราเหินท่าที่สามออกมา
“หลังจากฝึกประกายแสงมังกรแดงสำเร็จข้าก็ไม่เคยใช้จริงเลยสักครั้ง
ดีล่ะ ถือโอกาสนี้ใช้กับพวกเจ้าเลยก็แล้วกัน !”
*ขอเปลี่ยนเป็นประกายแสงมังกรแดงนะครับ*
ฟุ่บ
! ฟุ่บ !
เมื่อความคิดพุ่งผ่านจิตใจอย่างรวดเร็ว
หัตถ์สองข้างของเขาก็ร่ายรำออกมาเป็นท่วงท่าพิเศษแขนงหนึ่ง
ก่อเกิดเป็นเส้นสายอักขระอันลึกลับ จากนั้นพลังปราณมหาศาลก็ถูกกระตุ้นจนเดือดพล่านไปทั่วร่าง
ในวินาทีต่อมาหัตถ์สองข้างก็มาบรรจบกันและผลักออกไปข้างหน้าปรากฏเป็นกระบี่ใหญ่สีทองยาวสองเมตรที่โอบอุ้มไปด้วยเปลวเพลิงสีทองอันพร่างพราว
มันดูราวกับร่างเงาของมังกรอันเลือนรางที่พุ่งเข้าใส่ผู้พิทักษ์ที่เหลืออีกสองตน
กระบวนท่าประกายแสงมังกรแดงนี้ไม่เพียงแค่ทรงพลัง
แต่มันยังมีความเร็วในระดับสุดยอดอีกด้วย
เมื่อมันถูกร่ายออกจนปรากฏเงาร่างขึ้น
มันจะพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วแสง ทำให้คู่ต่อสู้แทบจะไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองและหลบหลีก
เปรี้ยง !!
เสียงตกกระทบดังกึกก้องและประกายแสงมังกรแดงก็กระแทกเข้าหาผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจทั้งสองตนทันที
ร่างที่สูงใหญ่และกำยำของพวกมันดูเล็กลงและอ่อนแอเป็นพิเศษเมื่ออยู่ภายใต้เปลวเพลิงสีทองของประกายแสงมังกรแดง
พวกมันกระเด็นไปไกลตามมาด้วยโลหิตที่ฉีดพุ่งกลางอากาศราวกับเส้นรุ้ง
จากนั้นก็ร่วงลงกับพื้นไกลออกไปสิบกว่าเมตร
จี้เทียนซิงต้องใช้เพลงกระบี่ดาราเหินถึงสามท่าติดต่อกัน
ในที่สุดเขาก็สามารถล้มผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจทั้งสี่ตนลงได้
เขาเตรียมที่จะจบชีวิตพวกมันทั้งหมดเพื่อตัดรากถอนโคน
แต่ทันใดนั้นเององค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยก็ละจากการต่อสู้กับหยุนเหยาและมุ่งหน้ามาหาจี้เทียนซิงอย่างรวดเร็วราวกับภูติพราย
“วูบ !”
นางกลายร่างเป็นหมอกสีดำอย่างน่าอัศจรรย์และกวาดเอาร่างของผู้พิทักษ์ทั้งสี่ที่ปกคลุมไปด้วยเลือดให้มารวมกัน
ในขณะที่จี้เทียนซิงกับหยุนเหยายังไม่ทันคิดจะทำอะไร
องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยก็หอบร่างของสมุนทั้งสี่รวมถึงตัวนางเอง
กระโดดลงหน้าผาลึกเบื้องหน้าดั่งสายฟ้าในทันที !
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved