ตอนที่ 262

ตำราโบราณอันลึกลับ

ทุกคนเดินไปที่โต๊ะหินอย่างสิ้นหนทางและรวมตัวกันเพื่อหารือ

เฟิงหมินมองไปที่หยุนเหยาและถามด้วยเสียงต่ำว่า

“ศิษย์พี่หยุนเหยา ในเมื่อพวกเราไม่พบมหาปุโรหิตและเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ภายในถ้ำปีศาจ

เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไรต่อไปดี ?”

สีหน้าของอู่อวี้ดูไม่สบอารมณ์และสบถออกมาว่า

“ปีศาจสองตนนั่นต้องหนีไปแล้วแน่นอน บัดซบ ! พวกเราพลาดไปที่ไม่สังหารพวกมันตั้งแต่ทีแรก !”

คิ้วของหยุนเหยาขมวดมุ่นและครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า

“ศิษย์น้องเฟิงหมิน ศิษย์น้องอู่อวี้

มหาปุโรหิตและเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ต้องหลบหนีไปจากทางออกอื่นแล้ว พวกมันมีสมบัติเวทย์คุ้มกาย

ถึงแม้พวกเราจะพบมันก็ยากที่จะสังหารได้สำเร็จ”

“ในเมื่อพวกมันหนีรอดไปได้

ภารกิจครั้งนี้ก็ถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว”

เฟิงหมินและอู่อวี้ต่างก็ไม่เต็มใจ

แต่พวกเขาก็เข้าใจคำพูดของหยุนเหยาเป็นธรรมดา ดังนั้นจึงส่ายหัวยอมแพ้

หยุนเหยามองไปที่พวกเขาทั้งสองและพูดขึ้นว่า

"ศิษย์น้องเฟิงหมิน ศิษย์น้องอู่อวี้ พวกเจ้าสองคนรีบออกจากถ้ำปีศาจไปโดยเร็วที่สุด

และกลับไปยังฐานที่มั่นคอยดูแลสมาชิกที่ได้รับบาดเจ็บก่อนเถิดที่หลักของเราดูแลสมาชิกที่บาดเจ็บ"

เฟิงหมินถามด้วยความสับสนว่า

“ศิษย์พี่หยุนเหยา แล้วพวกท่านทั้งสามเล่า ? พวกท่านไม่คิดกลับไปพร้อมพวกเราหรือ

?”

หยุนเหยาส่ายหัวเล็กน้อยและกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“เผ่าปีศาจถูกทำลายล้าง มหาปุโรหิตและเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้หลบหนีไป พวกเราต้องทำลายถ้ำปีศาจแห่งนี้ให้สิ้นซากจึงจะพูดได้ว่าประสบความสำเร็จโดยแท้จริง”

ทั้งเฟิงหมินและอู่อวี้พยักหน้ารับคำ

ทั้งสองไม่ล่าช้าอีกต่อไปและกล่าวอำลากับหยุนเหยาและจี้เทียนซิงก่อนจะออกจากห้องลับ

เพื่อกลับไปยังเชิงเขา

ดังนั้นภายห้องลับที่มีแสงสลัวจึงเหลือเพียงหยุนเหยา

จี้เทียนซิงและฮ่าวเมิ่งเท่านั้น

นางกวาดสายตามองไปรอบๆตัวและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า

“ศิษย์น้องจี้ ศิษย์น้องฮ่าว ที่นี่เป็นห้องลับที่เป็นแกนกลางของถ้ำปีศาจ

บางทีอาจมีความลับหรือเบาะแสใดๆซ่อนอยู่ พวกเราลองค้นหากันอย่างละเอียดดูอีกที”

จี้เทียนซิงและฮ่าวเมิ่งพยักหน้า

พวกเขาก็คิดเช่นเดียวกันจึงเริ่มแยกย้ายกันสำรวจทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียดถี่ถ้วน

หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม

ทั้งสามคนก็ค้นหาไปทั่วห้องลับแท่นบูชจนพบข้าวของที่กระจัดกระจายมากมาย

พวกเขานำสิ่งของเหล่านั้นมาวางซ้อนกันจนเป็นกองภูเขาขนาดย่อมๆ

ซึ่งในนั้นเต็มไปด้วยตำราเคล็ดวิชาบ่มเพาะมากมาย

อีกทั้งยังมีตำราโบราณอีกหลายสิบเล่มเช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้น

มีกระดองเต่าที่ถูกจารึกด้วยเส้นสายแปลกตารวมไปถึงอุปกรณ์ เข็มทิศ

แผนที่และวัสดุปรุงยา

ฮ่าวเมิ่งยังพบสายโซ่ลูกปัดสีขาวเทาจำนวนหนึ่ง หลังจากการตรวจดูอย่างละเอียดก็พบว่ามันทำมาจากกระดูกมนุษย์จริงๆ

หลังจากการค้นหาจนหัวหมุน

ทั้งสามคนก็ถูกล้อมรอบด้วยไป 'กองภูเขา' กวาดสายตามองรอบๆ ถึงแม้จะมีสมบัติมากมาย แต่มันก็มีประโยชน์ต่อเผ่าพันธุ์ปีศาจเท่านั้น

ไม่ใช่สิ่งของสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์

เคล็ดวิชาบ่มเพาะ

ตำราโบราณหลายสิบเล่มที่กองพะเนินเหล่านี้ถูกเขียนขึ้นด้วยภาษาของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ทั้งสามคนไม่เข้าใจ

อุปกรณ์ระดับล้ำลึก

เม็ดยาและข้าวของอื่นๆล้วนเป็นสิ่งของของเผ่าปีศาจเท่านั้นที่สามารถใช้ได้

แต่ถึงกระนั้น

หยุนเหยาก็ไม่ยอมปล่อยให้ความเป็นไปได้แม้แต่น้อยเล็ดรอดสายตา

นางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “พวกเราช่วยกันตรวจสอบข้าวของเหล่านี้ทั้งหมด

บางทีอาจจะค้นพบอะไรสำคัญ”

ฮ่าวเมิ่งพยักหน้าและตำราเก่าแก่ขึ้นมาพลิกอ่านดูเพื่อพยายามทำความเข้าใจ

ส่วนจี้เทียนซิงก็หยิบตำราหลายเล่มออกมาอย่างสุ่มๆและเห็นตัวอักษรเผ่าปีศาจเต็มพรืดจนรู้สึกปวดหัว

เขาคร้านจะเปิดดูต่อไปจึงเดินหาตามห้องลับอย่างต่อเนื่อง

เขาเหยียดมือไปแตะควานดูตามผนังรอบมุมเพื่อค้นหาช่องลับที่ซ่อนอยู่ในผนัง

ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็พบช่องมืดที่มีกล่องดำใบหนึ่ง

เขาเปิดกล่องดำออกและพบตำราสีดำอยู่ข้างในนั้น

ตอนแรกเขาไม่คิดจะสนใจตำราเล่มนี้เพราะคาดว่ามันคงถูกเขียนขึ้นด้วยภาษาของเผ่าปีศาจอีกตามเคย

แต่ครั้งนี้ไม่ใช่

หลังจากพลิกผ่านๆไปสองสามหน้าก็พบว่ามันเป็นตำราที่เขียนขึ้นด้วยภาษาของเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างน่าประหลาดใจ

จี้เทียนซิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและคิดในใจด้วยความสงสัยว่า

“ห้องลับแห่งนี้เป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดของถ้ำปีศาจ

เหตุใดถึงได้มีตำราโบราณของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ? แถมยังเก็บซ่อนไว้อย่างลึกลับเช่นนี้

หรือว่ามหาปุโรหิตจะซ่อนมันเอาไว้ ?”

เขาพลิกหน้าตำราอย่างรวดเร็วและดูเนื้อหาของมันคร่าวๆจนกระทั่งได้พบตัวอักษรคำว่า

[เทพกระบี่] บนหน้าหนึ่งของตำรา

ทันใดนั้นรูม่านตาของเขาก็หดเล็กลงในทันทีและเพ่งพินิจอย่างระมัดระวังต่อ

เนื้อหาบนตำรานั้นเขียนไว้ว่า

‘นามของเทพกระบี่แพร่สะพัดไปทั้งทวีป

สร้างความหวาดกลัวแด่ทุกเผ่าพันธุ์ กลุ่มก้อนกองกำลังล้วนหลีกหนีไปไกลต่อชื่อนี้....’

‘ปีเกิ้งซี เดือนเกิ้งเฉิน , เทพกระบี่เหยียบเท้าลงบนอาณาจักรเทียนเฉิน   ณ สถานที่ลึกลับแห่งหนึ่งของอาณาจักรนี้  เพียงหนึ่งกระบี่สยบสุดยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิ

ทั่วทั้งดินแดนล้วนศิโรราบ’

‘เทพกระบี่รั้งอยู่ในอาณาจักรเทียนเฉินเป็นเวลาสิบวัน

ไม่มีผู้ใดทราบว่าไปที่ไหน และไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร’

‘หลายปีต่อมามีข่าวว่าอาณาจักรเทียนเฉินได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่จากการชี้นำของเทพกระบี่

ซึ่งทำให้แข็งแกร่งขึ้นและประสบความสำเร็จอย่างสูงล้ำ’

‘เทพกระบี่ทิ้งลูกปัดแห่งดวงดาราไว้ในดินแดนดาราบรรพกาล

มันคือสมบัติระดับสุดยอดอันน่าตกตะลึงที่ทำให้สามารถทะลวงผ่านสู่ขอบเขตเทวะ.....’

‘ทว่า ลูกปัดแห่งดวงดาราก็ยังไม่เคยถูกผู้ใดพบเห็นมาก่อนและข่าวนี้ยากที่จะฟันธงได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือข่าวลือ”

..........

จี้เทียนซิงอ่านทุกอักษรอย่างระมัดระวังและพบว่าตำราเล่มนี้เกี่ยวข้องกับเทพกระบี่

มันเป็นตำราโบราณเล่มบางเฉียบและหน้าสุดท้ายถูกฉีกออกไป

เมื่อเขาได้อ่านจนถึงคำว่าลูกปัดแห่งดวงดารา

เขาก็รู้สึกตกใจและเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

อย่างไรก็ตาม

ในหน้าสุดท้ายของมันมีกระดาษสีเหลืองแผ่นหนึ่งที่วาดรูปขุนเขาลูกหนึ่งที่ถูกปกคลุมไว้ด้วยหมู่เมฆ

จี้เทียนซิงเพ่งเข้าไปมองใกล้ๆและได้เห็นว่ามันเป็นเพียงภาพภูเขาที่มีป่าปกคลุมและมีชั้นหมอกหนาๆ

นอกจากนี้

ภาพวาดนี้ไร้ซึ่งคำอธิบายใดๆ ไม่มีเงื่อนงำอื่นๆเช่นกัน

เขารวบรวมความคิดและพึมพำกับตัวเองว่า

“เป็นเวลาเกือบร้อยปีแล้วที่เผ่าปีศาจได้ตามหาลูกปัดแห่งดวงดารา

เนื้อหาในตำราเล่มนี้กล่าวถึงเทพกระบี่และลูกปัดทั้งสิ้น  ดูเหมือนว่าจะมีเบาะแสบางประการที่เกี่ยวพันกัน ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงพบตำราที่เขียนด้วยภาษาของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่นี่

ที่แท้มหาปุโรหิตก็เก็บซ่อนมันไว้นี่เอง”

คิดถึงเรื่องนี้จี้เทียนซิงก็เหลียวมองหยุนเหยาและฮ่าวเมิ่ง

เมื่อเห็นว่าทั้งคู่กำลังคุ้ยตำราโบราณอย่างตั้งอกตั้งใจ

เขาจึงเก็บตำราสีดำเล่มนี้ไว้ในแหวนมิติอย่างลับๆ

ต่อมา

เขาก็ไม่มีอะไรทำจึงเดินไปที่โต๊ะหินและช่วยทั้งสองตรวจสอบสิ่งของเพื่อหาเบาะแส

หนึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ทั้งสามคนค้นตำราและสิ่งของทุกอย่างแล้วก็ยังไม่พบเบาะแสที่มีค่า

สิ่งเดียวที่มีและอาจเป็นประโยชน์ก็คือตำราโบราณหลายสิบเล่ม

น่าเสียดายที่ทั้งสามอ่านภาษาของเผ่าปีศาจไม่ออกจึงไม่สามารถรับรู้เนื้อหาข้างในได้

ดังนั้นพวกเขาทำได้เพียงขนพวกมันกลับไปที่นิกายพันธมิตรสวรรค์

ต่อมาหยุนเหยาเปิดพื้นที่ในแหวนมิติและกวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างบนโต๊ะใส่ไว้ในนั้นพลางกล่าวว่า “ศิษย์น้องจี้ ศิษย์น้องฮ่าว ข้าต้องการนำสิ่งของพวกนี้กลับไปยังนิกายให้ท่านอาจารย์ตรวจสอบดูอีกที”

“พวกเราหมดธุระกับถ้ำปีศาจแล้ว

ตอนนี้ถึงเวลาทำลายมันให้พินาศซะ”

ฮ่าวเมิ่งพยักหน้าและเผยรอยยิ้มพลางกล่าวว่า

“เรื่องนี้ท่านไม่ต้องกังวลหรอกศิษย์พี่ใหญ่ ข้าเตรียมพร้อมไว้แล้ว

เดี๋ยวจัดให้”

“ช่วงหลายปีมานี่ข้าทำภารกิจสำเร็จหลายอย่าง

ท่านประมุขและเหล่าผู้อาวุโสจึงตบรางวัลให้ข้าด้วยลูกระเบิดปราณหลายลูกเลย

ข้าไม่เคยได้ใช้มันเลย

ในที่สุดวันนี้ก็มีโอกาสได้เห็นพลังของมันเสียที”

“ข้าจะวางลูกระเบิดปราณไว้ทุกที่ในถ้ำปีศาจ

หลังจากจุดระเบิดด้วยอาคม พวกมันจะระเบิดพร้อมกันจนถ้ำปีศาจทั้งหมดพินาศสิ้น !”