ตอนที่ 156

ข้าจะไม่ทิ้งเขา

!

ทั้งหยุนเหยาและไป๋หวู่เชินร่วมมือกันต้านรับมหาปุโรหิตร่วมร้อยกระบวนท่าเข้าไปแล้ว

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

สมรภูมิของทั้งสามก็เคลื่อนย้ายจากหน้าปากถ้ำเผ่าปีศาจไปจนถึงป่าลึกและขยับขยายรัศมีทำลายล้างไปเกือบพันเมตร

สถานที่ที่พวกเขาสัประยุทธ์ผ่านไปร่วมกิโลนั้นทำให้ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดต่างก็โค่นล้มระเนระนาด

แม้ว่าหยุนเหยากับไป๋หวู่เชินจะเป็นอัจฉริยะชั้นยอดของนิกายพันธมิตรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา  แต่ทว่ามหาปุโรหิตแห่งเผ่าปีศาจเป็นถึงยอดฝีมือที่ทำให้เหล่าอาวุโสของนิกายยังต้องปวดหัว

แล้วเด็กรุ่นเยาว์อย่างพวกเขานับเป็นตัวอะไร

?

หลังจากประมือกันมาหลายร้อยกระบวนท่า

ทั้งหยุนเหยาและไป๋หวู่เชินต่างก็บอบช้ำสาหัสและได้รับบาดเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งคู่ถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน

โลหิตที่หลั่งไหลออกมาชโลมไปทั่วอาภรณ์สีขาวของพวกเขาจนกลายเป็นแดงฉาดอย่างน่าตกใจ

ไม่เพียงแค่นั้น

พลังปราณของพวกเขาก็ยังถูกใช้ออกไปอย่างมหาศาล พลังรบของพวกเขาอ่อนโทรมลงอย่างรวดเร็วจนเหลือความแข็งแกร่งเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

ส่วนมหาปุโรหิตนั้นไร้ซึ่งรอยขีดข่วน

สีหน้ายังเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งดุร้าย พลังปราณที่ใช้โจมตีของมันยังคงเกรี้ยวกราดและแปลกประหลาด

ราวกับว่ามันมีปราณที่ไม่มีวันหมดสิ้น

มันเดินเท้าเปล่าบนพื้น

แส้งูทมิฬในมือโบกสะบัดออกมาเป็นปราณกระบี่สีดำที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า

โจมตีเข้าใส่หยุนเหยาและไป๋หวู่เชินอีกคำรบ

ทั้งสองถูกบีบให้ต้องล่าถอยต่อเนื่องและทำได้เพียงยกกระบี่ขึ้นต่อต้าน

เปรี้ยง !  เปรี้ยง !

หลังจากเสียงระเบิดกัมปนาทที่ดังขึ้น

หยุนเหยาและไป๋หวู่เชินต่างก็ถูกกระแทกร่วงไปในป่าคนละทิศคนละทาง

มหาปุโรหิตไม่สนใจไป๋หวู่เชินที่นอนระทวยบนพื้น

มันหันไปมองหยุนเหยาและแสยะยิ้ม

“นังหนู

เจ้าคือหยุนเหยาแห่งนิกายพันธมิตรสวรรค์สินะ  หึๆ อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเทียนเฉิน ผู้สืบทอดนิกายในอนาคต

!  หากจับเจ้าเป็นตัวประกัน

ไม่รู้ว่านิกายของเจ้าจะนำสมบัติล้ำค่าอะไรมาไถ่ตัว”

“ฟุ่บ !”

ในขณะที่กล่าว

มันก็เหวี่ยงแส้งูทมิฬออกไปกลายเป็นดวงดาวสีดำอันมืดมิดนับร้อยดวงและพุ่งเข้าหยุนเหยาอีกครั้ง  ซึ่งนางในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บอย่างมากแถมยังถูกปกคลุมไปด้วยดวงดาวสีดำอันเยือกเย็นที่ดูแปลกประหลาดนับร้อย

นางไม่มีทางหลบหนีไปไหนได้

ทว่า

ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวอย่างมิจำยอม

ใบหน้างดงามแลดูเยือกเย็นและตะโกนออกมาว่า “ปีศาจสารเลวอย่างเจ้าอย่าได้ฝันเฟื่องไป

ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็ไม่มีทางยอมให้เจ้านำข้าเป็นเครื่องต่อรองกับนิกาย !”

หลังจากคำรามอย่างขุ่นเคืองนางก็พยายามอย่างสุดชีวิตและเหวี่ยงคลื่นกระบี่

49 สายออกไปอีกครา

“ปัง  ปัง  ปัง !”

คลื่นกระบี่ปะทะหักหาญกับดวงดาวสีดำจำนวนหนึ่งที่พุ่งเข้าหา

ก่อให้เกิดเสียงแหลมแสบแก้วหูและพัวพันกันอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ระเบิดเป็นพายุเฮอริเคนในป่า

เมื่อกระบวนท่าของหยุนเหยาสิ้นสุดลง

นางก็ยังไม่อาจหยุดการโจมตีของมหาปุโรหิตได้ คลื่นกระบี่ทั้ง 49 ถูกทำลายสิ้นแต่ดวงดาวสีดำก็ยังคงเหลือมากกว่าครึ่ง

เมื่อได้เห็นว่านางกำลังถูกรายล้อมไปด้วยดวงดาวสีดำหนาแน่นจนไม่อาจขยับได้

ทันใดนั้นด้านข้างก็มีลำแสงกระบี่สีทองอร่ามพุ่งมาอย่างฉับพลัน

ตามมาด้วยเสียงร่ำร้องที่เต็มไปด้วยความกังวล

“ศิษย์พี่หญิง ระวัง !”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าย่อมเป็นไป๋หวู่เชินที่พุ่งทะยานเข้ามาช่วยนาง  แม้ว่าตอนนี้ไป๋หวู่เชินจะได้รับบาดเจ็บสาหัส

แต่เขาก็ยังมีเจดีย์ซวนจี๋

ภายใต้การควบคุมของเขา

เจดีย์ซวนจี๋ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับความสูงของมนุษย์คนหนึ่ง  มันส่องแสงสีทองที่พร่างพราวและโอบล้อมตัวเขาเอาไว้

“ปัง !”

ม่านพลังของเจดีย์ซวนจี๋ปกป้องร่างกายของไป๋หวู่เชินเอาไว้

เขาจึงสามารถเข้าไปรับพลังของดวงดาวสีดำแทนหยุนเหยาได้อย่างทันท่วงที

“ปัง ปัง ปัง ปัง !”

ดวงดาวสีดำอันเย็นเยือกหลายสิบดวงพุ่งเข้าหาเจดีย์ซวนจี๋, สั่นสะเทือนชั้นม่านพลังสีทองอันเบาบางจนกระเพื่อมเป็นลอนคลื่น

อย่างไรก็ตาม

ม่านพลังสีทองกลับไม่แตกหัก มันสามารถขัดขวางการโจมตีของมหาปุโรหิตได้โดยสมบูรณ์

“ศิษย์พี่หญิง รีบไป !”

ในเวลาต่อมาไป๋หวู่เชินก็มาถึงตัวหยุนเหยาและม่านทองคำที่เปล่งออกมาจากเจดีย์ซวนจี๋ก็ห่อหุ้มร่างนางเอาไว้อีกคน  ก่อนที่มหาปุโรหิตจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง

ไป๋หวู่เชินก็ใช้ศาสตร์ลับควบคุมเจดีย์ซวนจี๋และพุ่งบินออกไปจากป่าในพริบตา

ม่านทองคำปกป้องตัวเขาและหยุนเหยา

จากนั้นก็หอบร่างทั้งสองบินหนีขึ้นไปบนฟ้าดุจดาวตก

เจดีย์ซวนจี๋นั้นรวดเร็วมาก

เพียงไม่กี่อึดใจก็พาทั้งสองหายลับไปบนท้องฟ้า

มหาปุโรหิตมิได้ไล่กวดพวกเขาไป

เนื่องจากตัวมันเองก็ยังไม่ได้ทะลวงไปถึงระดับปราณฟ้าจึงไม่สามารถควบแน่นปีกด้วยพลังลมปราณให้บินบนท้องฟ้าได้

มันยืนอยู่ในป่าและเงยหน้ามองเจดีย์ซวนจี๋หอบเอาร่างของหยุนเหยาและไป๋หวู่เชินจากไป   ดวงตาของมันเปล่งประกายความเกลียดชัง

"บัดซบเอ้ย !  ปล่อยให้พวกมันหนีไปจนได้ !”

“เจอกันครั้งหน้า ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้ได้ !”

มหาปุโรหิตแค่นเสียงอย่างเย็นชา

จากนั้นมันก็เก็บแส้งูทมิฬแล้วหันหลังเดินกลับไปยังปากถ้ำเผ่าปีศาจ

...........

เจดีย์ซวนจี๋ปกป้องหยุนเหยาและไป๋หวู่เชินบินผ่านท้องฟ้าที่มืดสลัวและตกลงบนป่าในภูเขาแห่งหนึ่ง

ป่าแห่งนี้คือสถานที่ที่พวกเขาซ่อนกระเรียนวิญญาณและหมาป่าจันทราเงินเอาไว้นั่นเอง

“ตูม !”

แสงสีทองส่องประกายและทั้งสองคนก็ตกลงบนพื้นหญ้า

ใบหน้าของไป๋หวู่เชินซีดขาวเล็กน้อยและมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา

เจดีย์ซวนจี๋เป็นสมบัติที่แข็งแกร่งก็จริง  แต่การควบคุมมันย่อมมีค่าใช้จ่าย เขาต้องใช้ศาสตร์ลับ

สัมผัสญาณและพลังลมปราณไปอย่างมหาศาล

“แฮ่กๆๆ......”

ไป๋หวู่เชินหอบหายใจถี่ยิบและรีบเก็บเจดีย์ซวนจี๋กลับไป

จากนั้นก็เอนกายพิงต้นไม้ใหญ่อย่างอ่อนล้าและนำเม็ดยาฟื้นปราณโยนเข้าปากทันที

หยุนเหยามิได้จัดการกับบาดแผลทั่วร่างของนาง

เพียงกินยาฟื้นปราณเสร็จก็มองไปรอบๆด้วยสายตาวิตกกังวลพลางกล่าวว่า

“ศิษย์น้องเทียนซิงเล่า ? เขามิได้หลบหนีมาด้วย ?”

ไป๋หวู่เชินก็หันไปมองรอบๆอยู่หลายครั้งและไม่เห็นจี้เทียนซิงเช่นกัน  เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและนึกย้อนกลับไป

จากนั้นก็กล่าวกับหยุนเหยาด้วยเสียงต่ำว่า “ข้าจำได้ว่าก่อนที่พวกเราทั้งสองจะปะทะกับมหาปุโรหิตแห่งเผ่าปีศาจ  จี้เทียนซิงดูเหมือน.....จะรับมือกับนังปีศาจอีกตน”

“ด้วยความแข็งแกร่งของเขา

เป็นไปไม่ได้ที่จะรับมือนังปีศาจผู้นั้นได้ ตอนนี้เขาคงถูกสังหารไปแล้ว

หรือถ้าไม่ตายก็คงถูกจับตัวไป.....”

เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋หวู่เชิน

หยุนเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาสั่นระริกและทอประกายความกลัดกลุ้มกังวลใจ

“ไม่ ! พวกเราทำงานด้วยกันก็ต้องกลับไปพร้อมกัน

พวกเราปล่อยเขาไว้เช่นนี้ไม่ได้ ข้าต้องกลับไปช่วยเขา ข้าจะไม่ทิ้งเขา !”

หลังจากกล่าวจบหยุนเหยาก็กระชับด้ามกระบี่ไว้มั่นและเดินลงเขาย้อนกลับไปที่เก่า

หมายจะช่วยจี้เทียนซิงกลับมา

ไป๋หวู่เชินพุ่งไปคว้าแขนนางไว้และกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

“ศิษย์พี่หญิง อย่าได้หุนหันซี่ ! พลังของมหาปุโรหิตแห่งเผ่าปีศาจท่านก็รู้ซึ้งแก่ใจดี ที่พวกเรารอดจากเงื้อมมือของมันมาได้ก็เพราะพลังของเจดีย์ซวนจี๋

แต่ท่านคิดจะย้อนกลับไปช่วยจี้เทียนซิงเพื่ออะไรกันเล่า !?  ท่านคิดจะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อมันงั้นหรือ

!?”

เมื่อเห็นว่าหยุนเหยาเงียบไป

ไป๋หวู่เชินก็รีบโน้มน้าวนางด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ศิษย์พี่หญิง

ท่านก็รู้ว่าภารกิจนี้สำคัญมากแค่ไหน เรื่องส่วนรวมต้องมาก่อน

นิกายของเรามุ่งเน้นที่ผลงาน  จี้เทียนซิงตายไปแล้ว

ท่านจะกลับไปเพื่ออะไร ? พวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ

กลับนิกายกันก่อนค่อยว่ากันใหม่ !”

ในขณะที่กล่าวโน้มน้าวนาง

เขายังขบคิดในใจว่า “ข้ากับศิษย์พี่เป็นอัจฉริยะชั้นยอด

ไม่ว่าคนใดคนหนึ่งตายไปย่อมเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของนิกาย  แต่จี้เทียนซิงเป็นแค่ศิษย์นิกายฝ่ายนอก

มันตายแล้วก็ตายไป ไม่คุ้มกับการที่พวกเราต้องเสี่ยงชีวิตไปช่วยมัน !”

อย่างไรก็ตาม

หลังจากนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง หยุนเหยาก็หยิบลูกคริสตัลที่มีดวงวิญญาณของจี้หลิงออกมาจากแหวนนิลและส่งให้ไป๋หวู่เชินพลางกล่าวว่า

“ศิษย์น้องไป๋

งั้นเจ้านำดวงวิญญาณของจี้หลิงกลับนิกายไปก่อนเถิด

ข้าจะไปช่วยศิษย์น้องเทียนซิงคนเดียว”

เมื่อเห็นไป๋หวู่เชินขมวดคิ้วและกำลังจะอ้าปากพูด

หยุนเหยาก็ชิงตัดหน้าด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องโน้มน้าวข้าอีก  ข้าตัดสินใจแล้ว !”

“มอบเจดีย์ซวนจี๋มาให้ข้า

ข้าจำเป็นต้องใช้มันเพื่อช่วยเขาให้รอด”

ไป๋หวู่เชินขมวดคิ้วอย่างไม่เต็มใจ

แต่สุดท้ายนางก็คว้าเจดีย์ซวนจี๋ไปจากมือของเขาและรีบมุ่งหน้ากลับไปที่ปากถ้ำเผ่าปีศาจทันที

“ศิษ.......”

ไป๋หวู่เชินเอื้อมมือออกไปคว้าอากาศและมองไปยังด้านหลังของนางที่ค่อยๆหายลับตาไปในป่าทึบ  เขากัดฟันกรอด ใบหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์

ดวงตาทอประกายความเกลียดชังอย่างสุดแสน

“ระยำเอ้ย

!!  จี้เทียนซิง

!  เจ้ามันมีดีอะไรถึงทำให้ศิษย์พี่หญิงต้องเสี่ยงชีวิตไปช่วยขยะอย่างเจ้า

!?  บัดซบ

!”

หลังจากหอบหายใจถี่รัวด้วยความโกรธแค้น

ไป๋หวู่เชินสูดหายใจลึกและกุมลูกคริสตัลไว้ในมือแน่น

จากนั้นก็ขึ้นขี่หมาป่าจันทราเงินมุ่งหน้ากลับไปยังนิกายพันธมิตรสวรรค์เพียงลำพัง......

………

มาดนางเอกชัดๆ......