หยุนเหยาและเอี๋ยนเอ๋อร์ไม่ถอยแม้เพียงครึ่งก้าว
ผลลัพธ์นี้ไม่เพียงแค่เป็นสิ่งที่เทียนเจี้ยนจงคาดหวังเท่านั้น
แต่มันยังมีความสุขที่ได้เห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
ใบหน้าของมันเต็มด้วยความโกรธกริ้ว
ตะโกนคำรามต่อแขกทุกคนในห้อง “สหายทุกท่านคงเห็นแล้วกระมัง ?!"
"นิกายพันธมิตรสวรรค์ข่มเหงผู้คนเกินไป
หยิ่งยโสและไร้เหตุผล แม้แต่ศิษย์ของพวกมันก็ยังดุร้ายตีหน้าซื่อเข้าข้างกันเอง ลงมือสังหารศิษย์ข้าในนิกายข้า !”
"จี้เทียนซิงสังหารศิษย์ข้าซื่อเหวินหยูกลางที่สาธารณะ
พวกมันทั้งสามต่อสู้ขัดขืนไม่ยอมรับผิด
จับดาบควงกระบี่ในงานมงคลฉลองวันเกิดของข้าประมุข นี่คือพฤติกรรมเยี่ยงไร ?"
"ช่างเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนดุร้าย ข้าประมุขนิกายกระบี่ฟ้าไม่ทางยอมเลิกราแน่
แม้จะต้องแตกหักกับนิกายพันธมิตรสวรรค์
พวกข้าก็จะต้องทวงถามความยุติธรรมให้แก่ศิษย์ที่ตายไป !"
คำพูดที่แสนเศร้าและน้อยเนื้อต่ำใจของเทียนเจี้ยนจงกระตุ้นเลือดลม
ดังก้องกังวานกระทบโสตของแขกหลายคนทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนของนิกายพันใบไม้ร่วง
นิกายเจิ้นหวู่และนิกายเฟิงฮั่วล้วนแต่ตามน้ำตะโกนโหวกเหวกให้จี้เทียนซิงชดใช้ด้วยชีวิต
พลางลามไปถึงก้นด่าสาปแช่งนิกายพันธมิตรสวรรค์ที่ข่มเหงผู้คนราวกับมารร้าย !
จอมยุทธ์และผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากเริ่มเอนเอียงไปด้วย
อารมณ์ของพวกมันกลายเป็นเดือดพล่าน พลางตะโกนสนับสนุนเทียนเจี้ยนจงให้ทวงถามความยุติธรรมต่อซื่อเหวินหยูที่ตายไป
ท้ายที่สุดแล้วการครอบครองอาณาจักรเทียนเฉินของนิกายพันธมิตรสวรรค์มาเป็นเวลานานร่วมพันปีได้ทำให้กองกำลังหลายแห่งริษยาและไม่พอใจ
อย่างไรก็ตาม กองกำลังเหล่านี้ล้วนแต่อ่อนแอ
พวกมันไม่กล้าแสดงความไม่พอใจต่อนิกายพันธมิตรสวรรค์อย่างออกนอกหน้ายามสถานการณ์ปรกติ
ตอนนี้ได้มีเชื้อไฟแล้ว
เมื่อมีหนึ่งในประมุขของนิกายใหญ่ลุกขึ้นต่อต้าน
แน่นอนว่าคนจำพวกนั้นย่อมตามสนองไปตามน้ำ
ทันใดนั้นเองภายในห้องโถงก็มีเสียงอึกทึกดังระงม
เสียงตะโกนโหวกเหวกระเบิดออกมาทั่วทุกแห่ง
ในบรรดาแขกหลายร้อยคนมีมากกว่าครึ่งหนึ่งที่สนับสนุนเทียนเจี้ยนจง
เหล่าจอมยุทธ์ส่วนที่เหลือแม้จะไม่ได้ตามน้ำและมีอารมณ์ตอบสนองต่อคำพูดของเทียนเจี้ยนจงอย่างเปิดเผย
แต่พวกมันก็มิกล้าขัดขืนหรือออกหน้าขวาง
คนเหล่านี้รักษาทัศนคติที่เป็นกลางและเฝ้าดูพัฒนาการของสถานการณ์ความวุ่นวายนี้โดยไม่สนใจเรื่องใด
พวกมันวางตัวดั่งสุภาษิตที่ว่า ‘นอนอยู่บนภูผา ดูพยัคฆ์สู้กัน’
ในเมื่อสถานการณ์ออกมาเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าแผนการที่ได้ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าของเทียนเจี้ยนจงได้บรรลุแล้ว
!
มันชักสีหน้าโกรธจัดและออกคำสั่งในทันที
"เหล่าผู้พิทักษ์ ! จับเจ้าสามคนบ้าแห่งนิกายพันธมิตรสวรรค์มาให้ข้าประมุข
!”
"หากมีการต่อต้านล้วนฆ่าโดยไม่ละเว้น !"
สิ้นเสียง
ผู้พิทักษ์ชุดเกราะดำกว่าสามสิบคนก็เข้ามาในห้องโถง
ผู้พิทักษ์จำนวนมากถือกระบี่ส่องแสงเย็นเยือกกรูกันเข้าไปในห้องโถงอย่างอุกอาจ
วิ่งไปหาพวกจี้เทียนซิงทั้งสามบนเวทีวงแหวนอย่างรวดเร็ว
ผู้พิทักษ์เกราะดำเหล่านี้ต่างก็มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าขอบเขตปราณจิตขั้นที่เจ็ด
เกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมดคือยอดฝีมือของนิกายกระบี่ฟ้าที่ปลอมตัวมา
พวกมันเหล่านั้นมีความแข็งแกร่งถึงระดับปราณโอสถขั้นสองและสามเลยทีเดียว
เมื่อเห็นภาพนี้ดวงตาของจี้เทียนซิงพลันเปล่งประกายเย็นชาและลอบเยาะเย้ยในใจ
"เฮอะ
ตัวบัดซบเทียนเจี้ยนจงเตรียมการมาพร้อมจริงๆ !"
ในเวลาต่อมาผู้เฒ่าทั้งสี่ที่อยู่ใกล้สุดพลันโบกมือเริ่มการโจมตีอย่างไร้วาจา
“บุปผาจันทรา
!”
หยุนเหยาแค่นเสียงเย็น พลันเหวี่ยงกระบี่หานเย่วออกมาตวัดร่ายรำเป็นลำแสงกระบี่ขนาดใหญ่รูปจันทร์เสี้ยว
โจมตีเข้าใส่สี่ผู้เฒ่า
ลำแสงจันทร์เสี้ยวยาวกว่าสิบเมตรกว้างกว่าสองเมตร
พร่างพราวไปด้วยแสงเย็นเยียบอันคมกริบ
ทันใดนั้นเองห้องโถงกว้างก็สว่างไสวและเต็มไปด้วยแสงสว่าง
เอี๋ยนเอ๋อร์ก็เหวี่ยงดาบด้วยพลังทั้งมวล
ตวัดออกมาเป็นเพลิงม่วงขนาดใหญ่ แยกผู้เฒ่าคนหนึ่งออกไป
"ดาบแก่นฟ้าเพลิงม่วง
!"
ถึงแม้จะมีพลังเพียงขอบเขตปราณจิตขั้นที่เก้า
แต่ความสามารถเฉพาะตัวของมันยามระเบิดเต็มศักยภาพเต็มพิกัดก็เปรียบเทียบได้กับการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์ระดับปราณโอสถขั้นที่หนึ่งถึงสองเลยทีเดียว
จี้เทียนซิงกระตุ้นพลังตัวอ่อนกระบี่
ปลดปล่อยไอกระบี่เพลิงสีชาดขนาดใหญ่สายหนึ่ง ซัดเข้าหาผู้เฒ่าทั้งสี่
"ประกายแสง... มังกรแดง !!"
ไอกระบี่เพลิงยาวเพิ่มขึ้นเป็นหกเมตร, เปี่ยมไปด้วยเปลวไฟสีแดงที่เข้มข้นยิ่งขึ้น
มันเปลี่ยนไอกระบี่เป็นมังกรไฟตัวหนึ่งด้วยพลังทำลายที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า !
เมื่อกระบวนท่าของทั้งสามปะทะเข้ากับการโจมตีของเหล่าสี่ผู้เฒ่า
ทันใดนั้นเสียงระเบิดดัง ‘ ปง
ปง ปง !!’ ก็ดังขึ้น
ครืน.......ครืน
!!
เสียงอึกทึกดังก้องในห้องโถงสั่นสะเทือนผืนดินและสร้างแรงสั่นไปทั่วทั้งตำหนัก
ลำแสงดาบกระบี่หลายต่อหลายเล่มเข้าปะทะกันถล่มทลาย
ระเบิดออกเป็นคลื่นแรงสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว
ส่งผลให้ค่ายกลป้องกันที่โอบล้อมรอบตำหนักพังพินาศในบันดล พลังตกค้างของทั้งหมดยังส่งผ่านไปบนพื้นดินทุบทำลายก้อนหินดินทรายรอบๆแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
จี้เทียนซิงและหยุนเหยาต้านการจู่โจมประสานของสี่ผู้เฒ่าเอาไว้ได้
ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบ
แต่ในเวลานี้เองผู้พิทักษ์เกราะดำมากกว่าสามสิบคนก็เริ่มลงมือ
"ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ !"
ผู้พิทักษ์หลายคนพุ่งไปที่วงแหวนเวทีด้วยการโจมตีจากทุกทิศทุกทาง
ตวัดดาบควงกระบี่ปลดปล่อยฝ่ามืออย่างท่วมท้นราวกับแหฟ้าตาข่ายดิน
ก่อเกิดแรงกดทับแก่คนทั้งสามจนแทบหายใจไม่ออก
ในช่วงเวลาวิกฤต
จี้เทียนซิงจำต้องเหวี่ยงกระบี่ขึ้นต่อต้าน
หยุนเหยาจีบนิ้วชี้กับนิ้วกลางที่มือซ้ายไว้แนบกัน
พลันกรีดกรายร่ายรำออกไปเป็นเส้นสายอาคมอันลี้ลับชนิดหนึ่ง ส่วนมือขวากุมกระบี่หานเย่วไว้มั่น
ตวัดฟาดคลื่นกระบี่อันแพรวพราวออกไปนับร้อยสาย ก่อเกิดเป็นพลังกระบี่หนาแน่นราวกับคลื่นที่โหมกระหน่ำ
กวาดไปทางผู้พิทักษ์เกราะดำที่อยู่รอบๆ
เอี๋ยนเอ๋อร์แกว่งดาบด้วยพลังทั้งหมด
ตัดผ่าออกไปเป็นเพลิงม่วงเหนือเวหา เปลี่ยนครึ่งหนึ่งของเวทีให้กลายเป็นทะเลเพลิง ซวนเอ๋อได้ใช้มีด
ส่วนจี้เทียนซิง
จิตสังหารพลันปะทุขึ้นในแววตา คนผลักดันปราณแท้ในร่างถึงขีดสุด
ระเบิดศักยภาพทั้งมวลออกมา
"มังกรทะยานเก้านภา !!"
เสียงเย็นชาดังขึ้น
ชายหนุ่มชักกระบี่มังกรดำออกมา
ตวัดเข้าใส่ร่างของผู้พิทักษ์เกราะดำหลายคนที่โจมตีจากด้านหลัง
ในขณะที่กระบี่มังกรดำพ้นจากฝัก
เสียงคำรามกู่ก้องของมังกรแท้จริงพลันปรากฏ ลำแสงเย็นเยือกอันพร่างพราวส่องสว่างไปทั่ว
"โฮกกกกกกกก!"
หนึ่งกระบี่เบิกฟ้าแยกพสุธาถูกใช้ออก
ส่งผลให้กระบวนท่าของผู้พิทักษ์สี่คนถูกทำลายในพริบตา เสื้อเกราะของพวกมันแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี
ทั่วร่างชโลมไปด้วยโลหิตแดงชาด
ในเวลาเดียวกัน
จี้เทียนซิงหยิบยันต์คาถาออกจากแหวนมิติ
ถ่ายเทลมปราณอันรุนแรงเข้าไปและโยนเข้าหาผู้พิทักษ์เกราะดำที่จู่โจมจากด้านซ้าย
“คำสาปทลายภูผา
!”
มันคือยันต์คาถาที่ฉู่เทียนเซิงมอบให้เขาก่อนหน้านี้
นี่เป็นหนึ่งในนั้น หลังจากเขาจุดชนวนเปิดใช้งาน
มันจะสามารถปลดปล่อยพลังรุนแรงที่ทำลายภูเขาและสายน้ำได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
"ตูม !!!!"
คำสาปทลายภูผาถูกใช้ออก มันพุ่งเข้าใส่ผู้พิทักษ์เกราะดำทางด้านข้าง
เกิดเป็นระเบิดเพลิงสีทองขนาดใหญ่ขึ้นทันที
ท่ามกลางเสียงระเบิดแสบแก้วหู
ผู้พิทักษ์ทั้งห้าถูกซัดด้วยระเบิดเพลิงสีทองจนกระอักเลือดกลางอากาศ
ร่างถูกกระแทกถอยกลับได้รับบาดเจ็บสาหัสและล้มลงหมดสติทันทีที่กระทบพื้น
ภายในห้องโถงขนาดใหญ่
ความโกลาหลและอันตรายแพร่กระจายไปในทุกพื้นที่
อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นสนิมและคราบเลือด
คลื่นพลังเกรี้ยวกราดกระจายไปรอบบริเวณ ทำลายโต๊ะเก้าอี้จนพังระเนระนาด
ราวกับประสบวาตภัยจากพายุไต้ฝุ่น
แขกหลายคนที่อยู่ใกล้กับเวทีหน้าถอดสีด้วยความตกใจ
พวกมันรีบก้าวถอยหลังวิ่งหนีไปหลบที่มุมห้อง
ภายในเวลาชั่วลัดนิ้วเดียว จี้เทียนซิง, หยุนเหยาและเอี๋ยนเอ๋อร์ต่างก็ทำร้ายผู้พิทักษ์เกราะดำจนสาหัสกว่าสิบคนและสังหารไปสี่คน
ณ จุดนั้นทันที
การปิดล้อมอันเนืองแน่นของเหล่าผู้พิทักษ์เกราะดำถูกกระชากทำลายเป็นชิ้นๆในพริบตา !
จี้เทียนซิงและอีกสองคนหันไปมองหน้าสบตากันด้วยความเข้าใจ
พวกเขาทั้งหมดไม่คิดต่อสู้พัวพัน
จึงฉวยโอกาสรีบลงจากเวทีและหนีไปข้างนอกอย่างเร่งร้อน
เทียนเจี้ยนจงเคยคิดว่าการตระเตรียมสี่ผู้เฒ่าและผู้พิทักษ์จำนวนมากเอาไว้จะสามารถสังหารจี้เทียนซิงและหยุนเหยาได้อย่างแน่นอน
แต่มันคาดไม่ถึงว่าพลังในการรบของทั้งสามจะแข็งแกร่งทรงพลังถึงขั้นนี้
เมื่อเห็นว่าทั้งสามคนกำลังจะหนีออกจากห้องโถง
มันฟาดฝ่ามือทุบโต๊ะจนละเอียด พลางคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวราวกับสิงโต !
"เจ้าพวกโจรชั่ว ! สังหารคนของข้าแล้วยังคิดจะหลบหนีอีกหรือ
?!"
"ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ซะ !"
ตูม !
เทียนเจี้ยนจงโห่ร้องคำรามพลันพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
ในฐานะยอดยุทธ์ระดับปราณฟ้า
ในที่สุดมันก็ลงมือด้วยตัวเองแล้ว !
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved