เด็กกวาดพื้นแห่งตำหนักไท่อัน
หลังจากฮั่นเฉียวเซิงประกาศภารกิจของเดือนนี้เสร็จแล้วก็เดินออกจากห้องโถงใหญ่พร้อมกับตู้หวู่
เหล่าศิษย์ที่เหลือพูดคุยกันในห้องโถงใหญ่เล็กน้อยก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันจากไป
ส่วนจี้เทียนซิงที่เดินออกไปก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักไท่อัน
ถึงแม้ว่าบทลงโทษของเขาจะสิ้นสุดลงแล้ว
แต่เขาก็ได้รับคำชี้แนะจากเซี่ยงหวู่จี้อย่างมากมายมหาศาลแม้กระทั่งได้อันดับหนึ่งในการปรุงยา
ดังนั้นเขาจึงคิดจะไปพบเซี่ยงหวู่จี้เพื่อกล่าวขอบคุณอย่างเป็นทางการสักครั้ง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงเขาก็เดินมาถึงประตูตำหนักไท่อัน ทาสกระบี่ใบ้ที่เห็นอีกฝ่ายเดินมาก็พยักหน้าและฉีกยิ้มอย่างน่าขนลุกให้....
จี้เทียนซิงกำหมัดคารวะและเดินผ่านไปยังลานกว้างที่สามซึ่งเป็นที่อยู่ของเซี่ยงหวู่จี้อย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงเขาก็ได้เห็นเซี่ยงหวู่จี้อยู่ในเรือนเพาะชำและกำลังปลูกสมุนไพรวิญญาณอยู่หลายต้น ส่วนอีกมือหนึ่งถือกาน้ำหยกขาวเพื่อรดน้ำสมุนไพร
ปากก็ฮัมเพลงอย่างมีความสุข ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะอารมณ์ดีไม่น้อย
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของจี้เทียนซิง
เขาก็ยังคงรดน้ำสมุนไพรโดยไม่หันกลับมา แต่ปากพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า “เฮอะๆ ไอ้เด็กผี เจ้าไม่ได้มาที่นี่ตั้งสามวัน วันนี้มาทำไม ? ข้าคิดว่าเจ้าไม่กล้าโผล่หน้ามากวาดพื้นให้ข้าแล้วเสียอีก !”
จี้เทียนซิงเดินไปเบื้องหน้าเซี่ยงหวู่จี้และคารวะด้วยรอยยิ้มพลางกล่าวว่า
“ผู้อาวุโส,
ผู้เยาว์นับว่าโชคดีที่ได้ท่านชี้แนะการหลอมโอสถจนได้อันดับหนึ่งในการประเมินตอนสิ้นเดือน”
“ในช่วงสามวันที่ผ่านมาผู้เยาว์ได้ปิดด่านบ่มเพาะจึงไม่อาจมาเยี่ยมท่านได้
ดังนั้นวันนี้ข้าถึงถือโอกาสมาเพื่อขอบคุณผู้อาวุโส”
เซี่ยงหวู่จี้ยกคิ้วและหรี่ตาลง
มุมปากเผยรอยยิ้มอันลี้ลับพลางกล่าวว่า
“เหอะ
อย่างน้อยเจ้าก็ยังรู้จักขอบคุณตาแก่อย่างข้า
ถือว่ายังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี แต่ว่า
นี่น่ะหรือการตอบแทบบุญคุณของเจ้า
เจ้าไม่คิดจะแสดงออกอะไรสักหน่อยหรือ ?”
“แสดงออกหรือขอรับ.. ?” จี้เทียนซิงขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
จากนั้นเขาก็เข้าใจความหมายของเซี่ยงหวู่จี้และเผยรอยยิ้มประจบประแจงออกมา
“อาวุโส...
ผู้เยาว์อายุยังน้อย คงไม่มีทรัพย์สินใดเข้าตาท่านหรอกกระมัง... ”
“เฮอะ !”
เซี่ยงหวู่จี้แค่นเสียงเย็นและจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่ายแต่ไร้ซึ่งโทสะ จากนั้นก็แสยะยิ้มและกล่าวว่า “เด็กน้อยอย่างเจ้าไม่มีสิ่งของอะไรที่เข้าตาพอจะตอบแทนข้าได้หรอก”
หลังเงียบไปครู่หนึ่ง
เซี่ยงหวู่จี้ก็ฉวยโอกาสตีเหล็กตอนที่ยังร้อนกล่าวว่า “แต่ในเมื่อเจ้าอยากขอบคุณข้า งั้นเจ้าก็ต้องขอบคุณด้วยการกระทำ นับจากวันนี้ไปเจ้าถือเป็นเด็กใต้สังกัดตำหนักไท่อัน
มีหน้าที่กวาดพื้นทำความสะอาดที่นี่ !”
“ห๊า........ ?”
จี้เทียนซิงอึ้ง
สีหน้าซีดเผือดและหดหู่ในฉับพลัน
“ดะ...เด็ก กวาดพื้น ? นิ... นี่มันเกิน......ไปมั้งผู้อาวุโส
หรือว่าท่านจะให้ข้ากวาดพื้นอีกเดือนหนึ่งงั้นหรือ ?”
จี้เทียนซิงใจหายวูบและกล่าวตะกุกตะกัก
เซี่ยงหวู่จี้ขดริมฝีปากและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“ทำไม ? เด็กกวาดพื้นไม่ดีหรือไง
? เอาน่ามันก็แค่ตำแหน่งจิปาถะที่ข้าไม่รู้จะตั้งอะไรให้เจ้า เจ้านับว่าเป็นหนึ่งในคนของตำหนักไท่อันก็แล้วกัน”
“ตำแหน่งจิปาถะ ?”
จี้เทียนซิงโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน
เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ผู้อาวุโส
ข้ายังเด็กอยู่ ท่านอย่าได้ตัดอนาคตข้าด้วยการให้ข้าเป็นเด็กกวาดพื้นเลย... ”
เซี่ยงหวู่จี้สบถออกมาว่า
“เหอะ ! เจ้าเด็กเหลือขอนี่
ไม่รุ้จักฉวยโอกาสเอาเสียเลย
เจ้าไม่รู้หรือไงว่าศิษย์นับไม่ถ้วนร้องห่มร้องไห้ขอร้องเป็นเด็กกวาดพื้นให้ข้า ข้ายังไม่เคยเหลียวแลแม้แต่คนเดียว !”
“เมื่อเจ้าได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนของตำหนักไท่อัน ไม่รู้ว่ามีศิษย์มากน้อยเพียงใดที่ต้องอิจฉาตาร้อนเจ้า
!”
จี้เทียนซิงบุ้ยปากและกระซิบแผ่วเบาว่า
“หากมันดีอย่างที่ท่านคุยไว้จริง...
ทำไมถึงไม่เคยมีศิษย์รับใช้ในตำหนักเลยเล่า ? ตอนข้ามาครั้งแรกมันก็ดูเหมือนตำหนักที่ถูกทิ้งร้างมาเป็นปี
หยากไย่เอย หญ้าเอย รกครึ้มเต็มไปหมด...”
เซี่ยงหวู่จี้อึ้งไปวูบหนึ่งและกล่าวด้วยความรำคาญว่า
“ผายลม ! เจ้ามันไม่รู้อะไร
ตำหนักไท่อันของข้ามีสวนโอสถขนาดใหญ่ วัชพืชพวกนั้นก็มีประโยชน์”
จี้เทียนซิงกลอกตามองบน
เขารู้ชัดเจนว่าตาแก่เหม็นคนนี้กำลังคุยโวย แต่เขาก็มิได้เปิดโปงออกมา
ไม่งั้นคงถูกทุบตีอีกรอบ
เมื่อเซี่ยงหวู่จี้เห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป
เขาจึงเก็บกาน้ำหยกขาวและหันหลังเดินไปทางห้องโถงพลางกล่าวว่า
“ไอ้หนู ตามข้ามา”
จี้เทียนซิงพยักหน้า
เขาไม่รู้ว่าตาแก่ผู้นี้จะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงเดินตามต้อยๆเข้าไปในห้องโถง
เมื่อมาถึงก็พบว่าบนโต๊ะไม้จันทน์ในห้องโถงเต็มไปด้วยผลไม้วิญญาณและเม็ดยาล้ำค่า
เฉียนเยวี่ยและเสี่ยวเฮยหลงกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะและสวาปามของเหล่านั้นอย่างเอร็ดอร่อยพลางสนทนากันอย่างเฮฮา
เมื่อได้เห็นจี้เทียนซิงเดินเข้ามา
เฉียนเยวี่ยก็บินไปเกาะไหล่ของเขาและกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “ว่าไงสหายจี้ เจ้าปลอดภัยดีนะ
เยี่ยมๆ”
เสี่ยวเฮยหลงกลืนผลไม้วิญญาณเข้าไปอย่างรวดเร็วและบินไปข้างหน้าพลางกล่าวว่า
“สหายจี้ เห็นเจ้าไม่บุบสลายข้าก็สบายใจ”
จี้เทียนซิงมองวูบเดียวก็รู้ว่าพวกมันทั้งสองฟื้นฟูพลังกลับมาได้พอสมควร
แถมยังกินดีอยู่ดีอีกด้วย เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วกล่าวว่า
“ฟังจากคำทักทายของพวกเจ้า เหมือนจะรู้เลยนะว่าข้าโดนอะไรมา”
เฉียนเยวี่ยเชิดศีรษะขึ้นและกล่าวอย่างเย่อหยิ่งว่า
“แน่นอนซี่ ระดับการสืบข่าวของข้านี่ขั้นเทพเลยนะ
ไม่มีอะไรที่ข้าไม่รู้!”
จี้เทียนซิงเหยียดนิ้วออกและดีดหัวมัน
เขาอดไม่ได้ที่จะโกรธเคืองเล็กน้อย “งั้นก็แสดงว่าเจ้ารู้ว่าข้าถูกกักตัวในถ้ำวายุทมิฬสินะ
? แล้วทำไมเจ้าไม่โผล่ไปเยี่ยมข้าบ้าง ? หาอะไรให้กินก็ยังดี”
“พวกเจ้าสองคนกินอยู่นอนหลับอย่างมีความสุขในตำหนักไท่อัน
ส่วนข้าต้องทนทุกข์ทรมานในถ้ำวายุทมิฬ บัดซบเอ้ย !”
ทันใดนั้นเสี่ยวเฮยหลงก็เงียบปากและกลายร่างเป็นกระบี่มังกรดำกลับเข้าไปในฝักกระบี่ที่แขวนอยู่ข้างกำแพง
เฉียนเยวี่ยหันไปมองและชี้ไปทางเซี่ยงหวู่จี้ทันทีและกล่าวว่า
“ใจร่มๆก่อนสิสหายจี้ ไม่ใช่ว่าพวกข้าไม่อยากไป
แต่เป็นเพราะตาเฒ่าเซี่ยงไม่ยอมให้พวกข้าออกจากตำหนักแม้แต่ก้าวเดียวต่างหาก...”
จี้เทียนซิงเงียบไป
เขาไม่กล้าไปเอาเรื่องกับเซี่ยงหวู่จี้แน่นอน ดังนั้นจึงจบเรื่องนี้ทันที...
เซี่ยงหวู่จี้โบกมือและคว้ากระบี่มังกรดำที่แขวนอยู่ข้างกำแพงมอบให้กับจี้เทียนซิงและกล่าวว่า “ไอ้หนู
สัตว์อสูรของเจ้าทั้งสองตัวนี้กินล้างกินผลาญนัก
พวกมันกินผลไม้วิญญาณและเม็ดยาวิเศษของข้าไปนับพัน เจ้าเอาพวกมันกลับไปเลย
ข้าไม่อยากเห็นพวกมันแล้ว !”
จี้เทียนซิงอึ้งไป
เขาคิดในใจลับๆว่า “ตาแก่เหม็นผู้นี้ทั้งแข็งแกร่งและมีอำนาจมากในนิกาย
ที่สำคัญคือเขามีทรัพยากรมากมายมหาศาลพอที่จะเลี้ยงเจ้าสองตัวนี้ได้มากกว่าข้า
หากข้าพาพวกมันกลับไปก็ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงพวกมันได้ดีเท่าเขาหรือไม่...”
“ข้าปล่อยให้พวกมันทั้งคู่อาศัยอยู่ในตำหนักไท่อันไปก่อนน่าจะดีกว่า...
อย่างน้อยก็ทำให้พลังของพวกมันฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วจนเป็นประโยชน์ต่อข้าในภายภาคหน้า”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้จี้เทียนซิงก็แกล้งตีมึนถามว่า
"ผู้อาวุโส
ข้าเกรงว่าเรื่องนี้คงไม่เหมาะกระมัง..."
“หากให้เฉียนเยวี่ยกับเสี่ยวเฮยหลงไปกับข้าแล้วถูกผู้อื่นในนิกายพบเข้า
ข้าจะถูกลงโทษ ฐานละเมิดกฎนิกาย ส่วนพวกมันก็จะถูกขับไล่ออกไปน่ะสิ”
เซี่ยงหวู่จี้หันหลังให้ชายหนุ่ม
เขาแสยะยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ แต่แสร้งตะโกนเสียงดังว่า “แล้วเกี่ยวอะไรกับข้าล่ะเจ้าหนู ! ข้าไม่อยากเก็บพวกมันไว้แล้ว
เจ้าคิดจะให้พวกมันสูบทรัพยากรของข้าเพื่อฟื้นฟูพลังของพวกมันโดยเร็วว่างั้นเถอะ ?”
หยุดไปครู่หนึ่งเขาก็กล่าวต่อไปว่า
“อืม..... แต่ในเมื่อเจ้าเป็นคนของตำหนักไท่อัน มีข้าออกหน้าปกป้อง
รับรองว่าไม่มีใครในนิกายนี้กล้าทำให้พวกเจ้าต้องลำบาก !”
จี้เทียนซิงกระพริบตาปริบๆและคิดในใจว่า
“นั่นไง ทำเป็นปากแข็งพูดอ้อมไปอ้อมมา ที่แท้มอบตำแหน่งเด็กกวาดพื้นของตำหนักไท่อันให้ข้าก็เพราะอยากปกป้องข้าแต่ไม่กล้าพูดตรงๆสินะ
..... ตาแก่เจ้าเล่ห์เอ้ย”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved