ตอนที่ 64

จะให้ข้าส่งมันกลับ

?

จี้เทียนซิงถือผลึกน้ำแข็งสีฟ้าไว้ในมือ

เขารู้สึกเพียงความเย็นเยือกที่แทรกเข้าสู่ร่างกายราวกับถูกแช่แข็ง

ผลึกก้อนนี้ทรงพลังเป็นอย่างยิ่งและดูราวกับแฝงไว้ด้วยพลังอำนาจบางอย่าง

เขาคิดในใจว่าหากนำผลึกก้อนนี้ไปดูดซับขัดเกลา

เป็นไปได้ว่ามันจะส่งผลดีอย่างมากต่อการบ่มเพาะ

แต่ในเวลานั้นเอง

มังกรน้อยเห็นเขาจ้องไปที่ผลึกฟ้าตาไม่กระพริบจึงตะโกนออกมาว่า “เจ้าหนุ่ม หลิงปิงสาบานแล้ว ไหนล่ะสัญญาของเจ้า ?!”

จี้เทียนซิงรีบเก็บผลึกฟ้าไปทันทีและกล่าวกับมันว่า

“เข้าใจแล้ว

งั้นเจ้าเข้าไปในทะเลสาบและยกหางขึ้นให้ข้าเห็นโซ่เหล็กเย็น  จากนั้นข้าจะปลดมันให้”

มังกรน้อยทำตามคำพูดของชายหนุ่ม

ร่างกายใหญ่โตของมันนอนแผ่บนริมทะเลสาบและยกส่วนหางของมันให้ชูชันขึ้นเหนือพื้นผิว

จี้เทียนซิงกระโดดลงไปในทะเลสาบน้ำแข็ง

เขาอดทนต่อความเย็นเยือกและแหวกว่ายไปยังส่วนหางของมังกรน้อย

จากนั้นเขาใช้เคล็ดวิชาของตระกูลในการบิดกลไกของมันด้วยมือทั้งสองข้างและอัดพลังต้นกำเนิดเข้าไป

หลังจากผ่านไปไม่นานเขาก็ประสบความสำเร็จในการคลายผนึกล็อคเหล็กเย็น

และทำให้มังกรน้อยหลุดจากการถูกจองจำมานับร้อยปี มันเป็นอิสระในที่สุด !

จากนั้นเขาก็โยนผนึกล็อคเหล็กเย็นทิ้งไว้ในก้นทะลสาบหยานชิง

โฮกกกกกกกกกกกก !

เมื่อไร้ซึ่งพันธนาการ

มังกรน้อยไม่อาจระงับความตื่นเต้นในใจได้อีกต่อไป มันทะยานขึ้นฟ้าและส่งเสียงคำรามอันองอาจของเผ่าพันธุ์มังกรออกมา

ในขณะนั้นเอง

ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังและสง่างามอย่างยิ่ง !

นี่คือความอหังการที่เป็นเอกลักษณ์ของมังกร

!

จี้เทียนซิงหน้าซีดด้วยแรงกดทับไร้สภาวะของเผ่าพันธุ์มังกร

เขารู้สึกราวกับเลือดลมตีกลับจนแทบจะกระอักโลหิตออกมา

เขาไม่รู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นเรื่องถูกหรือผิด

แต่ในเมื่อลงมือไปแล้วก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา เขาสลัดความว้าวุ่นและความรู้สึกผิดในหัว

จากนั้นก็รีบว่ายกลับไปที่ชายฝั่งอย่างรวดเร็ว

ครืน......

!

ในเวลานี้ทั่วทั้งทะเลสาบหยานชิงปั่นป่วนอย่างรุนแรง

คลื่นขนาดใหญ่ระเบิดกระจายไปทั่วทิศทาง

พื้นดินรอบๆทะเลสาบก็แตกเช่นกัน ป่าไผ่ยุบตัวลงกับพื้นและต้นไม้สูงตระหง่านหลายร้อยต้นล้มระเนระนาด

การเคลื่อนไหวอันรุนแรงทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนจนจี้เทียนซิงตกตะลึง

เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัวและได้เห็นข่ายอาคมป้องกันในทะเลสาบหยานชิงเริ่มมีรอยร้าว

ม่านแสงขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่แห่งนี้ส่งเสียง

แกร่ก แกร่ก จากนั้นก็ระเบิดออกอย่างรุนแรง

ในพริบตา

ข่ายอาคมสีเหลืองเข้มก็ทรุดตัวลงและกลายเป็นลำแสงสีเหลืองเข้มคล้ายกับพายุทอร์นาโดที่โหมกระหน่ำเข้าใส่มังกรน้อย

มังกรน้อยที่เพิ่งได้รับอิสรภาพและกำลังโบยบินอย่างดีอกดีใจอยู่ในอากาศถูกลำแสงพายุเฮอริเคนของข่ายอาคมหอบพัดเข้าไปในวังวน

ไม่ว่าพลังของมันจะแข็งแกร่งเพียงใด

มันก็ไม่อาจหลบหนีไปจากลำแสงพายุลูกนี้ได้

ไม่เพียงแค่นั้น

ร่างอันใหญ่โตกว่า 30 เมตรของมันถูกบีบอันจนหดตัวอย่างรวดเร็วภายใต้แรงกดทับของลำแสงพายุ

!

“ระยำ ! นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น

?!”

มังกรน้อยสบถออกมาด้วยความตื่นตระหนกและวิตกกังวล

อย่างไรก็ตาม

ลำแสงพายุยังคงทวีความรุนแรงขึ้นและทำให้ร่างกายของมังกรน้อยหดลงเรื่อยๆ...

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

พายุลำแสงสีเหลืองที่แปลกประหลาดก็หายไปหมดสิ้น

ทำให้มังกรน้อยหนีออกไปมาได้ในที่สุด

ทะเลสาบหยานชิงที่เพิ่งเกิดภัยพิบัติอันรุนแรงค่อยๆสงบลง

จี้เทียนซิงและเฉียนเยวี่ยหันไปมองมังกรน้อยอีกครั้ง

และ.... หลังจากได้เห็นร่างของมัน ทั้งสองก็ตกตะลึง

“นี่มัน...... เป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน ?  เหตุใดรุปร่างของมังกรน้อยถึงได้ลดลงกว่าสิบเท่า

?”

มังกรน้อยตะลึงงันขณะที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ

เมื่อมันมองลงไปที่ร่างของตนเอง สีหน้ามันก็ซีดเผือดและตกตะลึงอย่างรุนแรง

"ทำไม ?  เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร !”

แต่เดิมมันมีความยาวมากกว่า

30 เมตร อีกทั้งร่างกายของมันนั้นก็ใหญ่โตและทรงพลังมาก

แต่ตอนนี้

ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของมันมิได้เปลี่ยนแปลง แต่ขนาดของมันกลับหดลงนับสิบเท่าจนเหลือเพียง

3 เมตร !

เมื่อมองแวบแรกจะไม่มีใครคิดว่ามันเป็นมังกร

แต่คิดว่ามันเป็นงูหลามดำ !

มังกรน้อยไม่อาจยอมรับต่อสภาพเช่นนี้ได้

มันบินไปมาบนท้องฟ้าอย่างบ้าคลั่ง

และส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธเพื่อระบายโทสะที่อัดแน่นในใจออกมา

มันบินวนเวียนรอบๆทะเลสาบหยานชิงหลายสิบรอบจนหมดแรงและตกลงในทะเลสาบ

เฉียนเยวี่ยเพลิดเพลินไปกับความโชคร้ายของคนอื่น

มันหัวเราะไม่หยุดแถมยังปรบมือด้วยกรงเล็บน้อยๆ

จี้เทียนซิงถอนหายใจ

เขาก็ไม่อาจช่วยอะไรได้นอกจากหัวเราะ

มังกรน้อยแหวกว่ายในทะเลสาบอยู่ไม่กี่รอบก่อนที่จะบินกลับมาที่ริมฝั่ง  มันนั่งยองๆบนก้อนหินด้วยความเศร้าโศก

มันคร่ำครวญออกมาด้วยความอัดอัดใจ

“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ?  ระยำ บัดซบที่สุด !  มันชิงผลึกมังกรของข้าไปและกักขังข้าไว้ที่นี่นับร้อยปี

ตอนนี้ไอ้ข่ายอาคมสารเลวนี่ก็ยังทำให้กายามังกรของกายหดเล็กเหลือเท่านี้...."

“อ๊า ! น่าโมโหโว้ย

!”

เฉียนเยวี่ยบินไปหามังกรน้อยด้วยรอยยิ้มและ

‘ปลอบโยน’ ว่า

“มังกรน้อย เจ้าอย่าเศร้านักเลยน่า  ก็แค่ตัวเล็กกว่าชาวบ้านเขาไม่เห็นจะเป็นไร

ทนๆไปเดี๋ยวอีก 2-3 วันเจ้าก็ชินเอง”

“เพียงแค่....

ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของเจ้า ต่อให้เจ้าออกไปจากตระกูลจี้ได้

เจ้าก็คงไม่สามารถกลับไปยังโพ้นทะเลตงไห่ไร้สิ้นสุด, ดินแดนแห่งตระกูลมังกร  รู้ๆกันอยู่ สภาพเจ้าตอนนี้ทันทีที่ออกไป

ข้าฟันธงเลยว่าหากไม่ถูกสัตว์อสูรจับกิน

เจ้าก็คงถูกมนุษย์จับไปขายเป็นสัตว์เลี้ยง

ซิกๆ  เจ้ามันน่าสงสารดีแท้”

ตูม

!

ดวงตาของมังกรน้อยเต็มไปด้วยโทสะอันท่วมท้นรุนแรง  กรงเล็บมังกรของมันทุบไปที่ก้อนหินใหญ่จนแหลกละเอียด

"ระยำ !  ระยำที่สุด ! หากไม่ใช่เพราะบรรพบุรุษตระกูลจี้ที่ช่วงชิงผลึกมังกรของข้าไป

ข้าจะตกอับเช่นนี้ได้อย่างไร ?!”

“ผลึกมังกรที่มันชิงไปคือพลังบ่มเพาะชั่วชีวิตของข้า

!”

เฉียนเยวี่ยหรี่ตามองมังกรน้อย

จากนั้นดวงตาของมันก็ส่องประกายและเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น  มันมีความคิดบางอย่างทันทีและกล่าวออกมาว่า

“นี่ มังกรน้อย ตอนนี้เจ้าอ่อนแอขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้แล้วที่จะกลับไปยังตระกูลมังกรที่โพ้นทะเลตงไห่

และหากเจ้าไม่มีผู้ปกป้อง เป็นไปไม่ได้เลยที่อยู่รอดในดินแดนของพวกมนุษย์ได้  ดังนั้น

ข้าว่าทางที่ดีเจ้าควรจะอยู่กับสหายจี้ไปก่อนชั่วคราวและค่อยๆฟื้นฟูพลังของเจ้า  เมื่อเจ้าแข็งแกร่งพอก็ให้เขาพาเจ้าไปส่งที่โพ้นทะเลตงไห่

แล้วว่าดีมั้ยเล่า ?”

มังกรน้อยตะลึงงัน

ดวงตากระพริบถี่และครุ่นคิดขึ้นมาในทันที

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและคว้าตัวเฉียนเยวี่ยเข้ามาพลางกระซิบอย่างรวดเร็วว่า

“เฉียนเยวี่ย ! เจ้าคิดวางแผนพิเรนทร์อันใดอีก ? ไร้เหตุผลสิ้นดี

ทำไมข้าต้องปกป้องมันและพามันไปส่งที่โพ้นทะเลตงไห่ด้วย ?!”

“โพ้นทะเลตงไห่อยู่ตะวันออกสุดของแผ่นดินใหญ่

ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีกี่ดินแดน กี่อาณาจักรที่นอกเหนือจากดินแดนดาราสวรรค์

บางทีชั่วชีวิตข้าอาจจะไม่มีวันไปถึงที่นั่นเลยก็เป็นได้ !”

เฉียนเยวี่ยแสยะยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมและใช้วิชาลับส่งคลื่นเสียงไปในหูของจี้เทียนซิงโดยตรงเพื่ออธิบายว่า

“สหายจี้ เจ้านี่โง่ซ้ำโง่ซาก  ที่ข้าทำอยู่ก็เพื่ออนาคตของเจ้าเองนั่นแหละ !"

“ไอ้เจ้านี่มันคือเผ่าพันธุ์มังกรนะสหาย  หากเจ้าสามารถนำมันติดตามไปด้วยได้ ข้าบอกเลยเจ้าต้องได้ประโยชน์มหาศาลในอนาคต

!”

“ส่วนเรื่องที่เรารับปากมันว่าจะพามันกลับบ้าน

เราก็ไม่ได้พูดนี่ว่าเมื่อไหร่ กี่วัน กี่เดือน กี่ปี ถูกไหม ?  อาจจะ 50  หรือ 100 ปีข้างหน้าก็เป็นได้

หรือจนกระทั่งเจ้าแข็งแกร่งพอที่จะบินผ่านทวีปได้ เราค่อยไปส่งมันก็ได้ !”

จี้เทียนซิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกระซิบด้วยเสียงเบาๆว่า

“เช่นนี้นี่เอง ข้าเข้าใจแล้ว

แต่ดูแล้วไม่มีทางเป็นไปได้ที่มันจะตกลง

ลองดูไปก่อนแล้วกันว่ามันตกลงหรือไม่”