ถึงตาเจ้าแล้ว
!
ถังอี้ลั่วถูกปกคลุมไปด้วยโลหิตเปรอะเปื้อนและเดินโซเซลงจากเวที
เมื่อหน้านี้ไม่กี่ชั่วยาม
มันยังเป็นอัจฉริยะชั้นยอดที่ได้รับการชื่นชมจากเหล่าศิษย์นับไม่ถ้วน
แต่ในขณะนี้มันจบสิ้นแล้ว
แพ้พ่ายเสียหน้า ขืนอยู่ระแวกนี้ต่อไปก็รังแต่จะเป็นขี้ปากชาวบ้าน
มันก้มศีรษะลงลอดตัวผ่านฝูงชนและออกจากจัตุรัสฝ่ายในไปอย่างเงียบๆ
ศิษย์สาวกหลายคนมองไปที่เงาหลังของมันด้วยรอยยิ้ม
บ้างก็พูดคุยกันด้วยอารมณ์ความรู้สึก แต่สายตาของคนส่วนใหญ่กลับรั้งรวมกันที่ตัวจี้เทียนซิงกลางเวที
สายตาของฝูงชนที่จ้องมองดูเขาล้วนเปล่งประกายร้อนแรงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นสงสัย
การปะทะกันของผู้ฝึกยุทธ์ มีเพียงผู้ชนะเท่านั้นที่จะได้รับเกียรติยศความสนใจ
การยกย่องนับถือและความยำเกรงจากผู้คน
ใครจะไปสนใจเรื่องความรู้สึกของผู้แพ้กันเล่า
?
ในเวลานี้เองผู้อาวุโสเยหงก็ยกมือขึ้นและประกาศเสียงดัง
“การจัดอันรายชื่อขั้นสวรรค์ในรอบแรกได้สิ้นสุด จี้เทียนซิงคือผู้ชนะ !”
“นับจากนี้ไปจี้เทียนซิงอยู่ในอันดับที่สามของรายชื่อ
ส่วนถังอี้ลั่วตกลงไปอยู่อันดับสี่!”
เมื่อเสียงของเย่หงลดลง
เหล่าศิษย์ทั้งหลายก็กระซิบกระซาบกัน
“นะ... น่ากลัวเกินไปแล้ว
! เจ้าหนุ่มจี้เทียนซิงผู้นี้เข้านิกายฝ่ายในมานานแค่ไหนกันเชียว
?
เพียงระยะเวลาสั้นๆมันกลับติดอันดับสามในรายชื่อขั้นสวรรค์ !”
“ชายผู้นี้น่าจะเป็นอัจฉริยะที่ไต่สามอันดับแรกได้รวดเร็วที่สุดในรายการนี้แล้วกระมัง”
“จี้เทียนซิงเข้านิกายมาได้ไม่ถึงครึ่งปี มันได้กลายเป็นศิษย์สายตรงของท่านประมุข
อีกทั้งยังติดสามอันดับแรกในเวลารวดเร็วยิ่ง นี่มันปีศาจชัดๆ !”
“เขาเพิ่งจะเอาชนะไป๋หวู่เชิน
ตามมาด้วยถังอี้ลั่ว การเอาชนะอัจฉริยะระดับสูงสองคนติดต่อกันได้เช่นนี้
เหลือเชื่อนัก !”
“พวกเจ้าคิดว่าจี้เทียนซิงจะท้าทายอันดับต่อไปหรือไม่
?”
“เพ้ย ตลกเหรอ ? ศิษย์พี่เฉินซู่ที่อยู่อันดับสองในรายชื่อขั้นสวรรค์
มีพลังยุทธ์ในระดับปราณจิตขั้นที่เก้า เหนือกว่าถังอี้ลั่วมากมายนัก !”
“จี้เทียนซิงต่อสู้สองคนติดต่อกันในรวดเดียว
ต่อให้มันกล้าแกร่งเพียงใดก็ใช่ว่าจะล้มสามยอดฝีมือติดต่อกันได้ เช่นนั้นคงไม่ใช่มนุษย์แล้ว?”
ในระหว่างที่ทุกคนรอบๆกำลังซิบซุบถกเถียงกัน
จี้เทียนซิงก็หันหน้าไปมองเฉินซู่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์พลางกล่าวว่า “ต่อไป เจ้า !”
เพียงสามคำง่ายๆที่ฟังดูกดขี่ยิ่ง
เหมือนมีมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นได้คว้าหมับเจ้าที่ดวงใจของทุกคนในทันที
การถกเถียงทั้งหมดมาถึงจุดจบอย่างฉับพลันและทั่วทั้งจตุรัสใหญ่พลันตกอยู่ในความเงียบสงัด
ศิษย์สาวกหลายร้อยคนแสดงออกอย่างน่าตกใจ
พวกเขาเบิกตากว้างและอุทานอย่างไม่อยากเชื่อ
“สวรรค์ !!! หมอนี่มันจัดหนักถึงขั้นท้าทายอันดับสองเลย ?”
“จี้เทียนซิงประกาศท้าอัจฉริยะสามคนติดต่อกันหรือ
? นี่มันผิดปกติเกินไปแล้ว !”
“มันยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่ ? สู้มาสองรอบติดกันมิใช่ว่าสูญสิ้นพลังลมปราณไปอักโขแล้วหรือ
มันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยหรือไร ?!”
“มันบ้าไปแล้ว ! ข้าเพิ่งแซวเล่นอยู่หมาดๆ
แต่ก็ไม่คิดว่าจี้เทียนซิงจะกล้าท้าทายอัจฉริยะถึงสามคนติดต่อกัน !”
“ฮ่ะ ฮ่าๆๆ …มีละครดีๆให้ได้ชมอีกแล้ว
การจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์ปีนี้ เป็นรายการที่น่าตื่นเต้นที่สุดในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
!”
“จี้เทียนซิง เจ้าคนประหลาดผู้นี้มีหัวใจเสริมใยเหล็กหรือไง
มันสร้างความตกตะลึงให้ผู้คนครั้งแล้วครั้งเล่า !”
ทั่วทั้งจัตุรัสกลายเป็นเดือดพล่าน
ศิษย์หลายร้อยคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
แม้กระทั่งผู้อาวุโสและผู้ดูแลทั้งหมดต่างก็เผยสีหน้าซับซ้อนพลางส่งเสียงกระซิบแผ่วเบาต่อกัน
มีเพียงฉู่เทียนเซิงและหยุนเหยาที่อยู่บนบัลลังก์หลักทางทิศเหนือเท่านั้นที่ดวงตาเปล่งประกายอย่างลุ่มลึก
สายตาของคนทั้งสองจ้องมองไปกลางเวทีด้วยรอยยิ้มบางที่มุมปาก
เย่หงผู้เป็นประธานและกรรมการชะงักไปวูบหนึ่ง
คนเหลือบมองจี้เทียนซิงอย่างลึกซึ้งแต่มิได้เอ่ยอันใดออกมา
จากนั้นก็หันหลังเดินลงจากเวที
จากนั้นภายใต้สายตาของทุกคน
เฉินซู่ก้าวเท้าขึ้นไปบนเวทีแล้วยืนอยู่ห่างจากจี้เทียนซิงสิบเมตร
สีหน้าท่าทางการแสดงออกของมันดูเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
ไร้ซึ่งความมั่นอกมั่นใจและความยโสโอหังของอัจฉริยะระดับสูงอย่างที่ควรจะเป็น
มันไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้จะเกิดขึ้น
ถังอี้ลั่วกล่าวได้ถูกต้องแล้ว
หากมันเอาชนะจี้เทียนซิงไม่ได้ เหยื่อรายต่อไปก็คือเฉินซู่ !
คำพูดของถังอี้ลั่วได้รับการยืนยันในที่สุด
อารมณ์ของเฉินซู่นั้นกลายเป็นซับซ้อนมาก
แววตาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
อีกทั้งยังรู้สึกสำนึกเสียใจอยู่ภายในใจ
มันรู้สึกเสียใจไม่น้อยที่ไม่รู้ว่าพลังฝีมือของจี้เทียนซิงนับว่าผิดปกติจากคนทั่วไป
มันไม่ควรแสดงท่าทีเย้ยหยันเสียดสีอีกฝ่ายแต่แรก
ทว่า
อดีตย่อมมิอาจกลับไปแก้ไข มันไม่มีประโยชน์ที่จะคิดถึงมัน
เฉินซู่สูดหายใจลึก
คิ้วขมวดแน่น ในใจเร่งครุ่นคิดหาวิธีโน้มน้าวเกลี้ยกล่อมมิให้จี้เทียนซิงใช้ฝ่ามือเพลิงนั่น
รวมไปถึงการคิดนวณมิให้อีกฝ่ายได้ใช้กระบี่อันน่าสะพรึงกลัวทั้งสองรูปแบบอีกด้วย
ในฐานะอัจฉริยะอันดับสองในรายชื่อขั้นสวรรค์ของนิกายพันธมิตรสวรรค์
เฉินซู่มีพลังปราณในขอบเขตปราณจิตขั้นที่เก้า
แน่นอนว่ามันย่อมดูออกว่ากระบี่ของจี้เทียนซิงนั้นผิดแผกพิศดารยิ่ง
ต่อให้เป็นกระบี่คุณสูงสุดในระดับลึกลับก็ไม่มีทางฟาดฟันออกมาเป็นมายามังกรที่ชัดเจนขนาดนั้นได้
อีกทั้งยังเป็นวิชากระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าวิชากระบี่ทั่วๆไป
กระบี่สีดำของจี้เทียนซิงเล่มนั้น
แน่ชัดแล้วว่ามันเป็นกระบี่ชั้นเลิศที่เหนือล้ำกว่าระดับล้ำลึกไปไกลโข !
ในเวลานี้เอง
จี้เทียนซิงเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไปเนิ่นนาน ไร้ซึ่งวาจาหรือความคิดลงมือ
คนพลันกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “ศิษย์พี่เฉิน
ชักกระบี่เถิด !”
สายตาของเฉินซู่กลับมารวมศูนย์
ใบหน้าของมันเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสอพลอและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า “ช้าก่อนศิษย์น้องจี้
ข้ากับเจ้ามิได้มีความแค้นบาดหมางหรือเป็นปฏิปักษ์อันใดต่อกัน
หนำซ้ำข้ายังรู้สึกชื่นชมเจ้าไม่น้อย”
“การจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์นี้เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนชี้แนะระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้องเท่านั้น
พวกเรามิเห็นจำเป็นจะต้องหนักมือ ดังนั้นเพื่อมิให้เป็นการทำลายมิตรภาพอันดีระหว่างศิษย์ร่วมสำนัก
เจ้ากับข้าสู้กันโดยไม่ใช้พลังภายนอก ไม่ใช้กระบี่หรืออาวุธใดๆ
เราจะประลองกันด้วยมือเปล่า เจ้าคิดว่าไง ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินซู่
จี้เทียนซิงก็นิ่งเงียบ ศิษย์สาวกหลายร้อยคนในจัตุรัสแสดงสีหน้าแปลกๆพลางกระซิบกระซาบกัน
“ฮ่าๆๆ พวกเจ้าได้ยินหรือไม่ ? ดูเหมือนศิษย์พี่เฉินจะกินไม่เข้าคายไม่ออกซะงั้น !”
"ใช่ ! การจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์ก่อนหน้านี้
เขาแทบอดใจไม่ไหวที่จะทุ่มทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อได้อันดับดีๆ เพ้ย !
มาวันนี้กลับตีหน้าซื่อพูดถึงเรื่องมิตรภาพของศิษย์ร่วมสำนัก !”
“จะว่าไปจี้เทียนซิงเอาชนะศิษย์พี่ไป๋และศิษย์พี่ถังได้อย่างง่ายดายด้วยเพลงฝ่ามือและเพลงกระบี่ แต่หากว่ามันไม่ใช้อาวุธพวกนั้น
ข้าเกรงว่าคงมิใช่คู่ต่อสู้ของศิษย์พี่เฉินแน่นอน”
ศิษย์หลายร้อยคนจับกลุ่มพูดคุยกันให้แซ่ด
มีหลายคนรู้สึกมีความสุขในความโชคร้ายของผู้อื่น
คนเหล่านี้รอดูเฉินซู่ร่วงหล่นตามหลังไป๋หวู่เชินและถังอี้ลั่ว
อย่างไรก็ตาม
ยังมีศิษย์อีกหลายคนที่รู้สึกว่าจี้เทียนซิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินซู่แน่นอนถ้าไม่มีกระบี่เล่มนั้นเป็นตัวซ่วย
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังถกเถียงกัน
จี้เทียนซิงพลันเอ่ยปากขึ้น
เขาเลิกคิ้วขึ้นและจ้องมองเฉินซู่ด้วยแววตาหยอกเย้า
“ไม่ให้ข้าใช้เพลงฝ่ามือและไม่ให้ข้าใช้กระบี่
นี่คือสิ่งที่ศิษย์พี่เฉินต้องการ ?”
เฉินซู่เป็นใบ้
สีหน้าของมันดูอึดอัดคับข้อง สองแก้วร้อนผ่าวด้วยความอับอาย
มันไม่กล้าจ้องหน้าจี้เทียนซิงตรงๆ
เจ้าตัวรู้แน่ชัดว่าหลังจากกล่าวคำพูดเหล่านี้ออกไป
ทุกคนจะต้องลอบหัวเราะมันในใจ
แต่ทว่ามันไม่มีทางเลือก
มันไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อยว่าจะสามารถรับมือกับหัตถ์เปลวอัคคีหรือกระบี่มังกรดำของอีกฝ่ายได้
ในขณะที่เฉินซู่เงียบไปและเต็มไปด้วยสีหน้าอับอาย
จี้เทียนซิงยกยิ้มมุมปากพลันเก็บกระบี่กลับไป คนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“ย่อมได้
เมื่อศิษย์พี่ขอมาผู้น้องก็ยินดีสนอง !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved