ตอนที่ 343 กระบี่ฟ้าลงมือ !

หยุนเหยาและเอี๋ยนเอ๋อร์ไม่ถอยแม้เพียงครึ่งก้าว

ผลลัพธ์นี้ไม่เพียงแค่เป็นสิ่งที่เทียนเจี้ยนจงคาดหวังเท่านั้น

แต่มันยังมีความสุขที่ได้เห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย

ใบหน้าของมันเต็มด้วยความโกรธกริ้ว

ตะโกนคำรามต่อแขกทุกคนในห้อง “สหายทุกท่านคงเห็นแล้วกระมัง ?!"

"นิกายพันธมิตรสวรรค์ข่มเหงผู้คนเกินไป

หยิ่งยโสและไร้เหตุผล แม้แต่ศิษย์ของพวกมันก็ยังดุร้ายตีหน้าซื่อเข้าข้างกันเอง  ลงมือสังหารศิษย์ข้าในนิกายข้า !”

"จี้เทียนซิงสังหารศิษย์ข้าซื่อเหวินหยูกลางที่สาธารณะ

พวกมันทั้งสามต่อสู้ขัดขืนไม่ยอมรับผิด

จับดาบควงกระบี่ในงานมงคลฉลองวันเกิดของข้าประมุข นี่คือพฤติกรรมเยี่ยงไร ?"

"ช่างเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนดุร้าย  ข้าประมุขนิกายกระบี่ฟ้าไม่ทางยอมเลิกราแน่

แม้จะต้องแตกหักกับนิกายพันธมิตรสวรรค์

พวกข้าก็จะต้องทวงถามความยุติธรรมให้แก่ศิษย์ที่ตายไป !"

คำพูดที่แสนเศร้าและน้อยเนื้อต่ำใจของเทียนเจี้ยนจงกระตุ้นเลือดลม

ดังก้องกังวานกระทบโสตของแขกหลายคนทันที

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนของนิกายพันใบไม้ร่วง

นิกายเจิ้นหวู่และนิกายเฟิงฮั่วล้วนแต่ตามน้ำตะโกนโหวกเหวกให้จี้เทียนซิงชดใช้ด้วยชีวิต

พลางลามไปถึงก้นด่าสาปแช่งนิกายพันธมิตรสวรรค์ที่ข่มเหงผู้คนราวกับมารร้าย !

จอมยุทธ์และผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากเริ่มเอนเอียงไปด้วย

อารมณ์ของพวกมันกลายเป็นเดือดพล่าน พลางตะโกนสนับสนุนเทียนเจี้ยนจงให้ทวงถามความยุติธรรมต่อซื่อเหวินหยูที่ตายไป

ท้ายที่สุดแล้วการครอบครองอาณาจักรเทียนเฉินของนิกายพันธมิตรสวรรค์มาเป็นเวลานานร่วมพันปีได้ทำให้กองกำลังหลายแห่งริษยาและไม่พอใจ

อย่างไรก็ตาม กองกำลังเหล่านี้ล้วนแต่อ่อนแอ

พวกมันไม่กล้าแสดงความไม่พอใจต่อนิกายพันธมิตรสวรรค์อย่างออกนอกหน้ายามสถานการณ์ปรกติ

ตอนนี้ได้มีเชื้อไฟแล้ว

เมื่อมีหนึ่งในประมุขของนิกายใหญ่ลุกขึ้นต่อต้าน

แน่นอนว่าคนจำพวกนั้นย่อมตามสนองไปตามน้ำ

ทันใดนั้นเองภายในห้องโถงก็มีเสียงอึกทึกดังระงม

เสียงตะโกนโหวกเหวกระเบิดออกมาทั่วทุกแห่ง

ในบรรดาแขกหลายร้อยคนมีมากกว่าครึ่งหนึ่งที่สนับสนุนเทียนเจี้ยนจง

เหล่าจอมยุทธ์ส่วนที่เหลือแม้จะไม่ได้ตามน้ำและมีอารมณ์ตอบสนองต่อคำพูดของเทียนเจี้ยนจงอย่างเปิดเผย

แต่พวกมันก็มิกล้าขัดขืนหรือออกหน้าขวาง

คนเหล่านี้รักษาทัศนคติที่เป็นกลางและเฝ้าดูพัฒนาการของสถานการณ์ความวุ่นวายนี้โดยไม่สนใจเรื่องใด

พวกมันวางตัวดั่งสุภาษิตที่ว่า ‘นอนอยู่บนภูผา ดูพยัคฆ์สู้กัน’

ในเมื่อสถานการณ์ออกมาเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าแผนการที่ได้ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าของเทียนเจี้ยนจงได้บรรลุแล้ว

!

มันชักสีหน้าโกรธจัดและออกคำสั่งในทันที

"เหล่าผู้พิทักษ์ ! จับเจ้าสามคนบ้าแห่งนิกายพันธมิตรสวรรค์มาให้ข้าประมุข

!”

"หากมีการต่อต้านล้วนฆ่าโดยไม่ละเว้น !"

สิ้นเสียง

ผู้พิทักษ์ชุดเกราะดำกว่าสามสิบคนก็เข้ามาในห้องโถง

ผู้พิทักษ์จำนวนมากถือกระบี่ส่องแสงเย็นเยือกกรูกันเข้าไปในห้องโถงอย่างอุกอาจ

วิ่งไปหาพวกจี้เทียนซิงทั้งสามบนเวทีวงแหวนอย่างรวดเร็ว

ผู้พิทักษ์เกราะดำเหล่านี้ต่างก็มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าขอบเขตปราณจิตขั้นที่เจ็ด

เกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมดคือยอดฝีมือของนิกายกระบี่ฟ้าที่ปลอมตัวมา

พวกมันเหล่านั้นมีความแข็งแกร่งถึงระดับปราณโอสถขั้นสองและสามเลยทีเดียว

เมื่อเห็นภาพนี้ดวงตาของจี้เทียนซิงพลันเปล่งประกายเย็นชาและลอบเยาะเย้ยในใจ

"เฮอะ

ตัวบัดซบเทียนเจี้ยนจงเตรียมการมาพร้อมจริงๆ !"

ในเวลาต่อมาผู้เฒ่าทั้งสี่ที่อยู่ใกล้สุดพลันโบกมือเริ่มการโจมตีอย่างไร้วาจา

“บุปผาจันทรา

!”

หยุนเหยาแค่นเสียงเย็น พลันเหวี่ยงกระบี่หานเย่วออกมาตวัดร่ายรำเป็นลำแสงกระบี่ขนาดใหญ่รูปจันทร์เสี้ยว

โจมตีเข้าใส่สี่ผู้เฒ่า

ลำแสงจันทร์เสี้ยวยาวกว่าสิบเมตรกว้างกว่าสองเมตร

พร่างพราวไปด้วยแสงเย็นเยียบอันคมกริบ

ทันใดนั้นเองห้องโถงกว้างก็สว่างไสวและเต็มไปด้วยแสงสว่าง

เอี๋ยนเอ๋อร์ก็เหวี่ยงดาบด้วยพลังทั้งมวล

ตวัดออกมาเป็นเพลิงม่วงขนาดใหญ่ แยกผู้เฒ่าคนหนึ่งออกไป

"ดาบแก่นฟ้าเพลิงม่วง

!"

ถึงแม้จะมีพลังเพียงขอบเขตปราณจิตขั้นที่เก้า

แต่ความสามารถเฉพาะตัวของมันยามระเบิดเต็มศักยภาพเต็มพิกัดก็เปรียบเทียบได้กับการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์ระดับปราณโอสถขั้นที่หนึ่งถึงสองเลยทีเดียว

จี้เทียนซิงกระตุ้นพลังตัวอ่อนกระบี่

ปลดปล่อยไอกระบี่เพลิงสีชาดขนาดใหญ่สายหนึ่ง ซัดเข้าหาผู้เฒ่าทั้งสี่

"ประกายแสง...  มังกรแดง !!"

ไอกระบี่เพลิงยาวเพิ่มขึ้นเป็นหกเมตร, เปี่ยมไปด้วยเปลวไฟสีแดงที่เข้มข้นยิ่งขึ้น

มันเปลี่ยนไอกระบี่เป็นมังกรไฟตัวหนึ่งด้วยพลังทำลายที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า !

เมื่อกระบวนท่าของทั้งสามปะทะเข้ากับการโจมตีของเหล่าสี่ผู้เฒ่า

ทันใดนั้นเสียงระเบิดดัง ‘ ปง

ปง  ปง  !!’ ก็ดังขึ้น

ครืน.......ครืน

!!

เสียงอึกทึกดังก้องในห้องโถงสั่นสะเทือนผืนดินและสร้างแรงสั่นไปทั่วทั้งตำหนัก

ลำแสงดาบกระบี่หลายต่อหลายเล่มเข้าปะทะกันถล่มทลาย

ระเบิดออกเป็นคลื่นแรงสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว

ส่งผลให้ค่ายกลป้องกันที่โอบล้อมรอบตำหนักพังพินาศในบันดล  พลังตกค้างของทั้งหมดยังส่งผ่านไปบนพื้นดินทุบทำลายก้อนหินดินทรายรอบๆแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

จี้เทียนซิงและหยุนเหยาต้านการจู่โจมประสานของสี่ผู้เฒ่าเอาไว้ได้

ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบ

แต่ในเวลานี้เองผู้พิทักษ์เกราะดำมากกว่าสามสิบคนก็เริ่มลงมือ

"ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ !"

ผู้พิทักษ์หลายคนพุ่งไปที่วงแหวนเวทีด้วยการโจมตีจากทุกทิศทุกทาง

ตวัดดาบควงกระบี่ปลดปล่อยฝ่ามืออย่างท่วมท้นราวกับแหฟ้าตาข่ายดิน

ก่อเกิดแรงกดทับแก่คนทั้งสามจนแทบหายใจไม่ออก

ในช่วงเวลาวิกฤต

จี้เทียนซิงจำต้องเหวี่ยงกระบี่ขึ้นต่อต้าน

หยุนเหยาจีบนิ้วชี้กับนิ้วกลางที่มือซ้ายไว้แนบกัน

พลันกรีดกรายร่ายรำออกไปเป็นเส้นสายอาคมอันลี้ลับชนิดหนึ่ง  ส่วนมือขวากุมกระบี่หานเย่วไว้มั่น

ตวัดฟาดคลื่นกระบี่อันแพรวพราวออกไปนับร้อยสาย  ก่อเกิดเป็นพลังกระบี่หนาแน่นราวกับคลื่นที่โหมกระหน่ำ

กวาดไปทางผู้พิทักษ์เกราะดำที่อยู่รอบๆ

เอี๋ยนเอ๋อร์แกว่งดาบด้วยพลังทั้งหมด

ตัดผ่าออกไปเป็นเพลิงม่วงเหนือเวหา เปลี่ยนครึ่งหนึ่งของเวทีให้กลายเป็นทะเลเพลิง ซวนเอ๋อได้ใช้มีด

ส่วนจี้เทียนซิง

จิตสังหารพลันปะทุขึ้นในแววตา คนผลักดันปราณแท้ในร่างถึงขีดสุด

ระเบิดศักยภาพทั้งมวลออกมา

"มังกรทะยานเก้านภา !!"

เสียงเย็นชาดังขึ้น

ชายหนุ่มชักกระบี่มังกรดำออกมา

ตวัดเข้าใส่ร่างของผู้พิทักษ์เกราะดำหลายคนที่โจมตีจากด้านหลัง

ในขณะที่กระบี่มังกรดำพ้นจากฝัก

เสียงคำรามกู่ก้องของมังกรแท้จริงพลันปรากฏ    ลำแสงเย็นเยือกอันพร่างพราวส่องสว่างไปทั่ว

"โฮกกกกกกกก!"

หนึ่งกระบี่เบิกฟ้าแยกพสุธาถูกใช้ออก

ส่งผลให้กระบวนท่าของผู้พิทักษ์สี่คนถูกทำลายในพริบตา เสื้อเกราะของพวกมันแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี

ทั่วร่างชโลมไปด้วยโลหิตแดงชาด

ในเวลาเดียวกัน

จี้เทียนซิงหยิบยันต์คาถาออกจากแหวนมิติ

ถ่ายเทลมปราณอันรุนแรงเข้าไปและโยนเข้าหาผู้พิทักษ์เกราะดำที่จู่โจมจากด้านซ้าย

“คำสาปทลายภูผา

!”

มันคือยันต์คาถาที่ฉู่เทียนเซิงมอบให้เขาก่อนหน้านี้

นี่เป็นหนึ่งในนั้น หลังจากเขาจุดชนวนเปิดใช้งาน

มันจะสามารถปลดปล่อยพลังรุนแรงที่ทำลายภูเขาและสายน้ำได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

"ตูม !!!!"

คำสาปทลายภูผาถูกใช้ออก มันพุ่งเข้าใส่ผู้พิทักษ์เกราะดำทางด้านข้าง

เกิดเป็นระเบิดเพลิงสีทองขนาดใหญ่ขึ้นทันที

ท่ามกลางเสียงระเบิดแสบแก้วหู

ผู้พิทักษ์ทั้งห้าถูกซัดด้วยระเบิดเพลิงสีทองจนกระอักเลือดกลางอากาศ

ร่างถูกกระแทกถอยกลับได้รับบาดเจ็บสาหัสและล้มลงหมดสติทันทีที่กระทบพื้น

ภายในห้องโถงขนาดใหญ่

ความโกลาหลและอันตรายแพร่กระจายไปในทุกพื้นที่

อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นสนิมและคราบเลือด

คลื่นพลังเกรี้ยวกราดกระจายไปรอบบริเวณ ทำลายโต๊ะเก้าอี้จนพังระเนระนาด

ราวกับประสบวาตภัยจากพายุไต้ฝุ่น

แขกหลายคนที่อยู่ใกล้กับเวทีหน้าถอดสีด้วยความตกใจ

พวกมันรีบก้าวถอยหลังวิ่งหนีไปหลบที่มุมห้อง

ภายในเวลาชั่วลัดนิ้วเดียว จี้เทียนซิง, หยุนเหยาและเอี๋ยนเอ๋อร์ต่างก็ทำร้ายผู้พิทักษ์เกราะดำจนสาหัสกว่าสิบคนและสังหารไปสี่คน

ณ จุดนั้นทันที

การปิดล้อมอันเนืองแน่นของเหล่าผู้พิทักษ์เกราะดำถูกกระชากทำลายเป็นชิ้นๆในพริบตา !

จี้เทียนซิงและอีกสองคนหันไปมองหน้าสบตากันด้วยความเข้าใจ

พวกเขาทั้งหมดไม่คิดต่อสู้พัวพัน

จึงฉวยโอกาสรีบลงจากเวทีและหนีไปข้างนอกอย่างเร่งร้อน

เทียนเจี้ยนจงเคยคิดว่าการตระเตรียมสี่ผู้เฒ่าและผู้พิทักษ์จำนวนมากเอาไว้จะสามารถสังหารจี้เทียนซิงและหยุนเหยาได้อย่างแน่นอน

แต่มันคาดไม่ถึงว่าพลังในการรบของทั้งสามจะแข็งแกร่งทรงพลังถึงขั้นนี้

เมื่อเห็นว่าทั้งสามคนกำลังจะหนีออกจากห้องโถง

มันฟาดฝ่ามือทุบโต๊ะจนละเอียด พลางคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวราวกับสิงโต !

"เจ้าพวกโจรชั่ว ! สังหารคนของข้าแล้วยังคิดจะหลบหนีอีกหรือ

?!"

"ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ซะ !"

ตูม !

เทียนเจี้ยนจงโห่ร้องคำรามพลันพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

ในฐานะยอดยุทธ์ระดับปราณฟ้า

ในที่สุดมันก็ลงมือด้วยตัวเองแล้ว !