ตอนที่ 392 แดนผีแห่งซีเฉิง

ขณะนี้ภายในห้องตำราเหลือเพียงจี้เทียนซิงและเทียนอิงฟางจู้เท่านั้น

จากนั้นมันก็มองไปที่จี้เทียนซิงและถามอย่างเคร่งขรึมว่า

“เจ้าหนุ่ม

เหตุใดถึงได้ถามเกี่ยวกับเวทย์มนต์คำสาป ? เจ้าพบปัญหาใดเข้าหรือไง ?”

"ขอรับ"  จี้เทียนซิงไม่คิดปิดบังละอธิบายไปว่า “ผู้เยาว์กับสหายถูกโจมตีจากกลุ่มชายลึกลับในชุดดำนอกเมืองวิญญาณเพลิง”

"คนเหล่านั้นมิใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์

แต่เป็นหุ่นเชิดที่เกิดจากความเคียดแค้นและเวทย์มนต์คำสาป ... "

เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย

คิ้วของเทียนอิงฟางจู้พลันขมวดชิดกัน ดวงตาทอประกายเจิดจ้า

มันเงียบไปครู่หนึ่ง จ้องมองจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าจริงจังและถามด้วยเสียงต่ำว่า

“เจ้าหนุ่ม

เจ้าทราบหรือไม่ว่าเวทย์คาถาคำสาปและการควบคุมวิญญาณเป็นเรื่องต้องห้ามของเมืองวิญญาณเพลิง

?”

"หากเราฟางจู้บอกเจ้าไปและเจ้ายังคิดที่จะล้วงลึกในเรื่องนี้

ชีวิตน้อยๆที่สดใสของเจ้าคงมิอาจเก็บไว้ได้อีก.....  เช่นนี้แล้วเจ้ายังอยากรู้อีกหรือ ?”

เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของเทียนอิงฟางจู้

จี้เทียนซิงเข้าใจโดยสัญชาตญาณว่าบุคลที่โจมตีเขาด้วยเวทมนตร์คาถาควบคุมผู้นั้นต้องทรงพลังมากจนทุกคนในเมืองรู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าพูดถึง

แต่เขาก็พยักหน้าโดยไม่ลังเลและตอบกลับอย่างชัดถ้อยชัดคำ

"แน่นอน

!"

เทียนอิงฟางจู้เพ่งตามองอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง

รอยยิ้มสนุกสนานเกิดขึ้นที่มุมปากของมัน คนหัวเราะกล่าวว่า “ฮ่าๆๆ เจ้าหนุ่ม

เจ้านี่ทำให้ข้าสนใจในตัวเจ้ามากขึ้นทุกที”

"ในเมื่อเจ้าไม่กลัวความตาย

เช่นนั้นเราฟางจู้ก็จะมอบเบาะแสให้ !  เพื่อให้เจ้าได้สืบเรื่องนี้ต่อไปให้ชัดแจ้ง

ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นหรือตายล้วนไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับข้า เข้าใจหรือไม่ ?"

จี้เทียนซิงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า

"ขอบคุณในความกรุณาของท่าน”

เทียนอิงฟางจู้เลิกคิ้วขึ้นและกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า

“เมืองวิญญาณเพลิงมีด้วยกันสี่เขต

เหนือ ใต้ ออกและตก ซึ่งเขตตะวันออกก็คือเขตของข้า  ส่วนเขตเหนือและเขตใต้เป็นสถานที่ทั่วไปที่ที่ผู้คนอยู่อาศัยกันได้อย่างปกติ”

“เอาล่ะ นี่คือภาพรวมของเมืองวิญญาณเพลิง

คนฉลาดอย่างเจ้าน่าจะเข้าใจความหมายของข้า

ข้าพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว”

สิ้นคำมันก็โบกมือให้จี้เทียนซิงกลับไปได้

จี้เทียนซิงจดจำคำพูดของเทียนอิงฟางจู้ไว้ในใจ

หลังจากขบคิดเพียงไม่กี่ลมหายใจเขาก็ได้เบาะแสที่อีกฝ่ายพยายามจะสื่อ

"ขอบคุณฟางจู้ที่กระตุ้นเตือน

ผู้เยาว์ขออำลา !"

จี้เทียนซิงโค้งคารวะอีกฝ่าย

หลังจากนั้นก็ล่าถอยออกไป

ผู้จัดการเหลยเดินออกไปส่งเขาเป็นการส่วนตัวจนกระทั่งถึงหน้าประตูบ่อนพนัน

................

เทียนอิงฟางจู้หย่อนก้นลงบนเก้าอี้หรูหรา

คนขมวดคิ้วเล็กน้อยจากนั้นก็พึมพำกับตัวเอง

"เจ้าหนุ่มนี่มีเรื่องบาดหมางกับภูตผีแห่งซีเฉิง

เกรงว่าจะมีการแสดงดีๆเกิดขึ้นเร็วๆนี้.....”

ในขณะเดียวกัน

จี้เทียนซิงก็ไปสมทบกับหยุนเหยาและหลงหยุนเซียว จากนั้นก็พากันเดินออกไป

ทั้งสามเดินไปตามตรอกซอยบนถนนที่มืดมิดและรกร้าง

เมื่อไม่เห็นคนอยู่รอบๆหลงหยุนเซียวจึงเอ่ยปากถามว่า “จี้เทียนซิง เจ้าได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาบ้างหรือไม่

?"

"อืม"

จี้เทียนซิงตอบด้วยเสียงในลำคอ

เขาพยักหน้าอย่างสงบกล่าวว่า “ไปที่เขตซีเฉิง(ตะวันตก)กันเถอะ พวกเราควรเริ่มตรวจสอบจากจุดนั้น"

หลงหยุนเซียวไม่ได้ถามเหตุผลโดยละเอียด

ทั้งหมดเดินทางไปยังเขตซีเฉิงอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปครึ่งชั่วยามทั้งสามก็มาถึงเขตซีเฉิง

ตอนนี้เป็นเวลากลางดึก

ทั่วทั้งเมืองล้วนเงียบสงัด

ทันทีที่ทั้งสามเข้าไปในเขตซีเฉิง พวกเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ถนนหนทางทั้งเก่าทรุดโทรมและสกปรกจนพวกเขาต้องหยุดเดินและหันไปมองรอบๆอย่างจริงจัง

ภายใต้แสงสลัวบนถนนทั้งสาย

มันมืดมิดราวกับน้ำหมึก ไร้ซึ่งแสงสว่าง

ในทุกทิศทางรอบรัศมีร้อยเมตร

แม้จะมีอาคารบ้านเรือนมากมายแต่ทั้งหมดต่างก็ชำรุดทรุดโทรม

ยิ่งไปกว่านั้นตามบ้านเรือนเก่าโทรมเหล่านั้น

ไร้ซึ่งแสงไฟหรือผู้คน มันเต็มไปด้วยอากาศเย็นชำแรกกระดูกและกลิ่นอายของความตาย

หยุนเหยาขมวดคิ้วและกล่าวว่า

“บริเวณนี้เป็นเหมือนเมืองที่ตายแล้ว

มันเต็มไปด้วยกระแสลมเย็นของไอมารที่รุนแรง"

หลงหยุนเซียวพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมและกล่าวว่า

"ในเมื่อเหยาเหยาสัมผัสไอมารที่แก่กล้าได้

เช่นนั้นเป้าหมายของพวกเราก็สมควรอยู่ระแวกนี้"

จี้เทียนซิงกวาดสายตามองรอบๆอย่างจริงจังพลางกระซิบเตือนว่า

“ที่นี่มีอะไรแปลกๆ

ทุกคนระวังให้ดี"

ทั้งหมดพยักหน้าและก้าวเดินอย่างระแวดระวัง

เสียงฝีเท้าดัง "แซ่ก แซ่ก" ของพวกเขานั้นกระทบโสตอย่างชัดเจนมากในตอนกลางคืน

เมื่อใดก็ตามที่ทั้งสามเดินผ่านบ้านเก่าแก่ในสองข้างทาง

มันจะส่งเสียงฝีเท้าดังขึ้นเล็กน้อย

ตลอดทางจี้เทียนซิงแผ่สัมผัสญาณออกไปสำรวจและพบว่าตามบ้านเรือนเหล่านั้นเต็มไปด้วยงูพิษ

แมงป่องและแมลงมีพิษต่างๆคลานออกมา

ไม่เพียงแค่นั้นยังมีเงาร่างสีขาวดำสลัวๆในบ้านและสนามหญ้าบางแห่ง

ที่ปรากฏขึ้นและหายวับไปในอากาศเป็นครั้งคราว

หากเป็นคนขี้กลัวที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มืดมนเช่นนี้

มิแคล้วต้องตื่นตกใจจนถ่ายของเสียออกมาเป็นแน่

ไม่กี่ก้านธูปต่อมาทั้งสามก็เดินไปตามถนนทรุดโทรมจนถึงทางแยกแห่งหนึ่งและหยุดลง  ทางแยกนี้มีสี่ทิศ ขยายตัวเป็นถนนมันมืดมิด

ทั้งสามปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณออกไปสอดส่องรอบๆ

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและเอ่ยปากว่า

“แปลกๆแล้ว

ถนนในทุกทิศของทางแยกนี้เหมือนกันอย่างไม่ผิดเพี้ยนเลย !”

หยุนเหยาพยักหน้า “ไม่เพียงแค่ถนนหนทางที่เหมือนกัน

บ้านเรือนทั้งสองฝั่งถนนก็ยังเหมือนกันอีก

พวกมันเต็มไปด้วยสัตว์มีพิษและกลิ่นไอของภูตผีวิญญาณ”

เห็นได้ชัดว่าหยุนเหยาแผ่จิตสัมผัสออกไปจนพบเงาร่างลึกลับราวกับภูติผีที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดอีกด้วย

หลงหยุนเซียวเลิกคิ้วขึ้น

มุมปากเผยรอยยิ้มเย้ยหยันกล่าวว่า “โฮ่ ? ไม่คิดเลยว่าภายในเมืองที่เผ่าพันธุ์มนุษย์อาศัยอยู่จะมีภูติผีวิญญาณ  น่าสนใจ”

"เราเทียนจือก็อยากจะเห็นนักว่าภูตผีที่คนพูดกันจะมีหน้าตาแบบไหน

!"

น้ำเสียงของมันแข็งกร้าวและทรงอำนาจ

ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายของความศักดิ์สิทธิ์ชอบธรรมออกมา

มันคือกายศักดิ์สิทธิ์ที่หล่อเลี้ยงพลังหยางบริสุทธิ์ของหลงหยุนเซียว

ทำให้สัตว์มีพิษและภูติผีไม่กล้าปรากฏตัวและไม่กล้าย่างกรายเข้ามาใกล้

จี้เทียนซิงมองไปรอบๆ สังเกตอยู่ครู่หนึ่งและเห็นเบาะแสบางอย่าง

“หากข้าเดาไม่ผิด พวกเราติดอยู่ในค่ายกลแล้ว”

“ไม่ว่าพวกเราจะเดินไปทางไหนก็จะวนเป็นวงกลมขนาดใหญ่และไม่สามารถออกไปได้”

หลงหยุนเซียวหรี่ตาลง

ยกมือขึ้นหยิบแผ่นอาคมออกมา โบกมือลากเส้นสายอาคมกลางอากาศ ร่ายเป็นเคล็ดวิถีลับ

"หัวใจฟ้าห้าอัสนี, วิถีลับลึกล้ำ, ปฐพีสั่นสะเทือน, ปรากฏเนตรฟ้า !”

คนเปล่งเสียงในลำคอ

ก่อเกิดปราณม่วงระหว่างสองมือของมัน

จากนั้นดวงตาของหลงหยุนเซียวก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม

ทันใดนั้นดวงตาของมันก็ดูลึกล้ำและลี้ลับขึ้น

ทั้งแหลมคมและเต็มไปด้วยความชอบธรรมราวกับมองทะลุได้ทุกสิ่ง

คนกวาดสายตามองไปรอบๆจนได้เห็นเส้นสายปราณอาคมที่ถักถออย่างสลับซับซ้อนเหนือท้องฟ้ายาวราตรี  มันเหมือนกับใยแมงมุมที่แน่นหนา

ท่ามกลางความมืดมิดมีไฟสีเขียวขุ่นจำนวนมากอยู่ตามมุมมืดของถนนโดยรอบ

และใต้พื้นดินลึกลงไปมีโครงกระดูกสีขาวอีกนับไม่ถ้วน

แม้กระทั่งในลานบ้านตามถนนทั้งสองข้าง

มดตัวน้อยๆที่เดินเอื่อยเฉื่อยก็ยังถูกเปลี่ยนเป็นสีเทา กลายเป็นซากแห้งเหี่ยว

เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ สีหน้าของหลงหยุนเซียวก็เปลี่ยนไปพลางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า

“มีค่ายกลขนาดใหญ่ล้อมรอบอยู่จริง

แถมยังเป็นค่ายกลระดับปราณฟ้า”

"ภายในรัศมี 1,000 เมตรรอบๆพวกเรา ปกคลุมไว้ด้วยค่ายกลที่ถูกร่ายทิ้งไว้

หนำซ้ำยังมีกระดูกและวิญญาณอีกมากมายเท่าใดที่ถูกฝังอยู่ใต้พื้นดิน”

"พวกมันต้องรู้การเคลื่อนไหวของพวกเราทุกฝีก้าวและรู้ว่าพวกเราต้องเข้ามาที่นี่

ดังนั้นมันจึงวางค่ายกลเอาไว้ล่วงหน้า รอพวกเราเข้ามาติดกับดัก !”

" พวกเรามีปัญหาแล้ว ! "