ข้าจะไม่ทิ้งเขา
!
ทั้งหยุนเหยาและไป๋หวู่เชินร่วมมือกันต้านรับมหาปุโรหิตร่วมร้อยกระบวนท่าเข้าไปแล้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
สมรภูมิของทั้งสามก็เคลื่อนย้ายจากหน้าปากถ้ำเผ่าปีศาจไปจนถึงป่าลึกและขยับขยายรัศมีทำลายล้างไปเกือบพันเมตร
สถานที่ที่พวกเขาสัประยุทธ์ผ่านไปร่วมกิโลนั้นทำให้ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดต่างก็โค่นล้มระเนระนาด
แม้ว่าหยุนเหยากับไป๋หวู่เชินจะเป็นอัจฉริยะชั้นยอดของนิกายพันธมิตรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา แต่ทว่ามหาปุโรหิตแห่งเผ่าปีศาจเป็นถึงยอดฝีมือที่ทำให้เหล่าอาวุโสของนิกายยังต้องปวดหัว
แล้วเด็กรุ่นเยาว์อย่างพวกเขานับเป็นตัวอะไร
?
หลังจากประมือกันมาหลายร้อยกระบวนท่า
ทั้งหยุนเหยาและไป๋หวู่เชินต่างก็บอบช้ำสาหัสและได้รับบาดเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งคู่ถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน
โลหิตที่หลั่งไหลออกมาชโลมไปทั่วอาภรณ์สีขาวของพวกเขาจนกลายเป็นแดงฉาดอย่างน่าตกใจ
ไม่เพียงแค่นั้น
พลังปราณของพวกเขาก็ยังถูกใช้ออกไปอย่างมหาศาล พลังรบของพวกเขาอ่อนโทรมลงอย่างรวดเร็วจนเหลือความแข็งแกร่งเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
ส่วนมหาปุโรหิตนั้นไร้ซึ่งรอยขีดข่วน
สีหน้ายังเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งดุร้าย พลังปราณที่ใช้โจมตีของมันยังคงเกรี้ยวกราดและแปลกประหลาด
ราวกับว่ามันมีปราณที่ไม่มีวันหมดสิ้น
มันเดินเท้าเปล่าบนพื้น
แส้งูทมิฬในมือโบกสะบัดออกมาเป็นปราณกระบี่สีดำที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
โจมตีเข้าใส่หยุนเหยาและไป๋หวู่เชินอีกคำรบ
ทั้งสองถูกบีบให้ต้องล่าถอยต่อเนื่องและทำได้เพียงยกกระบี่ขึ้นต่อต้าน
เปรี้ยง ! เปรี้ยง !
หลังจากเสียงระเบิดกัมปนาทที่ดังขึ้น
หยุนเหยาและไป๋หวู่เชินต่างก็ถูกกระแทกร่วงไปในป่าคนละทิศคนละทาง
มหาปุโรหิตไม่สนใจไป๋หวู่เชินที่นอนระทวยบนพื้น
มันหันไปมองหยุนเหยาและแสยะยิ้ม
“นังหนู
เจ้าคือหยุนเหยาแห่งนิกายพันธมิตรสวรรค์สินะ หึๆ อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเทียนเฉิน ผู้สืบทอดนิกายในอนาคต
! หากจับเจ้าเป็นตัวประกัน
ไม่รู้ว่านิกายของเจ้าจะนำสมบัติล้ำค่าอะไรมาไถ่ตัว”
“ฟุ่บ !”
ในขณะที่กล่าว
มันก็เหวี่ยงแส้งูทมิฬออกไปกลายเป็นดวงดาวสีดำอันมืดมิดนับร้อยดวงและพุ่งเข้าหยุนเหยาอีกครั้ง ซึ่งนางในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บอย่างมากแถมยังถูกปกคลุมไปด้วยดวงดาวสีดำอันเยือกเย็นที่ดูแปลกประหลาดนับร้อย
นางไม่มีทางหลบหนีไปไหนได้
ทว่า
ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวอย่างมิจำยอม
ใบหน้างดงามแลดูเยือกเย็นและตะโกนออกมาว่า “ปีศาจสารเลวอย่างเจ้าอย่าได้ฝันเฟื่องไป
ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็ไม่มีทางยอมให้เจ้านำข้าเป็นเครื่องต่อรองกับนิกาย !”
หลังจากคำรามอย่างขุ่นเคืองนางก็พยายามอย่างสุดชีวิตและเหวี่ยงคลื่นกระบี่
49 สายออกไปอีกครา
“ปัง ปัง ปัง !”
คลื่นกระบี่ปะทะหักหาญกับดวงดาวสีดำจำนวนหนึ่งที่พุ่งเข้าหา
ก่อให้เกิดเสียงแหลมแสบแก้วหูและพัวพันกันอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ระเบิดเป็นพายุเฮอริเคนในป่า
เมื่อกระบวนท่าของหยุนเหยาสิ้นสุดลง
นางก็ยังไม่อาจหยุดการโจมตีของมหาปุโรหิตได้ คลื่นกระบี่ทั้ง 49 ถูกทำลายสิ้นแต่ดวงดาวสีดำก็ยังคงเหลือมากกว่าครึ่ง
เมื่อได้เห็นว่านางกำลังถูกรายล้อมไปด้วยดวงดาวสีดำหนาแน่นจนไม่อาจขยับได้
ทันใดนั้นด้านข้างก็มีลำแสงกระบี่สีทองอร่ามพุ่งมาอย่างฉับพลัน
ตามมาด้วยเสียงร่ำร้องที่เต็มไปด้วยความกังวล
“ศิษย์พี่หญิง ระวัง !”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าย่อมเป็นไป๋หวู่เชินที่พุ่งทะยานเข้ามาช่วยนาง แม้ว่าตอนนี้ไป๋หวู่เชินจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่เขาก็ยังมีเจดีย์ซวนจี๋
ภายใต้การควบคุมของเขา
เจดีย์ซวนจี๋ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับความสูงของมนุษย์คนหนึ่ง มันส่องแสงสีทองที่พร่างพราวและโอบล้อมตัวเขาเอาไว้
“ปัง !”
ม่านพลังของเจดีย์ซวนจี๋ปกป้องร่างกายของไป๋หวู่เชินเอาไว้
เขาจึงสามารถเข้าไปรับพลังของดวงดาวสีดำแทนหยุนเหยาได้อย่างทันท่วงที
“ปัง ปัง ปัง ปัง !”
ดวงดาวสีดำอันเย็นเยือกหลายสิบดวงพุ่งเข้าหาเจดีย์ซวนจี๋, สั่นสะเทือนชั้นม่านพลังสีทองอันเบาบางจนกระเพื่อมเป็นลอนคลื่น
อย่างไรก็ตาม
ม่านพลังสีทองกลับไม่แตกหัก มันสามารถขัดขวางการโจมตีของมหาปุโรหิตได้โดยสมบูรณ์
“ศิษย์พี่หญิง รีบไป !”
ในเวลาต่อมาไป๋หวู่เชินก็มาถึงตัวหยุนเหยาและม่านทองคำที่เปล่งออกมาจากเจดีย์ซวนจี๋ก็ห่อหุ้มร่างนางเอาไว้อีกคน ก่อนที่มหาปุโรหิตจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง
ไป๋หวู่เชินก็ใช้ศาสตร์ลับควบคุมเจดีย์ซวนจี๋และพุ่งบินออกไปจากป่าในพริบตา
ม่านทองคำปกป้องตัวเขาและหยุนเหยา
จากนั้นก็หอบร่างทั้งสองบินหนีขึ้นไปบนฟ้าดุจดาวตก
เจดีย์ซวนจี๋นั้นรวดเร็วมาก
เพียงไม่กี่อึดใจก็พาทั้งสองหายลับไปบนท้องฟ้า
มหาปุโรหิตมิได้ไล่กวดพวกเขาไป
เนื่องจากตัวมันเองก็ยังไม่ได้ทะลวงไปถึงระดับปราณฟ้าจึงไม่สามารถควบแน่นปีกด้วยพลังลมปราณให้บินบนท้องฟ้าได้
มันยืนอยู่ในป่าและเงยหน้ามองเจดีย์ซวนจี๋หอบเอาร่างของหยุนเหยาและไป๋หวู่เชินจากไป ดวงตาของมันเปล่งประกายความเกลียดชัง
"บัดซบเอ้ย ! ปล่อยให้พวกมันหนีไปจนได้ !”
“เจอกันครั้งหน้า ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้ได้ !”
มหาปุโรหิตแค่นเสียงอย่างเย็นชา
จากนั้นมันก็เก็บแส้งูทมิฬแล้วหันหลังเดินกลับไปยังปากถ้ำเผ่าปีศาจ
...........
เจดีย์ซวนจี๋ปกป้องหยุนเหยาและไป๋หวู่เชินบินผ่านท้องฟ้าที่มืดสลัวและตกลงบนป่าในภูเขาแห่งหนึ่ง
ป่าแห่งนี้คือสถานที่ที่พวกเขาซ่อนกระเรียนวิญญาณและหมาป่าจันทราเงินเอาไว้นั่นเอง
“ตูม !”
แสงสีทองส่องประกายและทั้งสองคนก็ตกลงบนพื้นหญ้า
ใบหน้าของไป๋หวู่เชินซีดขาวเล็กน้อยและมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา
เจดีย์ซวนจี๋เป็นสมบัติที่แข็งแกร่งก็จริง แต่การควบคุมมันย่อมมีค่าใช้จ่าย เขาต้องใช้ศาสตร์ลับ
สัมผัสญาณและพลังลมปราณไปอย่างมหาศาล
“แฮ่กๆๆ......”
ไป๋หวู่เชินหอบหายใจถี่ยิบและรีบเก็บเจดีย์ซวนจี๋กลับไป
จากนั้นก็เอนกายพิงต้นไม้ใหญ่อย่างอ่อนล้าและนำเม็ดยาฟื้นปราณโยนเข้าปากทันที
หยุนเหยามิได้จัดการกับบาดแผลทั่วร่างของนาง
เพียงกินยาฟื้นปราณเสร็จก็มองไปรอบๆด้วยสายตาวิตกกังวลพลางกล่าวว่า
“ศิษย์น้องเทียนซิงเล่า ? เขามิได้หลบหนีมาด้วย ?”
ไป๋หวู่เชินก็หันไปมองรอบๆอยู่หลายครั้งและไม่เห็นจี้เทียนซิงเช่นกัน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและนึกย้อนกลับไป
จากนั้นก็กล่าวกับหยุนเหยาด้วยเสียงต่ำว่า “ข้าจำได้ว่าก่อนที่พวกเราทั้งสองจะปะทะกับมหาปุโรหิตแห่งเผ่าปีศาจ จี้เทียนซิงดูเหมือน.....จะรับมือกับนังปีศาจอีกตน”
“ด้วยความแข็งแกร่งของเขา
เป็นไปไม่ได้ที่จะรับมือนังปีศาจผู้นั้นได้ ตอนนี้เขาคงถูกสังหารไปแล้ว
หรือถ้าไม่ตายก็คงถูกจับตัวไป.....”
เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋หวู่เชิน
หยุนเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาสั่นระริกและทอประกายความกลัดกลุ้มกังวลใจ
“ไม่ ! พวกเราทำงานด้วยกันก็ต้องกลับไปพร้อมกัน
พวกเราปล่อยเขาไว้เช่นนี้ไม่ได้ ข้าต้องกลับไปช่วยเขา ข้าจะไม่ทิ้งเขา !”
หลังจากกล่าวจบหยุนเหยาก็กระชับด้ามกระบี่ไว้มั่นและเดินลงเขาย้อนกลับไปที่เก่า
หมายจะช่วยจี้เทียนซิงกลับมา
ไป๋หวู่เชินพุ่งไปคว้าแขนนางไว้และกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ศิษย์พี่หญิง อย่าได้หุนหันซี่ ! พลังของมหาปุโรหิตแห่งเผ่าปีศาจท่านก็รู้ซึ้งแก่ใจดี ที่พวกเรารอดจากเงื้อมมือของมันมาได้ก็เพราะพลังของเจดีย์ซวนจี๋
แต่ท่านคิดจะย้อนกลับไปช่วยจี้เทียนซิงเพื่ออะไรกันเล่า !? ท่านคิดจะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อมันงั้นหรือ
!?”
เมื่อเห็นว่าหยุนเหยาเงียบไป
ไป๋หวู่เชินก็รีบโน้มน้าวนางด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ศิษย์พี่หญิง
ท่านก็รู้ว่าภารกิจนี้สำคัญมากแค่ไหน เรื่องส่วนรวมต้องมาก่อน
นิกายของเรามุ่งเน้นที่ผลงาน จี้เทียนซิงตายไปแล้ว
ท่านจะกลับไปเพื่ออะไร ? พวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ
กลับนิกายกันก่อนค่อยว่ากันใหม่ !”
ในขณะที่กล่าวโน้มน้าวนาง
เขายังขบคิดในใจว่า “ข้ากับศิษย์พี่เป็นอัจฉริยะชั้นยอด
ไม่ว่าคนใดคนหนึ่งตายไปย่อมเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของนิกาย แต่จี้เทียนซิงเป็นแค่ศิษย์นิกายฝ่ายนอก
มันตายแล้วก็ตายไป ไม่คุ้มกับการที่พวกเราต้องเสี่ยงชีวิตไปช่วยมัน !”
อย่างไรก็ตาม
หลังจากนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง หยุนเหยาก็หยิบลูกคริสตัลที่มีดวงวิญญาณของจี้หลิงออกมาจากแหวนนิลและส่งให้ไป๋หวู่เชินพลางกล่าวว่า
“ศิษย์น้องไป๋
งั้นเจ้านำดวงวิญญาณของจี้หลิงกลับนิกายไปก่อนเถิด
ข้าจะไปช่วยศิษย์น้องเทียนซิงคนเดียว”
เมื่อเห็นไป๋หวู่เชินขมวดคิ้วและกำลังจะอ้าปากพูด
หยุนเหยาก็ชิงตัดหน้าด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องโน้มน้าวข้าอีก ข้าตัดสินใจแล้ว !”
“มอบเจดีย์ซวนจี๋มาให้ข้า
ข้าจำเป็นต้องใช้มันเพื่อช่วยเขาให้รอด”
ไป๋หวู่เชินขมวดคิ้วอย่างไม่เต็มใจ
แต่สุดท้ายนางก็คว้าเจดีย์ซวนจี๋ไปจากมือของเขาและรีบมุ่งหน้ากลับไปที่ปากถ้ำเผ่าปีศาจทันที
“ศิษ.......”
ไป๋หวู่เชินเอื้อมมือออกไปคว้าอากาศและมองไปยังด้านหลังของนางที่ค่อยๆหายลับตาไปในป่าทึบ เขากัดฟันกรอด ใบหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์
ดวงตาทอประกายความเกลียดชังอย่างสุดแสน
“ระยำเอ้ย
!! จี้เทียนซิง
! เจ้ามันมีดีอะไรถึงทำให้ศิษย์พี่หญิงต้องเสี่ยงชีวิตไปช่วยขยะอย่างเจ้า
!? บัดซบ
!”
หลังจากหอบหายใจถี่รัวด้วยความโกรธแค้น
ไป๋หวู่เชินสูดหายใจลึกและกุมลูกคริสตัลไว้ในมือแน่น
จากนั้นก็ขึ้นขี่หมาป่าจันทราเงินมุ่งหน้ากลับไปยังนิกายพันธมิตรสวรรค์เพียงลำพัง......
………
มาดนางเอกชัดๆ......
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved