แผนการไร้ช่องโหว่
จี้หลิงและเจียนอวี้กระซิบกระซาบกัน ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคนกำลังพูดคุยอะไร จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ก็เหมือนจะบรรลุข้อตกลงกันได้ พวกเขาพยักหน้าให้กันอย่างเคร่งขรึมและแยกย้ายกลับไป
จี้หลิงไม่ได้กลับไปที่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น
แต่เดินลึกเข้าไปในภูเขามุ่งหน้าไปยังบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นที่พำนักของศิษย์ฝ่ายใน เขายืนอยู่หน้าห้องและเคาะประตูอย่างเงียบงัน
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งประตูก็เปิดขึ้นและปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดขาวขึ้นเบื้องหน้าจี้หลิง คนผู้นี้ก็คือลู่หมิงหยาง !
เมื่อเขาเห็นจี้หลิงก็เผยรอยยิ้มและถามว่า
“จี้หลิง เจ้ามาหาข้ามีธุระอันใดหรือ ?”
จี้หลิงเหลียวซ้ายแลขวาไปรอบๆและกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า
“ท่านพี่ลู่ ข้ามาหาท่านครั้งนี้ย่อมมีเรื่องสำคัญคิดขอความช่วยเหลือจากท่าน”
“อ้อ
? เข้ามาในห้องก่อนแล้วค่อยพูดจากัน” ลู่หมิงหยางพาจี้หลิงเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วและปิดประตูมิดชิด
หลังจากจี้หลิงเข้าไปในบ้านก็กล่าวว่า
“พี่ลู่ ข้าติดต่อสหายเก่าผู้หนึ่งได้
คนผู้นั้นก็มีความแค้นล้ำลึกกับจี้เทียนซิง พวกเราตัดสินใจร่วมมือกันกำจัดมัน
แต่แผนการนี้ต้องให้ท่านช่วยอีกแรงถึงจะราบรื่น.... ”
“กำจัดจี้เทียนซิงงั้นหรือ ?” ลู่หมิงหยางเบิกตากว้างและคึกคักขึ้นอักโข
"ดี ! จี้หลิง
เจ้าว่ามาเลย จะให้ข้าช่วยอย่างไร”
จี้หลิงแสดงรอยยิ้มที่มั่นใจและโน้มหน้ากระซิบข้างหูของลู่หมิงหยางเพื่อบอกเล่าแผนการออกไป
ลู่หมิงหยางรับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
เมื่อฟังจบแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เยี่ยม ! จี้หลิง แผนการของเจ้ายอดเยี่ยมมาก
ครานี้จี้เทียนซิงเป็นคนตายแน่แล้ว ยากที่จะหนีรอดไปได้ !”
จี้หลิงแสยะยิ้มมุมปาก
ทั้งสองต่างมองหน้ากันและหัวเราะลั่น
......
หอยุทธ์ไป๋ลู่
, สถานที่พักอาศัยของศิษย์สตรี
จี้เค่อกำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้อง
ทันใดนั้นเองศิษย์สตรีผู้หนึ่งก็ร้องเรียกชื่อนางอยู่หน้าประตูห้อง
จี้เค่อเดินออกไปเปิดประตู
จากนั้นศิษย์สตรีก็ส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้นางและแจ้งว่ามีชายผู้หนึ่งของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นฝากมาให้
จี้เค่อขอบคุณศิษย์ผู้นั้นและเปิดจดหมายอ่านเนื้อหาภายใน
มันเขียนไว้ด้วยลายมือที่ประณีตบรรจงและหนักแน่นสั้นๆว่า
[เค่อเค่อ ข้ากำลังรอเจ้าอยู่ที่ศาลาแห่งหนึ่งกลางยอดเขากระบี่หยก
ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับเจ้า อย่าลืมมาล่ะ]
[จี้เทียนซิง]
“พี่ใหญ่เทียนซิงเรียกหาข้า.... ? จี้เค่อวางจดหมายลง ใบหน้างามเผยรอยยิ้มอันอ่อนหวานขึ้น
นางเปิดประตูออกไปด้วยความสุขเตรียมจะมุ่งหน้าไปตามนัด อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงลานกว้างนางก็ชะงักฝีเท้าและยกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“พี่ใหญ่เทียนซิงเรียกหาข้าทำไมต้องนัดพบที่ยอดเขากระบี่หยกด้วยนะ
?
อีกอย่าง... วันนี้เราก็เพิ่งเจอกันแท้ๆ”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้จี้เค่อจึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังหอยุทธ์ฟงอวิ๋นเพื่อคลายข้อสงสัยที่มาของจดหมาย
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงนางก็มาถึงหอยุทธ์ฟงอวิ๋นและเดินต่อไปยังที่พักของจี้เทียนซิง นางเคาะประตูอยู่หลายครั้งก็ยังไร้ซึ่งการตอบรับจากภายในห้อง แต่ในเวลานั้นเองประตูของห้องถัดไปก็เปิดขึ้น
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งใบหน้าหมดจดหล่อเหลาเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ
พลางถามว่า “ศิษย์น้องหญิง เจ้ามาหาพี่จี้งั้นหรือ ?”
ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือเนี่ยห่าวนั่นเอง
สำหรับนางแล้วคนผู้นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้า ทั้งสองรู้จักมักคุ้นกันมาก่อนแล้วที่เมืองเฟิงหยางและยังได้เข้าร่วมงานประมูลด้วยกัน
“ใช่แล้ว” จี้เค่อพยักหน้าและถามว่า “ศิษย์พี่เนี่ยห่าว พี่ใหญ่เทียนซิงไม่อยู่หรือ ?”
เนี่ยห่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
“พี่จี้เพิ่งจะออกไปได้สักพักนี้เอง ดูเหมือนเขาจะพูดว่าไปตามนัดอะไรสักอย่าง”
“เข้าใจแล้ว
ขอบคุณมากศิษย์พี่เนี่ยห่าว !” จี้เค่อได้คำตอบจึงยิ้มขอบคุณจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
เมื่อคลายข้อสงสัยแล้ว
นางจึงมุ่งหน้าไปยังยอดเขากระบี่หยกทันที
ยอดเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณของนิกายฝ่ายนอกทางทิศตะวันออกไกลออกไปหลายสิบไมล์
ส่วนทางทิศตะวันตกของนิกายพันธมิตรสวรรค์จะเป็นที่ตั้งของตำหนักไท่อัน
และด้านหลังก็คือศูนย์กลางหลักของนิกาย, ยอดเขาเมฆาสีชาด
ระหว่างเดินทาง
ในใจของจี้เค่อเต็มไปด้วยความคิดที่ร้อนรนเพราะนางกลัวว่าจี้เทียนซิงจะรอนาน ดังนั้นนางจึงเร่งฝีเท้ายิ่งขึ้น
......
ฟุ่บ
!
ฟุ่บ
!
อีกด้านหนึ่ง
จี้เทียนซิงกำลังพุ่งทะยานอยู่บนเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังยอดเขากระบี่หยก ฝีเท้าของเขารวดเร็วยิ่ง ใบหน้าดำทะมึน
หว่างคิ้วมีรอยย่นของความขุ่นเคือง
“ตัวบัดซบจี้หลิง ! ข้าอุตส่าห์คิดว่าหลังจากโดนสั่งสอนไปแล้วมันจะสงบเสงี่ยมเจียมตัว มิคาดเลยว่ามันยังกล้าหาเรื่องข้าอีก !”
“มันบอกให้ข้าไปที่ยอดเขากระบี่หยกเพื่อจะบอกความลับบางอย่าง....
นี่เป็นแผนการของมันแน่นอน มันคิดจะทำอะไรอีก ?”
ในขณะที่ทะยานขึ้นเขา
จี้เทียนซิงเต็มไปด้วยความคิดในหัว
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าจี้หลิงมีแผนการและมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเรื่องชั่วช้า
แต่ตอนนี้จี้เทียนซิงแข็งแกร่งขึ้นมากและสำเร็จสองกระบวนท่าแรกของเพลงกระบี่ดาราเหิน
ซึ่งสามารถรับมือกับยอดฝีมือระดับปราณจิตขั้นต้นได้อย่างสบาย ดังนั้นเขาจึงมาตามนัดโดยไม่ลังเลและไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน....
หลังจากนั้นไม่นานจี้เทียนซิงก็มาถึงกลางยอดเขา
เขาเดินมาจนสุดทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้เรียงราย
จากนั้นก็เห็นศาลาแปดเหลี่ยมอยู่เบื้องหน้า
รอบๆศาลาเป็นป่าทึบและมีร่างเงาของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ในชุดเสื้อคลุมสีฟ้าของศิษย์ฝ่ายนอกยืนหันหลังให้อยู่
เมื่อจี้เทียนซิงสาวเท้าเข้าไปใกล้
จี้หลิงก็หันกลับมาและจ้องมองอีกฝ่ายพลางกล่าวกลั้วหัวเราะ
“ฮ่าๆ
จี้เทียนซิง ข้าคิดไว้ไม่ผิดเลย เจ้าต้องมาจริงๆด้วย !”
จี้เทียนซิงหรี่ตาลงมองจี้หลิงและคำรามด้วยเสียงต่ำ
“จี้หลิง หยุดพล่ามไร้สาระได้แล้ว ! เจ้าเรียกข้า ข้าก็มาแล้วนี่ไง
เจ้ามีลูกไม้อะไรอีก ?”
จี้หลิงแสดงเสียงหัวเราะและกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า
“มิต้องรีบร้อน ข้าเรียกเจ้ามา แน่นอนว่าย่อมมีเรื่องสำคัญ
!”
“พูดกันตามตรง
ข้ามีข่าวดีอยากจะแบ่งปันให้เจ้าได้รับรู้ !”
จี้เทียนซิงจ้องมองอีกฝ่ายพลางตะโกนเสียงเย็น
“จะพูดอะไรก็พูดมา อย่ามัวแต่ผายลม !”
จี้หลิงไม่โกรธต่อคำสบถของจี้เทียนซิงและหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆด้วยความสะใจ
“หึๆ.... ฮ่าๆๆๆๆ !!”
“จี้เทียนซิง เมื่อเช้าหยุนเหยาพาข้าไปพบคนผู้หนึ่ง เจ้าเดาซิว่าใคร ?”
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและกล่าวอย่างไม่แยแสว่า
“มันเรื่องของเจ้า มาบอกข้าทำไม ?”
จี้หลิงกล่าวต่อไปว่า
“นางพาข้าไปยังตำหนักฉิงเทียนบนยอดเขาเมฆาสีชาด
ข้าได้พบประมุขนิกายที่นั่น
ท่านประมุขส่งสัมผัสวิญญาณตรวจสอบสภาพร่างกายข้าเป็นการส่วนตัวและยืนยันว่าข้าคือบุคลที่พวกเขากำลังตามหา
!”
“ท่านประมุขไม่เพียงตบรางวัลข้าเท่านั้น
แต่ท่านยังคิดอุ้มชูและยอมรับข้าเป็นศิษย์สายตรงในอนาคตอีกด้วย !”
“เหอะๆ … จี้เทียนซิง
เจ้ารู้ไหมว่าเพราะอะไร ?”
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วด้วยดวงตาที่หรี่ลงและกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า
“จี้หลิง
อย่าบอกนะว่าที่เรียกข้ามาที่นี่เพียงคิดจะโอ้อวดไร้สาระ ? เหอะ
เก็บสีหน้าจอมปลอมน่าขยะแขยงของเจ้ากลับไปเถอะ
ข้ากับเจ้า เราสองต่างรู้กันอยู่เต็มอกว่าพลังฝีมือเจ้าเดิมทีเป็นของใคร !”
จี้หลิงหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ “ฮ่าๆๆ !
ใช่เลย ใช่ !
เช่นนั้นข้าควรขอบคุณเจ้าแล้วจี้เทียนซิง !”
“มันเป็นเพราะพรสวรรค์และสายเลือดกระบี่ลี้ลับของเจ้านั่นแหละที่ทำให้ข้าเป็นที่ต้องตาของท่านประมุข ข้ากำลังจะกลายเป็นศิษย์สายตรงและแม้กระทั่งอาจได้ขึ้นเป็นประมุขนิกายคนต่อไปอีกด้วย
!”
เมื่อได้ยินคำพูดเย้ยหยันของจี้หลิง
สีหน้าของจี้เทียนซิงก็เปลี่ยนไป ดวงตาเต็มไปด้วยโทสะพุ่งพล่านดั่งน้ำเดือด
เขากำหมัดแน่นจนเกิดเสียงกระดูกลั่นดังกร๊อบแกร๊บ
เขาคำรามด้วยความโกรธและเจตนาฆ่าฟัน
“จี้หลิง
อย่าได้ภูมิใจมากไปนัก สิ่งที่ข้าเคยสูญเสียไป
ข้าจะนำมันกลับคืนมาทั้งหมดไม่ช้าก็เร็ว!”
จี้หลิงยิ่งหัวเราะอย่างจองหองมากขึ้นเรื่อยๆและกล่าวว่า
“โห.... ไม่ช้าก็เร็วที่ว่านั่นคือเมื่อไหร่ของเจ้า
?”
“ต้องรอจนข้าขึ้นเป็นประมุขนิกายก่อนเลยมั้ย ? เหอะ ! ถึงเวลานั้นเพียงคำพูดข้าคำเดียวเจ้าก็ตกตายนับสิบรอบแล้ว เจ้าจะเอาอะไรมาล้างแค้นข้าเล่า ?”
“จี้หลิง !
เจ้าหาเรื่องอายุสั้นแล้ว
!”
จี้เทียนซิงฟิวส์ขาด
เขาคำรามลั่นไปด้วยเจตนาฆ่าฟันและเหวี่ยงกำปั้นเข้าหาจี้หลิงอย่างดุดัน
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved