ตอนที่ 312 ตัวซวยของจักรพรรดิมาร ?

นิกายพันธมิตรสวรรค์

ในห้องลับอันมืดมิดห้องหนึ่ง

ห้องลับนี้เป็นสถานที่ที่ฉู่เทียนเซิงบ่มเพาะ

ในห้องนี้ไม่เพียงแค่เต็มไปด้วยความลับใหญ่หลวงของนิกาย

แต่มันยังเต็มไปด้วยความงดงามยิ่ง

พื้นถูกจารึกไว้ด้วยภาพขุนเขาและสายน้ำ

บนเพดานแกะสลักไว้ด้วยภาพดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาว

ก่อตัวเป็นข่ายปราณขนาดใหญ่ราวกับโอบล้อมฟ้าดิน

ฉู่เทียนเซิงกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หยก

ดวงตาจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงอย่างจริงจัง

"เทียนซิง ในเมื่อเจ้าได้เข้าไปในถ้ำเก้ามังกรแล้ว

เจ้าสมควรได้เห็นข่ายปราณและเสามังกรทั้งเก้าแล้วใช่ไหม ?"

จี้เทียนซิงพยักหน้าและตอบกลับด้วยท่าทางสงบ "เรียนท่านอาจารย์

หากศิษย์มองไม่ผิด ข่ายปราณนั้นและเสามังกรทั้งเก้าต้นสมควรเป็นเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรที่คอยพิทักษ์นิกายเราใช่หรือไม่ขอรับ

?"

"ถูกต้อง !" ฉู่เทียนเซิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดอย่างเคร่งขรึม

"เมื่อหนึ่งพันปีก่อนบรรพบุรุษของนิกายเราเบิกขุนเขาแห่งนี้ด้วยเจตจำนงค์ของสวรรค์และเคลื่อนย้ายขุนเขาทั้งเก้าลูกเพื่อสร้างเป็นเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกร

จากนั้นก็สร้างนิกายขึ้นที่นี่"

"เส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของนิกายนี้

มันไม่เพียงแค่มีไว้สะกดจักรพรรดิมาร

แต่มันยังแบกรับพลังและเลือดเนื้อของนิกายนี้มานับพันปีอีกด้วย

ถ้ำเก้ามังกรและเสามังกรทั้งเก้าต้นคือข่ายปราณลำดับสองของเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกร

เสาทั้งเก้าคือตัวแทนของขุนเขาทั้งเก้าลูก”

"เมื่อเสาเก้ามังกรและข่ายปราณถูกทำลาย

มันจะนำความเสียหายใหญ่หลวงมาสู่เส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงเกินกว่าจะคาดคิด

!"

จี้เทียนซิงคาดว่าสถานการณ์จะรุนแรง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่ามันจะร้ายแรงถึงขั้นล่มสลาย

ชายหนุ่มขมวดคิ้วและถามด้วยความกังวลว่า

"ท่านอาจารย์ แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ ?"

ฉู่เทียนเซิงเงยหน้าขึ้นและพูดด้วยเสียงต่ำ "ถ้ำเก้ามังกรมีความสำคัญมากซึ่งเกี่ยวข้องกับเลือดเนื้อและชีวิตของนิกาย

แน่นอนว่าพวกเราต้องส่งผู้แข็งแกร่งที่สุดมาคอยปกป้องมิให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นอีก"

จี้เทียนซิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า "ท่านอาจารย์ไม่คิดสืบหาเบาะแสของผู้ที่ลักลอบเข้ามาล้วงความลับของนิกายเราหรือขอรับ

?"

ฉู่เทียนเซิงส่ายหัว ดวงตาของมันเปล่งประกายด้วยแสงเย็นเยียบพลางกล่าวด้วยเสียงเย็นว่า

“ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ

ข้าคาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้ตั้งแต่แรกแล้ว”

"ทั่วทั้งดินแดนดาราบรรพกาล นอกจาก ‘นิกายนั้น’ แล้วใครหน้าไหนจะกล้าท้าทายนิกายเราอย่างโจ่งแจ้งได้อีก

?"

เมื่อได้ยินคำพูดนี้

ดวงตาของจี้เทียนซิงก็เปล่งประกายอย่างเข้าใจความหมายในวาจาของฉู่เทียนเซิงในทันที  มันคาดเดาตัวตนอีกฝ่ายได้แล้วเช่นกัน

ฉู่เทียนเซิงกล่าวต่อไปอย่างเคร่งขรึมว่า “เทียนซิง

เจ้าฝากตัวเป็นศิษย์นิกายนี้เพียงไม่กี่เดือน

สถานะของเจ้าในทุกวันนี้แม้จะยอดเยี่ยมและโดดเด่นเหนือผู้ใด

แต่มันก็นำมาซึ่งความเดือดร้อนให้แก่เจ้าไม่ขาดสาย"

"เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า

เหตุใดเจ้าถึงได้มีคุณค่าในสายตาของข้าและนิกาย ?"

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วอย่างกะทันหัน ความคิดเปล่งประกายภายในใจ “มีเหตุผลอื่นแฝงอีก ? หรือว่าท่านอาจารย์กำลังจะบอกความลับอะไรให้ข้าฟังกันนะ

?"

เขาจ้องมองฉู่เทียนเซิงและถามว่า "ท่านอาจารย์

มิใช่เพราะข้ามีสายเลือดกระบี่ลี้ลับที่ทำให้สามารถสะกดมารไว้ได้อีกครั้งหรือขอรับ

?"

ฉู่เทียนเซิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มขี้เล่นและกล่าวว่า

“ถูก

แต่ไม่ทั้งหมด นั่นเป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง

ความสงบเยือกเย็นเหนือล้ำกว่าคนรุ่นเดียวกันก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งเช่นกัน”

"แต่สาเหตุหลักก็คือเจ้าเป็นบุรุษผู้ท้าทายโชคชะตาที่ข้ากำลังตามหา

!"

"บุรุษผู้ท้าทายโชคชะตา?” จี้เทียนซิงมุ่นหัวคิ้ว

และพยายามค้นหาความหมายของคำนี้อย่างลับๆ

ในตอนแรกทุกคนต่างคิดว่าจี้หลิงเป็นบุคลที่นิกายพันธมิตรสวรรค์กำลังมองหา

ความจริงปรากฏชัดเจนหลังจากจี้หลิงสิ้นชีพว่า

จี้เทียนซิงต่างหากคือคนที่นิกายตามหา

ชายหนุ่มคิดอยู่เสมอว่านิกายพันธมิตรสวรรค์ต้องการมันก็เพราะสายเลือดกระบี่ลี้ลับ

แต่วันนี้ฉู่เทียนเซิงกลับบอกว่า

มันคือผู้ที่ท้าทายโชคชะตา !

มันหมายความว่าอะไร ?

"เจ้าตามอาจารย์มา"

ฉู่เทียนเซิงมิได้อธิบายเหตุผลในทันที

คนหันหลังและเดินไปที่กลางห้องลับมาที่โต๊ะหิน

บนโต๊ะหินนั้นมีกระดองเต่าโบราณสีดำขลับที่แสดงออกถึงความเรียบง่ายและความลึกลับอันกว้างใหญ่ไพศาล

ฉู่เทียนเซิงเหยียดมือออกไปและทาบกดบนกระดองเต่า  ปล่อยพลังปราณอันแข็งกร้าวก่อเกิดเป็นวิถีอันลี้ลับออกมา

กระดองเต่าสว่างขึ้นในทันทีพร้อมด้วยลำแสงที่หนาแน่นและปรากฏเส้นสายอักขระสีเงินขึ้น

มันเริ่มเคลื่อนไหวและเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

จี้เทียนซิงยืนอยู่ที่โต๊ะหินและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของกระดองเต่าอย่างถี่ถ้วน

เขาสามารถเห็นได้ว่าจุดแสงที่หนาแน่นนั้นเป็นตัวแทนของดวงดาวและเส้นสีเงินก็คือเส้นสายข่ายอาคม

หลังจากนั้นไม่นานดวงดาวและเส้นสีเงินบนกระดองเต่าก็หยุดการเปลี่ยนแปลง

ฉู่เทียนเซิงชี้ไปที่ดวงดาวที่ส่องสว่างสุกสกาวที่สุดและกล่าวกับจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าจริงจังว่า

“เทียนซิง

สมบัติชิ้นนี้คือหนึ่งในสมบัติลับของนิกายพันธมิตรสวรรค์เรา

มันคือแผนที่โชคชะตาแห่งดวงดารา"

"คำทำนายที่ปรากฏออกมาบนแผนที่นี้คือดวงชะตาของเจ้า

และดวงดาวที่สว่างไสวที่สุดเหนือหมู่ดาวทั้งหลายก็คือดาวแห่งชีวิตของเจ้า"

"เรื่องที่น่าเศร้าที่สุดและศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายนี้ก็คือมารที่ถูกสะกดไว้ใต้ยอดเขาชื่อเซี่ยว

และเจ้า  เจ้าก็คือดาวข่มผู้ที่จะล้มมัน !"

จี้เทียนซิงจ้องมองแผนที่โชคชะตาแห่งดวงดาราอยู่ครู่หนึ่งและไม่อาจสงบใจได้

มันไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

จักรพรรดิมารคือมารไร้พ่ายที่เกือบจะทำลายล้างอาณาจักรเทียนเฉินแทบทั้งหมดเมื่อหลายพันปีก่อน

นิกายพันธมิตรสวรรค์ที่สืบทอดมานับพันปีเป็นสถานที่กักขังมารล้างโลกผู้น่ากลัวเอาไว้

จี้เทียนซิงคือผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตผู้อ่อนแอ

ส่วนมารไร้พ่ายเป็นดั่งสุดยอดฝีมือผู้อยู่เหนือเมฆ

ฉู่เทียนเซิงแสดงคำทำนายบนแผนที่โชคชะตาดวงดาวให้มันได้เห็นและบอกว่ามันคือดาวข่มของมารไร้พ่าย

!

จะให้มันเชื่อเรื่องนี้ได้อย่างไร ? จะไม่ให้มันตกใจได้อย่างไร ?

ห้องเงียบลง ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ต่างก็ไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก

หลังจากนั้นไม่นาน

จี้เทียนซิงสูดหายใจลึกและสงบใจลง มันมองไปที่ฉู่เทียนเซิงพลางถามอย่างเคร่งขรึมว่า

"ท่านอาจารย์ ท่านต้องการให้ข้าทำอะไร ?"

ฉู่เทียนเซิงส่ายหัวไปมาพลางกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า

“ไม่ต้องทำอะไรเลย

เพียงแค่รอคอยและเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลง”

“อย่างไรก็ตาม การเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงในที่นี้ของข้ามิได้หมายความว่าปล่อยให้มันเกิดขึ้นโดยไม่ทำอะไร

เจ้าต้องเข้าใจในหน้าที่และความรับผิดชอบอันหนักหน่วงที่แบกไว้บนไหล่ เจ้าไม่อาจผ่อนคลายได้แม้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม”

จี้เทียนซิงรู้ดีว่า

ด้วยพลังของมันในตอนนี้ไม่มีคุณสมบัติพอจะเทียบได้กับเส้นผมของจักรพรรดิมารไร้พ่าย

สิ่งเดียวที่มันสามารถทำได้ก็คือการพัฒนาพลังยุทธ์อย่างต่อเนื่องและมุ่งมั่นในพลังที่แข็งแกร่งขึ้น

!

"ท่านอาจารย์โปรดวางใจ

ศิษย์จะขยันฝึกฝนอย่างหนัก !"

ฉู่เทียนเซิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและกล่าวต่อไปว่า

“ตอนนี้มีคนลอบเข้าไปในถ้ำเก้ามังกรและได้เห็นความลับของเส้นชีพจรวิญญาณ

พวกมันคงเริ่มตระเตรียมแผนการลงมือในไม่ช้า"

“สิ่งที่ข้าเป็นกังวลก็คือหากคนกลุ่มนั้นทำลายเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรสำเร็จ

ไม่เพียงแค่รากฐานของนิกายจะพังทลายแต่ยังจะส่งผลกระทบไปถึงมารไร้พ่ายที่ถูกสะกดใต้ภูเขา

มันย่อมฉวยโอกาสนี้ทำลายผนึกออกมา"

เมื่อถึงเวลานั้น หายนะครั้งใหญ่จะมาเยือน

ดินแดนดาราบรรพกาลและทั่วอาณาจักรเทียนเฉินจะถูกบดขยี้เป็นเถ้าถ่าน"

"เทียนซิง หากวันนั้นมาถึงจริงๆ เจ้าจะต้องก้าวออกมายืนหยัดอยู่ข้างหน้าเพื่อบรรเทาทุกข์ทรมานของนิกายและดินแดนดาราบรรพกาล

ช่วยเหลือปวงประชาในอาณาจักรเราให้จงได้"

"แน่นอนว่าอาจารย์และอาวุโสทุกคนในนิกายก็จะออกไปป้องกันศัตรูเช่นกัน

พวกข้าจะไม่มีทางยอมให้วันนั้นมาถึงโดยเร็วแน่"

จี้เทียนซิงพยักหน้ารับคำด้วยอารมณ์หนักอึ้ง

สีหน้าหนักแน่นจริงจังและตอบว่า “ขอท่านอาจารย์มั่นใจ

ศิษย์สาบานว่าจะปกป้องนิกายด้วยชีวิต !"