ตอนที่ 91 หยิบยื่นไมตรี

นับตั้งแต่ได้สิทธิ์เข้าประตูนิกายหนุนสวรรค์

จี้เทียนซิงกระสันที่จะครอบครองชุดเกราะที่แข็งแกร่งมาโดยตลอด

ในตอนประลองชิงอันดับหนึ่งกับองค์ชายจี้หลิงเมื่อหลายวันก่อน

อีกฝ่ายสวมเกราะอ่อนไหมทองไว้ภายในอาภรณ์ทำให้มันแทบจะไร้เทียมทานจนข่ายธารกระบี่ของเขาไม่อาจสร้างบาดแผลได้แม้แต่น้อย

หากมิใช่เพราะกระบี่มังกรดำที่เกิดจากการจำแลงกายของเสี่ยวเฮยหลง

เขาย่อมไม่สามารถล้มจี้หลิงได้อย่างง่ายดายเป็นแน่

ดังนั้นหลังจากทราบถึงความแข็งแรงทนทานของเกราะมังกรน้ำแข็งแล้ว

จี้เทียนซิงก็คิดจะประมูลมันโดยไม่ลังเล

เกราะชิ้นนี้เปิดราคาที่

4.6 ล้านเหรียญเงินแต่มีผู้คนมากกว่า 20 คนที่แข่งขันประมูลกับเขา มีทั้งจอมยุทธ์ยอดฝีมือและพ่อค้าที่ร่ำรวย

หลังจากผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง

ราคาของเกราะมังกรน้ำแข็งก็พุ่งขึ้นไปถึง 8 ล้าน

จนถึงตอนนี้ยังมีอีก 3 คนที่เสนอราคาต่อไป ชัดเจนว่า 3 คนนี้ต้องการครอบครองสมบัติชิ้นนี้ให้จงได้

จี้เทียนซิงตะโกนเพิ่มราคาไปอีกเป็นสิบล้านเหรียญโดยไม่ลังเลและสีหน้าไม่เปลี่ยน

สร้างความฮือฮาให้กับผู้คนมากมาย

ถึงแม้ว่าทุกคนในห้องนี้จะมีฐานะและร่ำรวย

แต่เงินสิบล้านก็ยังคงนับเป็นเงินก้อนโต

มันไม่คุ้มค่าที่จะลงทุนซื้อเกราะป้องกันเพียงชิ้นเดียว

คู่แข่งของจี้เทียนซิงทั้งสามคนลังเลอยู่พักหนึ่งและในที่สุดก็ต้องยอมแพ้ในการประมูล

ส่งผลให้จี้เทียนซิงได้รับเกราะมังกรน้ำแข็งมาครองได้สำเร็จ

สีหน้าท่าทางของชายหนุ่มยังคงสงบเยือกเย็น ไร้ซึ่งความตื่นเต้นยินดีและหยิ่งยโส

เนี่ยห่าวจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงกับจี้เค่อและขบคิดในใจด้วยความกังวลเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้ในโรงเตี๊ยมพวกเขาทั้งสามแลกเปลี่ยนชื่อกันเพื่อทำความรู้จัก

อย่างไรก็ตามจี้เทียนซิงและจี้เค่อบอกแค่เพียงแซ่

ไม่ได้บอกชื่อเต็มและฐานะตัวตนที่แท้จริง

ยิ่งตอนนี้เนี่ยห่าวได้เห็นว่าจี้เทียนซิงสีหน้าไม่เปลี่ยนหลังจากประมูลสำเร็จ

ส่วนจี้เค่อก็ดูไม่แยแสต่อเงินนับสิบล้านแม้แต่น้อย ทำให้มันมั่นใจว่าชายหญิงคู่นี้ย่อมมิใช่รุ่นเยาว์ธรรมดาสามัญเป็นแน่

การประมูลยังคงดำเนินต่อไป

หลังจากนั้นก็มีสมบัติอีกหลายชิ้นที่ถูกนำมาประมูลและก็ขายออกในราคาสูงเช่นเดิม

หนึ่งชั่วโมงผ่านไปโดยไม่รู้ตัว

ในที่สุดการประมูลก็มาถึงช่วงสุดท้าย

หงเฉียงเว่ยประกาศด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ

“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ต่อไปนี้คือสมบัติชิ้นสุดท้ายของหมู่ตึกสมบัติสวรรค์  สมบัตินี้มีชื่อว่าหยกหมื่นวิญญาณ

อีกทั้งมันยังเป็นสมบัติสุดยอดของการประมูลในครั้งนี้ !”

“หยกหมื่นวิญญาณนี้มีสรรพคุณที่วิเศษมาก…........”

นางแนะนำที่มาและคุณสมบัติของหยกหมื่นวิญญาณในขณะที่หยิบหยกสีน้ำเงินอ่อนออกมาจากกล่องไม้จันทน์

หยกชิ้นนี้ส่องประกายแวววาวระยิบระยับภายใต้แสงไฟซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเคลิบเคลิ้มและดูลึกลับเป็นอย่างยิ่ง

ไม่เพียงแค่นั้น

หยกยังปลดปล่อยกลิ่นอายอันหอมหวนรวมไปถึงแผ่ซ่านพลังงานที่ผันผวนออกมาอีกด้วย

ทุกคนในห้องโถงสูดดมกลิ่นและรู้สึกราวกับถูกปกคลุมไปด้วยพลังงาน มันน่าตกใจมากที่หยกชิ้นหนึ่งสามารถทำให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าได้

ขนาดพวกเขาอยู่ไกลจากหยกหมื่นวิญญาณขนาดนี้ก็ยังสัมผัสได้ถึงความพิเศษของมัน

หากวางสิ่งนี้ไว้ในห้องหับยามเข้านอนทุกค่ำคืน ย่อมเป็นผลดีต่อร่างกายใช่หรือไม่ ?

ทันใดนั้นเองทุกคนในห้องโถงต่างก็เดือดพล่านและกระซิบกระซาบกัน

มีหลายคนดวงตาเปิดกว้างอย่างเปล่งประกายและคิดจะเข้าร่วมประมูล

อย่างไรก็ตามเมื่อหงเฉียงเว่ยประกาศราคาเริ่มต้นของสมบัติชิ้นนี้ก็ทำให้พวกเขาส่วนใหญ่ร่ำร้องและส่งเสียงตัดพ้อ

“หยกหมื่นวิญญาณเปิดราคาเริ่มต้นที่ 20 ล้าน! ราคาที่เพิ่มขึ้นต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งล้าน!”

ชั่วครู่หนึ่งทุกคนในห้องโถงก็เงียบกริบ

ก่อนหน้านี้จี้เทียนซิงทุ่มเงินสิบล้านเพื่อเกราะชิ้นหนึ่งก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงแล้ว

แต่ราคาเริ่มต้นของหยกหมื่นวิญญาณคือ 20

ล้านซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนในห้องโถงนี้จะจ่ายไหว

หลายคนๆเริ่มครุ่นคิดว่าด้วยค่าตัวสูงลิบเช่นนี้

หากจะซื้อมันได้ คนๆนั้นย่อมเป็นเหล่าผู้สูงศักดิ์ที่อยู่ในห้องส่วนตัวบนชั้นสองเป็นแน่

จี้เทียนซิงรู้ว่าเนี่ยห่าวมาร่วมการประมูลครั้งนี้ก็เพื่อหยกหมื่นวิญญาณ

เมื่อได้ยินราคาเริ่มต้นที่ 20 ล้าน เขาหันไปมองเนี่ยห่าวโดยไม่รู้ตัว

ใบหน้าของเนี่ยห่าวดูราบเรียบและสงบนิ่ง

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายก็เตรียมตัวมาดีไม่น้อย

“21 ล้าน !”

เนี่ยห่าวตะโกนเสนอราคาออกมา

เสียงของจี้ห่าวทำให้ทุกคนในห้องโถงอึ้งและหันไปมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

พวกเขาไม่เข้าใจ

หากชายหนุ่มผู้นี้มีเงินถุงเงินถังถึง 20

ล้านก็สมควรจะนั่งบนห้องพิเศษชั้นสอง

ทำไมเขาถึงอยู่ในห้องโถงชั้นแรก ?

ในเวลานี้เอง

บนห้องพิเศษที่ชั้นสองหลายๆห้องก็มีเสียงดังออกมาเช่นกัน

“ 22 ล้าน!”

“ 24 ล้าน!”

“ 28 ล้าน!”

“ ข้าเสนอ 30

ล้าน!”

ในเวลาไม่นานราคาของหยกหมื่นวิญญาณก็พุ่งขึ้นเป็น

30 ล้าน ทุกคนในห้องโถงชั้นหนึ่งสีหน้าเปลี่ยนไปเผยให้เห็นการแสดงออกที่ซับซ้อน

ดวงตาเปล่งประกายและซุบซิบกันด้วยเสียงต่ำ

เนี่ยห่าวยังคงสงบนิ่งและเสนอราคาต่อไป

ส่วนบุคคลชั้นสูงในห้องพิเศษก็เสนอแข่งไม่หยุดหย่อน

ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงราคาของหยกหมื่นวิญญาณก็ถีบตัวสูงขึ้นเป็น

50 ล้าน!

ซึ่งในช่วงนี้เสียงของการเสนอราคาก็เริ่มหดหายไปเรื่อยๆจนเหลือเพียงสองคนสุดท้ายเท่านั้น

หนึ่งในนั้นคือเนี่ยห่าวและอีกเสียงหนึ่งมาจากชายหนุ่มอีกคนในห้องพิเศษชั้นสอง

“ 55 ล้าน!”

เมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่มในห้องพิเศษ

เนี่ยห่าวก็มุ่นหัวคิ้ว สีหน้าแววตาเริ่มว้าวุ่น

เขาลอบกำหมัดแน่นและกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า  “ 56 ล้าน!”

จี้เทียนซิงจ้องมองเนี่ยห่าวอย่างเงียบๆและเห็นว่าการเสนอราคาของอีกฝ่ายเริ่มติดขัด

เห็นได้ชัดว่าใกล้จะถึงลิมิตของมันแล้ว

เสียงในห้องพิเศษชั้นสองเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตะโกนอีกครั้งว่า

“ ข้าเสนอ 60

ล้าน! เหอะ ก็แค่เศษเงิน !”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายหนุ่มลึกลับบนชั้นสองก็เตรียมตัวมาดีเช่นกัน

น้ำเสียงของมันดูสูงส่งร่ำรวยอย่างมากราวกับว่าเงินจำนวนนี้เป็นเพียงเศษกระดาษ

เนี่ยห่าวสะท้านเฮือก

ใบหน้าสง่างามของมันฉายแววตกตะลึงและขบริมฝีปากแน่น  มันเงียบไปนานหลายอึดใจและไม่เสนอราคาอีก

ในห้องพิเศษห้องหนึ่งบนชั้นสอง

ชายหนุ่มรูปงามในชุดสีขาวนั่งอยู่บนโต๊ะด้วยมือข้างหนึ่งที่ท้าวคาง

ส่วนอีกข้างหนึ่งถือจอกสุราชั้นเลิศเอาไว้

มันเป็นคนที่เสนอราคา

60 ล้านเมื่อครู่นี้เอง และยังเป็นคนเดียวกับที่ส่งลูกสมุนมาพัวพันจี้เค่อ

ชายวัยกลางคนยืนอยู่ตรงหน้ามันและกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า

“ฝ่าบาท...พวกเราไม่ได้นำเงินมามากนัก.... ”

สีหน้าท่าทางของมันดูราวกับพยายามจะเตือนสติองค์ชายไม่ให้เสนอราคาสูงไปกว่านี้

ชายหนุ่มชุดขาวยกยิ้มมุมปากและใช้นิ้วคนสุราในจอกพลางกล่าวว่า

“แน่นอนว่าข้ารู้ นี่เป็นลิมิตของข้าเช่นกัน

หากเจ้าหมอนั่นยังกล้าแข่งราคาอีก ข้าคงทำได้เพียงยอมแพ้”

“แต่ด้วยการถีบราคาขึ้นไป 60

ล้านรวดเดียวย่อมทำให้มันหวั่นๆอยู่แล้วว่าข้าอาจจะมีเงินมากกว่านี้ เจ้าเห็นหรือไม่

? มันเป็นใบ้ไปนานเลยทีเดียว”

“โอ้.....

ฮ่าๆ.... ใช่ขอรับ องค์ชายหลักแหลมที่สุด !”

ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างๆพยักหน้าและกล่าวประจบสอพลอ

ในเวลาเดียวกันเนี่ยห่าวก็ยังคงนิ่งเงียบไปด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวอัปลักษณ์

ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจ !

หงเฉียงเว่ยตะโกนออกมาว่า

“ท่านผู้มีเกียรติบนชั้น 2 เสนอราคาที่ 60

ล้าน  มีแขกท่านใดประสงค์จะเสนอราคาสูงกว่านี้หรือไม่

?”

“หากไม่มีใครเสนอราคาสูงกว่านี้ หยกหมื่นวิญญาณจะตกเป็นของคุณชายบนชั้นสอง

!”

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและกระซิบกับเนี่ยห่าว

“พี่เนี่ย สิ่งนี้สำคัญกับท่านมาก

เหตุใดถึงไม่เพิ่มราคาเล่า ?”

เนี่ยห่าวแสดงรอยยิ้มอันขมขื่นและกล่าวอย่างหดหู่ว่า”ข้าพยายามที่สุดแล้ว แต่ก็มีเงินเพียง 58 ล้านเท่านั้น ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่ามันน่าจะเหลือเฟือ

มิคาดว่า..... เฮ้อ”

จี้เทียนซิงรับรู้ทันทีว่าเหตุผลที่เนี่ยห่าวไม่เสนอราคาต่อก็เพราะมันไม่มีเงินพอนั่นเอง

หลังจากขบคิดอยู่วูบหนึ่ง

จี้เทียนซิงก็ยิ้มเล็กน้อยและควักตั๋วเงินจากในแขนเสื้อออกมามอบให้อีกฝ่ายพลางกล่าวว่า

“ข้ามี 10

ล้าน

ท่านเอาไปใช้ฉุกเฉินก่อนเถิด”

เนี่ยห่าวสะดุ้งโหยง

ร่างกายสั่นสะท้านและจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยความประหลาดใจ มันตื้นตันจนพูดไม่ออก

มันคาดไม่ถึงว่าจอมยุทธ์น้อยที่รู้จักเพียงสองชั่วโมงกลับหยิบยื่นไมตรีให้มันโดยไม่ต้องเอ่ยปาก

เนี่ยห่าวขบริมฝีปาก

ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความซาบซึ้งอย่างจริงใจ

“ท่านพี่จี้ น้ำใจของท่านครั้งนี้

เนี่ยห่าวจะจดจำไว้ชั่วชีวิตมิลืมเลือน !”