หนึ่งกระบี่ถล่มฟ้าทลายปฐพี
!
เพลงกระบี่ดาราเหินของจี้เทียนซิงนั้นเป็นวิชาของเซี่ยงหวู่จี้ผู้เป็นอาจารย์อาของประมุขนิกายพันธมิตรสวรรค์
ถึงแม้มันจะรุนแรงและทรงอานุภาพแต่ก็ยังไม่ใช่ไพ่ตายที่แท้จริงในแผนการครั้งนี้ของเขา
ถึงตอนนี้ฮั่งเชินถูกเขาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและระดับพลังรบโดยรวมตกฮวบจนถึงขีดสุด
ปราณคุ้มกายแทบไม่เหลือหลอ
ทุกคนที่มีสายตาหลักแหลมย่อมมองออกว่าฮั่งเชินจบสิ้นแล้ว
มันไม่เหลือเค้าลางใดๆที่จะพลิกกลับมาชนะจี้เทียนซิงได้อีก
และการต่อสู้ครั้งนี้นิกายกระบี่ฟ้าแพ้แล้ว
อย่างไรก็ตาม
ฮั่งเชินกัดฟันแน่นข่มอาการบาดเจ็บทั้งปวงและใช้พลังขุมสุดท้ายของสายเลือดกระบี่ยุทธ์เพื่อสวนกลับ
เมื่อเป็นเช่นนี้
จี้เทียนซิงก็จำเป็นต้องใช้ไพ่ตายเพื่อปิดฉากฮั่งเชินและทำให้มันหมดความเชื่อมั่นทั้งปวง
!
ชายหนุ่มสูดหายใจลึกและค่อยๆยกสองมือขึ้นเหนือหน้าอก
ฟุ่บ
!
ฝ่ามือซ้ายพลิกคว่ำลงราวกับการกดทับพสุธา
ฟุ่บ
!
ฝ่ามือขวาสะบัดหงายขึ้นฟ้าเฉกเช่นการพุ่งทะยานขึ้นสู่เวหา
แปะ !
จากนั้นสองฝ่ามือประสานเข้าหากันราวกับพนมมือ
“ครืน.... !!”
จี้เทียนซิงเร่งเร้าพลังจากกายตัวอ่อนกระบี่จนจุดประกายแสงสีทองอันตระการตาขึ้น และในไม่ช้า กระบี่ทองคำเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
มันไม่ใช่ปราณกระบี่ ไม่ใช่คลื่นกระบี่ แต่มันคือกระบี่ที่อยู่ในรูปสสารจริงๆ !
เพียงแต่ว่ากระบี่ทองคำเล่มนี้ยังมีขนาดเล็ก
มันมีขนาดเท่ากับนิ้วโป้งใหญ่ๆเท่านั้น แต่ทว่ามันกลับเปล่งประกายเจิดจ้าและส่องแสงสีทองอันพร่างพราวบาดลูกตาออกมา
นอกจากนี้มันยังเต็มไปด้วยเจตน์แห่งกระบี่ที่พุ่งทะยานทะลุเวหา
ราวกับว่าไอกระบี่ที่แผ่ซ่านออกมานั้นสามารถฉีกกระชากท้องฟ้าให้ขาดจากกันได้
ไม่ต้องสงสัยเลย สิ่งนี้ก็คือตัวอ่อนกระบี่ของจี้เทียนซิง !
นับตั้งแต่ที่เขาทะลวงด่านมาถึงขอบเขตปราณจิต
ตัวอ่อนกระบี่ก็เปลี่ยนสภาพจากลำแสงและร่างเงาจนกลายมาเป็นสสารที่จับต้องได้ !
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้เองที่ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาพุ่งทะยานขึ้นตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ตัวอ่อนกระบี่เล่มนี้ได้รวมเอาพลังชีวิตของเขาไว้ด้วย
และแน่นอน มันเปี่ยมไปด้วยพลังอันมหาศาล
อย่างไรก็ตามจี้เทียนซิงรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า
การใช้พลังของตัวอ่อนกระบี่ในการโจมตีนั้น ถึงแม้มันจะมีพลังทำลายล้างที่สูงส่ง
แต่ทันทีที่ใช้ออกไป พลังปราณของเขาจะอ่อนล้าจนถึงขั้นต้องพักฟื้นร่วมครึ่งเดือนกว่าจะกลับมาสมบูรณ์ดังเดิม
ดังนั้น
หากไม่ใช่เพราะถึงช่วงเวลาสำคัญที่จะต้องตัดสินแพ้ชนะ เขาก็ไม่คิดจะเรียกกายตัวอ่อนกระบี่ออกมา
ในขณะที่จี้เทียนซิงกำลังเร่งเร้าพลังอย่างหนักหน่วง
กายตัวอ่อนกระบี่ก็ล่องลอยอยู่บนฝ่ามือของเขาและหมุนด้วยความเร็วที่มากขึ้นเรื่อยๆ
“ครืน ... ครืน !”
กายตัวอ่อนกระบี่หมุนด้วยความเร็วสูง
เจตน์กระบี่ของมันพุ่งทะลุท้องฟ้าจนเกิดเสียงดังสนั่นเป็นระยะ
หลังจากไม่กี่ลมหายใจผ่านไป
จี้เทียนซิงก็ค่อยๆแยกฝ่ามือที่พนมมืออยู่ออกจากกัน ฝ่ามือซ้ายและฝ่ามือขวาของเขากางออกห่างกันมากกว่าหนึ่งเมตร
ในเวลานี้เองกายตัวอ่อนกระบี่ที่ลอยอยู่กลางอากาศระหว่างฝ่ามือทั้งสองก็ได้กลายเป็นกระบี่แสงสีทองยาวกว่าหนึ่งเมตร
ในระยะ
30 เมตรรอบตัวของเขาเต็มไปด้วยไอกระบี่ที่เป็นเอกเทศ
พื้นหินอ่อนที่แข็งแกร่งก็เริ่มปริแตกด้วยไอกระบี่อีกด้วย
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เผยสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง
พวกมันจ้องไปที่กายตัวอ่อนกระบี่ของจี้เทียนซิงจนตาแทบถลน
เหล่าศิษย์บางคนที่ฝีมืออ่อนด้อยคิดว่านี่คือกระบี่อีกเล่มหนึ่งของจี้เทียนซิง
มีเพียงยอดฝีมือชั้นสูงและอาวุโสของทั้งสองฝ่ายเท่านั้นที่ทราบว่ามันไม่ใช่กระบี่เรืองแสงธรรมดา
แต่มันคือกระบี่จิตวิญญาณที่มีพลังล้างปฐพี !
ฮั่งเชินรูม่านตาหดวูบเหลือเท่าเข็ม
มันจ้องมองกายตัวอ่อนกระบี่ของจี้เทียนซิงอย่างตกตะลึงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
ดวงตาของมันสั่นระริกด้วยความกลัวและความสยดสยอง
ถึงตอนนี้มันจะสูญเสียสติสัมปชัญญะและความเยือกเย็น
แต่มันก็ยังเป็นมือกระบี่อัจฉริยะผู้หนึ่ง
แน่นอนว่ามันย่อมสัมผัสได้ถึงพลังของกระบี่เล่มนั้น
ในที่สุดจี้เทียนซิงก็เร่งเร้าพลังของกายตัวอ่อนกระบี่ไปจนถึงขีดจำกัด
ดวงตาของเขาจ้องไปที่ฮั่งเชินและตะโกนออกมาอย่างเยือกเย็น
“ฮั่งเชิน
มันจบแล้ว !"
ถล่มฟ้า....
ทลายปฐพี !!
เมื่อสิ้นเสียงชายหนุ่มก็ผลักตัวอ่อนกระบี่ในฝ่ามือทั้งสองให้พุ่งเข้าหาฮั่งเชินที่อยู่ห่างออกไปสิบเมตร
กายกระบี่ที่ส่องแสงบาดลูกตาได้เปลี่ยนสภาพเป็นกระบี่หนักสีทองยาวสามเมตรทันที
นอกจากนี้มันยังปะทุเปลวเพลิงสีทองออกมากลางอากาศอีกด้วย
เปลวเพลิงสีทองแวววาวที่ปรากฏขึ้นนี้ราวกับเป็นปีกของตัวอ่อนกระบี่
มันผลักดันให้ความเร็วในการเคลื่อนที่และพลังทำลายล้างพุ่งสู่ขีดจำกัดของมัน
เวทีมังกรจันทร์ทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยลำแสงสีทองอันตระการตา
เจตน์กระบี่ของกายตัวอ่อนกระบี่พุ่งออกไปรอบทิศทางจนทำให้พื้นหินอ่อนบนเวทีถูกกวาดเป็นรอยร้าวราวกับลำธาร
ฮั่งเชินถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเจตน์กระบี่อันน่าสะพรึง
มันทั้งตื่นตระหนกและหวาดผวาด
เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่ยักษ์ที่พุ่งเข้ามานี้
มันทำได้ดีที่สุดก็คือการยกกระบี่หนักพิฆาตสุริยันเข้าต้านรับและระเบิดพลังขุมสุดท้ายออกมา
ปง !!!!!
กระบี่ยักษ์สีทองพร้อมกับปีกคู่หนึ่งกระทบร่างฮั่งเชินและทุบร่างของมันจนจมธรณีด้วยเสียงดังปัง
ขณะนั้นเองในระยะ
30 เมตรรอบๆถูกเปลี่ยนเป็นทุ่งแสงสีทองที่แยงตาทุกคนจนไม่อาจลืมตาได้
แม้แต่ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าที่แผดแสงเจิดจ้าก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองเหล่านี้จนกลายเป็นมืดมัว
เวทีมังกรจันทร์สั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหว
ผืนดินปริแตกกลายเป็นลำธารยาวขนาดใหญ่
ศิษย์หลายคนตื่นตะลึง
พวกมันจะยืนให้มั่นคงยังทำไม่ได้และมีบางส่วนล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น
มวลอากาศโดยรอบกลายเป็นรุนแรงเกรี้ยวกราดก่อเกิดเป็นพายุเฮอริเคนสีทอง
มันระเบิดไปทั่วทุกหนทุกแห่งและพัดก้อนหินดินทรายที่อยู่รอบๆเวทีม้วนไปรวมกัน
กระบี่อันวิจิตรงดงามผสมผสานกับความน่าตื่นตะลึงดังกล่าวทำให้ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้ต่างก็ไม่มีวันลืมเลือน
!
หลังจากเวลาผ่านไปแสงสีทองและฝุ่นคลุ้งกระจายที่ปกคลุมท้องฟ้าก็ค่อยๆหายไป
เวทีมังกรจันทร์เงียบสงบลง
จากนั้นเงาร่างของจี้เทียนซิงและฮั่งเชินก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน
จุดสายตาของทุกคนไปรวมกันที่เวทีและต่างก็ได้เห็นว่าจี้เทียนซิงยืนหยัดอย่างโอ่อ่าผ่าเผย
สีหน้าของเขายังคงเย็นชาและไม่แยแสต่อสิ่งใด
กระบี่ยักษ์สีทองยาวสามเมตรพร้อมกับปีกเพลิงทองคำคู่หนึ่งก็กลับเป็นกายตัวอ่อนกระบี่เข้าร่างของเขาในที่สุด
กระบี่ที่งดงามและเปี่ยมล้นไปด้วยพลังทำลายล้างนี้สูบกลืนพลังปราณไปถึงแปดส่วนจนทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอลงมาก
อีกทั้งพลังวิญญาณก็อ่อนโทรมลงไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม
ผลลัพธ์ของหนึ่งกระบี่นี้ช่างน่าตกใจยิ่งนัก
บนพื้นเวทีมังกรจันทร์ระเบิดออกเป็นหลุมยาวสามเมตร
รอบๆปรากฏเป็นรอยปริแตกขนาดใหญ่หลายร้อยเส้นสายราวกับใยแมงมุม
ฮั่งเชินยังไม่ตายแต่ปราณคุ้มกายถูกทำลายหมดสิ้น
มันได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติไป มันนอนจมบ่อเลือดที่ใต้ก้นหลุมขนาดใหญ่บนเวที
ครึ่งร่างถูกฝังไว้ด้วยก้อนกรวดนับไม่ถ้วน
สมบัติป้องกันที่มันสวมใส่อยู่นั้นถูกทำลายอย่างสมบูรณ์และกลายเป็นเศษเหล็กบิดเบี้ยวผิดรูป
ร่างสูงใหญ่ของมันเต็มไปด้วยรอยแผลกากบาทของข่ายปราณกระบี่คลุมฟ้าก่อนหน้านี้
อีกทั้งยังมีรูเลือดขนาดใหญ่ที่เอว
ด้วยสภาพเละเทะเช่นนี้
อย่างน้อยๆฮั่งเชินก็ต้องพักฟื้นร่วมสองสามปีกว่าจะกลับมาเป็นปกติดังเดิม !
เวทีมังกรจันทร์เงียบกริบ
ทุกคนต่างตกตะลึง
ดวงตาเบิกกว้างแทบถลนและอ้าปากค้างจนลืมหายใจ
แม้กระทั่งอาวุโสของทั้งสองฝ่ายในฐานะยอดฝีมือระดับปราณจิตขั้นสูงสุดก็ยังตกใจและประหลาดใจ
หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็เริ่มได้สติ
พวกมันร่ำร้องอุทานและตะโกนออกมาอย่างเหลือเชื่อ
"สวรรค์ ! เจ้าหมอนั่นยังเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือ
? การโจมตีของมันแทบจะลบเวทีมังกรจันทร์ให้หายไปจากโลกอยู่รอมร่อ
!”
“ด้วยพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นแรกกลับปะทุพลังทำลายล้างที่น่ากลัวเช่นนี้ออกมาได้ มันฝึกฝนวิชากระบี่ผีสางอันใดกันแน่ !?”
“เหลือเชื่อนัก ! วันนี้นับเป็นบุญตาของข้าแล้วที่ได้เห็นวิชากระบี่และการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
!”
"ทำไม ? เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร...
? ฮั่งเชินแพ้
? นิกายกระบี่ฟ้าของเราแพ้
?”
“วะ ฮ่าๆๆ… ชนะโว้ย พวกเราชนะแล้ว ! จี้เทียนซิงสร้างปาฏิหาริย์ได้จริงๆ มันล้มยอดอัจฉริยะฮั่งเชินได้แล้ว !!”
“ในที่สุดภูเขามังกรก็กลับมาเป็นของพวกเราชาวนิกายพันธมิตรสวรรค์
!”
“จี้เทียนซิง เจ้าทำได้ยอดมาก ! เจ้าคือวีรบุรุษของนิกายนี้ พวกเราภูมิใจในตัวเจ้ามาก !"
เสียงอุทานและเสียงตะโกนของทั้งสองฝั่งดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันจากทิศเหนือและทิศใต้ของเวทีมังกรจันทร์
เหล่าสมาชิกนิกายพันธมิตรสวรรค์รู้สึกตื่นเต้นยินดีอย่างมาก
หลายคนโห่ร้องส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจ บ้างก็เต้นแร้งเต้นกากันอย่างเอิกเกริก แม้แต่ฮั่นเฉียวเซิงและตู้หวู่ก็ยังเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ส่วนเหล่านิกายกระบี่ฟ้าต่างมีสีหน้าเศร้าสลด
ใบหน้าของพวกมันกลายเป็นน่าเกลียดพลางตะโกนโต้เถียงและสบถออกมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
โดยเฉพาะผู้อาวุโสถังและอาวุโสคุมกฎ
ทั้งสองมีสีหน้ามืดมนราวกับญาติเสีย
การประลองหลงซานครั้งนี้พวกมันไม่เพียงสูญเสียสิทธิ์ครอบครองภูเขามังกรไปสามปี
แต่ยังสูญเสียยอดอัจฉริยะฮั่งเชินที่เพิ่งกะเกณฑ์มาเข้านิกายอีกด้วย
มันได้รับบาดเจ็บสาหัสจนมีสารรูปน่าสังเวชแถมยังต้องพักฟื้นอีกหลายปีกว่าจะกลับมาเป็นกำลังให้นิกายได้ดั่งเดิม
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved