ขณะนี้ภายในห้องตำราเหลือเพียงจี้เทียนซิงและเทียนอิงฟางจู้เท่านั้น
จากนั้นมันก็มองไปที่จี้เทียนซิงและถามอย่างเคร่งขรึมว่า
“เจ้าหนุ่ม
เหตุใดถึงได้ถามเกี่ยวกับเวทย์มนต์คำสาป ? เจ้าพบปัญหาใดเข้าหรือไง ?”
"ขอรับ" จี้เทียนซิงไม่คิดปิดบังละอธิบายไปว่า “ผู้เยาว์กับสหายถูกโจมตีจากกลุ่มชายลึกลับในชุดดำนอกเมืองวิญญาณเพลิง”
"คนเหล่านั้นมิใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์
แต่เป็นหุ่นเชิดที่เกิดจากความเคียดแค้นและเวทย์มนต์คำสาป ... "
เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
คิ้วของเทียนอิงฟางจู้พลันขมวดชิดกัน ดวงตาทอประกายเจิดจ้า
มันเงียบไปครู่หนึ่ง จ้องมองจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าจริงจังและถามด้วยเสียงต่ำว่า
“เจ้าหนุ่ม
เจ้าทราบหรือไม่ว่าเวทย์คาถาคำสาปและการควบคุมวิญญาณเป็นเรื่องต้องห้ามของเมืองวิญญาณเพลิง
?”
"หากเราฟางจู้บอกเจ้าไปและเจ้ายังคิดที่จะล้วงลึกในเรื่องนี้
ชีวิตน้อยๆที่สดใสของเจ้าคงมิอาจเก็บไว้ได้อีก..... เช่นนี้แล้วเจ้ายังอยากรู้อีกหรือ ?”
เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของเทียนอิงฟางจู้
จี้เทียนซิงเข้าใจโดยสัญชาตญาณว่าบุคลที่โจมตีเขาด้วยเวทมนตร์คาถาควบคุมผู้นั้นต้องทรงพลังมากจนทุกคนในเมืองรู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าพูดถึง
แต่เขาก็พยักหน้าโดยไม่ลังเลและตอบกลับอย่างชัดถ้อยชัดคำ
"แน่นอน
!"
เทียนอิงฟางจู้เพ่งตามองอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง
รอยยิ้มสนุกสนานเกิดขึ้นที่มุมปากของมัน คนหัวเราะกล่าวว่า “ฮ่าๆๆ เจ้าหนุ่ม
เจ้านี่ทำให้ข้าสนใจในตัวเจ้ามากขึ้นทุกที”
"ในเมื่อเจ้าไม่กลัวความตาย
เช่นนั้นเราฟางจู้ก็จะมอบเบาะแสให้ ! เพื่อให้เจ้าได้สืบเรื่องนี้ต่อไปให้ชัดแจ้ง
ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นหรือตายล้วนไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับข้า เข้าใจหรือไม่ ?"
จี้เทียนซิงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า
"ขอบคุณในความกรุณาของท่าน”
เทียนอิงฟางจู้เลิกคิ้วขึ้นและกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า
“เมืองวิญญาณเพลิงมีด้วยกันสี่เขต
เหนือ ใต้ ออกและตก ซึ่งเขตตะวันออกก็คือเขตของข้า ส่วนเขตเหนือและเขตใต้เป็นสถานที่ทั่วไปที่ที่ผู้คนอยู่อาศัยกันได้อย่างปกติ”
“เอาล่ะ นี่คือภาพรวมของเมืองวิญญาณเพลิง
คนฉลาดอย่างเจ้าน่าจะเข้าใจความหมายของข้า
ข้าพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
สิ้นคำมันก็โบกมือให้จี้เทียนซิงกลับไปได้
จี้เทียนซิงจดจำคำพูดของเทียนอิงฟางจู้ไว้ในใจ
หลังจากขบคิดเพียงไม่กี่ลมหายใจเขาก็ได้เบาะแสที่อีกฝ่ายพยายามจะสื่อ
"ขอบคุณฟางจู้ที่กระตุ้นเตือน
ผู้เยาว์ขออำลา !"
จี้เทียนซิงโค้งคารวะอีกฝ่าย
หลังจากนั้นก็ล่าถอยออกไป
ผู้จัดการเหลยเดินออกไปส่งเขาเป็นการส่วนตัวจนกระทั่งถึงหน้าประตูบ่อนพนัน
................
เทียนอิงฟางจู้หย่อนก้นลงบนเก้าอี้หรูหรา
คนขมวดคิ้วเล็กน้อยจากนั้นก็พึมพำกับตัวเอง
"เจ้าหนุ่มนี่มีเรื่องบาดหมางกับภูตผีแห่งซีเฉิง
เกรงว่าจะมีการแสดงดีๆเกิดขึ้นเร็วๆนี้.....”
ในขณะเดียวกัน
จี้เทียนซิงก็ไปสมทบกับหยุนเหยาและหลงหยุนเซียว จากนั้นก็พากันเดินออกไป
ทั้งสามเดินไปตามตรอกซอยบนถนนที่มืดมิดและรกร้าง
เมื่อไม่เห็นคนอยู่รอบๆหลงหยุนเซียวจึงเอ่ยปากถามว่า “จี้เทียนซิง เจ้าได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาบ้างหรือไม่
?"
"อืม"
จี้เทียนซิงตอบด้วยเสียงในลำคอ
เขาพยักหน้าอย่างสงบกล่าวว่า “ไปที่เขตซีเฉิง(ตะวันตก)กันเถอะ พวกเราควรเริ่มตรวจสอบจากจุดนั้น"
หลงหยุนเซียวไม่ได้ถามเหตุผลโดยละเอียด
ทั้งหมดเดินทางไปยังเขตซีเฉิงอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปครึ่งชั่วยามทั้งสามก็มาถึงเขตซีเฉิง
ตอนนี้เป็นเวลากลางดึก
ทั่วทั้งเมืองล้วนเงียบสงัด
ทันทีที่ทั้งสามเข้าไปในเขตซีเฉิง พวกเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ถนนหนทางทั้งเก่าทรุดโทรมและสกปรกจนพวกเขาต้องหยุดเดินและหันไปมองรอบๆอย่างจริงจัง
ภายใต้แสงสลัวบนถนนทั้งสาย
มันมืดมิดราวกับน้ำหมึก ไร้ซึ่งแสงสว่าง
ในทุกทิศทางรอบรัศมีร้อยเมตร
แม้จะมีอาคารบ้านเรือนมากมายแต่ทั้งหมดต่างก็ชำรุดทรุดโทรม
ยิ่งไปกว่านั้นตามบ้านเรือนเก่าโทรมเหล่านั้น
ไร้ซึ่งแสงไฟหรือผู้คน มันเต็มไปด้วยอากาศเย็นชำแรกกระดูกและกลิ่นอายของความตาย
หยุนเหยาขมวดคิ้วและกล่าวว่า
“บริเวณนี้เป็นเหมือนเมืองที่ตายแล้ว
มันเต็มไปด้วยกระแสลมเย็นของไอมารที่รุนแรง"
หลงหยุนเซียวพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมและกล่าวว่า
"ในเมื่อเหยาเหยาสัมผัสไอมารที่แก่กล้าได้
เช่นนั้นเป้าหมายของพวกเราก็สมควรอยู่ระแวกนี้"
จี้เทียนซิงกวาดสายตามองรอบๆอย่างจริงจังพลางกระซิบเตือนว่า
“ที่นี่มีอะไรแปลกๆ
ทุกคนระวังให้ดี"
ทั้งหมดพยักหน้าและก้าวเดินอย่างระแวดระวัง
เสียงฝีเท้าดัง "แซ่ก แซ่ก" ของพวกเขานั้นกระทบโสตอย่างชัดเจนมากในตอนกลางคืน
เมื่อใดก็ตามที่ทั้งสามเดินผ่านบ้านเก่าแก่ในสองข้างทาง
มันจะส่งเสียงฝีเท้าดังขึ้นเล็กน้อย
ตลอดทางจี้เทียนซิงแผ่สัมผัสญาณออกไปสำรวจและพบว่าตามบ้านเรือนเหล่านั้นเต็มไปด้วยงูพิษ
แมงป่องและแมลงมีพิษต่างๆคลานออกมา
ไม่เพียงแค่นั้นยังมีเงาร่างสีขาวดำสลัวๆในบ้านและสนามหญ้าบางแห่ง
ที่ปรากฏขึ้นและหายวับไปในอากาศเป็นครั้งคราว
หากเป็นคนขี้กลัวที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มืดมนเช่นนี้
มิแคล้วต้องตื่นตกใจจนถ่ายของเสียออกมาเป็นแน่
ไม่กี่ก้านธูปต่อมาทั้งสามก็เดินไปตามถนนทรุดโทรมจนถึงทางแยกแห่งหนึ่งและหยุดลง ทางแยกนี้มีสี่ทิศ ขยายตัวเป็นถนนมันมืดมิด
ทั้งสามปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณออกไปสอดส่องรอบๆ
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและเอ่ยปากว่า
“แปลกๆแล้ว
ถนนในทุกทิศของทางแยกนี้เหมือนกันอย่างไม่ผิดเพี้ยนเลย !”
หยุนเหยาพยักหน้า “ไม่เพียงแค่ถนนหนทางที่เหมือนกัน
บ้านเรือนทั้งสองฝั่งถนนก็ยังเหมือนกันอีก
พวกมันเต็มไปด้วยสัตว์มีพิษและกลิ่นไอของภูตผีวิญญาณ”
เห็นได้ชัดว่าหยุนเหยาแผ่จิตสัมผัสออกไปจนพบเงาร่างลึกลับราวกับภูติผีที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดอีกด้วย
หลงหยุนเซียวเลิกคิ้วขึ้น
มุมปากเผยรอยยิ้มเย้ยหยันกล่าวว่า “โฮ่ ? ไม่คิดเลยว่าภายในเมืองที่เผ่าพันธุ์มนุษย์อาศัยอยู่จะมีภูติผีวิญญาณ น่าสนใจ”
"เราเทียนจือก็อยากจะเห็นนักว่าภูตผีที่คนพูดกันจะมีหน้าตาแบบไหน
!"
น้ำเสียงของมันแข็งกร้าวและทรงอำนาจ
ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายของความศักดิ์สิทธิ์ชอบธรรมออกมา
มันคือกายศักดิ์สิทธิ์ที่หล่อเลี้ยงพลังหยางบริสุทธิ์ของหลงหยุนเซียว
ทำให้สัตว์มีพิษและภูติผีไม่กล้าปรากฏตัวและไม่กล้าย่างกรายเข้ามาใกล้
จี้เทียนซิงมองไปรอบๆ สังเกตอยู่ครู่หนึ่งและเห็นเบาะแสบางอย่าง
“หากข้าเดาไม่ผิด พวกเราติดอยู่ในค่ายกลแล้ว”
“ไม่ว่าพวกเราจะเดินไปทางไหนก็จะวนเป็นวงกลมขนาดใหญ่และไม่สามารถออกไปได้”
หลงหยุนเซียวหรี่ตาลง
ยกมือขึ้นหยิบแผ่นอาคมออกมา โบกมือลากเส้นสายอาคมกลางอากาศ ร่ายเป็นเคล็ดวิถีลับ
"หัวใจฟ้าห้าอัสนี, วิถีลับลึกล้ำ, ปฐพีสั่นสะเทือน, ปรากฏเนตรฟ้า !”
คนเปล่งเสียงในลำคอ
ก่อเกิดปราณม่วงระหว่างสองมือของมัน
จากนั้นดวงตาของหลงหยุนเซียวก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม
ทันใดนั้นดวงตาของมันก็ดูลึกล้ำและลี้ลับขึ้น
ทั้งแหลมคมและเต็มไปด้วยความชอบธรรมราวกับมองทะลุได้ทุกสิ่ง
คนกวาดสายตามองไปรอบๆจนได้เห็นเส้นสายปราณอาคมที่ถักถออย่างสลับซับซ้อนเหนือท้องฟ้ายาวราตรี มันเหมือนกับใยแมงมุมที่แน่นหนา
ท่ามกลางความมืดมิดมีไฟสีเขียวขุ่นจำนวนมากอยู่ตามมุมมืดของถนนโดยรอบ
และใต้พื้นดินลึกลงไปมีโครงกระดูกสีขาวอีกนับไม่ถ้วน
แม้กระทั่งในลานบ้านตามถนนทั้งสองข้าง
มดตัวน้อยๆที่เดินเอื่อยเฉื่อยก็ยังถูกเปลี่ยนเป็นสีเทา กลายเป็นซากแห้งเหี่ยว
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ สีหน้าของหลงหยุนเซียวก็เปลี่ยนไปพลางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
“มีค่ายกลขนาดใหญ่ล้อมรอบอยู่จริง
แถมยังเป็นค่ายกลระดับปราณฟ้า”
"ภายในรัศมี 1,000 เมตรรอบๆพวกเรา ปกคลุมไว้ด้วยค่ายกลที่ถูกร่ายทิ้งไว้
หนำซ้ำยังมีกระดูกและวิญญาณอีกมากมายเท่าใดที่ถูกฝังอยู่ใต้พื้นดิน”
"พวกมันต้องรู้การเคลื่อนไหวของพวกเราทุกฝีก้าวและรู้ว่าพวกเราต้องเข้ามาที่นี่
ดังนั้นมันจึงวางค่ายกลเอาไว้ล่วงหน้า รอพวกเราเข้ามาติดกับดัก !”
" พวกเรามีปัญหาแล้ว ! "
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved