ตอนที่ 388

ตอนที่

388 มาได้ถูกเวลา

เดิมทีหลงหยุนเซียวคิดจะปล่อยมังกรทองสองเศียรออกมาเพื่อใช้เป็นพาหะเดินทางไปยังเมืองวิญญาณเพลิง

เนื่องจากเมืองนี้อยู่ห่างจากนิกายพันธมิตรสวรรค์มากกว่าสองพันไมล์  ด้วยความเร็วของมังกรทองสองเศียร พวกมันจะสามารถไปถึงได้ภายในสองชั่วยาม

อย่างไรก็ตาม หยุนเหยาชั่งน้ำหนักและพิจารณาดูแล้วก็ปฏิเสธทันที

นางคิดว่ามังกรทองนั้นมีขนาดใหญ่เกินไป มันจะสร้างความตื่นตกใจและสะดุดตาผู้คนมาก

ทั้งสามเดินทางในครั้งนี้ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบอันหนักอึ้ง

พวกมันต้องการค้นหาร่องรอยของเหล่ามารปีศาจที่เหลือรอดซึ่งการปรากฏตัวโดยมังกรทองนั้นจะทำให้พวกมันตื่นตัวและหลบหนีไปก่อน

หลงหยุนเซียวได้ฟังดังนั้นก็พยักหน้าและเห็นว่านางวิเคราะห์ได้ถูกต้อง

มันจึงล้มเลิกความคิดนี้ไป

ดังนั้น

วิธีการที่ดีที่สุดก็คือโดยสารกระเรียนวิญญาณของหยุนเหยา

ทั้งสามยืนอยู่ที่ด้านหลังของกระเรียนวิญญาณ

เบือนหน้าไปคนละทิศคนละทาง รับสายลมที่พัดมากระทบผิวหน้า

สายตากวาดมองไปตามภูเขาลำธารอันกว้างใหญ่รอบๆอย่างเงียบงัน

แม้ถึงจะไม่มีผู้ใดเอ่ยปากเรื่องเมื่อคืนนี้

แต่ทุกคนต่างก็ทราบกันดีอยู่ภายในใจ

บรรยากาศในการเดินทางเป็นไปอย่างมาคุน่าอึดอัด

แน่นอนจี้เทียนซิงก็เป็นหนึ่งในคนที่สงบปากสงบคำตลอดทาง

ในความเป็นจริง

เขากำลังอยู่ในห้วงแห่งความสุขล้ำ

บางครั้งความคิดก็ยังเหม่อลอยและอื้ออึงไปกับภาพความทรงจำเมื่อคืนที่ผ่านมา

...........

ภายในเมืองวิญญาณเพลิงแบ่งออกเป็นสี่พื้นที่

เขตตงเชินเป็นที่ตั้งของบ่อนพนันเหยี่ยวเวหา

อีกทั้งมันยังเป็นพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดของเมือง

แต่ตรงกันข้าม เขตซีเฉิงทรุดโทรมมาก มันราวกับสลัมที่เต็มไปด้วยบ้านหลังคาต่ำและแคบ

ถนนหนทางที่สกปรกเลอะเทอะ

ผู้คนส่วนใหญ่ที่สัญจรไปมาล้วนแต่มีสารรูปโสมมซอมซ่อ

ตามตรอกซอกที่มืดและสกปรกจะมีขอทานสภาพมอมแมมอยู่เรียงราย

ไม่ก็เป็นพวกจรจัดที่บาดเจ็บพิกลพิการอย่างน่าสังเวช

ด้านนอกมีแต่โรงเตี๊ยมเก่าทรุดโทรม ร้านขายของชำที่มีแต่คนบ้าอัปลักษณ์เดินเข้าเดินออก

เต็มไปด้วยเสียงเอะอะมะเทิ่งและเสียงสบถด่าทอตลอดทั้งวัน

เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ที่สว่างไสวและอุดมสมบูรณ์อื่นๆในเมือง เขตซีเฉิงก็เหมือนเมืองไร้วิญญาณ

เต็มไปด้วยความหดหู่อัตคัดและกลิ่นไอแห่งความตาย

โดยปกติไม่ว่าจะเป็นขอทาน โจรผู้ร้ายและคนชั่วที่มีประกาศจับภายในเมืองก็มักจะมากระจุกกันอยู่ในเขตนี้

แน่นอนว่าย่อมรวมไปถึงเหล่าคนยากจนที่ไม่มีเงินสำหรับรักษาตัว

หรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหลบหนีมากบดานเพื่อมีชีวิตรอดไปวัน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีข่าวลือหนาหูในเมืองวิญญาณเพลิงว่าเขตซีเฉิงเป็นสถานที่แห่งความตาย

แห้งแล้งและอ้างว้าง

ปกคลุมไปด้วยเงาแห่งปีศาจและมารร้ายที่ค่อยๆกัดกินจนผุกร่อนไปทีละน้อย

ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง

ไม่คิดที่จะก้าวเท้าเข้าสู่เขตซีเฉิงหากไม่มีเหตุจำเป็นที่สำคัญจริงๆ

หากเป็นคนธรรมดา หลังจากเข้าไปในสถานที่ที่น่ากลัวนี้

มักจะหายตัวไปอย่างแปลกประหลาด

ต่อให้รอดชีวิตกลับมา

คนผู้นั้นก็มักจะเป็นบ้า เสียสติหรือไม่ก็บาดเจ็บจนพิกลพิการ

สถานการณ์ทั้งหมดนี้ทวีความรุนแรงมากขึ้นในทุกๆปีอย่างไม่มีที่มาที่ไป

คนธรรมดาหรือผู้ฝึกยุทธ์ต่างก็หวาดกลัว

แม้จะอยากรู้อยากเห็นแต่ก็ไม่กล้าผลีผลามเข้าไปหาเหตุผล

มีกองกำลังหลักเพียงไม่กี่แห่งในเมืองที่ทราบข้อมูลบางอย่างภายในเขตซีเฉิง

แต่ทุกคนก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การที่มีข่าวลือมากมายในเมืองก็ยิ่งทำให้เขตซีเฉิงลึกลับและน่ากลัวมากขึ้น

ที่สุดถนนลึกภายในเขตซีเฉิง มีบ้านโบราณอายุเก่าแก่หลังหนึ่งตั้งอยู่

มันมีชื่อว่าลานอู๋ตง

บ้านเก่าแก่หลังนี้มีรัศมีครอบคลุมกว่า 1,000 ตารางเมตร ครั้งหนึ่งเคยเป็นจวนของเศรษฐีเมื่อหลายสิบปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ในคืนที่ฝนตกหนักเมื่อหกสิบปีก่อน

ครอบครัวร่ำรวยกว่าสามสิบคนและยามรักษาการที่เป็นยอดฝีมือกว่าหนึ่งร้อยนายได้เสียชีวิตอย่างไม่คาดฝันเพียงชั่วข้ามคืน

นับแต่นั้นมาจวนแห่งนี้ก็ถูกทิ้งร้างและกลายเป็นจวนผีสิงที่มีชื่อเสียง

ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ประหลาดในจวนผีสิงแห่งนี้ขึ้นบ่อยครั้ง

ผู้สัญจรผ่านได้หายตัวไปอย่างลึกลับน่าพิศวง

แม้กระทั่งในวันที่อากาศแจ่มใสก็ยังมีเมฆหมอกที่มองไม่เห็นล่องลอยอยู่ในจวนอย่างน่าขนลุก

เมื่อเวลาผ่านไป ชื่อเสียงของจวนผีสิงก็ขจรไกลจนไม่มีผู้ใดกล้าเฉียดกรายเข้าไปใกล้

!

ยามกลางวันแสกๆท้องฟ้าก็ยังมืดมนและสลัวแสง

หนำซ้ำยังมีฝนตกปรอยๆ

ประตูของลานอู๋ตงปิดสนิท

รอยของสีแดงบนธรณีประตูสีแดงชาดได้จางลงและหลุดลอก เผยให้เห็นเนื้อเหล็กสีเข้ม

มีแผ่นโลหะเก่าๆอยู่ที่วงกบประตู มีตัวอักษรโบราณสามตัวที่เขียนไว้บนนั้นว่า

[ลานอู๋ตง]

แต่มันแขวนอยู่บนกำแพงที่โค้งงอและปิดกั้นประตูไว้ครึ่งหนึ่ง

ในบ้านหลังประตูมีต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาและตายลงไปหลายต้น

พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้และฝุ่นหนาเป็นนิ้ว

ไม่ว่าจะเป็นห้องพักและทางเดินรอบสนาม

รวมไปถึงประตูและหน้าต่างล้วนชำรุดทรุดโทรม มีใยแมงมุมเกาะไปทั่วทุกแห่งหน

หากได้มองอย่างใกล้ชิดจะพบว่า มีแมงมุม

แมงป่องและสัตว์มีพิษหลายชนิดซ่อนอยู่ตามใบไม้และฝุ่นหนา

ตามคานบ้านที่เน่าเปื่อยเก่าแก่และกรอบประตูตามซอกมุมก็เต็มไปด้วยงูพิษหลากสี

เดิมทีลานผีสิงแห่งนี้สมควรจะไม่มีคนอาศัยอยู่

แต่ที่ด้านหลังสุดของบ้าน ภายในห้องมืดมิดที่สร้างจากหินสีดำ

มีเสียงของคนสองคนเล็ดลอดออกมา

ในห้องลับนี้อากาศช่างมืดมนและหนาวเย็นเสียดกระดูก

มันเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นหืนและกลิ่นคาวเลือด

ปรากฏเงาร่างสองร่างภายในห้อง ทั้งสองกำลังสื่อสารกันด้วยเสียงต่ำ   หนึ่งในนั้นตัวสูงฝหญ่กว่าสามเมตรมีลักษณะเหมือนยักษ์ตนหนึ่ง

มันมีผมยาวสีแดงและมีขนหน้าสีม่วง สวมสร้อยคอเขี้ยวกระดูกเป็นแผงยาวรอบคอของมัน

มันแทบจะกล่าวได้ว่าเปลือยกายล้อนจ้อนเพราะมันมีเพียงชุดหนังงูสีดำที่พันรอบเอว

ทั่วร่างเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันและความกระหายเลือด

ไม่ต้องสงสัยเลย มันก็คือราชามารโลหิต !

ส่วนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆมันและสนทนาด้วยเสียงต่ำ

เป็นหญิงชรารูปร่างประหลาดนางหนึ่ง

หญิงชรานางนี้ทั้งผอมและเตี้ยราวกับลิงแรกเกิดที่สูงเพียงหนึ่งเมตร

นางสวมชุดและผ้าคลุมสีดำ ถือไม้เท้ายันรักแร้อยู่ในมือ

ที่ด้านบนของไม้เท้ามีงูแบนสองหัวโยกไปทางซ้ายและขวา

ภายใต้เสื้อคลุมสีดำปรากฏใบหน้าที่แห้งเหี่ยวของนาง

มันเต็มไปด้วยตุ่มหนองและหลุมบ่อเท่าหัวแม่มือ ดูน่าเกลียดอัปลักษณ์ยิ่ง

นอกเหนือจากราชามารโลหิตและหญิงชราชุดดำ

ภายในห้องนี้ยังมีโต๊ะศิลาตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางห้อง ซึ่งบนโต๊ะก็มีเจดีย์สีม่วงสูงครึ่งเมตรวางอยู่

เจดีย์สีม่วงนี้มีเก้าชั้น ซึ่งแต่ละชั้นก็หมุนวนไปรอบๆและกระพริบแสงสีม่วงจางๆออกมา

ความเร็วและทิศทางการหมุนของเจดีย์เก้าชั้นนี้แตกต่างกันอย่างมาก

มันดูสลับซับซ้อนแต่ก็แฝงไว้ด้วยกฎเกณฑ์บางอย่างที่ผิดแผกพิศดาร

แสงสีม่วงส่องสว่างโดยเจดีย์หลังนี้สะท้อนบนผนังของห้องลับราวกับม่านแสงฉายภาพ

ภายในภาพปรากฏบุรุษและสตรีสามคนกำลังอยู่บนหลังกระเรียนวิญญาณสีขาวที่ล่องลอยเหนือเวหา

เมื่อเห็นภาพนี้หญิงชราชุดดำพลันเปิดปากที่มีฟันไม่ครบซี่  หัวเราะเสียงแหบแห้งอย่างน่าขนลุก  “เคะๆๆ มีเหยื่อกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเรา !”

ราชามารโลหิตก็แสยะยิ้มเห็นเขี้ยวอย่างกระหายเลือด

บิดคอไปมาและหักกระดูกข้อนิ้วดังเป๊าะๆพลางกล่าวว่า “มาได้ถูกเวลา เราราชันมิได้ดื่มเลือดสดๆของพวกมนุษย์มานานแล้ว

!”

"เดรัจฉานน้อยสามตัวนี้กล้ามาตามหาเราราชันถึงเมืองวิญญาณเพลิง

เราจะไม่ให้พวกมันได้กลับไปตลอดกาล !”