แม้เจ้าจะไม่อยาก
แต่ข้าก็จะสอน !
เซี่ยงหวู่จี้อยู่ในห้องโถง
เขากำลังเอนกายนอนอยู่บนเก้าอี้หวายและจิบสุราอย่างสุนทรี
บางทีอาจเป็นเพราะเขาดื่มเยอะเกินไปหน่อยจนใบหน้าเริ่มแดง
ดวงตาหรี่ลงราวกับกำลังจะหลับไป
“จะว่าไป ไอ้หนูนั่นกว่าจะทำลายอาคมได้คงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งวัน
งั้นข้างีบสักพักก็แล้วกัน…”
เซี่ยงหวู่จี้เลียริมฝีปาก
จากนั้นก็เอาน้ำเต้าสุราเก็บไว้ในแหวนมิติสีดำแล้วหลับตาลง
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กรนครอกๆและเข้าสู่ห้วงนิทรา....
ตุบ
!
ในเวลานี้เองมือสองมือโผล่ยื่นขึ้นมาจากบ่อน้ำโบราณที่มุมสวนและเริ่มปีนขึ้นมาจากบ่อน้ำ
นี่ก็คือจี้เทียนซิงนั่นเอง
ผมเผ้าและชุดคลุมยาวสีฟ้าของเขาเปียกปอนและมีน้ำหยดลงพื้น ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงวัน
ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าส่องแสงสว่างและทำให้อากาศร้อนอบอ้าว ชายหนุ่มถอดเสื้อคลุมตัวนอกและบิดน้ำออก จากนั้นก็เดินตรงไปยังห้องโถง
ยังไม่ทันก้าวข้ามประตู
เขาก็ได้ยินเสียงกรนดังจากในห้อง
“หึหึ
ตาแก่หลับไปแล้วจริงหรือนี่ ? ไม่ใช่ว่าแกล้งหลับหาลูกเล่นอะไรมาแกล้งข้าอีกนะ...” จี้เทียนซิงพึมพำและพลักประตูห้องเข้าไปทันที
เขาย่องไปมองเซี่ยงหวู่จี้เพื่อต้องการดูว่าอีกฝ่ายหลับจริงหรือแกล้งกันแน่
ตูม !
เมื่อเขาอยู่ห่างจากเซี่ยงหวู่จี้ได้ห้าก้าว
ทันใดนั้นเองชายชราก็เบิกตาโพล่งและซัดคลื่นกระบี่จากฝ่ามือเข้าหาจี้เทียนซิงโดยไม่ทันตั้งตัว มันคือสัญชาตญาณการป้องกันตัวโดยอัตโนมัติของสุดยอดฝีมือ
คลื่นกระบี่ยาวกว่าสองเมตรเต็มไปด้วยความคมกริบและรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง หากมันกระแทกใส่กำแพงคงแหลกเป็นเสี่ยงๆในพริบตา
“ระยำแล้ว.... !”
จี้เทียนซิงหน้าซีดดุจกระดาษ
เหงื่อกาฬแตกพลั่ก เขารีบโคจรย่างก้าวไร้เงาอย่างรวดเร็วและล่าถอยไปไกลกว่าสามเมตร
ถึงกระนั้น
คลื่นกระบี่ก็รวดเร็วเกินไปจนเกือบจะถึงตัวเขาในอีกไม่ช้า โชคดียังดีที่เซี่ยงหวู่จี้ได้สติ
หลังจากสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้ายก็รีบรั้งพลังกลับทันที
คลื่นกระบี่อันแหลมคมและเกรี้ยวกราดล่องลอยกลางอากาศห่างจากลำคอของชายหนุ่มเพียงสองนิ้วเท่านั้น
!
ถ้าหากเซี่ยงหวู่จี้รั้งมือช้ากว่านี้เพียงเสี้ยววินาที
โดยที่ชายหนุ่มยังอยู่ตำแหน่งเดิม รับรองได้ว่าเขาคงตกตายแน่นอน...
“ฮู่ว..... ” จี้เทียนซิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
เขาสูดหายใจลึกและคำรามด้วยความโกรธว่า “ตาเฒ่า ท่านคิดจะฆ่ากันเลยหรือไง !”
“ท่านนี่มันข่มเหงรังแกผู้คนจริงๆ
อายุปูนนี้ไม่รู้จักยั้งมือบ้างหรือไง ท่านเกือบจะฟันคอข้าหลุดจากบ่าไปแล้ว !”
เซี่ยงหวู่จี้โบกฝ่ามือเข้าหาตัวเพื่อชักนำคลื่นกระบี่กลับเข้าร่าง
จากนั้นก็หันไปมองจี้เทียนซิงด้วยความฉงน
“เฮ้ย.....? ไอ้หนู
เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ไง ? ตอนนี้กี่โมง ข้าหลับไปนานแค่ไหนแล้ว ?”
จี้เทียนซิงพูดไม่ออก
เขานวดหว่างคิ้วและกล่าวว่า “ตอนนี้บ่ายสอง”
เซี่ยงหวู่จี้ผุดลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจและขมวดคิ้ว
จากนั้นก็หันไปมองที่ท้องฟ้าด้านนอกพลางกล่าวว่า “ตอนที่ข้าหลับไปเจ้าออกมาจากอาคมวิญญาณพฤกษ์ได้แล้ว ?”
"บ้าน่า เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ! ไอ้หนูอย่างเจ้าเข้าไปในนั้นแค่ชั่วโมงเดียว เจ้าออกมาได้อย่างไร ?”
เซี่ยงหวู่จี้ไม่อาจทำใจเชื่อได้เลยว่าจะมีคนทำลายอาคมของเขาได้ในเวลาเพียงชั่วโมงเดียว
เป็นเวลากว่า
100 ปีแล้วที่ไม่มีบุคลที่สองที่ออกจากอาคมของเขาได้
โดยที่บุคลแรกที่ทำได้ก็คือศิษย์ของเขา
ฉิวอวี้
แต่วันนี้จี้เทียนซิงทำได้
จะไม่ให้ตาแก่อย่างเขาตกใจอย่างไร ?
“หรือว่านี่จะเป็นพรสวรรค์โดยกำเนิดทางด้านข่ายอาคมเช่นเดียวกับฉิวอวี้
? เขาสืบทอดความสามารถของฉิวอวี้มาโดยสมบูรณ์เลยงั้นหรือ
?”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เซี่ยงหวู่จี้ก็รู้ตื่นเต้นยินดีมากขึ้น
เขามองไปที่ดวงตาของจี้เทียนซิงด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง มันราวกับว่าเขาได้พบหยกล้ำค่าที่สมบูรณ์แบบเข้าแล้ว
!
เขาเชื่อว่าหยกสมบูรณ์แบบที่ยังไม่ผ่านการเจียระไนเม็ดนี้
ย่อมกลายเป็นสมบัติเลิศภพจบแดนหลังจากขัดเกลามันอย่างแน่นอน !
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง
เซี่ยงหวู่จี้สูดหายใจลึกและสงบสติอารมณ์พลางจ้องตาจี้เทียนซิง
ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไอ้หนู เจ้าบอกข้ามาซิ เจ้าทำได้อย่างไร ?”
จี้เทียนซิงไม่คิดปิดบังและตอบไปตามความจริงว่า
“อาคมวิญญาณพฤกษาของท่านเป็นอาคมเสริมก็จริงแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจแห่งมนต์มายา
ป่าทึบก็คือเขาวงกต เดิมทีข้าพยายามทำลายมันแล้วแต่ไม่เป็นผลและออกมาไม่ได้ ทว่า
หลังจากข้าสงบใจและครุ่นคิดก็พบลำธารเล็กสายหนึ่งที่ไม่ผันแปรไปตามมนต์มายาลวงตาของป่าทึบ ข้าจึงคิดว่าลำธารสายนั้นอาจเป็นกุญแจในการออกไปจากที่นี่ ต่อมาข้าก็เดินไปจนถึงต้นน้ำและพบสระน้ำ
ข้าดำลงไปจนทะลุโผล่มาที่บ่อน้ำในลานกว้างของตำหนัก"
ระหว่างที่ฟังเซี่ยงหวู่จี้ก็ผงกศีรษะรัวๆเป็นไก่จิกด้วยสีหน้าชื่นชม
ใบหน้าที่แก่ชราของเขาเกิดรอยยิ้มขึ้น
“ไม่เลวๆ
มันสมองในการวิเคราะห์ของเจ้านับว่าเยี่ยมมาก”
“แค่กๆ... ก่อนหน้านี้ข้าพูดว่าจะให้รางวัลเจ้า
หากเจ้าออกมาได้ภายในหนึ่งวัน เอาล่ะข้าจะทำตามสัญญา”
เมื่อได้ยินถึงคำว่ารางวัล
ความขุ่นเคืองที่เกือบคอขาดเมื่อครู่ของจี้เทียนซิงก็หายวับและถามขึ้นทันทีว่า “ท่านจะให้รางวัลอะไรข้า ?”
เซี่ยงหวู่จี้เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางน่าเกรงขาม
เขาสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งทีและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เราผู้เฒ่าตัดสินใจสอนศาสตร์แห่งข่ายอาคมให้เจ้า ข้าจะบ่มเพาะสอนสั่งให้เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญแห่งข่ายอาคม
!”
จากนั้นก็ยิ้มมุมปากและมองจี้เทียนซิงด้วยความภาคภูมิใจ
เซี่ยงหวู่จี้มั่นใจว่าเมื่อเขากล่าวประโยคนี้ออกมา
ไม่ว่าใครก็ต้องตื่นเต้นยินดีจนตัวสั่นแทบตกเก้าอี้ !
อย่างไรก็ตาม......
สิ่งที่เขาคาดหวังไว้ไม่ได้เกิดขึ้นกับจี้เทียนซิง
ชายหนุ่มทำหน้างงๆและอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“อ่า... ขอบคุณ
ขอบคุณมากๆสำหรับความกรุณาของผู้อาวุโส ผู้เยาว์ยินดียิ่งนัก..”
ปากพูดขอบคุณอยู่หลายคำแต่สีหน้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น
อีกทั้งภายในใจของเขากลับคร่ำครวญว่า “โธ่ถัง...
ข้าก็หลงคิดว่าตาเฒ่านี่จะตบรางวัลด้วยโอสถวิเศษหรือเม็ดยาเสริมพลังบ่มเพาะให้ข้าเสียอีก”
เซี่ยงหวู่จี้รอยยิ้มหายวับไป
เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ไอ้เด็กผี
สีหน้าแบบนี้หมายความว่าไง ? นี่เจ้าดีใจจริงปะเนี่ย
?!”
“เราผู้เฒ่าเอ่ยปากว่าจะสอนศาสตร์แห่งอาคมให้เจ้าเชียวนะ
นี่เป็นพรจากสวรรค์ที่คนนับหมื่นนับแสนต่างก็อิจฉาเจ้า ! เจ้าไม่ตื่นเต้นเลยรึ !?”
เมื่อเห็นภาพนี้จี้เทียนซิงก็อดไม่ได้ที่ขบขันในใจ
เขายิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า “โอ้โห สุดยอดเลยผู้อาวุโส บุญคุณใหญ่หลวงของท่าน
ผู้เยาว์จะไม่มีวันลืมเลือนไปชั่วชีวิต !”
“เฮอะ ! ไอ้เด็กเปรต กะล่อนนักเชียว !” เซี่ยงหวู่จี้ดูออกแน่นอนว่าจี้เทียนซิงแกล้งพูดเอาใจ
เขาสบถออกมาอย่างขุ่นเคือง
“เอาเถอะๆ แม้ใจเจ้าจะไม่อยาก
แต่ร่างกายเจ้าก็ต้องเรียน ! ต่อไปนี้เจ้าก็อาศัยในตำหนักไท่อันกับข้า
ไม่ต้องกลับไปหอยุทธ์ฟงอวิ๋นอีกแล้ว”
จี้เทียนซิงตระหนักดีว่าเซี่ยงหวู่จี้มีสถานะที่สูงส่งมากในนิกาย
ต่อให้เขาคิดจะขัดขืนกลับไปหอยุทธ์ฟงอวิ๋น
เกรงว่าแม้แต่ฮั่นเฉียวเซิงก็ยังไม่กล้าล่วงเกินเซี่ยงหวู่จี้
เมื่อนึกถึงตัวตนของอีกฝ่าย
เขาจึงกล่าวชมเชยประจบประแจงเซี่ยงหวู่จี้อย่างรวดเร็วเพื่อความผาสุขในอนาคต.....
รู้ตัวรอดเป็นยอดดี
!
หลังจากนั้นเซี่ยงหวู่จี้ก็นึกถึงวีรกรรมของจี้เทียนซิงขึ้นมาได้จึงกล่าวย้ำเตือนด้วยสีหน้าระทมทุกข์ว่า
“ไอ้หนู
อยู่ที่นี่อย่าได้ซุกซนทำตัวลับๆล่อๆอีกนะ มิฉะนั้น หากเมื่อครู่นี้ข้าหยุดมือไม่ทัน
เจ้าคิดว่าเจ้าจะตายอย่างน่าสังเวชไหม ?”
จี้เทียนซิงพยักหน้าหงึกๆและกล่าวว่า
“โบราณว่าไว้
อยู่ใกล้จักรพรรดิเหมือนอยู่ใกล้เสือ วันนี้ข้าเข้าใจถ่องแท้แล้วขอรับ !”
เซี่ยงหวู่จี้เหล่ตามองอีกฝ่ายและหายใจเข้าลึกพลางกล่าวด้วยความโกรธว่า
“เจ้ามันไร้เดียงสานัก ! เราผู้เฒ่าตื่นตัวและระแวดระวังตลอดเวลา ต่อให้งีบหลับแต่จิตใต้สำนึกของข้าก็ยังตื่นตัวจนติดเป็นนิสัย”
“ข้าโลดแล่นในแผ่นดินใหญ่ร่วมสองร้อยปี
ทำลายอาณาจักรน้อยใหญ่หลายสิบแห่งและเผชิญหน้ากับความเป็นความตายมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน
หากไม่เพราะข้าระวังตัวอยู่เสมอ เจ้าคิดว่าข้าจะอยู่รอดมาได้จนถึงอายุปูนนี้หรือไง
?”
จี้เทียนซิงตระหนักได้ในทันทีและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า”ผู้อาวุโสดูเหมือนจะมีวีรกรรมอันยิ่งใหญ่มาก เมื่อไหร่ท่านถึงจะเล่าให้ข้าฟัง
อดีตของท่านเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นกับท่านมาบ้าง”
เซี่ยงหวู่จี้สะบัดปลายแขนเสื้ออย่างอหังการและพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจเมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต
เขากล่าวต่อไปว่า
“
แน่นอนว่าตำนานของข้าย่อมไม่ธรรม ! แต่เรื่องนี้ไว้เล่าให้เจ้าฟังทีหลัง ตอนนี้เจ้ามาเรียนกับข้าก่อน
ข้าจะสอนเจ้าเกี่ยวกับศาสตร์แห่งข่ายอาคม”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved