ตอนที่ 285

หัตถ์เปลวอัคคีสีชาด !

ความรู้สึกนี้....  เฉกเช่นเดียวกับแหล่งกำเนิดพลังปราณทองคำของเขา

ชายหนุ่มเข้าใจในทันทีว่าหลังจากที่ตัวอ่อนกระบี่กลืนลาวากับเปลวไฟเข้าไป

มันก็ค่อยๆหลอมรวมพลังของเปลวไฟ

ความรู้สึกอันร้อนแรงที่ปะทุอยู่ในร่างกายของเขาก็คือพลังแห่งเปลวไฟ

เขาจึงรีบเริ่มกระบวนบรรเทาจุดฝังเข็มอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที

จุดฝังเข็มสองจุดของเส้นชีพจรกระบี่เส้นที่สี่ของเขาได้ถูกบรรเทาเสร็จสิ้นโดยพลังเปลวไฟ

ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างเงียบๆและขยับไปสู่ขอบเขตปราณจิตขั้นที่ห้า

!

ถึงแม้ว่าจี้เทียนซิงจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมตัวอ่อนกระบี่ถึงมีเอฟเฟกต์และการเปลี่ยนแปลงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ แต่เขาก็รู้ว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาความแข็งแกร่ง

เขารีบนั่งลงภายในม่านพลังสีทองและจดจ่ออยู่กับการบ่มเพาะพลังเปลวไฟในร่าง

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม

การบรรเทาจุดฝังเข็มจุดที่สามก็เสร็จสมบูรณ์

.......

อีกครึ่งชั่วยามจุดฝังเข็มจุดที่สี่ก็เสร็จสมบูรณ์

......

อีกครึ่งชั่วยามจุดฝังเข็มที่ห้าก็เสร็จกระบวนการบรรเทา

...

เมื่อเวลาทั้งหมดผ่านไปความแข็งแกร่งของจี้เทียนซิงก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ลาวาและเปลวไฟภายในท้องของยักษ์ลาวาถูกกลืนหายไปอย่างรวดเร็ว

บัดนี้ในทุกทิศทางเขาไม่สามารถมองเห็นร่องรอยของเปลวไฟได้อีกต่อไป

ไม่แม้แต่จะพบเจอลาวาสักหยดเดียว

ในกระเพาะของมันหลงเหลือเพียงแนวปะการังสีดำ

ลาวาและเปลวไฟถูกกลืนกินทำให้พลังต้นกำเนิดของยักษ์ลาวาหายไปอย่างรวดเร็วและร่างกายก็เริ่มปริแตกเกิดเป็นช่องว่างขึ้น

ฮูมมมมมมมมมมมมม

!!

มันคำรามอย่างบ้าคลั่งและกระแทกร่างกายภายในมหาสมุทรแมกมา

มันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

เพียงแค่ดิ้นรนและเปิดปากกว้างเพื่อกลืนกินลาวาอย่างต่อเนื่อง

หมายจะชดเชยพลังที่สูญหายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ทว่า

ลาวาที่มันกลืนลงไปใหม่นั้น เมื่อผ่านช่องท้องมาถึงจุดที่จี้เทียนซิงอยู่

มันก็ถูกตัวกระบี่กลืนกินเข้าไปอย่างต่อเนื่องราวกับหลุมไร้ก้น

ในไม่ช้า

เวลาได้ผ่านไปถึงสามชั่วยาม

ยักษ์ลาวายังคงสวาปามลาวาในมหาสมุทรแมกมาอย่างไม่หยุดหย่อน

แต่พลังของมันจะกลับมาเพิ่มพูนได้เร็วกว่าการกลืนกินของตัวอ่อนกระบี่เช่นนั้นหรือ

?

แน่นอนว่าไม่

!

บัดนี้มันกลายเป็นหินโสโครกสีดำ

ไร้ซึ่งลาวาและเปลวไฟอันร้อนระอุ

ร่างของมันนั้นไม่อาจเรียกได้ว่ายักษ์ลาวาอีกต่อไป

ร่างใหญ่โตมโหฬารของมันปริแตกออกเป็นรอยร้าวหนาแน่นและหินโสโครกสีดำ

มันเริ่มพังทลายลงอย่างรวดเร็วและทรุดตัวลงไปในมหาสมุทรแมกมา

หลังจากผ่านไปห้าชั่วยาม

ร่างกายของมันก็แหลกสลาย หลงเหลือไว้เพียงร่างกายครึ่งท่อน

อีกหนึ่งวันต่อมามันก็สลายไปโดยสมบูรณ์กลายเป็นแนวปะการังสีดำที่แตกสลายและกระจัดกระจายจมหายไปในมหาสมุทรแมกมา

ซ่า......

ใต้ผิวลาวาอันร้อนระอุได้ปรากฏกระบี่ยักษ์สีทองขึ้น

มันเปล่งพลังไร้สภาวะออกไปอย่างต่อเนื่องเพื่อกลืนกินลาวาในมหาสมุทร รวมไปถึงเปลวไฟที่ลอยอบอวลอยู่บนท้องฟ้า

ลำแสงสีทองของกระบี่ยักษ์ก่อตัวเป็นม่านพลังทรงกลมที่คอยปกป้องจี้เทียนซิงเอาไว้อย่างแน่นหนา

เขานั่งคุกเข่าอยู่นิ่ง

หลับตาและพยายามฝึกฝนบ่มเพาะ กอบโกยให้ได้มากที่สุดเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่ง

อีกสองวันต่อมามหาสมุทรแมกมาที่กว้างใหญ่ถูกกลืนหายไปมากกว่าครึ่งและพื้นผิวแมกมาก็โหว่แหว่งหายไปหลายร้อยเมตร

อีกห้าวันผ่านไปมหาสมุทรแมกมาทั้งหมดก็ถูกกลืนหายไปโดยอำนาจของมหากระบี่สีทอง

มันได้กลายเป็นพื้นที่เปิดโล่งสีน้ำตาลเข้มในทุกทิศทางและมีแนวหินโสโครกเกาะไปทั่ว

แม้แต่ภูเขาไฟก็ยังสงบลงและกลายเป็นภูเขาหินสีดำทั่วๆไป

เมื่อห้าวันที่แล้วพื้นที่แห่งนี้ยังคงเป็นโลกแห่งไฟที่ร้อนระอุจนสิ่งมีชีวิตมิอาจย่างกรายเข้ามาได้  มันเต็มไปด้วยแมกมา

ลาวาและเปลวไฟที่พวยพุ่งอย่างบ้าคลั่งราวกับขุมนรกโลกันต์

แต่บัดนี้

พื้นที่ดังกล่าวกลับไม่สามารถมองหาประกายไฟหรือลาวาได้แม้แต่เสี้ยวกระผีก ! มันกลายเป็นโลกอันมืดมิดและหนาวเย็น

กระบี่ยักษ์สีทองที่ลอยอยู่กลางอากาศเหนือศีรษะของเขาได้เปลี่ยนไปเป็นครึ่งแดงครึ่งทอง

“วิ้ง !”

ม่านพลังทองคำหายไปและกระบี่ยักษ์สีทองก็ย่อส่วนลงกลายเป็นกระบี่สีแดงทอง

จากนั้นก็พุ่งกลับไปที่ร่างของจี้เทียนซิงและแทรกเข้าไปในหลุมดำที่ตันเถียนอย่างต่อเนื่อง

จี้เทียนซิงสัมผัสถึงมันได้ในใจ

เขาสิ้นสุดการบ่มเพาะและลืมตาขึ้น

ในเวลาเพียงห้าวัน

ความแข็งแกร่งของเขาทะลวงมาถึงขอบเขตปราณจิตขั้นที่ห้าจากขั้นที่สี่ !

ยิ่งไปกว่านั้นตลอดทุกวันที่ผ่านมานี้เขายังใช้พลังแห่งเปลวไฟในการบรรเทาซ้ำเส้นชีพจรกระบี่ทั้งเก้าอยู่ตลอดเวลา

หลังจากการบรรเทาซ้ำซ้อน

เส้นชีพจรกระบี่ของเขาได้กลายเป็นหนาแน่นทนทานและทรงพลังยิ่งขึ้น

อีกทั้งมันยังทำให้รากฐานและศักยภาพของเขาลึกซึ้งขึ้นอีกด้วย !

เขาใช้สัมผัสญาณเพื่อมองภายในร่างกาย

พบว่าตัวอ่อนกระบี่ที่ล่องลอยอยู่ในตันเถียนนั้นกำลังแผ่พลังงานแห่งเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงอย่างแผ่วพลิ้ว

พร้อมที่จะปะทุได้ทุกเมื่อ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบัดนี้เขาได้ครอบครองคุณสมบัติธาตุที่สองแล้ว

เขาประสบความสำเร็จในการควบคุมพลังแห่งเปลวไฟ !

เขารั้งสัมผัสญาณกลับมาจากตัวอ่อนกระบี่

ใบหน้าเผยรอยยิ้มกว้างด้วยความยินดีขึ้น

“ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนล้วนมีชะตาธาตุเพียงชนิดเดียว

มีเพียงยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในขอบเขตปราณฟ้าเท่านั้นจึงจะสามารถควบคุมพลังของธาตุทั้งห้าได้

ชะตาธาตุของข้าคือทอง  ตอนนี้ตัวอ่อนกระบี่ในร่างข้ากลืนกินลาวาและเปลวไฟไปมหาศาล

มันทำให้ข้าสามารถควบคุมพลังแห่งธาตุอัคคีได้ทั้งๆที่อยู่ในขอบเขตปราณจิต นี่คือปาฏิหาริย์ชัด

!”

เขากระซิบกับตัวเองพลางก้มลงมองฝ่ามือซ้าย

ที่กลางฝ่ามือซ้ายของเขาปรากฏสัญลักษณ์เปลวเพลิงสีแดงชาดขึ้น

เขาสามารถเห็นได้ชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าอัศจรรย์เกิดขึ้นในมือซ้ายของเขา

จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

พลันกระตุ้นปราณแท้ด้วยพลังทั้งมวลและรวบรวมมันเอาไว้ที่มือซ้าย

ทันใดนั้นแขนซ้ายของเขาก็กลายเป็นสีแดงชาด

แดงเหมือนหินลาวา !

เขาแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะทดสอบพลังของมือซ้าย

จากนั้นเขาก็เหยียดแขนซ้ายออกไปแล้วผลักฝ่ามือไปทางด้านหน้า

ฝ่ามือของเขาปะทุเปลวเพลิงสีแดงชาดออกมากลายเป็นลำแสงเพลิงขนาดใหญ่กระทบเข้ากับภูเขาไฟที่อยู่ห่างออกไปสิบไมล์

"ปัง !"

เสียงดังที่ดังกึกก้องปะทุขึ้น

ภูเขาไฟสูงถึงพันฟุตถูกทำลายด้วยหัตถ์ปราณเพลิงสายนี้

ครึ่งหนึ่งของภูเขาไฟถล่มลงมาและระเบิดเป็นก้อนกรวดชิ้นเล็กชิ้นน้อย

จี้เทียนซิงเบิกตาค้างด้วยความตกตะลึงในทันที

ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ก้อนกรวดพลางส่งเสียงอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

“มารดามันเถอะ ! ไฉนถึงได้ทรงพลังเยี่ยงนี้

?!”

เมื่อเสียงของเขาลดลงก็ปรากฏเสียงของจิตกระบี่จางเทียนดังขึ้นในใจ

“เจ้าหนู

รู้หรือไม่ว่าฝ่ามือที่เจ้ายิงออกไปด้วยพลังทั้งหมดนี้สูบกลืนพลังปราณแท้ธาตุไฟของเจ้าไปถึงสามส่วน  หากเจ้ายิงมันออกไปเป็นครั้งที่สอง ปราณอัคคีก็จะหมดไป  ค่อยๆบ่มเพาะต่อไปและสะสมมันเอาไว้จะดีกว่า”

จางเทียนกล่าวด้วยเสียงต่ำและดูไม่แยแส

แต่น้ำเสียงนั้นแฝงแววหยอกเย้าเอาไว้อย่างสังเกตได้

ทันใดนั้นเองจี้เทียนซิงก็ตระหนักได้อย่างเลือนลางว่าความสามารถนี้เป็นผลพวงจากฝีมือของจางเทียนอย่างแน่นอน

เขาสลายทักษะที่มือซ้ายออกไปอย่างรวดเร็วและฟื้นฟูแขนซ้ายกลับเป็นอย่างเดิม  จากนั้นก็กล่าวกับจางเทียนด้วยจิตสัมผัสว่า “อาวุโสจางเทียน ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือและการกระตุ้นเตือนของท่าน”

“ก็แค่เรื่องขี้ผง ไม่ควรค่าให้กล่าวถึง”

จางเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาต่อไปแล้ว

“พลังของเปลวเพลิงสีชาดถูกผนึกไว้ในมือซ้ายของเจ้า

ทว่าพลังของมันยังรุนแรงเกินไป มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถควบคุมได้ด้วยพลังในตอนนี้

แต่หากเจ้าพัฒนาระดับพลังได้สูงยิ่งขึ้น

เจ้าถึงจะสามารถควบคุมเปลวเพลิงที่แท้จริงได้”

จี้เทียนซิงพยักหน้าและตอบรับว่า

“ข้าเข้าใจแล้ว"

จากนั้นจิตกระบี่จางเทียนก็ไม่กล่าวอันใดอีก

จี้เทียนซิงระงับความตื่นเต้นยินดีและความประหลาดใจของหัวใจ

สายตากวาดมองไปทั่วแนวหินโสโครกและพื้นที่เปิดโล่งรอบๆเพื่อมองหาร่องรอยของเสี่ยวเฮยหลง

เขาวิ่งหาอยู่ร่วมครึ่งชั่วยามและในที่สุดก็พบเสี่ยวเฮยหลงนอนอยู่ที่เนินเขาห่างออกไปหลายสิบไมล์