"สวรรค์
เจ้าเด็กนี่บ้าไปแล้ว ?"
"นี่เป็นครั้งแรกที่มันเข้าหอคอยเจ็ดดาวแต่กลับเริ่มปีนที่ชั้นสี่
? เหอะ
ประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว !”
"ฮ่าๆๆๆ พวกเจ้าคอยดูเถอะ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงยามเจ้าหมอนี่จะต้องล้มเหลวในการฝ่าม่านปราการจนถูกดีดออกไปจากหอคอยแน่นอน"
เมื่อเห็นจี้เทียนซิงตรงดิ่งไปเริ่มต้นที่ชั้นสี่
ศิษย์รุ่นเยาว์ทั้งหลายพลางจ้องมองและเยาะเย้ยถากถาง
เฟิงหมินและอู่อวี้นับว่าเป็นสหายของจี้เทียนซิง
เป็นธรรมดาที่พวกมันจะไม่พูดเรื่องนี้หรือเยาะเย้ยอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม
สีหน้าและแววตาของทั้งสองดูเหมือนจะร้องไม่ออกหัวเราะไม่ได้
พวกมันรู้สึกว่าจี้เทียนซิงมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว !
“เฮ้อ
ศิษย์น้องจี้เพิ่งเข้าหอคอยเจ็ดดาวเป็นครั้งแรก นี่มันไม่ประมาทเกินไปหน่อยหรือ ?”
อู่อวี้ก็ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “หากเริ่มจากชั้นแรก
ว่ากันตามตรงด้วยฝีมือและความแข็งแกร่งของมันย่อมผ่านสามชั้นแรกไปได้ไม่ยาก"
"ถูกต้อง" เฟิงหมินพยักหน้าเห็นด้วยพลางกล่าวว่าด้วยความเสียดาย
“เขาสามารถกอบโกยผลประโยชน์ได้มากมายโดยการผ่านสามชั้นแรก
แต่หากเขาเริ่มจากชั้นที่สี่และฝ่าม่านปราการไม่ได้
เขาจะไม่ได้รับอะไรเลยและถูกส่งกลับออกมา"
หอคอยเจ็ดดาวมีทางเข้าสองประตู
โดยทั่วไปแล้วศิษย์คนอื่นๆแต่ละคนจะเริ่มจากชั้นที่หนึ่งและขึ้นไปทีละคน
แต่ละชั้นของหอคอยเป็นโลกใบเล็กที่มีอันตรายและความเสี่ยงมากมาย
แต่มันก็เต็มไปด้วยโอกาสและโชคลาภ รวมไปถึงทรัพยากรบ่มเพาะที่ล้ำค้าจำนวนมหาศาล
สามชั้นแรกนั้นค่อนข้างเรียบง่าย
ศิษย์ทุกคนสามารถผ่านมันไปได้อย่างง่ายดายแถมได้รับประโยชน์ตามมา
เว้นแต่เพียงหยุนเหยาที่มีความแข็งแกร่งและคุณสมบัติเพียงพอที่จะเริ่มต้นจากชั้นที่สี่โดยตรง
ส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครกล้าทำเช่นนั้น
ทุกคนคาดไม่ถึงว่าจี้เทียนซิงที่ปีนหอคอยเจ็ดดาวเป็นครั้งแรกกลับเดินตามรอยเส้นทางของหยุนเหยาโดยตรงจากชั้นที่สี่
!
ในความเป็นจริงจุดประสงค์ของจี้เทียนซิงในการผ่านหอคอยเจ็ดดาวนั้นแตกต่างจากศิษย์คนอื่นๆ
เหล่าศิษย์จะได้รับทรัพยากรการบ่มเพาะมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ภายในหอคอยเจ็ดดาว
และสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้มากมาย
แต่จี้เทียนซิงต้องการช่วยชีวิตจี้เค่อ
เขาแค่อยากขึ้นไปสู่ยอดหอคอยโดยเร็วที่สุดและนำโลงหยกวิญญาณไปวางที่นั่น
ด้วยเหตุนี้ เขาไม่อยากเสียเวลาที่จะต้องเริ่มจากชั้นแรก
ในเมื่อไหนๆก็ต้องไปให้ถึงชั้นเจ็ด มิสู้ตรงดิ่งจากชั้นที่สี่เลยไม่ดีหรือ ?
"วูบ !"
ประตูสีดำบนชั้นสี่ของหอคอยเจ็ดดาวเปิดขึ้น
จี้เทียนซิงยกเท้าขึ้นไปที่ประตูและร่างของเขาก็หายไปในพริบตา
เมื่อทุกคนเห็นว่าอีกฝ่ายกล้าเข้าไปเริ่มที่ชั้นสี่จริงๆ
พวกมันก็หยุดคุยกันอยู่พักหนึ่ง
เฉียวซวนกล่าวด้วยสีหน้าเยาะเย้ยว่า "โห
? เจ้าเด็กนั่นกล้าเข้าชั้นสี่จริงๆ
ช่างมั่นหน้าและไม่กลัวตายนัก"
"ข้าอยากเห็นนักเชียวว่ามันจะทนอยู่ได้นานแค่ไหน"
"อย่างน้อยภายในครึ่งชั่วยามมันจะต้องล้มเหลวในการฝ่าม่านปราการและถูกดีดออกมาจากหอคอยเจ็ดดาวเป็นแน่
!"
หัวหน้าศิษย์ของนิกายเจิ้นหวู่ก็พยักหน้าพลางกล่าวว่า
“อย่าเพิ่งรีบเข้าไปในหอคอย
รอดูอยู่ที่นี่สักพัก ดูหนังหน้าเจ้าหมอนั่นตอนถูกดีดออกมา”
ศิษย์นิกายเฟิงฮั่วหันไปมองซื่อเหวินหยูที่อยู่ข้างๆด้วยสีหน้าอึมครึม
จากนั้นเผยรอยยิ้มกล่าวว่า “พี่เหวินหยู คราครั้งนี้แม่นางหยุนเหยาไม่ได้มาร่วมงาน
ย่อมมีเพียงท่านเท่านั้นที่จะสามารถปีนไปถึงชั้นที่เจ็ด
เหตุใดท่านถึงปล่อยให้เจ้าเด็กนั่นชิงตัดหน้าไปก่อนเล่า ?"
ซื่อเหวินหยูขมวดคิ้ว
กล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “พวกเจ้าอยู่ที่นี่รอชมการแสดงที่ดีเถอะ
ข้าจะเข้าไป"
พูดจบมันก็ก้าวเท้าข้ามประตูแสงและมุ่งหน้าไปที่บันไดข้างหอคอย
จากนั้นไม่นานมันก็ขึ้นไปที่ชั้นสี่
หยิบเอาป้ายยืนยันสีเงินออกมาเพื่อเปิดประตูและเข้าไปข้างใน
เหล่าศิษย์หลายคนที่อยู่ ณ
ลานเปิดโล่งต่างก็หันหน้าไปพูดคุยกัน
"ฮ่าๆ มีการแสดงที่ดีเกิดขึ้นแล้วสิท่า ดูเหมือนว่าพี่เหวินหยูจะถูกเจ้าเด็กนั่นหยามหน้า"
"หึๆ
พวกเรารอดูผลลัพธ์กันเถอะว่าซื่อเหวินหยูหรือจี้เทียนซิง
ใครจะขึ้นไปชั้นห้าได้สำเร็จก่อนกัน"
"ตามหลักแล้วโดยประมาณครึ่งชั่วยาม
หากมีแสงสีทองแดงสว่างขึ้นที่ชั้นสี่ของหอคอยก็หมายความว่าคนหนึ่งคนใดฝ่าม่านปราการไปได้สำเร็จ"
"คอยดูกันไปเถอะ"
หลังจากนั้นไม่นานศิษย์หลายคนก็เริ่มก้าวเท้าข้ามประตูแสงและเข้าไปในชั้นแรกของหอคอยเจ็ดดาว
เฉียวซวนและศิษย์ส่วนหนึ่งไม่รีบร้อนที่จะเข้าไป
พวกมันยืนอยู่ใต้หอคอยและเงยหน้ามองไปที่ชั้นสี่เพื่อรอชมจี้เทียนซิงกลายเป็นตัวตลก
............
จี้เทียนซิงยืนอยู่บนทางเดินกว้าง
สายตากวาดมองไปรอบๆด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
มันเป็นถนนทางเดินเรียบและดูสงบเรียบร้อย มีตึกสูงระฟ้าอยู่ทั้งสองด้านของถนนและมีร้านรวงมากมาย
บนท้องถนนมีผู้คนขวักไขว่ไร้สิ้นสุดราวกับตลาดสด
คนเหล่านั้นเดินไปเดินมา บ้างก็แวะเวียนตามร้านค้า
บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของคนเดินเท้าดังไปทั่วทุกที่
นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกยุทธ์ถือกระบี่มากมาย
กลิ่นอายของพวกมันทั้งหนักแน่นและดูเย่อหยิ่ง พวกมันเดินไปตามท้องถนนราวกับสายลม
เหล่าผู้คนที่แต่งกายด้วยชุดผ้าธรรมดาเหมือนชาวบ้านทั่วไปที่ได้เห็นผู้ฝึกยุทธ์เดินผ่านไป พวกเขาเผยสีหน้าตื่นตระหนกและหลบซ่อนตัวด้วยความหวาดกลัว
"เป็นเมืองเมืองหนึ่ง ? แถมยังเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยผู้ฝึกยุทธ์และชาวบ้านอีกด้วย"
จี้เทียนซิงมองไปรอบๆพร้อมกับสีหน้าประหลาดใจ
ก่อนที่จะมาถึงหอคอยเจ็ดดาว หยุนเหยาแนะนำให้มันทราบเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวมภายในหอคอย
โลกในสามชั้นแรกของหอคอยถูกแก้ไข มันไม่มีอันตรายและความลำบากมากนัก
แต่จากชั้นสี่ขึ้นไป โลกใบเล็กในหอคอยเจ็ดดาวนั้นจะยิ่งยากและแปลกประหลาดยิ่งขึ้น
ตามที่หยุนเหยาเคยกล่าวไว้ โลกที่สี่เป็นโลกแห่งภาพลวงตา
ในโลกใบเล็ก
ภาพลวงตาหลากหลายรูปแบบจะปรากฏขึ้น เช่น ทุ่งน้ำแข็ง ภูเขาไฟ ป่าดึกดำบรรพ์อันกว้างใหญ่หรือทะเลอันไร้สิ้นสุด
หยุนเหยาที่ได้เข้าสู่ชั้นที่สี่ของหอคอยเจ็ดดาวในทุกๆปีบอกแก่มันว่า
โลกแห่งภาพลวงตาที่นางพบนั้นแตกต่างออกไปทุกครั้ง
ดังนั้นนางจึงไม่อาจสรุปให้ชัดเจนได้ว่า
จี้เทียนซิงจะพบกับประสบการณ์แบบใด
ชายหนุ่มทำได้เพียงสำรวจและสังเกตความเป็นไปได้ด้วยตัวเองเท่านั้น
เขาเดินไปบนท้องถนนด้วยสายตาแหลมคมที่กวาดมองไปรอบๆเพื่อสำรวจสภาพทั่วไปของเมือง
ขณะนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ หมอกยามเช้าที่ปกคลุมทั่วเมืองค่อยๆหายไป
มีร้านค้าอยู่ตรงหัวมุมและโชยกลิ่นหอมของข้าวต้มและหมั่นโถวมาตามสายลมอย่างไม่ขาดสาย
มีหลายคนที่อยู่รอบโต๊ะ, นั่งบนเก้าอี้ไม้และดื่มกินกันอย่างตั้งอกตั้งใจ
ขณะนั้นเองดวงอาทิตย์สีแดงส้มก็กำลังขึ้นจากท้องฟ้าทางทิศ
‘ตะวันตก’
"ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ? "
เห็นฉากนี้ จี้เทียนซิงก็อึ้งไปวูบหนึ่งและคิดว่าตนเองมาผิดทางแล้ว
แต่หลังจากทบทวนความจำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขามั่นใจว่าตนเองมาไม่ผิดทาง
!
"แปลกมาก ดวงอาทิตย์พ้นขอบฟ้าจากทางทิศตะวันตก..."
จี้เทียนซิงพึมพำในใจ เขารู้สึกตลอดเวลาว่าเมืองลวงตานี้เผยให้เห็นบรรยากาศที่แปลกประหลาดชนิดหนึ่ง
ในขณะนี้เอง ที่ร้านขายหมั่นโถวห่างจากตรงหน้าเขาไปประมาณสิบเมตร เสียงกรีดร้องของผู้คนหลายคนก็ดังกระทบโสต
จอมยุทธ์วัยกลางคนผู้แข็งแกร่งผู้หนึ่ง
วิ่งออกมาจากร้านพร้อมกับกระบี่ในมือ
ชายผู้นั้นมีผิวคล้ำและมีรอยแผลเป็นบนใบหน้าสองสาย
ปลดปล่อยเจตนาฆ่าฟันอันรุนแรงออกมา
กระบี่ในมือของมันมีคราบโลหิตหยดไหลเป็นทางยาว
ที่ร้านผมสีเทาตัวเก่ากำลังนอนนิ่ง ๆ
อยู่บนเคาน์เตอร์คอของเขาถูกตัดและเลือดก็ไหลออกมาจากรอยแตก
ภายในร้าน
มีชายชราผมขาวซึ่งดูเหมือนจะเป็นเถ้าแก่ นอนแผ่หราอย่างไร้ปฏิกิริยา คอของเขาถูกตัดขาดสะบั้นจนโลหิตสีแดงชาดไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง
บนพื้นดินเต็มไปด้วยหลายศพ รวมไปถึงเสี่ยวเอ้อ, เจ้าของร้านหมั่นโถวและผู้บริสุทธิ์ที่นั่งทานอาหารอีกหลายคน
ทุกคนถูกสังหาร
ศีรษะถูกตัดออกและกลิ้งไปมาบนพื้น เลือดจำนวนมากสาดกระเซ็นตามพื้นผนังและทั่วโต๊ะ
เหล่าลูกค้าในร้านที่รอดชีวิตต่างก็หน้าถอดสีและวิ่งหนีพลางกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
กลิ่นหอมของข้าวต้มและหมั่นโถวที่โชยมาตามลมได้ถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นสนิมของโลหิตอันหนาแน่นในทันที
ฆาตกรหน้าบากแหงนศีรษะหัวร่อออกมาอย่างบ้าคลั่งในขณะที่ฝูงชนกำลังวิ่งหนีตาย
“ตาย
ตาย ตาย !!!”
มันกวัดแกว่งกระบี่หนักของมันอีกครั้งและเข่นฆ่าล่าสังหารผู้บริสุทธิ์ที่หนีรอดอย่างไม่เกรงกลัวฟ้าดิน
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved