ตอนที่ 123

แผนการไร้ช่องโหว่

จี้หลิงและเจียนอวี้กระซิบกระซาบกัน ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคนกำลังพูดคุยอะไร  จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ก็เหมือนจะบรรลุข้อตกลงกันได้  พวกเขาพยักหน้าให้กันอย่างเคร่งขรึมและแยกย้ายกลับไป

จี้หลิงไม่ได้กลับไปที่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น

แต่เดินลึกเข้าไปในภูเขามุ่งหน้าไปยังบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นที่พำนักของศิษย์ฝ่ายใน   เขายืนอยู่หน้าห้องและเคาะประตูอย่างเงียบงัน

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งประตูก็เปิดขึ้นและปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดขาวขึ้นเบื้องหน้าจี้หลิง  คนผู้นี้ก็คือลู่หมิงหยาง !

เมื่อเขาเห็นจี้หลิงก็เผยรอยยิ้มและถามว่า

“จี้หลิง เจ้ามาหาข้ามีธุระอันใดหรือ ?”

จี้หลิงเหลียวซ้ายแลขวาไปรอบๆและกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า

“ท่านพี่ลู่ ข้ามาหาท่านครั้งนี้ย่อมมีเรื่องสำคัญคิดขอความช่วยเหลือจากท่าน”

“อ้อ

?  เข้ามาในห้องก่อนแล้วค่อยพูดจากัน” ลู่หมิงหยางพาจี้หลิงเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วและปิดประตูมิดชิด

หลังจากจี้หลิงเข้าไปในบ้านก็กล่าวว่า

“พี่ลู่ ข้าติดต่อสหายเก่าผู้หนึ่งได้

คนผู้นั้นก็มีความแค้นล้ำลึกกับจี้เทียนซิง พวกเราตัดสินใจร่วมมือกันกำจัดมัน

แต่แผนการนี้ต้องให้ท่านช่วยอีกแรงถึงจะราบรื่น.... ”

“กำจัดจี้เทียนซิงงั้นหรือ ?”  ลู่หมิงหยางเบิกตากว้างและคึกคักขึ้นอักโข

"ดี !  จี้หลิง

เจ้าว่ามาเลย จะให้ข้าช่วยอย่างไร”

จี้หลิงแสดงรอยยิ้มที่มั่นใจและโน้มหน้ากระซิบข้างหูของลู่หมิงหยางเพื่อบอกเล่าแผนการออกไป

ลู่หมิงหยางรับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

เมื่อฟังจบแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เยี่ยม ! จี้หลิง แผนการของเจ้ายอดเยี่ยมมาก

ครานี้จี้เทียนซิงเป็นคนตายแน่แล้ว ยากที่จะหนีรอดไปได้ !”

จี้หลิงแสยะยิ้มมุมปาก

ทั้งสองต่างมองหน้ากันและหัวเราะลั่น

......

หอยุทธ์ไป๋ลู่

, สถานที่พักอาศัยของศิษย์สตรี

จี้เค่อกำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้อง

ทันใดนั้นเองศิษย์สตรีผู้หนึ่งก็ร้องเรียกชื่อนางอยู่หน้าประตูห้อง

จี้เค่อเดินออกไปเปิดประตู

จากนั้นศิษย์สตรีก็ส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้นางและแจ้งว่ามีชายผู้หนึ่งของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นฝากมาให้

จี้เค่อขอบคุณศิษย์ผู้นั้นและเปิดจดหมายอ่านเนื้อหาภายใน

มันเขียนไว้ด้วยลายมือที่ประณีตบรรจงและหนักแน่นสั้นๆว่า

[เค่อเค่อ ข้ากำลังรอเจ้าอยู่ที่ศาลาแห่งหนึ่งกลางยอดเขากระบี่หยก

ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับเจ้า อย่าลืมมาล่ะ]

[จี้เทียนซิง]

“พี่ใหญ่เทียนซิงเรียกหาข้า.... ? จี้เค่อวางจดหมายลง ใบหน้างามเผยรอยยิ้มอันอ่อนหวานขึ้น

นางเปิดประตูออกไปด้วยความสุขเตรียมจะมุ่งหน้าไปตามนัด  อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงลานกว้างนางก็ชะงักฝีเท้าและยกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

“พี่ใหญ่เทียนซิงเรียกหาข้าทำไมต้องนัดพบที่ยอดเขากระบี่หยกด้วยนะ

?

อีกอย่าง... วันนี้เราก็เพิ่งเจอกันแท้ๆ”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้จี้เค่อจึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังหอยุทธ์ฟงอวิ๋นเพื่อคลายข้อสงสัยที่มาของจดหมาย

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงนางก็มาถึงหอยุทธ์ฟงอวิ๋นและเดินต่อไปยังที่พักของจี้เทียนซิง  นางเคาะประตูอยู่หลายครั้งก็ยังไร้ซึ่งการตอบรับจากภายในห้อง  แต่ในเวลานั้นเองประตูของห้องถัดไปก็เปิดขึ้น

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งใบหน้าหมดจดหล่อเหลาเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ

พลางถามว่า “ศิษย์น้องหญิง เจ้ามาหาพี่จี้งั้นหรือ ?”

ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือเนี่ยห่าวนั่นเอง

สำหรับนางแล้วคนผู้นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้า ทั้งสองรู้จักมักคุ้นกันมาก่อนแล้วที่เมืองเฟิงหยางและยังได้เข้าร่วมงานประมูลด้วยกัน

“ใช่แล้ว”  จี้เค่อพยักหน้าและถามว่า “ศิษย์พี่เนี่ยห่าว พี่ใหญ่เทียนซิงไม่อยู่หรือ ?”

เนี่ยห่าวตอบด้วยรอยยิ้ม

“พี่จี้เพิ่งจะออกไปได้สักพักนี้เอง ดูเหมือนเขาจะพูดว่าไปตามนัดอะไรสักอย่าง”

“เข้าใจแล้ว

ขอบคุณมากศิษย์พี่เนี่ยห่าว !”  จี้เค่อได้คำตอบจึงยิ้มขอบคุณจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป

เมื่อคลายข้อสงสัยแล้ว

นางจึงมุ่งหน้าไปยังยอดเขากระบี่หยกทันที

ยอดเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณของนิกายฝ่ายนอกทางทิศตะวันออกไกลออกไปหลายสิบไมล์

ส่วนทางทิศตะวันตกของนิกายพันธมิตรสวรรค์จะเป็นที่ตั้งของตำหนักไท่อัน

และด้านหลังก็คือศูนย์กลางหลักของนิกาย, ยอดเขาเมฆาสีชาด

ระหว่างเดินทาง

ในใจของจี้เค่อเต็มไปด้วยความคิดที่ร้อนรนเพราะนางกลัวว่าจี้เทียนซิงจะรอนาน  ดังนั้นนางจึงเร่งฝีเท้ายิ่งขึ้น

......

ฟุ่บ

!

ฟุ่บ

!

อีกด้านหนึ่ง

จี้เทียนซิงกำลังพุ่งทะยานอยู่บนเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังยอดเขากระบี่หยก  ฝีเท้าของเขารวดเร็วยิ่ง ใบหน้าดำทะมึน

หว่างคิ้วมีรอยย่นของความขุ่นเคือง

“ตัวบัดซบจี้หลิง ! ข้าอุตส่าห์คิดว่าหลังจากโดนสั่งสอนไปแล้วมันจะสงบเสงี่ยมเจียมตัว  มิคาดเลยว่ามันยังกล้าหาเรื่องข้าอีก !”

“มันบอกให้ข้าไปที่ยอดเขากระบี่หยกเพื่อจะบอกความลับบางอย่าง....

นี่เป็นแผนการของมันแน่นอน มันคิดจะทำอะไรอีก ?”

ในขณะที่ทะยานขึ้นเขา

จี้เทียนซิงเต็มไปด้วยความคิดในหัว

ถึงแม้เขาจะรู้ว่าจี้หลิงมีแผนการและมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเรื่องชั่วช้า

แต่ตอนนี้จี้เทียนซิงแข็งแกร่งขึ้นมากและสำเร็จสองกระบวนท่าแรกของเพลงกระบี่ดาราเหิน

ซึ่งสามารถรับมือกับยอดฝีมือระดับปราณจิตขั้นต้นได้อย่างสบาย  ดังนั้นเขาจึงมาตามนัดโดยไม่ลังเลและไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน....

หลังจากนั้นไม่นานจี้เทียนซิงก็มาถึงกลางยอดเขา

เขาเดินมาจนสุดทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้เรียงราย

จากนั้นก็เห็นศาลาแปดเหลี่ยมอยู่เบื้องหน้า

รอบๆศาลาเป็นป่าทึบและมีร่างเงาของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ในชุดเสื้อคลุมสีฟ้าของศิษย์ฝ่ายนอกยืนหันหลังให้อยู่

เมื่อจี้เทียนซิงสาวเท้าเข้าไปใกล้

จี้หลิงก็หันกลับมาและจ้องมองอีกฝ่ายพลางกล่าวกลั้วหัวเราะ

“ฮ่าๆ

จี้เทียนซิง ข้าคิดไว้ไม่ผิดเลย เจ้าต้องมาจริงๆด้วย !”

จี้เทียนซิงหรี่ตาลงมองจี้หลิงและคำรามด้วยเสียงต่ำ

“จี้หลิง หยุดพล่ามไร้สาระได้แล้ว !  เจ้าเรียกข้า ข้าก็มาแล้วนี่ไง

เจ้ามีลูกไม้อะไรอีก ?”

จี้หลิงแสดงเสียงหัวเราะและกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า

“มิต้องรีบร้อน ข้าเรียกเจ้ามา แน่นอนว่าย่อมมีเรื่องสำคัญ

!”

“พูดกันตามตรง

ข้ามีข่าวดีอยากจะแบ่งปันให้เจ้าได้รับรู้ !”

จี้เทียนซิงจ้องมองอีกฝ่ายพลางตะโกนเสียงเย็น

“จะพูดอะไรก็พูดมา อย่ามัวแต่ผายลม !”

จี้หลิงไม่โกรธต่อคำสบถของจี้เทียนซิงและหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆด้วยความสะใจ

“หึๆ.... ฮ่าๆๆๆๆ !!”

“จี้เทียนซิง เมื่อเช้าหยุนเหยาพาข้าไปพบคนผู้หนึ่ง เจ้าเดาซิว่าใคร ?”

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและกล่าวอย่างไม่แยแสว่า

“มันเรื่องของเจ้า มาบอกข้าทำไม ?”

จี้หลิงกล่าวต่อไปว่า

“นางพาข้าไปยังตำหนักฉิงเทียนบนยอดเขาเมฆาสีชาด

ข้าได้พบประมุขนิกายที่นั่น

ท่านประมุขส่งสัมผัสวิญญาณตรวจสอบสภาพร่างกายข้าเป็นการส่วนตัวและยืนยันว่าข้าคือบุคลที่พวกเขากำลังตามหา

!”

“ท่านประมุขไม่เพียงตบรางวัลข้าเท่านั้น

แต่ท่านยังคิดอุ้มชูและยอมรับข้าเป็นศิษย์สายตรงในอนาคตอีกด้วย !”

“เหอะๆ …  จี้เทียนซิง

เจ้ารู้ไหมว่าเพราะอะไร ?”

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วด้วยดวงตาที่หรี่ลงและกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า

“จี้หลิง

อย่าบอกนะว่าที่เรียกข้ามาที่นี่เพียงคิดจะโอ้อวดไร้สาระ ?  เหอะ

เก็บสีหน้าจอมปลอมน่าขยะแขยงของเจ้ากลับไปเถอะ

ข้ากับเจ้า เราสองต่างรู้กันอยู่เต็มอกว่าพลังฝีมือเจ้าเดิมทีเป็นของใคร !”

จี้หลิงหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ “ฮ่าๆๆ !

ใช่เลย ใช่ !

เช่นนั้นข้าควรขอบคุณเจ้าแล้วจี้เทียนซิง !”

“มันเป็นเพราะพรสวรรค์และสายเลือดกระบี่ลี้ลับของเจ้านั่นแหละที่ทำให้ข้าเป็นที่ต้องตาของท่านประมุข  ข้ากำลังจะกลายเป็นศิษย์สายตรงและแม้กระทั่งอาจได้ขึ้นเป็นประมุขนิกายคนต่อไปอีกด้วย

!”

เมื่อได้ยินคำพูดเย้ยหยันของจี้หลิง

สีหน้าของจี้เทียนซิงก็เปลี่ยนไป ดวงตาเต็มไปด้วยโทสะพุ่งพล่านดั่งน้ำเดือด

เขากำหมัดแน่นจนเกิดเสียงกระดูกลั่นดังกร๊อบแกร๊บ

เขาคำรามด้วยความโกรธและเจตนาฆ่าฟัน

“จี้หลิง

อย่าได้ภูมิใจมากไปนัก สิ่งที่ข้าเคยสูญเสียไป

ข้าจะนำมันกลับคืนมาทั้งหมดไม่ช้าก็เร็ว!”

จี้หลิงยิ่งหัวเราะอย่างจองหองมากขึ้นเรื่อยๆและกล่าวว่า

“โห.... ไม่ช้าก็เร็วที่ว่านั่นคือเมื่อไหร่ของเจ้า

?”

“ต้องรอจนข้าขึ้นเป็นประมุขนิกายก่อนเลยมั้ย ? เหอะ ! ถึงเวลานั้นเพียงคำพูดข้าคำเดียวเจ้าก็ตกตายนับสิบรอบแล้ว  เจ้าจะเอาอะไรมาล้างแค้นข้าเล่า ?”

“จี้หลิง !

เจ้าหาเรื่องอายุสั้นแล้ว

!”

จี้เทียนซิงฟิวส์ขาด

เขาคำรามลั่นไปด้วยเจตนาฆ่าฟันและเหวี่ยงกำปั้นเข้าหาจี้หลิงอย่างดุดัน