นิกายพันธมิตรสวรรค์
ในห้องลับอันมืดมิดห้องหนึ่ง
ห้องลับนี้เป็นสถานที่ที่ฉู่เทียนเซิงบ่มเพาะ
ในห้องนี้ไม่เพียงแค่เต็มไปด้วยความลับใหญ่หลวงของนิกาย
แต่มันยังเต็มไปด้วยความงดงามยิ่ง
พื้นถูกจารึกไว้ด้วยภาพขุนเขาและสายน้ำ
บนเพดานแกะสลักไว้ด้วยภาพดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาว
ก่อตัวเป็นข่ายปราณขนาดใหญ่ราวกับโอบล้อมฟ้าดิน
ฉู่เทียนเซิงกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หยก
ดวงตาจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงอย่างจริงจัง
"เทียนซิง ในเมื่อเจ้าได้เข้าไปในถ้ำเก้ามังกรแล้ว
เจ้าสมควรได้เห็นข่ายปราณและเสามังกรทั้งเก้าแล้วใช่ไหม ?"
จี้เทียนซิงพยักหน้าและตอบกลับด้วยท่าทางสงบ "เรียนท่านอาจารย์
หากศิษย์มองไม่ผิด ข่ายปราณนั้นและเสามังกรทั้งเก้าต้นสมควรเป็นเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรที่คอยพิทักษ์นิกายเราใช่หรือไม่ขอรับ
?"
"ถูกต้อง !" ฉู่เทียนเซิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดอย่างเคร่งขรึม
"เมื่อหนึ่งพันปีก่อนบรรพบุรุษของนิกายเราเบิกขุนเขาแห่งนี้ด้วยเจตจำนงค์ของสวรรค์และเคลื่อนย้ายขุนเขาทั้งเก้าลูกเพื่อสร้างเป็นเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกร
จากนั้นก็สร้างนิกายขึ้นที่นี่"
"เส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของนิกายนี้
มันไม่เพียงแค่มีไว้สะกดจักรพรรดิมาร
แต่มันยังแบกรับพลังและเลือดเนื้อของนิกายนี้มานับพันปีอีกด้วย
ถ้ำเก้ามังกรและเสามังกรทั้งเก้าต้นคือข่ายปราณลำดับสองของเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกร
เสาทั้งเก้าคือตัวแทนของขุนเขาทั้งเก้าลูก”
"เมื่อเสาเก้ามังกรและข่ายปราณถูกทำลาย
มันจะนำความเสียหายใหญ่หลวงมาสู่เส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงเกินกว่าจะคาดคิด
!"
จี้เทียนซิงคาดว่าสถานการณ์จะรุนแรง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่ามันจะร้ายแรงถึงขั้นล่มสลาย
ชายหนุ่มขมวดคิ้วและถามด้วยความกังวลว่า
"ท่านอาจารย์ แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ ?"
ฉู่เทียนเซิงเงยหน้าขึ้นและพูดด้วยเสียงต่ำ "ถ้ำเก้ามังกรมีความสำคัญมากซึ่งเกี่ยวข้องกับเลือดเนื้อและชีวิตของนิกาย
แน่นอนว่าพวกเราต้องส่งผู้แข็งแกร่งที่สุดมาคอยปกป้องมิให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นอีก"
จี้เทียนซิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า "ท่านอาจารย์ไม่คิดสืบหาเบาะแสของผู้ที่ลักลอบเข้ามาล้วงความลับของนิกายเราหรือขอรับ
?"
ฉู่เทียนเซิงส่ายหัว ดวงตาของมันเปล่งประกายด้วยแสงเย็นเยียบพลางกล่าวด้วยเสียงเย็นว่า
“ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ
ข้าคาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้ตั้งแต่แรกแล้ว”
"ทั่วทั้งดินแดนดาราบรรพกาล นอกจาก ‘นิกายนั้น’ แล้วใครหน้าไหนจะกล้าท้าทายนิกายเราอย่างโจ่งแจ้งได้อีก
?"
เมื่อได้ยินคำพูดนี้
ดวงตาของจี้เทียนซิงก็เปล่งประกายอย่างเข้าใจความหมายในวาจาของฉู่เทียนเซิงในทันที มันคาดเดาตัวตนอีกฝ่ายได้แล้วเช่นกัน
ฉู่เทียนเซิงกล่าวต่อไปอย่างเคร่งขรึมว่า “เทียนซิง
เจ้าฝากตัวเป็นศิษย์นิกายนี้เพียงไม่กี่เดือน
สถานะของเจ้าในทุกวันนี้แม้จะยอดเยี่ยมและโดดเด่นเหนือผู้ใด
แต่มันก็นำมาซึ่งความเดือดร้อนให้แก่เจ้าไม่ขาดสาย"
"เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า
เหตุใดเจ้าถึงได้มีคุณค่าในสายตาของข้าและนิกาย ?"
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วอย่างกะทันหัน ความคิดเปล่งประกายภายในใจ “มีเหตุผลอื่นแฝงอีก ? หรือว่าท่านอาจารย์กำลังจะบอกความลับอะไรให้ข้าฟังกันนะ
?"
เขาจ้องมองฉู่เทียนเซิงและถามว่า "ท่านอาจารย์
มิใช่เพราะข้ามีสายเลือดกระบี่ลี้ลับที่ทำให้สามารถสะกดมารไว้ได้อีกครั้งหรือขอรับ
?"
ฉู่เทียนเซิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มขี้เล่นและกล่าวว่า
“ถูก
แต่ไม่ทั้งหมด นั่นเป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง
ความสงบเยือกเย็นเหนือล้ำกว่าคนรุ่นเดียวกันก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งเช่นกัน”
"แต่สาเหตุหลักก็คือเจ้าเป็นบุรุษผู้ท้าทายโชคชะตาที่ข้ากำลังตามหา
!"
"บุรุษผู้ท้าทายโชคชะตา?” จี้เทียนซิงมุ่นหัวคิ้ว
และพยายามค้นหาความหมายของคำนี้อย่างลับๆ
ในตอนแรกทุกคนต่างคิดว่าจี้หลิงเป็นบุคลที่นิกายพันธมิตรสวรรค์กำลังมองหา
ความจริงปรากฏชัดเจนหลังจากจี้หลิงสิ้นชีพว่า
จี้เทียนซิงต่างหากคือคนที่นิกายตามหา
ชายหนุ่มคิดอยู่เสมอว่านิกายพันธมิตรสวรรค์ต้องการมันก็เพราะสายเลือดกระบี่ลี้ลับ
แต่วันนี้ฉู่เทียนเซิงกลับบอกว่า
มันคือผู้ที่ท้าทายโชคชะตา !
มันหมายความว่าอะไร ?
"เจ้าตามอาจารย์มา"
ฉู่เทียนเซิงมิได้อธิบายเหตุผลในทันที
คนหันหลังและเดินไปที่กลางห้องลับมาที่โต๊ะหิน
บนโต๊ะหินนั้นมีกระดองเต่าโบราณสีดำขลับที่แสดงออกถึงความเรียบง่ายและความลึกลับอันกว้างใหญ่ไพศาล
ฉู่เทียนเซิงเหยียดมือออกไปและทาบกดบนกระดองเต่า ปล่อยพลังปราณอันแข็งกร้าวก่อเกิดเป็นวิถีอันลี้ลับออกมา
กระดองเต่าสว่างขึ้นในทันทีพร้อมด้วยลำแสงที่หนาแน่นและปรากฏเส้นสายอักขระสีเงินขึ้น
มันเริ่มเคลื่อนไหวและเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
จี้เทียนซิงยืนอยู่ที่โต๊ะหินและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของกระดองเต่าอย่างถี่ถ้วน
เขาสามารถเห็นได้ว่าจุดแสงที่หนาแน่นนั้นเป็นตัวแทนของดวงดาวและเส้นสีเงินก็คือเส้นสายข่ายอาคม
หลังจากนั้นไม่นานดวงดาวและเส้นสีเงินบนกระดองเต่าก็หยุดการเปลี่ยนแปลง
ฉู่เทียนเซิงชี้ไปที่ดวงดาวที่ส่องสว่างสุกสกาวที่สุดและกล่าวกับจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าจริงจังว่า
“เทียนซิง
สมบัติชิ้นนี้คือหนึ่งในสมบัติลับของนิกายพันธมิตรสวรรค์เรา
มันคือแผนที่โชคชะตาแห่งดวงดารา"
"คำทำนายที่ปรากฏออกมาบนแผนที่นี้คือดวงชะตาของเจ้า
และดวงดาวที่สว่างไสวที่สุดเหนือหมู่ดาวทั้งหลายก็คือดาวแห่งชีวิตของเจ้า"
"เรื่องที่น่าเศร้าที่สุดและศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายนี้ก็คือมารที่ถูกสะกดไว้ใต้ยอดเขาชื่อเซี่ยว
และเจ้า เจ้าก็คือดาวข่มผู้ที่จะล้มมัน !"
จี้เทียนซิงจ้องมองแผนที่โชคชะตาแห่งดวงดาราอยู่ครู่หนึ่งและไม่อาจสงบใจได้
มันไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
จักรพรรดิมารคือมารไร้พ่ายที่เกือบจะทำลายล้างอาณาจักรเทียนเฉินแทบทั้งหมดเมื่อหลายพันปีก่อน
นิกายพันธมิตรสวรรค์ที่สืบทอดมานับพันปีเป็นสถานที่กักขังมารล้างโลกผู้น่ากลัวเอาไว้
จี้เทียนซิงคือผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตผู้อ่อนแอ
ส่วนมารไร้พ่ายเป็นดั่งสุดยอดฝีมือผู้อยู่เหนือเมฆ
ฉู่เทียนเซิงแสดงคำทำนายบนแผนที่โชคชะตาดวงดาวให้มันได้เห็นและบอกว่ามันคือดาวข่มของมารไร้พ่าย
!
จะให้มันเชื่อเรื่องนี้ได้อย่างไร ? จะไม่ให้มันตกใจได้อย่างไร ?
ห้องเงียบลง ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ต่างก็ไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก
หลังจากนั้นไม่นาน
จี้เทียนซิงสูดหายใจลึกและสงบใจลง มันมองไปที่ฉู่เทียนเซิงพลางถามอย่างเคร่งขรึมว่า
"ท่านอาจารย์ ท่านต้องการให้ข้าทำอะไร ?"
ฉู่เทียนเซิงส่ายหัวไปมาพลางกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ไม่ต้องทำอะไรเลย
เพียงแค่รอคอยและเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลง”
“อย่างไรก็ตาม การเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงในที่นี้ของข้ามิได้หมายความว่าปล่อยให้มันเกิดขึ้นโดยไม่ทำอะไร
เจ้าต้องเข้าใจในหน้าที่และความรับผิดชอบอันหนักหน่วงที่แบกไว้บนไหล่ เจ้าไม่อาจผ่อนคลายได้แม้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม”
จี้เทียนซิงรู้ดีว่า
ด้วยพลังของมันในตอนนี้ไม่มีคุณสมบัติพอจะเทียบได้กับเส้นผมของจักรพรรดิมารไร้พ่าย
สิ่งเดียวที่มันสามารถทำได้ก็คือการพัฒนาพลังยุทธ์อย่างต่อเนื่องและมุ่งมั่นในพลังที่แข็งแกร่งขึ้น
!
"ท่านอาจารย์โปรดวางใจ
ศิษย์จะขยันฝึกฝนอย่างหนัก !"
ฉู่เทียนเซิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและกล่าวต่อไปว่า
“ตอนนี้มีคนลอบเข้าไปในถ้ำเก้ามังกรและได้เห็นความลับของเส้นชีพจรวิญญาณ
พวกมันคงเริ่มตระเตรียมแผนการลงมือในไม่ช้า"
“สิ่งที่ข้าเป็นกังวลก็คือหากคนกลุ่มนั้นทำลายเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรสำเร็จ
ไม่เพียงแค่รากฐานของนิกายจะพังทลายแต่ยังจะส่งผลกระทบไปถึงมารไร้พ่ายที่ถูกสะกดใต้ภูเขา
มันย่อมฉวยโอกาสนี้ทำลายผนึกออกมา"
เมื่อถึงเวลานั้น หายนะครั้งใหญ่จะมาเยือน
ดินแดนดาราบรรพกาลและทั่วอาณาจักรเทียนเฉินจะถูกบดขยี้เป็นเถ้าถ่าน"
"เทียนซิง หากวันนั้นมาถึงจริงๆ เจ้าจะต้องก้าวออกมายืนหยัดอยู่ข้างหน้าเพื่อบรรเทาทุกข์ทรมานของนิกายและดินแดนดาราบรรพกาล
ช่วยเหลือปวงประชาในอาณาจักรเราให้จงได้"
"แน่นอนว่าอาจารย์และอาวุโสทุกคนในนิกายก็จะออกไปป้องกันศัตรูเช่นกัน
พวกข้าจะไม่มีทางยอมให้วันนั้นมาถึงโดยเร็วแน่"
จี้เทียนซิงพยักหน้ารับคำด้วยอารมณ์หนักอึ้ง
สีหน้าหนักแน่นจริงจังและตอบว่า “ขอท่านอาจารย์มั่นใจ
ศิษย์สาบานว่าจะปกป้องนิกายด้วยชีวิต !"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved