ตอนที่ 309 ชายชราลึกลับ

เอี๋ยนเอ๋อร์โบกมือด้วยรอยยิ้มเล็กๆที่ปรากฏบนใบหน้าพลางกล่าวว่า

"ศิษย์พี่เทียนซิงท่านไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นไร"

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้รับบาดเจ็บจี้เทียนซิงก็รู้สึกโล่งใจ

ในเวลานี้เองเสี่ยวไป๋ก็รีบพุ่งออกมาจากป่าและวิ่งไปหยุดอยู่ข้างหน้าเอี๋ยนเอ๋อร์

มันส่งเสียงคำรามหลายรอบพลางจ้องมองไปที่ป่าเบื้องหน้าอย่างระแวดระวัง

เมื่อเห็นการตอบสนองนี้เฉียนเยวี่ยจึงอธิบายกับทั้งสองอย่างรวดเร็วว่า

"เสี่ยวไป๋อยากจะบอกว่าในป่านี้มีอันตราย ให้พวกเจ้าอยู่ให้ห่างๆ”

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วพลางหันไปมองดูป่าข้างหน้าและสังเกตด้วยสายตาแหลมคม

ก่อนหน้านี้เฉียนเยวี่ยเคยพาเขาบินบนท้องฟ้าผ่านจุดนี้ซึ่งก็ปกติดี

ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าทำไมเสี่ยวไป๋และเอี๋ยนเอ๋อร์ถึงได้ถูกกระแทกอย่างกระทันหันเช่นนี้

เมื่อมาถึงจุดนี้เขาจ้องมองไปที่ป่าอยู่ครู่หนึ่งและพบเบาะแสบางอย่าง

"มันแปลกมาก ราวกับมีการวางข่ายปราณเอาไว้ !"

จี้เทียนซิงพึมพำและเดินไปที่ป่า

เฉียนเยวี่ย, เอี๋ยนเอ๋อร์และเสี่ยวไป๋รีบตามมาอย่างรวดเร็วและมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง

จี้เทียนซิงเข้าสู่ป่าและหยุดอยู่ระหว่างต้นไม้สูงสองต้น

เมื่อตอนที่เสี่ยวไป๋และเอี๋ยนเอ๋อร์ถูกกระแทกจนกระเด็นก็เริ่มที่จุดนี้

ต้นไม้ใหญ่สองต้นว่างเปล่าและไม่มีอะไรผิดปกติ

อย่างไรก็ตามสีหน้าของจี้เทียนซิงกลายเป็นเคร่งขรึม

คนเหยียดฝ่ามือและโคจรพลังลมปราณออกมา

พลังปราณสีทองอันน่าตื่นตาระเบิดขึ้นในอากาศและหายไปอย่างแปลกประหลาด

จี้เทียนซิงโบกฝ่ามือไปมาอย่างต่อเนื่องด้วยมือทั้งสองข้างและสีหน้าของเขาก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ

ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา กำแพงลำแสงเปี่ยมด้วยสีสันกว้างประมาณห้าเมตรและสูงสามเมตรก็ค่อยๆปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือกำแพงที่ก่อตัวขึ้นจากข่ายอาคม

กำแพงแสงหลากสีสันนี้เต็มไปด้วยพลังที่ผันผวน

มันซ้อนทับกันอย่างหนาแน่นและเปล่งคลื่นพลังออกมาเป็นระลอก

“เป็นข่ายปราณจริงๆ ! อีกทั้งวิธีจัดวางก็ยังดูเหมือนจะอยู่ในระดับสูงมาก

!”

เอี๋ยนเอ๋อร์เห็นเบาะแสในที่สุด

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความงุนงงและประหลาดใจ

จี้เทียนซิงพยักหน้าและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า

"ถูกแล้ว ข่ายปราณนี้ดูเหมือนง่าย เป็นเพียงแค่กำแพงลำแสง

แต่แท้จริงแล้วมันคือข่ายปราณระดับสวรรค์ ! ยิ่งไปกว่านั้น

ดูจากการก่อตัวของมันก็เพิ่งใช้เวลาไม่นาน อาจจะแค่สองสามวันเท่านั้นเอง"

"ข่ายปราณระดับสวรรค์ ?”  เอี๋ยนเอ๋อร์ตกใจยิ่งขึ้นและถามอย่างไม่อยากเชื่อว่า

“สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากนิกายพันธมิตรสวรรค์เพียงร้อยไมล์

ใครกันที่มาวางข่ายปราณระดับสวรรค์ไว้ที่นี่ ?"

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและจ้องมองการก่อตัวของมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวด้วยเสียงลุ่มลึกว่า

“ไม่ต้องห่วง

ข้าจะถอดรหัสและทำลายมัน ถึงตอนนั้นเราจะรู้คำตอบเอง"

"เอ๋ ?"

เอี๋ยนเอ๋อร์อุทานด้วยความประหลาดใจ เขาเบิกตากว้างมองอีกฝ่ายอย่างเหลือเชื่อว่า “ศิษย์พี่เทียนซิง

ท่านสามารถถอดรหัสข่ายปราณระดับสวรรค์ได้ด้วยหรือ ?  แต่ข้าได้ยินมาว่ามีเพียงแค่ยอดฝีมือในขอบเขตปราณฟ้าขึ้นไปเท่านั้นจึงจะสามารถ...."

จี้เทียนซิงลูบหัวเอี๋ยนเอ๋อร์และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“ข่ายปราณระดับสวรรค์แบ่งออกเป็นสี่ระดับ

สูงสุด สูง กลาง ต่ำ ซึ่งความยากง่ายในการจัดวางหรือถอดรหัสพวกมันก็จะแตกต่างกันไป"

ข่ายปราณที่พวกเราเห็นนี้เป็นเพียงข่ายปราณสวรรค์ระดับต่ำจนแม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณโอสถก็สามารถทำลายมันได้"

“ซึ่งข้าก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์นี้เช่นกัน

ข้าจะลองทำลายมันดู"

เอี๋ยนเอ๋อร์ส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจ

ดวงตาของเขากระพริบด้วยความอิจฉาและเคารพเทิดทูน “ฮ้า.. ? ศิษย์พี่เทียนซิง

ท่านก็ยังดูเยาว์วัยนัก ที่แท้เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้”

จี้เทียนซิงเพียงแย้มยิ้มและไม่พูดอะไรต่อไป

จากนั้นก็เริ่มทำลายข่ายปราณตรงหน้าด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมด

ใบหน้าของเขาสงบนิ่งราวกับผิวน้ำ ดวงตาจ้องลึกเข้าไปในกำแพงแสงหลากสี

วาดฝ่ามือพลังปราณสีทองออกมาอย่างต่อเนื่องและถ่ายเทเข้าไปยังกำแพงข่ายปราณเบื้องหน้า

ภายในดวงตาของเขามองเห็นเป็นเส้นสายของสีสันมากมายรวมไปถึงการก่อตัวของข่ายปราณ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ภายในภูเขาเต็มไปด้วยความเงียบ

เอี๋ยนเอ๋อร์จ้องมองจี้เทียนซิงอย่างตั้งอกตั้งใจ

ส่วนเฉียนเยวี่ยและเสี่ยวไป๋ก็กวาดสายตามองไปรอบๆและส่งเสียงพูดคุยกันอยู่สองตัว

สองชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว

จี้เทียนซิงยังคงพยายามทำลายการก่อตัวของข่ายปราณ

กระบวนการนี้สูบกลืนพลังลมปราณไปมากมายจนทำให้เขารู้สึกอ่อนล้าจนเหงื่อผุดซึมที่หน้าผาก

หลังจากทั้งหมด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ลงมือทำลายการก่อตัวของข่ายปราณระดับสวรรค์ด้วยตนเอง

เขาอดไม่ได้ที่จะขบคิดในใจว่า “ถึงจะเป็นระดับต่ำสุดแต่มันก็สมแล้วที่เป็นข่ายปราณระดับสวรรค์

กว่าข้าจะทำลายมันได้ก็ต้องใช้พลังทั้งหมดแถมยังใช้เวลามากกว่าสองชั่วยาม”

“ส่วนมหาข่ายปราณระดับสวรรค์ที่อยู่ในสุสานโบราณภูเขามังกรนั้นมีการจัดวางที่ยอดเยี่ยมกว่านี้หลายเท่า

ดูเหมือนว่าต้องรอจนกว่าข้าจะมีพลังถึงระดับปราณโอสถจึงจะมีหวัง !"

………..

จากนั้นเวลาผ่านไปอีกไม่นานข่ายปราณก็เริ่มปริแตก

กำแพงลำแสงหลากสีเริ่มบิดเบี้ยวและยุบอย่างรวดเร็ว

ชิ้นส่วนจำนวนมากถูกรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นประตูลำแสงหลากสีรูปทรงไข่

นี่คือประตูวาร์ปเข้าไปข้างใน

จี้เทียนซิงกวาดตาสำรวจเบื้องหน้าเล็กน้อยและขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า

"เมื่อมองไปยังเส้นทางเดินภายในข่ายปราณนี้ ดูเหมือนจะนำไปสู่ประตูหลัก"

"แปลกมาก

ใครกันแน่ที่ยอมเสียเวลามากมายเพื่อสร้างข่ายปราณระดับสวรรค์และอาคมเคลื่อนย้าย ?"

เขาตระหนักได้ว่าด้านหลังข่ายปราณนี้มีเรื่องแปลกๆซ่อนอยู่

เอี๋ยนเอ๋อร์ก็รู้สึกไม่ค่อยดีเช่นกันและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า

"ศิษย์พี่เทียนซิงนี่มันแปลกๆนะ

ท่านว่าพวกเราควรจะเข้าไปดูกันหน่อยไหม ?"

จี้เทียนซิงพยักหน้าโดยไม่ลังเลและเห็นด้วย

ทั้งสองเริ่มก้าวเท้าข้ามประตูวาร์ปทีละคนและเข้าไปในอาคมเคลื่อนย้าย

ส่วนเฉียนเยวี่ยและเสี่ยวไป๋ก็ตามหลังมาติดๆ

ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายช่องนั้นประกอบไปด้วยผนังกำแพงแสงหลากสีและมีพื้นที่ค่อนข้างแคบ

อย่างไรก็ตามมันเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันลึกลับและดูเหมือนทางออกจะอยู่ห่างออกไปเพียงร้อยก้าวเท่านั้น

จี้เทียนซิงกับเอี๋ยนเอ๋อร์เดินไปตามทางจนสุดทางและพบทางออกในที่สุด

"ฟุ่บ !"

ทั้งสองพาเฉียนเยวี่ยและเสี่ยวไป๋ข้ามประตูวาร์ปจนมาถึงถ้ำว่างเปล่าที่ไหนสักแห่ง

ถ้ำขนาดใหญ่แห่งนี้มีรัศมีกว่า 1,000 เมตร

ส่วนบนสุดของถ้ำและกำแพงหินโดยรอบนั้นฝังไว้ด้วยอัญมณีสีสันสดใส

อัญมณีนับพันไม่เพียงแค่ส่องประกายแวววาว แต่มันยังเปล่งคลื่นพลังอันรุนแรงออกมา

ทั่วทั้งถ้ำเต็มไปด้วยพลังงานและมีแสงสว่างมาก

จี้เทียนซิงกวาดสายตามองไปรอบๆเพื่อสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ

จนกระทั่งเขาได้เห็นข่ายอาคมเล็กๆที่อยู่ตรงกลางถ้ำ

มันเป็นแท่นบูชาทรงกลมที่กินรัศมีราวๆ 100 เมตรเต็มไปด้วยเส้นสายอาคมจารึกสลักเอาไว้มากมาย

ประดับประดาไว้ด้วยหินวิญญาณและอัญมณีจำนวนมาก

รอบแท่นบูชาวงกลมมีเสามังกรทองคำเก้าเสาตั้งอยู่

เสามังกรแต่ละเสามีขนาดใหญ่และดูน่าเกรงขามมาก

มันหนากว่าแปดเมตรและสูงกว่าร้อยเมตร

นอกจากนี้ที่เสายังถูกจารึกไว้ด้วยรูปฟันมังกรทองคำ

จี้เทียนซิงสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเสามังกรแต่ละต้นนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายกดทับอันรุนแรงราวกับขุนเขาลูกใหญ่

เพียงกวาดสายตามองวูบเดียวเขาก็รับรู้ได้ว่าเสามังกรยักษ์ทั้งเก้าต้นนั้นประกอบขึ้นเป็นข่ายอาคมอันยอดเยี่ยมประเภทหนึ่ง

!

ทันใดนั้นเอง หางตาของเขาเหลือบไปเห็นคนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่บนแท่นบูชา

มันคือชายแก่คิ้วขาวในชุดเสื้อคลุมสีเหลือง

ผิวเข้ม ร่างเตี้ยและมีเคราแพะ !

คนผู้นั้นกำลังก้มศีรษะลงและเฝ้าดูการก่อตัวของแท่นบูชาอย่างระมัดระวัง