การโจมตีในยามวิกาล
เมืองวิญญาณเพลิงภายใต้รัตติกาลนั้นเงียบสงบ
จี้เทียนซิงออกจากจัตุรัสเมืองแล้วเข้าพักที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมือง
หลังจากปิดประตูหน้าต่างลงเขาก็นั่งลงบนโต๊ะและหยิบแผนที่ออกมาจากแหวนมิติเพื่อดูและศึกษา
ในขณะที่เขาค่อยๆคลี่ม้วนกระดาษม้วนออกและดูแผนที่ของเทือกเขาหมอกเร้นลับ ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว ดวงตาทอประกายสีสัน
เขาคาดไม่ถึงว่าโครงสร้างและภูมิประเทศของเทือกเขาหมอกเร้นลับนั้นจะซับซ้อนเพียงนี้
แผนที่เรียงรายไปด้วยเส้นกากบาตราวกับแมงมุม
มันเป็นเส้นร่างภูมิประเทศและภูมิทัศน์ของเทือกเขา
เพียงแค่ผ่านๆก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันซับซ้อนยุ่งยาก
หากเข้าสู่เทือกเขาหมอกเร้นลับจริงๆต่อให้ถือแผนที่นี้ไว้ก็ใช่ว่าจะรู้เหนือรู้ใต้
จี้เทียนซิงรู้สึกประหลาดเล็กน้อยและขบคิดในใจอย่างเงียบงันว่า
“ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่บุกเข้าไปในเทือกเขาหมอกเร้นลับแล้วสุดท้ายก็ตกตาย
!”
“เทือกเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยภูมิประเทศที่ซับซ้อนอย่างมาก
มันราวกับเขาวงกตขนาดใหญ่และยังถูกปกคลุมไว้ด้วยชั้นหมอก ต่อให้มีแผนที่รายละเอียดก็ใช่ว่าจะเข้าไปได้ง่ายๆ...
”
แต่โชคยังดีที่แผนที่ในมือของเขาไม่เพียงแค่แสดงรายละเอียดอันตรายในเทือกเขาเท่านั้น
แต่มันยังมีเส้นลากสีแดงอยู่หลายเส้น
เส้นสีแดงที่โดดเด่นก็คือเส้นทางเข้าออกเทือกเขาหมอกเร้นลับที่
‘น่าจะ’ ปลอดภัยที่สุด
จี้เทียนซิงดูแผนที่อย่างระมัดระวังและทำเครื่องหมายที่จุดอันตรายของแผนที่ตลอดจนเส้นทางที่จะเดินทางเข้าและออกทั้งหมด
หลังจากผ่านไปสองชั่วยามเขาก็จำแผนที่ทั้งหมดได้แล้วจึงเก็บมันไว้ในแหวนมิติ
ขณะนี้เป็นกลางดึกสงัด
ทั่วทั้งเมืองวิญญาณเพลิงต่างก็หลับสนิท
“แผนที่ของเทือกเขาหมอกเร้นลับข้าจดจำได้หมดแล้ว
วันพรุ่งนี้ข้าค่อยไปหาซื้อโอสถและสิ่งของจำเป็นในการเดินทาง
จากนั้นก็พร้อมเดินทางได้ทุกเมื่อ”
จี้เทียนซิงกระซิบพึมพำ
จากนั้นก็นั่งคุกเข่าแล้วเริ่มบ่มเพาะ
การต่อสู้ในถ้ำปีศาจเมื่อไม่กี่วันก่อนทำให้เขาสามารถบรรเทาจุดฝังเข็มได้ทันทีในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย
มันทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว
กระบวนการนี้ทำให้เขาสามารถหาวิธีที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วและทำให้เข้าใจแก่นแท้ของวิถีใจกระบี่มากยิ่งขึ้น
ซึ่งวิธีการนี้ย่อมต้องผ่านการต่อสู้จริง
!
เมื่อผ่านการต่อสู้มากขึ้น
ผ่านร้อนผ่านหนาวและบททดสอบจากความเป็นความตายในช่วงวิกฤต
มันจะทำให้เขายิ่งเข้าถึงแก่นของวิถีใจกระบี่จนกลายเป็นปรมาจารย์แห่งศาสตร์กระบี่ !
และด้วยความเข้าใจนี้
เขาจึงกล้าเดิมพันด้วยชีวิตอย่างไร้ความลังเลในการท้าทายมนุษย์หมาป่าอันหยิง
การกระทำของเขาในคืนนี้เหมือนเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
เขาสามารถฝึกฝนตัวเองในการต่อสู้เพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งและยังได้รับรางวัลจากตึกพนันเหยี่ยวเวหาอีกด้วย
ผลที่ออกมาเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าเขามีทั้งความกล้าหาญและเฉลียวฉลาด
ช่วงเวลาที่เขาต่อสู้กับอันหยิง
ทักษะเอาชีวิตรอดของเขาได้ปะทุขึ้นอีกครั้งซึ่งทำให้จุดฝังเข็มเกือบจะถูกบรรเทาอีกจุดหนึ่ง
แต่โชคไม่ดีที่ความแข็งแกร่งของมนุษย์หมาป่าอันหยิงนั้นเทียบเท่ากับเขาและการต่อสู้จึงจบลงอย่างรวดเร็ว
หากใช้เวลานานกว่านี้เล็กน้อย
สถานการณ์ของเขาก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นและแน่นอนว่าเขาย่อมสามารถบรรเทาจุดฝังเข็มเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งถึงสองจุดได้เลยทีเดียว
ทั้งนี้ทั้งนั้น
นอกจากการพัฒนาความแข็งแกร่งผ่านการต่อสู้แล้ว เขายังต้องบ่มเพาะอย่างหนักควบคู่ไปด้วยเช่นกัน
เพราะโลกแห่งการบ่มเพาะนั้นเราผู้ฝึกยุทธ์เปรียบได้ดั่งเรือน้อยที่กำลังต้านกระแสน้ำ
หากไม่หมั่นพายไปข้างหน้าก็มีแต่จะถดถอยหย่อนยาน
..........
เวลาผ่านไปอีกสี่ชั่วยามโดยไม่รู้ตัว
ท้องฟ้านอกหน้าต่างสว่างไสวและวันใหม่กำลังมา
จี้เทียนซิงหยุดการบ่มเพาะและเดินออกจากโรงเตี๊ยมหลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อย
เขาไปที่จตุรัสตงเชิงอีกครั้งและเดินไปรอบๆเพื่อมองหาร้านค้าและซื้อสิ่งของที่จำเป็น
เขาใช้หินวิญญาณทั้งหมดสิบก้อนซื้อโอสถรักษา
เม็ดยาฟื้นฟู ม้วนอาคมพิเศษและของเบ็ดเตล็ดอีกอีกเล็กน้อย
เมื่อเตรียมพร้อมเสร็จสรรพเขาก็ผละจากจตุรัสตงเชินและเดินไปที่ประตูเมืองวิญญาณเพลิง
ประตูยังคงปิดอยู่และมีทหารยามหลายคนคอยปกป้องอย่างแข็งขัน
หลังจากจี้เทียนซิงแสดงป้ายยืนยันตัวตนแล้วทหารยามก็เปิดประตูให้เขาออกจากเมืองแต่โดยดี
เขาเดินไปตามถนนทางเดินสีดำใต้ประตูเมืองจากนั้นก็ไปยังแผ่นหินสีดำที่อยู่ห่างออกไป
100 เมตร
เมื่อเขาใช้ป้ายยืนยันทาบบนแผ่นหินสีดำ
ข่ายอาคมลวงตาก็ปิดตัวลง ฉากเบื้องหน้าเปลี่ยนไปและทำให้เขากลับมาอยู่กว้างทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่อีกครั้ง
เขาปล่อยเฉียนเยวี่ยออกจากถุงมิติ
มันพุ่งออกมาเป็นประกายแสงสีฟ้าและขยายร่างขึ้นกว่าสามเมตรในทันที
“เฉียนเยวี่ย เจ้าพาข้าบินไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือห่างออกไปราวๆสองพันไมล์ที
ที่นั่นคือเทือกเขาหมอกเร้นลับ”
กล่าวจบจี้เทียนซิงก็กระโดดขึ้นบนหลังของมันและนั่งลง
“จัดไป”
เฉียนเยวี่ยกล่าวตอบพร้อมกับผงกศีรษะ
มันกระพือปีกทันทีและเหินขึ้นฟ้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ความเร็วของมันจัดว่าไม่มากนักและยังห่างไกลจากความเร็วในการบินของกระเรียนวิญญาณของหยุนเหยา
อย่างไรก็ตามจี้เทียนซิงมิได้รีบร้อนเดินทาง
อีกทั้งพลังและความแข็งแกร่งของเฉียนเยวี่ยนั้นกำลังค่อยๆฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ
อีกไม่นานความเร็วในการบินของมันจะมากขึ้นกว่านี้หลายเท่า
............
จี้เทียนซิงขี่หลังเฉียนเยวี่ย
ใบหน้าปะทะสายลมบนท้องฟ้า ดวงตากวาดมองไปทั่วภูเขาด้านล่างในขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ
แผนที่ภูมิประเทศของเทือกเขาหมอกเร้นลับผุดขึ้นในใจ
เขาครุ่นคิดอย่างเงียบงันถึงวิธีการและแผนการในการเข้าสู่ภูเขา
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ยามพระอาทิตย์ตกดิน เฉียนเยวี่ยก็บินมาได้ครึ่งทางแล้ว
การเดินทางติดต่อกันเป็นเวลานานสูบกินพลังกายมากมาย
มันจำเป็นต้องหยุดพักเพื่อฟื้นฟูก่อนที่จะบินต่อไป
จี้เทียนซิงบอกให้มันลงจอดบนเทือกเขาหนึ่ง
และหยุดลงบนยอดเขาสูงจากพื้นดินนับนับพันฟุต
ในรัศมีร้อยไมล์รอบๆพื้นที่นั้นเป็นเทือกเขาไร้ผู้อยู่อาศัย
ทิวเขาเป็นป่าดั้งเดิมและยอดเขาปกคลุมไปด้วยต้นไม้สูงตระหง่านรวมไปถึงพื้นดินก็เต็มไปด้วยใบไม้หนาเตอะ
จี้เทียนซิงพบพื้นหญ้าเปิดโล่งในเชิงเขาจึงจัดวางข่ายอาคมง่ายๆด้วยก้อนหินไม่กี่ก้อน
นี่เป็นเพียงข่ายอาคมล้ำลึกระดับต่ำที่ไม่สามารถต้านทานยอดฝีมือระดับปราณจิตได้เลย
แต่มันสามารถกันแดดกันฝนและปกป้องเขาจากสัตว์อสูรทั่วไป
เมื่อจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเขาก็นั่งขัดสมาธิบนแผ่นหินและหลับตาลง
ส่วนเฉียนเยวี่ยก็หดตัวลงจนมีขนาดเท่าลูกแมวและกลับไปในถุงมิติเพื่อพักผ่อน
คืนนี้พวกเขาต้องการพักผ่อนที่นี่ก่อนหนึ่งคืน
จากนั้นรุ่งเช้าค่อยออกเดินทางต่อไป เพราะอย่างไรเสียเขาก็มีเวลาเหลือเฟือจึงไม่ได้รีบร้อนอะไร
ในตอนกลางคืน
การเดินทางในเทือกเขานั้นไม่เพียงแค่เป็นไปได้อย่างเชื่องช้า
แต่ยังเปี่ยมไปด้วยอันตราย มันจะตกเป็นดึงดูดให้สัตว์อสูรจำนวนมากมาจู่โจม ดังนั้นการหยุดพักจนถึงรุ่งเช้าจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
............
ภูเขาในยามค่ำคืนนั้นเงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง
ในบางครั้งจะมีเสียงร่ำร้องโหยหวนของเหล่าสัตว์อสูรดังออกมาจากที่ไกลๆซึ่งเพิ่มความลักลับอันตรายให้กับรัติกาลอันมืดมิดบนภูเขา
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวโปรยไปด้วยแสงปกคลุมร่างของจี้เทียนซิง
จิตใจของเขาเงียบสงบลงและเข้าสู่สภาวะการบ่มเพาะอย่างตั้งใจ
อย่างไรก็ตาม
ในตอนนี้เองเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเล็กน้อยจากเชิงเขา เขาถูกปลุกจากภวังค์และหยุดการบ่มเพาะทันที
ดวงตาเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขาหันศีรษะมองไปรอบๆและหรี่ตาลงเพ่งมองไปในป่าทึบที่ไกลออกไปราวๆร้อยเมตร ที่จุดนั้นมีแสงเย็นวาบปรากฏขึ้น
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ในทันที
มันเป็นแสงเย็นจากกระบี่ระดับล้ำลึก !
มีบางคนกำลังเข้ามาใกล้เขาอย่างเงียบงัน
!
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved