ตอนที่ 161

เพลงกระบี่ดารา

ห้านภาลัย !

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบุคลในชุดคลุมสีขาวที่เข้ามานี้ก็คือหยุนเหยา

!

จี้เทียนซิงคาดไม่ถึงว่าหยุนเหยาซึ่งเดิมทีหนีไปจากถ้ำปีศาจได้แล้วกลับย้อนมาอีกครั้ง

!

“ศิษย์พี่ใหญ่ ! ท่าน.....

ท่านกลับมาทำไม...”

หยุนเหยามองเห็นอีกฝ่ายยังปลอดภัยครบสามสิบสอง  ใบหน้าอันงดงามเย็นชาดุจน้ำแข็งของนางจึงสงบลง

“ข้ากลับมาช่วยเจ้า” นางไม่มีเวลาอธิบาย

หลังจากกล่าวเพียงห้าคำก็พาชายหนุ่มหนีออกจากห้องลับอย่างรวดเร็ว

ร่างกายของจี้เทียนซิงสั่นสะท้าน

ในหัวใจดั่งมีกระแสน้ำอุ่นไหลผ่าน เขากับนางต่างรู้ดีว่าถ้ำปีศาจแห่งนี้อันตรายแค่ไหน

มองจากสภาพร่างกายของนางตอนนี้

เห็นได้ชัดว่านางหนีรอดไปได้และได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

ด้วยสภาพเช่นนี้นางยังอุตส่าห์ย้อนกลับมาเพื่อช่วยชีวิตเขา

น้ำใจอันงดงามและสิเน่หาเช่นนี้

เขาจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร ?

เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าภายในใจที่เย็นชาดุจน้ำแข็งของนางนั้น

ตัวตนของเขาจะสำคัญมากจนนางยอมเสี่ยงชีวิตกลับมาช่วย

ชายหนุ่มติดตามหยุนเหยาออกไปจากห้องขังแล้วเดินไปตามทางเดินอันมืดมิด

เขาไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจต่อนาง

“ศิษย์พี่ ขอบคุณท่านมากแล้ว”

หยุนเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ข้าเป็นผู้ขอให้เจ้ามาช่วยภารกิจ

ข้าย่อมไม่ทิ้งเจ้าไว้คนเดียวแน่นอน”

ผ่านไปครู่หนึ่งทั้งสองก็รีบออกมาจากทางเดินมืดและเข้าไปในถ้ำขนาดใหญ่ หยุนเหยาหันรีหันขวางเพื่อระบุทิศทางหลบหนีและกำลังจะนำจี้เทียนซิงไปที่ทางออก

ในขณะนี้เองประตูหินที่อยู่ไม่ไกลก็เปิดออก

องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยและมหาปุโรหิตที่สวมเสื้อคลุมสีดำทมิฬก็เดินออกมาจากประตูหิน !

ทั้งสองกำลังจะมุ่งหน้าไปยังห้องขังจี้เทียนซิงเพื่อเค้นความลับ

พวกเขาบังเอิญมาเห็นหยุนเหยาและจี้เทียนซิงที่กำลังหลบหนีทันที

ดวงตาอันดุร้ายของทั้งสองเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน

รังสีสังหารแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ “นังหนู เจ้าหนีจากความตายไปได้แต่ยังกล้าย้อนกลับมาช่วยคนอีกหรือ

รนหาที่ตาย !”

ตูม !!!

มหาปุโรหิตปะทุพลังปราณสีดำด้วยความโกรธ

เขาคำรามออกมาและร่างอันใหญ่โตนั้นก็กลายเป็นหมอกสีดำที่พุ่งเข้าหาหยุนเหยาและจี้เทียนซิง

วูบ !!

องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยทะยานตามติดมาจากด้านหลังอย่างใกล้ชิดกลายเป็นเงาดำอีกสายหนึ่งและพุ่งเข้าหาจี้เทียนซิงดุจสายฟ้าฟาด

“เจ้าหนุ่มน้อย อยู่ในเงื้อมมือข้าแล้วยังคิดหลบหนี

? ฝันเฟื่องนัก !"

นางต้องการมอบความตายให้จี้เทียนซิง  ตอนนี้นางรู้แล้วว่าชายหนุ่มมีส่วนเกี่ยวข้องกับลูกประคำดารา

เป็นไปไม่ได้ที่นางจะปล่อยให้อีกฝ่ายออกไปจากที่นี่

“ฟุ่บ ! ฟุ่บ

!”

ในเสี้ยวพริบตามหาปุโรหิตและองค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยก็มาถึงเบื้องหน้าของหยุนเหยาและจี้เทียนซิงพร้อมกับโคจรพลังปราณอันท่วมท้นออกมา

ดวงหน้างามของหยุนเหยาฉายแววตระหนก

ดวงตาของนางเปล่งประกายอย่างเคร่งเครียดกดดัน

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ

นางไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะผลักจี้เทียนซิงออกไปจากจุดปะทะพลางตะโกนออกมาว่า

“ข้าจะขวางพวกมันไว้ เจ้าไปซะ !”

เช้ง !

ขณะที่นางพูดจบก็นางก็ชักกระบี่ออกมาโบกสะบัดบนท้องฟ้าและพุ่งเข้าหามหาปุโรหิตและองค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยทันที

ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ !!

คลื่นกระบี่ทั้ง

49 สายส่องประกายแสงอันเย็นเยือกไปร่วมสิบเมตร

มันหมุนวนเป็นพายุเฮอริเคนโอบล้อมเผ่าปีศาจทั้งสองในพริบตา

“เฮอะ !”

มหาปุโรหิตแค่นเสียงเย็น

มันเอื้อมมือไปที่เอวและดึงแส้งูทมิฬออกมาโบกสะบัดเป็นคมมีดสีดำและปิดกั้นคลื่นกระบี่ทั้งหมดของหยุนเหยา

คมมีดสีดำทึบดั่งรัตติกาลไร้แสงปะทะหักหาญกับคลื่นกระบี่อันเย็นเยียบของหยุนเหยา

พวกมันระเบิดเป็นเสียงดังสนั่นสั่นสะเทือนไปทั่วถ้ำ

จี้เทียนซิงถูกหยุนเหยาผลักจนกระเด็นไปเกือบถึงปากทางออกถ้ำ

แต่เขาวกกลับมาหานางอีกครั้งอย่างไร้ซึ่งความลังเล

“ศิษย์พี่

จะหนีก็ต้องหนีด้วยกัน !”

“ท่านไม่ทิ้งข้า

ข้าก็ไม่มีวันทิ้งท่าน !”

กล่าวจบชายหนุ่มก็ชักกระบี่มังกรดำออกมาและเหวี่ยงเข้าหาองค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยทันที

“เปรี้ยง !”

ลำแสงกระบี่สีขาวดุจหิมะยาวสามเมตรที่นำมาซึ่งพลังอำนาจทำลายล้าง

เหวี่ยงเข้าหาเหนือศีรษะขององค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยอย่างดุดัน

องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยหรี่ตาลง

นางโคจรปราณโลหิตเป็นฝ่ามือยักษ์สีแดงเลือดเพื่อต้านรับลำแสงกระบี่ขาวของจี้เทียนซิง

“ปง !  ปง

!”

ลำแสงกระบี่สีขาวปะทะเข้าหาฝ่ามือโลหิตของนางอยู่สองครั้งและทำให้สลายหายไป

“ดิ้นรนเข้าไปเถอะ !”

องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยแสยะยิ้มหยามหยัน

นางไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยและโคจรพลังปราณอีกครั้งก่อรูปเป็นฝ่ามือโลหิตที่กระแทกเข้าใส่จี้เทียนซิง

ย่างก้าว

ไร้เงา !

จี้เทียนซิงปะทุพลังปราณใช้ออกด้วยย่างก้าวไร้เงาในจังหวะนั้น

เขาถอยหนีไปด้านหลังและยกกระบี่มังกรดำขึ้นต้านทาน

ห่างออกไปไม่ไกลนัก

หยุนเหยาก็กำลังต่อสู้กับมหาปุโรหิตอย่างดุเดือด

นางไม่ได้ลงมืออย่างหักโหม

เพียงแค่พยายามหลีกเลี่ยงการโจมตีของอีกฝ่ายให้มากที่สุด เนื่องจากระดับพลังปราณที่แตกต่างกัน

การปะทะซึ่งหน้ารังแต่จะทำให้พ่ายแพ้เร็วขึ้นเท่านั้น

หลังจากสู้พลางถอยพลางไประยะหนึ่ง

หยุนเหยาและจี้เทียนซิงก็ถอยมาถึงทางออกของถ้ำปีศาจ

ในเวลานี้เอง  มือซ้ายของหยุนเหยาโบกสะบัดกลางอากาศดั่งนางฟ้าร่ายรำ

ก่อรูปเป็นอาคมสายหนึ่ง  จากนั้นกระบี่ที่มือขวาก็ร่ายรำด้วยท่วงท่าอ่อนช้อยดุจสายน้ำ

หนึ่งอาคม

หนึ่งเพลงกระบี่ผสานกันกลางอากาศกลายเป็นคลื่นมนต์กระบี่ขนาดใหญ่ห้าสาย !

คลื่นกระบี่แต่ละสายยาวกว่าห้าเมตร

มันโอบหุ้มไปด้วยขุมพลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวที่จ่อชี้ไปที่มหาปุโรหิตและองค์หญิงเสวี่ยเยวี่ย

ทันทีที่หยุนเหยาร่ายมนต์กระบี่นี้เสร็จสิ้น  พลังปราณทั้งมวลในร่างก็ถูกเร่งเร้าจนถึงขีดสุด

กระโปรงยาวขาวบริสุทธิ์ของนางโบกสะบัดทั้งที่ไม่มีแรงลม

เศษหินดินทรายปลิวว่อนขึ้นสู่ท้องฟ้า

ดวงหน้างดงามซีดขาวดุจกระดาษและแสดงออกอย่างผิดปกติ

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเคล็ดวิชาก้นหีบ

หลังจากใช้งานออกไปแล้วพลังของนางจะถดถอยลง ดังนั้นหากไม่คับขันจริงๆนางจะไม่ใช้มันออกมา

“เพลงกระบี่ดารา ห้านภาลัย !!”

ครืน.... !

คลื่นกระบี่ห้าสายตัดผ่านท้องฟ้ายามราตรีอันมืดมิดราวกับสายอสุนีบาตห้าเส้น

!

องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยไม่กล้าประมาทต้านรับมันโดยตรง

นางสีหน้าเปลี่ยนไปและก้าวถอยหลังทันที

แม้แต่มหาปุโรหิตผู้แข็งแกร่งที่สุดก็ขมวดคิ้วมุ่นอย่างเคร่งเครียด

มันโบกสะบัดแส้งูทมิฬหลายระลอกเป็นลำแสงกระบี่สีดำหลายร้อยเล่มเพื่อต่อต้าน

“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง !”

ลำแสงกระบี่จำนวนมากถูกทุบทำลายและระเบิดออกเป็นเมฆหมอกสีดำกระจายม้วนตลบไปทั่วบริเวณ

ตูม ! ตูม !

ตามมาด้วยเสียงกัมปนาทของพื้นดินที่ถูกคว้านเป็นร่องลึกยาวสิบเมตร

ฝุ่นละอองสาดคลุ้งปกคลุมท้องฟ้าทันที

หยุนเหยาไม่ได้คาดหวังว่าเพลงกระบี่ดาราห้านภาลัยของนางจะล้มมหาปุโรหิตและองค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยได้

นางคิดแค่เพียงว่าจะใช้เพลงกระบี่นี้เพื่อถ่วงเวลาพวกมันและเพิ่มโอกาสในการหลบหนีเท่านั้น

"ศิษย์น้อง

ไป !"

นางฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายกำลังถูกมนต์กระบี่พัวพัน

รีบฉุดลากจี้เทียนซิงหนีต่อไปทันที

ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม

จี้เทียนซิงและหยุนเหยาก็ออกมาถ้ำมาสู่ป่าในเชิงเขาได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม

มีเสียงฝีเท้าอย่างเร่งร้อนของคนสองคนตามมาติดๆและพุ่งออกมาจากถ้ำปีศาจ

ทั้งสองนั้นก็คือมหาปุโรหิตและองค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยนั่นเอง

“เดรัจฉานน้อยทั้งสอง พวกเจ้าหนีไม่พ้นหรอก !”

มหาปุโรหิตพุ่งดิ่งไปตามติดจี้เทียนซิงและเหวี่ยงแส้งูทมิฬออกไปเป็นคมมีดสีดำนับร้อยเส้นปกคลุมไปทั่วร่างจี้เทียนซิง

เมื่อเห็นฉากนี้หยุนเหยาก็รีบทะยานมาบังจี้เทียนซิงอย่างไม่ลังเล

นางยกกระบี่ขึ้นปัดป้องคมมีดสีดำนับไม่ถ้วนอย่างทุลักทุเล

ปัง

ปัง  เปรี้ยง !

เสียงระเบิดดังสนั่น

จากนั้นร่างบอบบางของหยุนเหยาก็กระเด็นไปไกลนับสิบเมตร ตกลงไปในพงหญ้า

“ศิษย์พี่ !”

จี้เทียนซิงร่ำร้องอย่างกระวนวาย

หยุนเหยาได้รับบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียพลังปราณไปมหาศาลจากการร่ายมนต์กระบี่ดาราห้านภาลัย

ตอนนี้นางเป็นดั่งลูกศรที่ยิงออกไปจนสุดหล้าแล้ว

นางอ่อนแอมากจนไม่สามารถรับการโจมตีของมหาปุโรหิตได้อีกไป

หลังจากอีกฝ่ายกระแทกหยุนเหยากระเด็นออกไป

มันก็เหวี่ยงแส้งูทมิฬเข้าหาจี้เทียนซิงอย่างดุดันอีกครา ส่วนองค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยก็โคจรพลังปราณก่อรูปเป็นฝ่ามือโลหิตคู่หนึ่งและโอบล้อมจี้เทียนซิงเพิ่มอีกคน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการกลุ้มรุมของยอดฝีมือทั้งสอง

พลังยุทธ์ของจี้เทียนซิงในตอนนี้ไม่มีทางต่อต้านได้แม้แต่น้อย

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย

จิตใจของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความรวดร้าวและไม่จำยอม  รังสีฆ่าฟันในการดิ้นรนเอาชีวิตปะทุขึ้น !

ย่างก้าว

ไร้เงา  !

จี้เทียนซิงเร่งเร้าพลังปราณชั่วชีวิตและใช้ออกด้วยย่างก้าวไร้เงาอีกครั้งเพื่อหลบการโจมตีที่โอบล้อมมาจากทุกทิศทางดั่งแหฟ้าตาข่ายดิน

ถึงแม้ว่ามันจะไร้ประโยชน์

แต่เขาก็ไม่เคยจำนนต่อโชคชะตา