ตอนที่ 222

ตัวตนสูงส่งระดับเจ้าก็มีวันนี้ด้วย

?

เมื่อได้คำพูดของฉู่เทียนเซิง

จี้เทียนซิงก็ตั้งสติและเต็มไปด้วยความคาดหวัง

เขาเฉือนปลายนิ้วตนเองอย่างไม่ลังเลและรีดเค้นแก่นโลหิตออกมาให้ไหลซึมเข้าสู่ข่ายอาคม

แก่นโลหิตสีแดงสดหยดลงที่ด้านหน้าและกระจายไปตามร่องอาคมทันที

แสงสีที่สดใสเบื้องหน้ายังคงเปล่งประกายไปทั่วแท่นบูชาและดูเหมือนจะไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

หัวใจของฉู่เทียนเซิงและเซี่ยงหวู่จี้บีบรัด

ดวงตาของพวกเขาจ้องมองไปที่ข่ายอาคมด้วยความหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆขึ้นเกิด

ติ๋ง......

หยดเลือดหยดที่สองจากปลายนิ้วของจี้เทียนซิงยังคงหยดลงและกระจายออกไปตามแนวเส้นอาคม

แสงหลากสีที่ส่องสว่างในข่ายปราณ

ในที่สุดก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยชั้นโลหิตบางๆ

พลังของแท่นบูชาทั้งหมดดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเลือดหยดที่สามไหลลงสู่เส้นอาคม

ข่ายปราณก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างน่าอัศจรรย์

วูบ  วูบ  !

เส้นสายและรูปแบบของอาคมทั่วทั้งแท่นบูชาได้เร่งความเร็วขึ้น

พวกมันเริ่มมีการเชื่อมโยงกันและเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ลี้ลับ

พวกเขาทั้งสามสามารถรู้สึกได้อย่างชัดแจ้งว่าพลังของแท่นบูชาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เพียงไม่กี่อึดใจพลังของมันก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ใช้เวลาเป็นชั่วโมง

!

“ปึง !....

ปึง

!”

ข่ายอาคมในแท่นบูชากำลังเร่งความเร็วและระเบิดออกด้วยพลังอันยิ่งใหญ่จนทำให้ทั่วทั้งแท่นบูชาต้องสั่นสะเทือน

รูปปั้นมังกรทั้งเก้าตัวที่อยู่รอบๆแท่นบูชาเริ่มสว่างไสวไปด้วยสีสันสดใสเปล่งปลั่ง

เมื่อเห็นฉากนี้

ฉู่เทียนเซิงและเซี่ยงหวู่จี้ก็ดวงตาเบิกกว้างพลางหันไปมองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย

สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุข

“วิเศษ

วิเศษมาก ! สายเลือดของจี้เทียนซิงใช้ได้ผล ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว !”

อาวุโสทั้งสองดีใจจนเนื้อเต้นในขณะที่มองไปยังรูปปั้นทั้งเก้าด้วยสายตาที่ร้อนระอุ

แม้กระทั่งจี้เทียนซิงก็รู้สึกอิ่มเอิบใจเช่นกัน

แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะผ่อนคลายและหยดแก่นโลหิตหยดที่สี่ต่อไป

การเปลี่ยนแปลงเริ่มมากขึ้นและเร็วขึ้น

ลำแสงเจิดจ้ากระพริบถี่ไปด้วยสีสันอันสดใสและควบแน่นกันจนก่อเกิดเป็นอักษรคำว่า [篆] (ผนึก)

และยังมีสัญลักษณ์อาคมจำนวนมาก

มังกรทั้งเก้าตัวที่อยู่รอบแท่นบูชาก็เริ่มเปล่งประกายแวววับมากขึ้นเรื่อยๆจนดูเหมือนจริงและน่าประทับใจอย่างยิ่ง

เมื่อเวลาผ่านไป

อาคมเก้ามังกรผนึกปีศาจก็ค่อยๆเปิดใช้งานโดยสมบูรณ์

มันก่อให้เกิดแรงกดดันมหาศาลที่กดทับและสะกดข่มทุกสรรพสิ่ง

กลิ่นไอที่มองไม่เห็นแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งถ้ำอาคมและพลังของมหาข่ายปราณอันยิ่งใหญ่ก็ปกคลุมไปทั่วทั้งถ้ำและผนึกกำลังเกื้อหนุนกันและกันอยู่ตลอดเวลา

โฮกกกกกกกกก

!!

ปีศาจไร้เทียมทานที่ถูกผนึกไว้อยู่ใต้มหาข่ายปราณเริ่มสัมผัสได้ถึงพลังของอาคมเก้ามังกรผนึกปีศาจอีกครั้งมันรู้สึกสับสนเล็กน้อย

จากนั้นก็ส่งเสียงคำรามลั่นและต่อสู้ดิ้นรนอย่างดุเดือด

ใต้แท่นบูชาปรากฏหมอกควันสีดำทมิฬกลุ่มใหญ่และเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องครวญครางที่ดังระงม

ภายใต้มนต์เสียงที่แฝงไว้ด้วยขุมพลังมหาศาลนี้ทำให้จี้เทียนซิงตื่นตะลึงยกใหญ่จนหน้าซีดเผือด

สติของเขากระเจิดกระเจิงแทบจะสลบเหมือด

“ไม่ได้การแล้ว ท่านอาจารย์อา !”

ฉู่เทียนเซิงกล่าวกับเซี่ยงหวู่จี้และพยายามโคจรพลังปกป้องไม่ให้จี้เทียนซิงได้รับบาดเจ็บจากมนต์อาคมของปีศาจ

“ไอ้หนู อดทนไว้ถึงช่วงเวลาสำคัญที่สุดแล้ว !”

เซี่ยงหวู่จี้ส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายให้ประคองสติเอาไว้

ในที่สุดอาคมเก้ามังกรผนึกปีศาจก็เปิดใช้งานเต็มที่จนก่อให้เกิดบรรยากาศที่สะกดข่มทั่วทั้งผืนปฐพี

ตูม

!

รูปปั้นมังกรเก้าตัวเชื่อมโยงกับเก้าขุนเขาของนิกายพันธมิตรสวรรค์

ซึ่งอาคมเก้ามังกรผนึกปีศาจนี้ใช้พลังเกื้อหนุนจากยอดเขาทั้งเก้าลูกของนิกายพันธมิตรสวรรค์เพื่อสร้างมหาข่ายปราณไว้สะกดปีศาจไร้พ่าย

ดังนั้น

ตราบใดที่นิกายพันธมิตรสวรรค์ยังคงเจริญรุ่งเรืองและเส้นชีพจรวิญญาณบนภูเขาไม่ถูกทำลายจนแตกสลาย

อาคมเก้ามังกรผนึกปีศาจก็จะสะกดปีศาจไร้พ่ายต่อไป

และในเวลานี้เอง

พลังแห่งสายเลือดกระบี่ลี้ลับของจี้เทียนซิงก็เชื่อมโยงไปถึงขุนเขาทั้งเก้าผ่านรูปปั้นเก้ามังกรและกระตุ้นการทำงานของมหาข่ายปราณโดยสมบูรณ์

วิ้ง

!

แท่นบูชาปลดปล่อยม่านแสงหลากสีที่พร่างพราว

แผ่ขยายออกไปทุกทิศทางรวมตัวกันเป็นข่ายปราณผนึกที่มีขนาดหนึ่งตารางกิโลเมตร

ทันทีที่ข่ายปราณผนึกนี้ก่อตัวขึ้น

อาคมเก้ามังกรผนึกปีศาจก็ถือว่าได้จัดวางเสร็จสมบูรณ์แล้ว  ผู้ถูกผนึกไว้ในนี้ก็นับว่าจบสิ้นเช่นกัน !

ขณะเดียวกัน

ปีศาจไร้พ่ายที่ถูกผนึกไว้ในมหาข่ายปราณก็ยิ่งคลุ้มคลั่งโกรธแค้นมากขึ้น

ฟู่

ฟู่ ฟู่  !

หมอกมนต์ดำไร้สิ้นสุด

แผ่พุ่งออกมาจากใต้แท่นบูชาอย่างบ้าคลั่งและก่อตัวเป็นก้อนเมฆสีดำขนาดใหญ่ในถ้ำ

ผลกระทบจากพลังอำนาจที่เกรี้ยวกราดรุนแรงเหนือยุคสมัยได้ทำให้ทั่วทั้งถ้ำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ครืน  !  ครืน  !.......  ครืน  !

เสียงสั่นสะเทือนยังคงแพร่กระจายจากพื้นดินโดยรอบและทำให้เกิดรอยปริแตกขนาดใหญ่ทั่วไปหมด

“…………… ! ”

ทันใดนั้น

เมื่อปีศาจไร้พ่ายสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผู้ร่ายอาคมเก้ามังกรผนึกปีศาจในยุคนี้

มันก็สงบลงทันที

เสียงร้องคำรามด้วยความโกรธแค้นของมันก็หยุดลงเช่นกัน

ผืนดินและถ้ำที่สั่นสะเทือนเริ่มสงบลง

หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความเงียบงันไปได้พักใหญ่  ปีศาจไร้พ่ายก็ระเบิดพลังที่แฝงไว้ด้วยมวลอารมณ์อันหลากหลายออกมา

มันมีทั้งเกรี้ยวกราด, ตกใจและโกรธแค้น

“%$$T#!

……  $%%$# ?!”

เสียงกระซิบจางๆในสายลมของเผ่าพันธุ์ปีศาจดังลอดออกมา

มันเป็นเสียงที่แหบพร่าและยากจะจับใจความ

อย่างไรก็ตาม

ความคับข้องใจ ความเกลียดชังและจิตสังหารที่แฝงมากับน้ำเสียงนั้น

จี้เทียนซิงได้ยินอย่างชัดแจ้งเต็มสองหู

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเสียงหวีดร้องของปีศาจไร้พ่ายนั้นพุ่งเป้ามาที่เขา

!

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจต่อมา

ม่านแสงหลากสีก็ห่อหุ้มทั่วทั้งถ้ำอาคมไว้อย่างสมบูรณ์และก่อตัวเป็นข่ายปราณผนึกครึ่งวงกลมคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว

มหาข่ายปราณนี้ยังได้รวมเอาพลังของเส้นชีพจรในขุนเขาทั้งเก้าเอาไว้

เพื่อสะกดปีศาจไร้พ่ายอย่างมั่นคงอีกด้วย

เวลาผ่านไป

ไม่มีเสียงและการเคลื่อนไหวใดๆจากปีศาจไร้พ่าย แม้แต่มนต์หมอกสีดำและกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกก็ไม่มีเล็ดลอดออกมาอีกเลย

ถ้ำอาคมสงบลงในที่สุด

เซี่ยงหวู่จี้แตกฉานหลายภาษา

เขาเข้าใจภาษาของเผ่าพันธุ์ปีศาจและรู้ว่าเสียงกระซิบแผ่วเบาครั้งสุดท้ายของปีศาจไร้พ่ายนั้นหมายถึงอะไร

รูม่านตาของเขาหดเล็กเท่าเข็มและสั่นระริกอย่างตกตะลึง

จากนั้นเขาก็หันไปมองจี้เทียนซิงด้วยความสงสัยครั้งใหญ่

จี้เทียนซิงถามด้วยสีหน้างุนงง

“ท่านประมุข, ผู้อาวุโสเซี่ยง

ปีศาจตนนั้นพูดอะไรออกมาหรือขอรับ ?”

ฉู่เทียนเซิงไม่รู้ภาษาของเผ่าปีศาจและหันไปมองเซี่ยงหวู่จี้ด้วยแววตาถามไถ่

เซี่ยงหวู่จี้สูดหายใจลึกและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า

“ปีศาจไร้พ่ายพูดออกมาไม่กี่คำ”

“ที่แท้ก็เป็นเจ้า ? ตัวตนสูงส่งระดับเจ้าก็มีวันนี้ด้วย ?!”

เมื่อได้ยินประโยคนี้

จี้เทียนซิงก็ขมวดคิ้วและสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ สัญชาตญาณบอกเขาว่าประโยคนี้ของปีศาจไร้พ่ายนั้นหมายถึงเขา

แต่ทว่า

เขาก็ไม่เข้าใจความหมายของประโยคที่ว่า ‘อย่างเจ้าก็มีวันนี้ด้วย

?’ มันคืออะไรกันแน่ …. ?

ในเวลานี้เองฉู่เทียนเซิงก็เผยรอยยิ้มโล่งใจและกล่าวแทรกว่า

“ในที่สุดพวกเราก็ประสบความสำเร็จในการเปิดอาคมเก้ามังกรผนึกปีศาจและเสริมความแข็งแกร่งของมหาข่ายปราณของเก้าขุนเขาได้อีกด้วย

พวกเราชนะแล้ว สันติสุขจะเกิดขึ้นกับนิกายพันธมิตรสวรรค์ต่อไปอีกหนึ่งร้อยปี !”

“จี้เทียนซิง

ครั้งนี้เจ้าได้ทำคุณความดีที่ยิ่งใหญ่ต่อนิกาย

ข้าประมุขจะตบรางวัลเจ้าอย่างดีเลิศ !”

“เอาล่ะ กลับกันเถอะ ออกจากที่นี่กัน”

ฉู่เทียนเซิงเบิกบานและอารมณ์ดีอย่างที่สุด

หลังจากสอดส่องความเรียบร้อยแล้วเขาก็ฉุดลากจี้เทียนซิงลงจากแท่นบูชา

..............

ในเวลาเดียวกัน

เหนือท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิดของนิกายพันธมิตรสวรรค์มีเงามายาของขุนเขาทั้งเก้าและมังกรยักษ์เก้าตัวปรากฏขึ้น

มายาเก้ามังกรส่องแสงสีสันอันสดใสและเปล่งประกายระยิบระยับเหนือเวหากินพื้นที่หลายร้อยไมล์  กลิ่นอายของมันราวกับสะกดไว้ทั้งฟ้าดิน

สานุศิษย์ของนิกายพันธมิตรสวรรค์ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยนิมิตแห่งสวรรค์นี้

สีหน้าของพวกมันเผยให้เห็นถึงความหวาดผวาและตื่นตะลึง

อีกสองนิกายใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปนับพันไมล์จากนิกายพันธมิตรสวรรค์ก็ได้เห็นมายาเก้ามังกรเหนือท้องฟ้าด้วยเช่นกัน

พวกเขาตื่นตะลึงไปด้วยภาพโอ่อ่าตระการตาราวกับโลกจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

ภายในถ้ำปีศาจ

องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยและมหาปุโรหิตที่อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ต่างก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้เห็นภาพเหนือท้องฟ้ายามค่ำคืน

ทั้งสองมองไปที่เงาร่างของมังกรเก้าตัวเหนือท้องฟ้า  ใบหน้าของพวกมันบิดเบี้ยวอัปลักษณ์

ดวงตาแดงฉาดไปด้วยโทสะและจิตสังหาร !