ข่ายปราณระดับสวรรค์ขั้นสูงสุด
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
จี้เทียนซิงออกจากนิกายพันธมิตรสวรรค์เพื่อมุ่งหน้าไปยังภูเขามังกร
เขาวิ่งไปตลอดทางและใช้เวลาสองชั่วยามกว่าจะถึงภูเขามังกร
ที่เชิงเขามีทีมรักษาการคอยลาดตระเวนอยู่ แต่ละทีมจะมีสิบคนและเป็นผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตปราณจิตขึ้นไปทั้งสิ้น
ชายหนุ่มปีนขึ้นเขาไปตามทางเดินหินสีฟ้าและมุ่งหน้าไปยังทางเข้าถ้ำที่ซึ่งมีการเปิดทำเหมือง
ที่ถ้ำแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่หน่วยรักษาความปลอดภัยมากกว่า
20 คน แต่ยังมีผู้ดูแลอีกสองคนที่คอยสอดส่องสถานการณ์อีกด้วย
ในขณะที่จี้เทียนซิงกำลังจะเดินเข้าไปในถ้ำ
เขาก็ถูกผู้ดูแลขวางทางเอาไว้
ดังนั้นเขาจึงชูป้ายคำสั่งสวรรค์ขึ้นมาและอธิบายต่อผู้ดูแล
ก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าไป
ภายในถ้ำเต็มไปด้วยทางแยกมากมาย
อีกทั้งได้มีการเพิ่มตะเกียงหินขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้เหมืองดูสว่างไสวมากขึ้น
จี้เทียนซิงเดินลึกลงใต้ดิน
ตลอดทางเขาได้พบยามประจำการภายในเหมืองตลอดเส้นทาง
ส่วนศิษย์รับใช้ที่มีหน้าที่ขุดหาแร่ถูกอพยพออกไปหมดสิ้นแล้ว
“ดูเหมือนว่านิกายจะให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุสานโบราณ คุณค่าของสุสานโบราณนั้นยิ่งใหญ่กว่าสินแร่ของภูเขามังกรทั้งลูกเสียอีก
!”
เมื่อได้เห็นภาพนี้จี้เทียนซิงก็ทอดถอนใจอย่างเงียบงัน
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม
ชายหนุ่มก็มาถึงจุดที่ลึกที่สุดนั่นก็คือขอบหน้าผาอันมืดมิด
บนขอบหน้าผามีผู้ดูแลสองคนและผู้พิทักษ์มากกว่าสิบคนที่คอยปกป้องพื้นที่แห่งนี้
จี้เทียนซิงครุ่นคิดในใจว่าจะลงไปก้นผาได้อย่างไร
หน้าผาแห่งนี้สูงชันเป็นกิโลและราบเรียบอย่างมาก
ไม่มีจุดไหนให้เกาะก่ายหรือเป็นฐานยืน
อย่างไรก็ตาม
หลังจากพูดคุยกับผู้ดูแลทั้งสอง เขาก็ได้ทราบว่าทางนิกายได้แก้ปัญหานี้แล้ว ซึ่งที่ขอบผามีบันไดเชือกสองเส้นที่ทอดยาวลงไปจนถึงก้น
ทำให้ผู้คนสามารถขึ้นลงได้อย่างสะดวก
หลังจากผ่านไม่นาน
จี้เทียนซิงก็ไต่เชือกลงมาถึงก้นหน้าผาได้ในที่สุด
เขารีบเดินผ่านทางเดินโบราณอันมืดมิด, ผ่านจัตุรัสที่ทรุดโทรม
ในที่สุดก็มาถึงสุสาน
เขายืนอยู่ที่ขอบจัตุรัสทรุดโทรม
สายตาจับจ้องไปที่มหาข่ายปราณระดับสวรรค์และหลุมฝังศพที่อยู่ด้านหน้า เขาได้เห็นว่ารอบๆมหาข่ายปราณเต็มไปด้วยเงาร่างมากมายที่กำลังพยายามอย่างหนัก
รอบๆนั้นเต็มไปด้วยยอดฝีมือนับสิบคน, ห้าผู้อาวุโสในชุดสีม่วงและผู้ดูแลชุดดำอีกเจ็ดถึงแปดคน
ยอดฝีมือกลุ่มนั้นกำลังสังเกตการอยู่รอบๆข่ายปราณ
บ้างก็โคจรพลังปราณเพื่อสำรวจจุดที่มีการตอบสนอง บ้างก็เดินไปเดินมาอย่างครุ่นคิด
ข่ายปราณที่โอบล้อมสุสานโบราณยังคงส่องแสงตระการตาและเต็มไปด้วยพลังปราณอันผันผวน
จี้เทียนซิงสังเกตไปที่เหล่าอาวุโสและผู้ดูแลเหล่านั้นพลางส่งสัญญาณเสียงในใจว่า
“ผู้อาวุโสจางเทียน
ข้าอยู่ตรงหน้ามหาข่ายปราณระดับสวรรค์แล้ว ท่านดูได้เลย”
จางเทียนไม่ได้กล่าวอันใด
แต่จี้เทียนซิงสามารถรู้สึกได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังลอบสังเกตการอยู่ในร่างของเขา
ในเวลานี้เองผู้อาวุโสชุดม่วงคนหนึ่งก็เห็นจี้เทียนซิงและรีบเดินมาหาอย่างรวดเร็ว
จี้เทียนซิงหันไปมองและพบว่าผู้อาวุโสท่านนั้นก็คือชูไฮว่ซานนั่นเอง อีกฝ่ายมาถึงก็ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “จี้เทียนซิง เจ้ามาที่นี่ทำไมกัน ?”
จี้เทียนซิงโค้งคำนับและอธิบายว่า
“ผู้อาวุโสชู ศิษย์คาใจเกี่ยวกับสุสานแห่งนี้
ดังนั้นวันนี้ถึงได้มาดูสถานการณ์ใกล้ๆ”
“อ้อ ?”
ชูไฮว่ซานพยักหน้าและไม่กล่าวอะไรต่อไป
หากเปลี่ยนเป็นศิษย์ทั่วไป
ไม่มีทางที่จะมีโอกาสได้เข้าใกล้สุสานโบราณแห่งนี้
แต่ทว่าจี้เทียนซิงมีสถานะที่ต่างออกไป เขาไม่เพียงเป็นศิษย์อัจฉริยะอันดับหนึ่งของฝ่ายนอกเท่านั้น
แต่ยังเป็นศิษย์ที่ประมุขนิกายจับตามองอีกด้วย
ชูไฮว่ซานกล่าวต่อไปว่า
“จี้เทียนซิง
หากเจ้าคิดจะศึกษาการทำงานของมหาข่ายปราณก็ตามสบาย แต่อย่าได้เข้าไปใกล้มากนัก
จะได้ไม่รบกวนเหล่าผู้อาวุโส”
จี้เทียนซิงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์เข้าใจแล้ว”
หลังจากหยุดไปวูบหนึ่งเขาก็ถามอีกครั้งว่า
“ผู้อาวุโส สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร ?
ผู้เชี่ยวชาญของนิกายเราหลายคนต่างก็ระดมสมองกันมาหลายวันแล้ว มีความคืบหน้าอะไรเกิดขึ้นบ้างไหม”
ชูไฮว่ซานส่ายหัวไปมา
สีหน้าเต็มไปด้วยความหดหู่เล็กน้อยพลางกล่าวว่า
“ผู้อาวุโสหลายคนต่างก็เป็นปรมาจารย์ทางด้านข่ายอาคม
แต่น่าเสียดายที่มหาข่ายปราณนี้ล้ำลึกเกินไป พวกเราตรวจสอบและทดลองมาทุกวิถีทางแล้วก็ยังไม่พบเงื่อนงำมากพอที่จะปลดผนึกมันได้เลย”
เมื่อเห็นความกังวลของชูไฮว่ซาน
จี้เทียนซิงก็กล่าวปลอบใจว่า “อาวุโสชู ศิษย์เชื่อมั่นว่าเหล่าผู้อาวุโสจะต้องหาทางปลดผนึกข่ายปราณนี้ได้แน่นอน
เพียงแค่ต้องให้เวลาพวกเขามากขึ้น”
ชูไฮว่ซานส่ายหัวอีกครั้งและถอนหายใจอย่างอับจนปัญญา
“เฮ้อ.... เปล่าประโยชน์
มันเกิดความสามารถของพวกเรา”
“มหาข่ายปราณระดับสวรรค์นี้ละเอียดลึกซึ้งมาก
ยิ่งพวกเราศึกษาลึกเข้าไปเท่าไหร่มันก็ยิ่งลึกลับซับซ้อนมากขึ้นเท่านั้น”
“พวกเราได้ลองพยายามทะลวงข่ายปราณนี้ดูแล้ว
แม้กระทั่งใช้การร่วมมือของเหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดร่ายอาคมทำลายดารา
หมายจะสลายมหาข่ายปราณระดับสวรรค์นี้ด้วยกำลัง
แต่ทว่า เพียงแค่เริ่มร่ายอาคมเท่านั้น
พลังมหาศาลของมหาข่ายปราณระดับสวรรค์ก็ส่งผ่านการโจมตีออกมาจนทำลายอาคมของพวกเราจนพินาศสิ้น”
หยุดชั่วคราว
ชูไฮว่ซานก็พูดต่อไปว่า “พวกเราเคยใช้ไม้แข็งด้วยการทำลายจุดที่ดูบอบบางที่สุดจุดแรกก่อน
แต่ทว่าการโจมตีของพวกเรานั้นเหมือนโยนก้อนโคลนลงมหาสมุทร
มันไม่เพียงแค่เกิดปฏิกิริยาเล็กน้อยเท่านั้น แต่พลังปราณของพวกเรากลับถูกดูดหายเข้าไปหลอมรวมกับมหาข่ายปราณอีกด้วย”
“เมื่อคืนก่อน
ผู้อาวุโสสองทดลองใช้เจดีย์ซวนจี๋ที่ผนึกกำลังของเหล่าอาวุโสทุกคนเข้าไปหลอมรวมกัน
แต่สุดท้ายไม่เพียงแค่ไม่สำเร็จ
แต่เจดีย์ซวนจี๋ยังได้รับความเสียหายจากพลังตีกลับจากมหาข่ายปราณอีกด้วย”
เมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมดที่ชูไฮว่ซานเล่ามา
จี้เทียนซิงก็เต็มไปด้วยความตกใจ
เขามองสีหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวังกลัดกลุ้มของชูไฮว่ซานก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า
“อาวุโสชู
ถึงแม้มหาข่ายปราณนี้จะทรงพลังมาก แต่ท่านและอาวุโสทั้งหลายต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์นี้
พวกท่านต่างรู้วิธีการทำงานของข่ายปราณระดับสวรรค์เป็นอย่างดี
เหตุใดมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้ ?”
ชูไฮว่ซานจ้องมองที่อีกฝ่ายและลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเปิดเผยความลับบางประการแก่เขา
“จี้เทียนซิง
ข่ายปราณระดับสวรรค์นั้นมีหลายประเภท มันมีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ”
“การร่ายข่ายปราณระดับสวรรค์ที่เกิดจากการร่วมมือของพวกเราที่มีพลังยุทธ์ไม่ถึงขอบเขตปราณฟ้านั้น
มันก็ได้เพียงแค่ข่ายปราณระดับสวรรค์ขั้นต่ำเท่านั้น
แต่ทว่าข่ายปราณระดับสวรรค์ของสุสานแห่งนี้คือระดับสวรรค์ที่มีคุณภาพสูงสุด
ดังนั้นการผนึกกำลังของพวกเราจึงแทบไม่มีผลต่อพลังอำนาจที่สูงส่งกว่า”
“นอกจากนี้ มหาข่ายปราณนี้ยังครอบครองแกนกลางของเส้นชีพจรบนภูเขามังกรเพื่อก่อตัวเป็นข่ายปราณห้าธาตุ
ดังนั้นพลังของมันจึงไร้ที่สิ้นสุดและไม่มีวันเสื่อมคลาย”
“ไม่เพียงเท่านั้น นอกเหนือจากข่ายปราณห้าธาตุแล้วมันยังแฝงไว้ด้วยข่ายปราณเสถียรหกวิถี, ข่ายปราณเจ็ดดาราและแม้กระทั่งข่ายปราณโซ่แปดมังกรอีกด้วย !”
“เพียงข่ายปราณห้าธาตุชั้นเดียวก็นับว่าเป็นข่ายปราณระดับสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว
แต่เจ้ามหาข่ายปราณเบื้องหน้าพวกเรานี่กลับผสมผสานไว้ด้วยสี่ข่ายปราณใหญ่ มันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก !”
“ที่สำคัญกว่านั้น นอกเหนือจากข่ายปราณห้าธาตุชั้นแรก
ที่เหลืออีกสามชนิดยังเป็นข่ายปราณระดับสวรรค์ที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง
เพียงชนิดใดชนิดหนึ่งก็เพียงพอในการนำมันมาใช้เป็นข่ายปราณพิทักษ์ของนิกายขนาดใหญ่ แต่นี่กลับซ้อนกันถึงสี่ประเภท เฮ้อ....
เช่นนี้พวกเราจะทำอะไรได้ ?”
“หากวันนี้ไม่ได้เห็นกับตา
พวกเราไม่มีทางเชื่อเลยว่าเคยมีสุดยอดปรมาจารย์ที่เชี่ยวชาญข่ายปราณเช่นนี้ดำรงอยู่ในดินแดนแห่งนี้”
“ผู้ที่สามารถรวมข่ายปราณลึกลับทั้งสี่ชนิดเข้าด้วยกันผสานเป็นมหาข่ายปราณได้
บุคลประเภทนี้กล่าวได้ว่าเป็นสุดยอดโดยแท้จริง !”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของชูไฮว่ซาน
ในที่สุดจี้เทียนซิงก็เข้าใจแล้วว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้มหัศจรรย์เพียงใด
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved