พิธีกราบอาจารย์
ผ่านไปสามวัน
รุ่งอรุณของเช้าวันใหม่
จี้เทียนซิงล่าถอยจากการปิดด่านบ่มเพาะตลอดช่วงสามวันและเดินออกจากห้องลับ
หลังจากพยายามอย่างหนักมาสามวันเขาก็รู้สึกได้ว่าจุดฝังเข็มและความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
บนตั่งโต๊ะภายในห้องมีชุดคลุมสีขาววางไว้อยู่
มันคืออาภรณ์ที่ฮั่นเฉียวเซิงเตรียมไว้ให้เขาล่วงหน้า
หลังจากจี้เทียนซิงทำกิจวัตรประจำวันเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อคลุมสีขาวเดินออกจากห้องและรีบไปที่ยอดเขาเมฆาสีชาด
วันนี้เป็นวันพิธีกราบอาจารย์
จากวันนี้ไปเขาจะเป็นลูกศิษย์ชั้นในและศิษย์สายตรงของประมุขนิกายอย่างเป็นทางการ
จี้เทียนซินในชุดสีขาวบริสุทธิ์เดินออกไปด้วยความกระตือรือร้นและสร้างความอิจฉาเลื่อมใสให้แก่เหล่าศิษย์มากมาย
ทุกคนต่างก็เป็นวัยรุ่นเลือดร้อนที่มีความทะเยอทะยาน
ใครบ้างจะไม่อยากสวมชุดสีขาวที่พริ้วสะบัดตามสายลม ในมือถือกระบี่ ?
ยิ่งไปกว่านั้นเสื้อคลุมสีฟ้าของศิษย์ฝ่ายนอกนั้นเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปและดูธรรมดามาก
มีเพียงจอมยุทธ์ในอาภรณ์ขาวเท่านั้นที่ดูเหมือนเป็นวีรบุรุษผู้สุภาพอ่อนโยนและมีชื่อเสียงมากกว่า
จี้เทียนซิงเดินไปตามทางเพื่อมุ่งหน้าไปยังยอดเขาเมฆาสีชาด
ระหว่างทางไม่รู้ว่ามีศิษย์ฝ่ายนอกมากน้อยเพียงใดที่จ้องมองเขาจากที่ไกลๆ
ทุกคนรู้ดีว่าวันนี้เป็นพิธีรับศิษย์และจี้เทียนซิงผู้นี้ก็กำลังจะมีฐานะที่พุ่งสูงขึ้น
หลังจากมาถึงยอดเขาเมฆาสีชาด ทันทีที่จี้เทียนซิงมาถึงหน้าตำหนักฉิงเทียนเขาก็ถูกผู้อาวุโสสามฉุดลากไปด้านข้าง
อาวุโสสามผู้นี้เป็นชายชราร่างผอมที่ใจดี
เขาเป็นผู้รับผิดชอบในพิธีกรรมและงานเฉลิมฉลองของนิกาย
เขานำตัวจี้เทียนซิงไปที่วิหารเพื่ออบรมสั่งสอนอธิบายเกี่ยวกับพิธีการต่างๆในวันนี้
พิธีรับศิษย์วันนี้ไม่ใช่ใหญ่โตอะไรมากนัก
แต่มันเป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฎข้อบังคับและต้องไม่มีความผิดพลาดโดยเด็ดขาด
จี้เทียนซิงพยักหน้าและฟังคำสั่งสอนของอาวุโสสามอย่างตั้งใจ
เขาพยายามจดจำพิธีการอันยุ่งยากซับซ้อนในใจอย่างเงียบๆ
ด้วยสติปัญญาและความทรงจำอันดีเลิศของเขา
มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะจำจดขั้นตอนทั้งหมด
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม
พิธีก็ใกล้จะเริ่มขึ้น อาวุโสสามพยักหน้าให้สัญญาณและพาเขาไปที่ตำหนักฉิงเทียน
ภายในห้องใหญ่มีคนมากกว่า
30 คนที่มารวมตัวกัน พวกเขายืนแยกเป็นสองแถวและพูดคุยกันเอิกเกริกด้วยเสียงต่ำ
ดวงตาของจี้เทียนซิงกวาดผ่านทั่วห้องโถงใหญ่และจดจำผู้คนได้มากมาย
ในบรรดาคนเหล่านี้มิได้มีเพียงผู้อาวุโสทั้งเก้าเท่านั้น แต่ยังมีเซี่ยงหวู่จี้, ผู้ดูแล, ครูฝึกและศิษย์หัวกะทิของฝ่ายในอีกห้าคนรวมอยู่ด้วย
!
นิกายพันธมิตรสวรรค์นั้นมีศิษย์ระดับหัวกะทิอยู่หกคน
ขาดไปหนึ่งซึ่งก็คือเอี๋ยนเอ๋อร์ที่ไม่ได้มาเข้าร่วมพิธีในวันนี้
และศิษย์ทั้งห้าที่อยู่ในห้องโถงตอนนี้ก็คือหยุนเหยา, ไป๋หวู่เชิน, ฮ่าวเมิ่งและชายหนุ่มรูปงามอีกสองคน
จี้เทียนซิงเคยเห็นหน้าไป๋หวู่เชินกับฮ่าวเมิ่งมาก่อนแล้ว
แต่เขาไม่เคยพบสองคนนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเพ่งความสนใจไปยังสองคนนี้ให้มากขึ้น
ซึ่งศิษย์สองคนนั้นก็มีท่าทางอยากรู้อยากเห็นเช่นกันและลอบมองเขาอยู่เป็นระยะๆ
เนื่องจากตอนนี้อยู่ในพิธีการที่เต็มไปด้วยผู้อาวุโสตัวเป้งๆมากมาย
สองคนนั้นจึงไม่ได้ทักทายจี้เทียนซิงและไม่เอ่ยปากพูดจาใดๆ
อย่างไรก็ตาม
จี้เทียนซิงสัมผัสได้อย่างเลือนลางว่าสองคนนี้แม้ฉากหน้าจะดูสงบราบเรียบไร้อารมณ์
แต่แท้จริงแล้วพวกมันกลับมีกลิ่นอายของความเป็นศัตรูแฝงอยู่
จี้เทียนซิงมาถึงจุดนี้ด้วยสองแข้งสองขาของตนเองและไม่เคยสร้างศัตรูมาก่อน
มีแต่ผู้อื่นที่มองเขาเป็นศัตรูและเกลียดชังเขา
แต่ทว่านี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก
เขาไม่แปลกใจและไม่สับสน เขาคิดถึงผลลัพธ์นี้ไว้ตั้งแต่ตอนที่ฉู่เทียนเซิงประกาศจะรับเขาเป็นศิษย์สายตรงเมื่อสามวันก่อนแล้ว
มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงสำหรับเขาหากจะพูดว่าตนเองนั้นได้ตกเป็นเป้าหมายเพ่งเล็งของสาธารณะชนในตอนนี้...
อย่างไรก็ตาม
จี้เทียนซิงไม่แคร์สายตาผู้คนและเสียงซุบซิบนินทา
เขาจดจำในสิ่งที่หยุนเหยาเคยกล่าวไว้ในวันนั้นได้ดีและจะทำเช่นนั้น
!
หลังจากนั้นไม่นานฉู่เทียนเซิงก็หอบกลิ่นอายอันแข็งกล้าเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่
เป็นอันว่าผู้คนที่เข้าร่วมพิธีก็ครบองค์ประชุมในที่สุด
ทันทีที่ถึงเวลา
ผู้อาวุโสทั้งสามคนจึงประกาศว่าพิธีรับศิษย์เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
ผนังทางทิศเหนือของห้องโถงหลักในตำหนักฉิงเทียนมีภาพเหมือนของบรรพบุรุษนิกายสลักไว้อยู่
ใต้ภาพนั้นยังมีแท่นบูชาแท่นหนึ่งที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้ว
บนแท่นบูชามีอัญมณี, กระถางธูปทองสัมฤทธิ์
ผู้อาวุโสสามยืนอยู่ข้างแท่นบูชา
สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง เสียงที่ประกาศเริ่มพิธีการของเขานั้นดังกังวานกึกก้องไปทั่วห้องโถง
สำนวนโวหารที่ร่ายยาวออกมาเหล่านี้มีวัตถุประสงค์หลักก็เพื่อเชิดชูความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของผู้ก่อตั้งนิกายและกล่าวถึงความสำเร็จของประมุขนิกายที่ผ่านมาทุกยุคทุกสมัย
หลังจากร่ายโวหารจบแล้วอาวุโสสามก็ประกาศเสียงดังให้ทุกคนคารวะท่านบรรพบุรุษและประมุขนิกาย
ผู้คนในห้องโถงใหญ่เริ่มขยับตำแหน่งโดยมีฉู่เทียนเซิงกับเซี่ยงหวู่จี้ยืนอยู่แถวหน้าสุด
ผู้อาวุโสทั้งเก้ายืนอยู่ข้างหลัง ถัดไปก็เป็นเหล่าผู้ดูแล,พ่อบ้านและครูฝึก สุดท้ายก็เป็นศิษย์หัวกะทิ
ทุกคนมองไปที่รูปปั้นผู้ก่อตั้งและกราบไหว้บรรพบุรุษกับป้ายสถิตย์วิญญาณของประมุขนิกายรุ่นก่อนๆ
หลังจากจบขั้นตอนนี้
อาวุโสสามก็หยิบคัมภีร์เล่มหนึ่งออกมาซึ่งเป็นบทปาฐกถาอันยืดยาวแขนงหนึ่ง
ซึ่งความหมายของปาฐกถาเหล่านี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการอุทิศตนของประมุขนิกายและสมาชิกทุกคนที่บำเพ็ญตนเพื่อทำให้นิกายเจริญรุ่งเรืองสืบไป
ดังนั้น
ในวันนี้ประมุขนิกายรุ่นปัจจุบันจึงมีประสงค์ที่จะเฟ้นหาสายเลือดใหม่ผู้มีความสามารถ
เพื่อทำประโยชน์และเชิดชูนิกายให้เจริญรุ่งเรืองอีกไปชั่วกาลนาน
จี้เทียนซิงเคารพและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของนิกายอย่างเคร่งครัด
จากนั้นเขาก็ท่องบทปาฐกถาตามอาวุโสสาม
พิธีการอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่นี้ดำเนินไปเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม
จนกระทั่งจี้เทียนซิงเดินไปหาฉู่เทียนเซิงเพื่อกราบกรานเป็นอาจารย์ หลังจากพิธีการยกน้ำชาเสร็จสิ้นลง
อาวุโสสามก็ประกาศจบพิธี
นับจากนี้เป็นต้นไป
จี้เทียนซิงก็คือศิษย์สายตรงคนที่สามของฉู่เทียนเซิงประมุขนิกายพันธมิตรสวรรค์อย่างเป็นทางการ
!
เหล่าผู้อาวุโสและสมาชิกนิกายทุกคนต่างแสดงความยินดีกับฉู่เทียนเซิงอย่างเอิกเกริก
ฉู่เทียนเซิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและตอบรับความยินดีจากทุกหมู่เหลา
แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะนำหยกสีดำที่มีขนาดเท่านิ้วมือออกมาจากแหวนมิติและส่งมอบให้จี้เทียนซิงพลางกล่าวว่า
“เทียนซิงศิษย์ข้า นี่เป็นของขวัญจากอาจารย์ อาจารย์หวังว่าเจ้าหมั่นเพียรฝึกฝนและพยายามอย่างหนัก
อย่าได้ทำให้อาจารย์ต้องเสียหน้าแล้ว !”
จี้เทียนซิงนับหยกสีดำมาด้วยสีหน้าจริงจัง
เขาขอบคุณอีกฝ่ายอย่างเคร่งขรึมพลางตอบรับว่า “ท่านอาจารย์โปรดวางใจ
ศิษย์จะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง!”
ฉู่เทียนเซิงยิ้มแย้มพลางแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมา
จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็มอบของขวัญให้จี้เทียนซิงและแสดงความยินดีกับเขา
ซึ่งผู้อาวุโสใหญ่เดิมทีก็รู้สึกประทับใจมันเป็นอย่างมากอยู่แล้ว
ดังนั้นของขวัญที่เขามอบให้นั้นจึงแทบจะประเมินค่าไม่ได้ มันมีทั้งเม็ดยาระดับล้ำลึกที่มีคุณภาพสูงสุดและหินวิญญาณถึงสิบก้อน !
เมื่อมีผู้อาวุโสใหญ่นำ
ดังนั้นอาวุโสคนอื่นๆจึงไม่น้อยหน้า
พวกเขาทยอยกันนำของของขวัญที่เตรียมเอาไว้มอบให้กับจี้เทียนซิงกันแน่นขนัด
ซึ่งของขวัญจากบุคลกลุ่มนี้แน่นอนว่าย่อมเป็นสมบัติที่ล้ำค่ายิ่ง
นอกจากนี้ประเพณีนี้ก็ถือเป็นแนวปฏิบัติของนิกายพันธมิตรสวรรค์อยู่แล้ว
การรับศิษย์สายตรงของประมุขคือเรื่องใหญ่ของนิกาย
แน่นอนว่าของกำนัลจากเหล่าอาวุโสใต้อาณัติย่อมไม่มีทางด้อยคุณค่า ยังไม่หมดเท่านั้นแม้แต่เหล่าผู้ดูแล
ครูฝึกและเจ้าหน้าที่หลายคนที่คุ้นเคยกับจี้เทียนซิงก็ยังมอบของขวัญให้เช่นกัน
จี้เทียนซิงรับของขวัญจากทุกคนด้วยรอยยิ้มอันสุภาพและคารวะขอบคุณทุกคนอย่างนอบน้อม
หยุนเหยาที่อยู่ไม่ไกลได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของมันและของขวัญล้นมือ
ดวงตาคู่งามของนางก็เปล่งประกายและเผยรอยยิ้มขึ้น
ส่วนไป๋หวู่เชินและศิษย์หัวกะทิอีกสองคนมีสีหน้าไร้อารมณ์
แววตาของพวกมันดูเย็นชาเล็กน้อย
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved