หวนคืนสู่ถ้ำปีศาจอีกครา
เพื่อมิให้ความลับรั่วไหล
หยุนเหยาจึงเรียกตัวอัจฉริยะรุ่นเยาว์ระดับสูงซึ่งเป็นหัวหน้าของทั้งสามนิกายมาเท่านั้นและอธิบายแผนให้พวกเขาทราบ
“วันนี้สี่นิกายได้มารวมตัวกันที่นี่ก็เพื่อร่วมมือกันทำลายล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจ เรื่องนี้สำคัญมาก พวกเขาต้องประสบความสำเร็จเท่านั้น มิอาจล้มเหลวได้เด็ดขาด
!”
“มีหน่วยรักษาการหลายคนในถ้ำปีศาจ พวกเรายังไม่ทราบแน่ชัดเกี่ยวกับจำนวนของพวกมัน
ดังนั้นสมควรระวังให้มากอย่าได้ผลีผลามลงมือ"
จากคำพูดของหยุนเหยา
หัวหน้าศิษย์ทั้งหลายก็พยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อไม่มีผู้ใดคัดค้านหรือเสนอความเห็น
หยุนเหยาจึงกล่าวต่อไปว่า “การลงมือในวันนี้
พวกเราต้องแยกกันและจงระวังให้ดีอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น หน่วยรักษาการของพวกมันมีอยู่มากมายก็จริง
แต่ส่วนมากล้วนมีระดับปราณจิตทั่วไปซึ่งไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก”
“ยอดฝีมือที่แท้จริงในถ้ำปีศาจมีเพียงมหาปุโรหิตและเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้
พวกมันทั้งสองมีพลังอยู่ในขอบเขตปราณโอสถ ในเวลานั้นข้า, ศิษย์น้องเฟิงหมิน, ศิษย์น้องฮ่าวเมิ่งและศิษย์น้องหวู่อวี้จากสำนักหลิวเหอจะนำกำลังเข้าไปล่อมหาปุโรหิตกับเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ออกมา
ส่วนพวกเจ้าที่เหลือบให้ลอบเข้าไปในถ้ำปีศาจและทำลายล้างพวกมันให้หมด อ่อ
ให้เหลือศิษย์เฝ้าทางออกไว้สักสองคนเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีปลาหลุดจากแหไปได้”
หลังจากฟังการวางแผนของหยุนเหยา
ศิษย์ทั้งหลายก็หันไปกระซิบกระซาบกันเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าและตกลงที่จะทำตาม
อย่างไรก็ตาม
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นว่า “ศิษย์พี่ใหญ่
ข้าต้องการไปจัดการนังปีศาจกับมหาปุโรหิตพร้อมกับท่าน
ข้าเคยประมือกับพวกมันมาหลายครั้งแล้ว พวกมันเกลียดชังข้าเป็นอย่างมาก ให้ข้าไปล่อพวกมันน่าจะเหมาะกว่า”
เดิมทีหยุนเหยาวางแผนนี้ไว้และจัดเตรียมให้จี้เทียนซิงทำงานร่วมกับศิษย์คนอื่นๆในการทำลายล้างเผ่าปีศาจที่มีพลังระดับปราณจิตทั่วๆไป
ด้วยวิธีนี้มันจะเป็นสิ่งยืนยันความปลอดภัยสำหรับเขาและจะไม่มีอุบัติเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น
นางคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเสนอตัวเป็นผู้เข้าไปล่อเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้และมหาปุโรหิตเสียเอง
เหล่าศิษย์อัจฉริยะหลายคนจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าแปลกๆและเริ่มมีคำถามในใจ ทุกคนสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าชายหนุ่มผู้นี้มีพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นที่สอง
มันเพียงพอในการจัดการกับเผ่าปีศาจทั่วไป
แต่เป็นอันตรายอย่างยิ่งหากต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้และมหาปุโรหิต
แต่เขากลับเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอออกไปเป็นแนวหน้าที่ต้องเสี่ยงชีวิต
นี่มิใช่เรียกว่าลูกแกะน้อยในถ้ำเสือหรอกหรือ ?
สีหน้าของหยุนเหยาไม่เปลี่ยนแปลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“ศิษย์น้องเทียนซิง ก่อนหน้านี้เจ้าเคยเข้าไปในถ้ำปีศาจพร้อมข้าแล้ว
และเจ้าก็ค่อนข้างรอบรู้สถานการณ์ภายในถ้ำมากกว่าผู้ใด
ดังนั้นการให้เจ้านำเหล่าศิษย์ที่เหลือไปล้างสังหารพวกปีศาจดูจะเป็นหน้าที่ที่เหมาะสมกว่า”
ฮ่าวเมิ่งเดินมาข้างๆจี้เทียนซิงและตบไหล่พลางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
“ศิษย์น้องจี้
มหาปุโรหิตและเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้แข็งแกร่งเกินไป
ต่อให้พวกเราสี่คนเข้าไปกรุ้มรุมพวกมันก็ยังไม่แน่ว่าจะได้ชัย เจ้า.....ยังคงทำตามแผนเดิมของศิษย์พี่หญิงจะดีกว่า”
จี้เทียนซิงส่ายหัวและยิ้มพลางกล่าวว่า
“พวกปีศาจทั่วไปให้ศิษย์คนอื่นๆจัดการก็เพียงพอแล้ว พวกท่านไม่ถึงห่วงข้า
ในเมื่อพวกเรามีกันตั้งหลายคนแถมยังล้อมกรอบพวกมันเอาไว้แล้ว
ข้าจะได้รับอันตรายได้อย่างไร ?”
เมื่อได้เห็นความคิดที่ดื้อรั้นของจี้เทียนซิง
หัวหน้าศิษย์ทั้งหลายก็ส่ายหัวและไม่พูดอะไรอีก พวกเขาเพียงจ้องมองไปที่หยุนเหยาเพื่อรอให้นางตัดสินใจ
ซึ่งสุดท้ายแล้วหยุนเหยาก็ยอมทำตามคำของของจี้เทียนซิง
หลังจากปรับแผนเล็กน้อย
ทุกคนก็เริ่มลงมือและรีบมุ่งหน้าไปที่ถ้ำปีศาจอย่างรวดเร็ว
............
ราวๆหนึ่งชั่วยามต่อมาหัวหน้าศิษย์ทั้งสี่ก็มาถึงใกล้ปากทางเข้าถ้ำปีศาจ พวกเขาหยุดอยู่บนยอดเขาจากนั้นก็ปล่อยสัตว์วิญญาณรออยู่ระแวกนี้
เมื่อตอนที่จี้เทียนซิง
หยุนเหยาและไป๋หวู่เชินมาปฏิบัติภารกิจ พวกเขาก็ปล่อยสัตว์วิญญาณให้รอบนยอดเขานี้เช่นกัน
ตรงข้ามยอดเขาลูกนี้คือยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำปีศาจ
มันมีหุบเขาขนาดใหญ่ขวางกั้นไว้ระหว่างภูเขาทั้งสองลูก
เมื่อทุกคนตั้งสั่งสัตว์วิญญาณและม้าให้รอรอบๆเนินเขาแล้ว
พวกเขาก็ข้ามหุบเขาลึกและปีนขึ้นสู่ยอดเขาที่เป็นที่ตั้งของถ้ำปีศาจ
ศิษย์ของทั้งสี่นิกายถูกแบ่งออกเป็นห้าทีมและแยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่
หยุนเหยา
จี้เทียนซิง ฮ่าวเมิ่ง อู่อวี้และเฟิงหมินเป็นทีมแรกที่บุกเข้าไปล่อมหาปุโรหิตและเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ให้ออกมา
ส่วนสมาชิกในทีมที่เหลืออีกสี่ทีมมีหน้าที่ดูแลทางเข้าออกถ้ำปีศาจและบางส่วนเข้าไปล้างสังหารปีศาจให้หมดสิ้น
แต่ละทีมมีประมาณสิบคน
อีกทั้งแต่ละคนยังเป็นศิษย์ชั้นยอดและมีความแข็งแกร่งที่นับว่าไม่ธรรมดา
เมื่อมีการวางแผนและแบ่งหน้าที่กันชัดเจนเช่นนี้ปฏิบัติการย่อมราบลื่นและไม่มีเหตุผิดพลาดใดๆเกิดขึ้น
?
............
ทุกคนปีนขึ้นไปบนยอดเขาอย่างเงียบเชียบและแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ของทีม
หยุนเหยานำจี้เทียนซิงและคนอื่นๆมาถึงปากทางเข้าถ้ำปีศาจและเริ่มดำเนินการ
เช้ง
!
นางชักกระบี่ออกมาและตวัดฟันกิ่งหนามรกครึ้มที่ปิดกั้นเส้นทางเอาไว้
จากนั้นก็เริ่มร่ายอาคมเพื่อสลายข่ายปราณที่ปิดบังหลุมทางเข้าเอาไว้
ผ่านไปไม่นานถ้ำอันมืดสนิทก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
มันเอ่อล้นไปด้วยพลังและแผ่ซ่านไอเย็นออกมาอย่างต่อเนื่อง
ในเส้นทางที่มืดมิด
หยุนเหยาเดินนำเพื่อเปิดทาง โดยมีจี้เทียนซิงเดินตามหลังนางมาติดๆ
ทั้งสองเคยมาที่นี่มาก่อนและเข้าออกถึงสองครั้งจนจำได้ดี
ทางเดินยาวอันมืดมิดสายนี้ยังคงมืดสนิทและเงียบสงบ
มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
หยุนเหยากระชับกระบี่จันทราเยือกไว้มั่น
ดวงตาคู่งามสาดประกายคมกริบจ้องมองไปเบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง อีกทั้งยังปลดปล่อยสัมผัสญาณออกไปสำรวจเบื้องหน้าอีกด้วย
จี้เทียนซิงชักกระบี่มังกรดำออกมาและติดตามนางไม่ห่าง
สีหน้าของเขายังคงเคร่งขรึมเยือกเย็น
หลังจากนั้นผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม
ทั้งสองก็เดินผ่านทางเดินอันมืดมิดและเข้าไปในถ้ำปีศาจ
ทั้งสองเดินเข้าไปในถ้ำที่เปิดกว้างและเป็นอีกครั้งที่ได้เห็นรูปปั้นปีศาจที่วางไว้รอบถ้ำ
รวมไปถึงประตูหินสีดำหกเส้นทางที่อยู่รอบๆกำแพง
แสงในถ้ำมีน้อยและทำให้มืดมิด
บนผนังด้านบนของถ้ำเต็มไปด้วยอัญมณีมากมายที่เปล่งแสงสลัวๆออกมา
หยุนเหยาและจี้เทียนซิงไม่รีบร้อนลงมือ
พวกเขาแอบเข้าไปที่มุมถ้ำก่อนและสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบอยู่ครู่หนึ่ง
จี้เทียนซิงส่งเสียงผ่านสัมผัสญาณไปยังหยุนเหยา
“ประตูหินสองบานจากทางขวาสุด หนึ่งซุกซ่อนไว้ด้วยภูเขากระดูก
ส่วนอีกบานหนึ่งเก็บรักษาดวงวิญญาณของเหล่าจอมยุทธ์ที่พวกมันสังหาร”
“เมื่อตอนที่พวกเรามาที่นี่ ข้าจำได้ว่ามหาปุโรหิตกับเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้เหมือนจะออกมาจากประตูหินนั่น
!”
ขณะที่พูดเขายื่นมือชี้ไปที่ประตูหินที่อยู่ตรงข้ามกับปากถ้ำ
หยุนเหยาหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนที่นางจะพยักหน้าและกล่าวว่า
“เข้าใจแล้ว ไปกันเถอะ”
นางพาจี้เทียนซิงผ่านถ้ำว่างเปล่าและไปถึงประตูหิน บริเวณถ้ำที่อยู่รอบๆเงียบสงบและไร้ซึ่งสรรพเสียงแม้แต่น้อยนิด มันเผยให้เห็นถึงบรรยากาศอันหดหู่เศร้าสลด
เมื่อมาถึงประตูหินสีน้ำตาลเข้ม
หยุนเหยาก็จ้องมองไปที่เส้นสายอาคมและสัญลักษณ์ของประตูหิน
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะร่ายอาคมเพื่อทำลายข่ายปราณที่สลักอยู่บนนั้น
ครั้งที่สามที่พวกเขามายังถ้ำปีศาจก็เพื่อค้นหาดวงวิญญาณของจี้หลิง
ในตอนนั้นไป๋หวู่เชินใช้พลังของเจดีย์ซวนจี๋จึงสามารถทำลายข่ายปราณบนประตูหินได้อย่างรวดเร็ว
ทว่าตอนนี้หยุนเหยาไม่มีเจดีย์ซวนจี๋
นางทำได้เพียงใช้ความสามารถทางด้านข่ายอาคมของตนเองเพื่อทำลายข่ายปราณไปทีละชั้น
เวลาผ่านไปอย่างเงียบงันจนกระทั่งล่วงเลยไปครึ่งชั่วยาม หยุนเหยาก็ยังไม่สามารถทำลายข่ายปราณได้สำเร็จ
แต่ในขณะนี้เอง
ประตูหินที่อยู่ไม่ไกลออกไปได้เปิดออกและปรากฏร่างของยามเผ่าปีศาจที่เดินออกมาทีละคน
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved