ก่อนหน้านี้ซื่อเหวินหยูได้เข้ามาในหอคอยเจ็ดดาวเป็นเวลาห้าปีติดต่อกัน
ในช่วงสามปีแรก มันหยุดอยู่ที่ชั้นห้าและไม่สามารถผ่านเข้าไปถึงโลกชั้นที่หกได้
จนกระทั่งเมื่อสองปีก่อน ในที่สุดมันก็ผ่านชั้นที่ห้าและมาติดอยู่กลางทุ่งหญ้าบนชั้นที่หก
หลังจากการวิเคราะห์และพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดมันก็ตระหนักถึงความลึกลับของโลกชั้นที่หก
ด้วยเหตุนี้ มันจึงกล้ารับปากเทียนเจี้ยนจงอย่างขันแข็งด้วยความมั่นใจที่ล้นปรี่ว่า
มันจะขึ้นไปถึงชั้นที่เจ็ดในปีนี้ได้อย่างแน่นอน !
"ฮ่าๆ ! ข้าสามารถทำลายโลกที่น่าอัศจรรย์ใบนั้นได้สำเร็จ นอกจากหยุนเหยาก็มีเพียงข้าเท่านั้นที่ทำได้ !"
"ส่วนเจ้าสารเลวจี้เทียนซิง ป่านนี้มันคงหัวหมุนอยู่ในโลกชั้นที่ห้าเป็นแน่ มันคงรับมือกับสัตว์ประหลาดยักษ์ด้วยความสิ้นหวัง ฮ่าๆๆ... "
ซื่อเหวินหยูหัวเราะอย่างภาคภูมิใจและคิดว่าจี้เทียนซิงอาจจะยังติดอยู่ในโลกชั้นที่ห้า
ในใจของมันจึงเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในชัยชนะ
แต่ในเวลานี้เอง แสงสว่างที่แยงเข้าสู่หางตาของมันทำให้มันต้องหันขวับไปอย่างรวดเร็ว
จนได้พบว่ากลางทางเดินสีดำมีเงาร่างในอาภรณ์สีขาวกำลังปิดตานั่งขัดสมาธิอยู่
สีหน้าของมันเปลี่ยนไปทันที
เผยรูปลักษณ์ที่เหลือเชื่อขึ้น
“บ้าน่า มีคนขึ้นมาถึงชั้นเจ็ดก่อนหน้าข้า ? เป็นไปได้ยังไงกันวะ !!”
ซื่อเหวินหยูคำรามลั่น
คนรีบพุ่งไปที่กลางข่ายอาคม
เมื่อมาถึงเขาก็พบว่าคนที่นั่งอยู่นั่นก็คือจี้เทียนซิง
!
จี้เทียนซิงดูสงบเยือกเย็น
ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยแสงจากดวงดาวซ้อนหลายชั้น เขาบ่มเพาะอยู่ที่นี่มานานแล้ว
เมื่อเห็นฉากนี้ใบหน้าของซื่อเหวินหยูก็กลายเป็นน่าเกลียด
ความขุ่นแค้น ความอับอายและโทสะหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจของมันไม่ขาดสาย
มันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจี้เทียนซิงสามารถมาถึงชั้นสูงสุดของหอคอยเจ็ดดาวได้ก่อนมัน
!
เมื่อครู่ที่ผ่านมามันเพิ่งจะเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
เชื่อมั่นในตนเองอย่างเต็มอกว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่เพียงด้อยกว่าหยุนเหยา
แต่ผลที่ออกมากลับกลายเป็นการตบหน้ามันเงียบๆ ใบหน้าของมันกลายเป็นแดงก่ำด้วยความอับอายจนแทบจะขุดรูหนี
"โชคดีที่จี้เทียนซิงกำลังบ่มเพาะอยู่ในภวังค์ ข้าอยู่ห่างจากมันพอสมควร
มันไม่น่าจะได้ยินคำพูดของข้า... "
ซื่อเหวินหยูปลอบใจตัวเองและทำให้สีหน้าดูผ่อนคลายขึ้น
ในเวลาเดียวกันจี้เทียนซิงก็เสร็จสิ้นการบ่มเพาะและเปิดตาขึ้น
เมื่อได้เห็นซื่อเหวินหยูที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ตรงหน้า
เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วแสดงท่าทางขี้เล่นออกมาไม่ได้
"เฮอะๆ....
คิดไม่ถึงเลยว่าท่านชายเหวินหยูจะผ่านชั้นเจ็ดมาได้ ถึงจะช้าไปหลายวันก็เถอะ"
ซื่อเหวินหยูใบหน้าเหยเกเต็มไปด้วยความอับอาย
หลังจากได้ยินจี้เทียนซิงพูดแซะ ใบหน้าของมันก็แดงกำในทันที
โทสะพลันปะทุผ่านแววตาของมัน
คนจ้องมองอีกฝ่ายพลางตะโกนอย่างเย็นชาว่า
"จี้เทียนซิง ! เจ้าอย่าได้ด่วนดีใจไปนักเลย !"
"แม้ว่าเจ้าจะมาถึงชั้นเจ็ดก่อนข้าก็ตามที
แต่มันเป็นเพราะเจ้ามีสัตว์เลี้ยงคอยช่วยเหลือต่างหาก ! ... หากเทียบกับความรู้ที่แท้จริง
เจ้าเทียบข้าไม่ได้หรอก !"
จี้เทียนซิงเอียงคอเล็กน้อยและหรี่ตามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม
“เหรอ ? หากเป็นเช่นนั้นจริงทำไมเจ้าถึงได้มีสารรูปราวกับขอทานเยี่ยงนี้เล่า
?"
"หรือว่านี่เป็นชุดเครื่องแบบยอดนิยมของนิกายกระบี่ฟ้า
?"
"เจ้า ! เจ้า !!!”
ซื่อเหวินหยูกรีดร้องเสียงหลง
ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย หน้าอกพองขึ้นลงอย่างขุ่นแค้นจนแทบอาเจียนเป็นเลือด
หากจี้เทียนซิงด่าทอหรือเยาะเย้ยมันเหมือนคนทั่วไป
บางทีมันอาจจะไม่รู้สึกโกรธขนาดนี้
แต่ลักษณะท่าทางที่จี้เทียนซิงปฏิบัติต่อมันนั้นช่างดูไม่แยแส
ราวกับแววตาเยือกเย็นของผู้ที่เหนือกว่ากำลังก้มลงมองผู้ต่ำต้อย
ความทะนงเย่อหยิ่งของมันได้ถูกจี้เทียนซิงเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำอีก
ซึ่งทำให้มันได้สะสมความโกรธแค้นไว้ในหัวใจมานานแล้ว
อย่างไรก็ตาม มันไม่หุนหันพลันแล่นและพยายามเต็มที่ในการระงับโทสะ
จากนั้นครุ่นคิดในใจลับๆว่า
"จี้เทียนซิงนั่งบ่มเพาะฟื้นฟูที่นี่มานานแล้ว
ดังนั้นความแข็งแกร่งและพลังกายของมันคงฟื้นคืนกลับมาหมด
ส่วนข้าเพิ่งมาถึงชั้นเจ็ด อาการบาดเจ็บทั้งภายนอกภายในยังไม่หายดี .... ถ้าหาก
ตรงเข้าไปตะบันหน้ามันตอนนี้ข้าคงต้องแพ้อย่างแน่นอน"
ซื่อเหวินหยูวิเคราะห์เงียบๆและตัดสินใจอดทนอีกพักหนึ่ง
จนกระทั่งความแข็งแกร่งฟื้นฟูกลับมา
ถึงเวลานั้นมันจะสั่งสอนจี้เทียนซิงอย่างดุร้าย !
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ มันก็จ้องมองไปที่อีกฝ่ายด้วยแววตาคมกริบพลางกล่าวด้วยเสียงลุ่มลึกว่า
“จี้เทียนซิง
หอคอยเจ็ดดาวเป็นสถานที่อันตรายมาก ผู้ที่สามารถขึ้นมาถึงจุดสูงสุดก็นับว่าเป็นยอดคน เอาเถอะ วันนี้ข้าจะไม่อะไรกับเจ้า
ไว้รอจนถึงการจัดอันดับรายชื่อแห่งดวงดาราในปีหน้า
เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะล้มเจ้าต่อหน้าธารกำนัลให้มันรู้กันไปว่าเจ้ามันแน่แค่ไหน"
แน่นอนว่าจี้เทียนซิงมองความคิดในหัวของมันออก
และอดไม่ได้ที่ยกยิ้มอย่างเหยียดหยามพลางกล่าวว่า
“ซื่อเหวินหยู ในเมื่อเจ้ามั่นใจมากขนาดนั้น
จะต้องรอให้ถึงการจัดอันดับรายชื่อดวงดาราปีหน้าทำไม ?”
“ข้าเห็นว่าสถานที่แห่งนี้กว้างขวางและเหมาะสำหรับการต่อสู้ ทำไมเจ้าไม่มาเล่นกับข้าสักหน่อยเล่า ? ให้ข้าได้ดูหน่อยว่าเจ้าจะเอาชนะข้าอย่างไร ?”
เขาไม่แสดงความเมตตา และท้าทายอีกฝ่ายซึ่งหน้าในทันที
"บัดซบ จี้เทียนซิง ! เจ้ากำลังหาที่ตาย !"
“ฟุ่บ !”
ซื่อเหวินหยูคำรามลั่น
คนพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะเร็วได้ พลันเหวี่ยงหมัดขนาดใหญ่ชกเข้าหาศีรษะของจี้เทียนซิง
จี้เทียนซิงโต้กลับทันควัน
จิตวิญญาณการต่อสู้ปะทุขึ้น
เขากระแทกหมัดออกไปเข้าปะทะกับซื่อเหวินหยูอย่างไม่หวั่นเกรง
“ ปัง !
ปัง !!”
หมัดทั้งสองชนกันอย่างดุเดือดและส่งเสียงดังสนั่น
จี้เทียนซิงยังคงยืนอยู่กับที่โดยไม่ถอยแม้แต่น้อย
ราวกับหยั่งรากลึกไว้ในพื้นดิน
ส่วนซื่อเหวินหยูถูกกระแทกถอยหลังไปห้าก้าว
โซเซจนแทบจะล้มลงกับพื้น
มันได้รับบาดเจ็บและความแข็งแกร่งก็ยังไม่ฟื้นคืน
ย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของจี้เทียนซิงแม้แต่น้อย
มันตะโกนด้วยความโกรธแค้น "จี้เทียนซิง ! เจ้ามันรังแกผู้คนเกินไปแล้ว !"
"แน่จริงเจ้ากล้าให้เวลาข้าสักหนึ่งวันไหมเล่า
? ให้ข้าเข้าไปดูดซับพลังดวงดาวตรงที่ของเจ้า
รอให้ข้าฟื้นฟูพลังและเยียวยาบาดแผลจนหายดี ถึงตอนนั้นข้าจะอัดเจ้าให้จมธรณีเลย !"
มันต้องการยั่วยุและกระตุ้นจี้เทียนซิงเพื่อประวิงเวลาออกไป
แต่สิ่งที่มันคาดไม่ถึงก็คือ
จี้เทียนซิงไม่หลงกลและไม่แยแสแม้แต่น้อย
คนยักไหล่พลางหัวเราะเยาะและกล่าวว่า "อย่าได้มาเล่นแผนไร้ยางอายเช่นนี้กับคนอย่างข้า
มันไม่ได้ผลหรอก"
"ข้ามาถึงที่นี่ก่อน บริเวณนี้เป็นอาณาเขตของข้าแล้ว
หากเจ้าคิดจะฟื้นฟูตัวเองก็ไปหาที่ไกลๆซะ !"
"ไม่เช่นนั้น
ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะหิ้วเจ้า จับโยนออกไปจากหอคอยเจ็ดดาว !"
ซื่อเหวินหยูแค้นจนปอดแทบระเบิด
มันกระทืบเท้าอย่างแรงด้วยร่างกายสั่นระริก
ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา
ศิษย์สาวกคนไหนบ้างที่เห็นมันแล้วไม่ยิ้มให้ด้วยความเคารพนับถือ ?
เคยมีใครกล้าที่จะตะโกนใส่มันเช่นนี้ ?
แล้วมันเคยถูกเหยียดหยามตั้งแต่เมื่อใด ?
"หนอย
จี้เทียนซิง เจ้าคอยก่อนเถอะ ความแค้นนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าแน่ !”
ซื่อเหวินหยูจ้องหน้าจี้เทียนซิงพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างแรง
จากนั้นสะบัดปลายแขนเสื้อหันหลังเตรียมจะเดินจากไป
จี้เทียนซิงก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าซื่อเหวินหยูยังสามารถกล้ำกลืนความอัปยศไปได้
ทั้งๆที่โดนหยามซ้ำแล้วซ้ำเล่าขนาดนี้
เขาแปลกใจเล็กน้อยและครุ่นคิดในใจอย่างลับๆว่า
"ซื่อเหวินหยูผู้นี้ช่างมีความอดทนอดกลั้นเป็นเลิศจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเหนือล้ำกว่ารุ่นเดียวกัน"
ซื่อเหวินหยูจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
จากนั้นเดินต่อไปที่ริมขอบของค่ายกลเจ็ดดาวเพื่อฟื้นฟูบาดแผล
อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นมันก็ได้เห็นหินแร่สีเงินและโลงหยกวิญญาณที่อยู่ใกล้ๆจี้เทียนซิง
คนเลิกคิ้วขึ้นและเบิกตากว้างในทันที
ความโลภปรากฏขึ้นผ่านแววตาของมัน
“หินที่เปล่งแสงสีเงินนั่นตั้งอยู่ใจกลางของค่ายกลเจ็ดดาว
มันสมควรเป็นหินวิญญาณโป๋จิงที่ท่านอาจารย์พูดถึง !”
"ว่าแต่... กล่องหยกนั่นคืออะไรกันนะ
จี้เทียนซิงดูเหมือนจะระแวดระวังมันอย่างมาก"
ซื่อเหวินหยูจ้องมองไปที่หินวิญญาณโป๋จิงและโลงหยกวิญญาณด้วยความสงสัย พลางครุ่นคิดในใจลับๆ
“เหลือเวลาอีกเพียงห้าวัน
ข้ากับจี้เทียนซิงจะถูกส่งออกจากหอคอยเจ็ดดาว
ในเมื่อมันอยู่ใกล้ๆหินวิญญาณโป๋จิงแบบนี้ ข้าจะลงมือชิงมาได้อย่างไร ?"
"ไม่ได้การแล้ว มัวชักช้าอีกไม่ได้
ข้าต้องรีบฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและเรียกคืนพลังปราณโดยเร็วที่สุด ถึงตอนนั้นค่อยคิดหาทางชิงมันออกมา”
เมื่อจัดระเบียบความคิดในใจได้เรียบร้อยแล้ว
ซื่อเหวินหยูก็ข่มความแค้นเดินห่างออกไปและนั่งลงฟื้นฟู
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved