เมื่อเห็นว่าความขัดแย้งของทั้งสองนิกายได้รับการสะสาง
อีกทั้งเอี๋ยนเอ๋อร์ก็ปลอดภัยดี
จี้เทียนซิงมิอาจข่มอาการบาดเจ็บไว้ได้อีกต่อไป
คนอ้าปากพ่นศรโลหิตออกมาเป็นทางยาว
"พรู่ด ....... !! "
ทันทีที่เขาปิดตาลงอย่างโรยรา
สติสัมปชัญญะพลันสูญสิ้นและหงายหลังล้มตัวลง
“เทียนซิง
!”
หยุนเหยาอยู่ใกล้กับมันมากที่สุด นางร่ำร้องอย่างตื่นตระหนกพลันเหยียดแขนออกมาอย่างรวดเร็วและโอบกอดอีกฝ่ายไว้ในอ้อมแขน
ฉู่เทียนเซิงและอาวุโสทั้งหลายสีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลายไปอย่างสิ้นเชิง หัวใจตกวูบไปที่ตาตุ่ม
ผู้อาวุโสหลิงเหยาหยิบโอสถฟื้นฟูออกมาอย่างรวดเร็วและตรวจสอบอาการของจี้เทียนซิงในทันที
มันโคจรลมปราณเพื่อระงับอาการบาดเจ็บภายใน
สีหน้าของฉู่เทียนเซิงมืดมนเย็นชาราวกับน้ำแข็งขั้วโลก
คนตวัดศีรษะหันไปมองเทียนเจี้ยนจงและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เกาอวี่
เทียนซิงศิษย์ข้ารับฝ่ามือสุดกำลังของเจ้าต่อหน้าทุกคนแล้ว"
"นี่คือจุดสิ้นสุดของเรื่องราวบัดซบนี้
หากเจ้ายังกล้าสร้างปัญหาอีกล่ะก็ เจ้ากับข้าได้เห็นดีกันแน่ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้เด็ดขาด !”
ทุกคนของนิกายกระบี่ฟ้าต่างก็คิดว่าหลังจากจบประโยคนี้อีกฝ่ายจะรีบนำคนกลับไป
แต่สิ่งที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดกลับเกิดขึ้น ฉู่เทียนเซิงคำรามอย่างเย็นชาอีกครั้งว่า
“เรื่องบาดหมางของสองนิกายถือว่าลบล้างกันไป
แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้ากับข้าต้องเคลียร์กันแล้ว !”
"เกาอวี่ ! เจ้าทวงความยุติธรรมให้ซื่อเหวินหยูศิษย์เจ้า
ระบายความแค้นต่อศิษย์ข้าด้วยหนึ่งกระบวนท่า”
"บัดนี้ข้าก็จะทวงความยุติธรรมให้ศิษย์ทั้งสามของข้าเช่นเดียวกับที่เจ้าทำ
!
จงรับข้าสามกระบวนท่า !”
สิ้นคำ
ฉู่เทียนเซิงไม่สนใจว่าเทียนเจี้ยนจงจะยอมรับหรือไม่ คนก้าวยาวๆด้วยฝีเท้าหนักหน่วงไปหาอีกฝ่าย เจตนาฆ่าฟันปะทุซ่านไปทั่วร่างกาย
ทันใดนั้นเทียนเจี้ยนจงก็หน้าถอดสีในทันที
ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธกริ้วพลางตะโกนว่า “ฉู่เทียนเซิง ! เรื่องมันจบไปแล้ว
อย่าได้หาเรื่องไม่เข้าท่า !”
ก่อนหน้านี้ที่มันซัดจี้เทียนซิงด้วยหนึ่งฝ่ามือ
มันใช้วิถีลับปราณฉีห้าธาตุและหัตถ์ทลายฟ้าซึ่งต้องสูญเสียพลังไปถึงสี่ส่วน
ในยามนี้มันจึงอ่อนแอลงไม่น้อยและหลงเหลือพลังเพียงหกส่วนจากเดิม
แล้วด้วยความแข็งแกร่งที่ไม่เต็มร้อยในตอนนี้
มันจะสามารถป้องกันสามกระบวนท่าของฉู่เทียนเซิงได้อย่างไร ?
ฉู่เทียนเซิงแสยะยิ้มด้วยสีหน้าเยือกเย็น “เจ้าทวงถามความยุติธรรมให้ศิษย์เจ้าได้
เหตุใดข้าจะทำบ้างไม่ได้เล่า ?!”
"ว่ากันด้วยเหตุด้วยผลนักใช่ไหม
? เช่นนั้นก็ซึมซับหมัดของข้าด้วยร่างกายเจ้าดูบ้างเถอะ
!”
พรึ่บ !
กล่าวจบฉู่เทียนเซิงก็ปลดปล่อยสัมผัสญาณครอบงำ
ตรึงไอพลังของเทียนเจี้ยนจงเอาไว้และปะทุปราณขุมมหึมาออกมา
แรงกดทับอันมหาศาลที่มิอาจจับต้องได้
แผ่กระจายปกคลุมไปทั่วทุกตารางนิ้ว
ยอดฝีมือต่างๆหน้าถอดสีโดยพลัน
พวกมันวิ่งหนีกระจัดกระจายไปทุกทิศทางเพื่ออยู่ให้ห่างจัตุรัสบนยอดเขา
“ท่านประมุขโกรธแล้ว
ถอยไปห่างๆเร็ว !”
เหล่าผู้อาวุโสของนิกายพันธมิตรสวรรค์รีบเรียกสัตว์วิญญาณออกมาขึ้นขี่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อชมดูจากระยะไกล
ทันใดนั้น ยอดฝีมือมากมายทั่วจัตุรัสหายไปหมดสิ้น
เหลือเพียงฉู่เทียนเซิงและเทียนเจี้ยนจงเท่านั้น
ทุกคนต่างรู้ดีว่าทั้งสองท่านนี้เป็นสุดยอดฝีมือในขอบเขตปราณฟ้าและเป็นหนึ่งในที่สุดของจอมยุทธ์ในอาณาจักรเทียนเฉิน
การเผชิญหน้าระหว่างประมุขสองนิกายใหญ่นั้นน่าสะพรึงกลัวและอันตรายยิ่ง
หากหนีไปไกลๆไม่ทันเวลา
คนจะถูกลูกหลงจนอาจตกตายโดยไม่รู้ตัว
วันนี้ต้นไม้กลายเป็นเรือไปแล้ว ต่อให้เทียนเจี้ยนจงโกรธแค้นแค่ไหนก็ต้องเผชิญหน้ากับโทสะของฉู่เทียนเซิงอยู่ดี
! (ต้นไม้กลายเป็นเรือเป็นสุภาษิตจีน
เช่นเดียวกับหุงข้าวสารเป็นสุข หมายถึง
เรื่องราวซึ่งดำเนินมาถึงขั้นที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีก)
เทียนเจี้ยนจงยืนเชิดหน้าอย่างถือดีกลางจัตุรัสและระเบิดเสียงดังกังวานออกมาว่า
“ฉู่เทียนเซิง
! อย่าได้คิดว่าเจ้าเป็นอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉินแล้วข้าประมุขจะกลัวเจ้า
!"
"จะอย่างไรเสีย
ระหว่างเราย่อมต้องได้สู้กันสักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว
วันนี้ข้าก็ขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าบ่มเพาะไปได้ถึงขีดขั้นใดแล้ว ถึงได้กล้าหยิ่งยโสอวดดีเช่นนี้ !”
ตูม !!
กล่าวจบ
เทียนเจี้ยนจงพลันระเบิดพลังชั่วชีวิต
วาดฝ่ามือออกไปรวบรวมพลังปราณเป็นม่านพลังหลากสีสันรอบตัว
"ปราการห้าธาตุเฉียนเฟิง
!"
นี่เป็นหนึ่งในวิถีลับห้าธาตุระดับปราณฟ้า
มันคือการควบแน่นพลังของธาตุทั้งห้าลงไปในม่านพลังซึ่งทำให้มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งยิ่ง
ฉู่เทียนเซิงเผยยิ้มเย็นพลางกล่าวเย้ยหยันว่า
“เกาอวี่
ข้าประมุขจะสำแดงให้เจ้าเห็นว่าหัตถ์ฟ้าทลายที่แท้จริงเป็นอย่างไร !”
"ฝ่ามือแรก
สำหรับการที่เจ้าสั่งคนมากรุ้มรุมหยุนเหยาศิษย์ข้า !”
สิ้นเสียง ฉู่เทียนเซิงยกฝ่ามือขวาขึ้นทันที โคจรพลังปราณหลายสายมารวมกันในฝ่ามือและซัดออกไปเป็นหัตถ์ปราณหลากสีสันขนาดมหึมา
ในขณะนั้นเองจัตุรัสที่มีพื้นที่กว่า 1,000 ไมล์ก็เต็มไปด้วยลำแสงหลากสีสันตระการตา
อากาศทั่วบริเวณนี้ถูกรีดออกไปจนทุกตารางนิ้วกลายเป็นเขตแดนสุญญากาศ
ความหวาดกลัวที่มองไม่เห็นราวกับภูผายักษ์ร่วงหล่นกดทับลงมาจากเวหา
สร้างแรงกดดันให้กับเทียนเจี้ยนจงอย่างร้ายแรง
เทียนเจี้ยนจงพยายามทุกวิถีทางในการโบกฝ่ามือของมัน ร่ายเป็นหัตถ์หลากสีสันขนาดใหญ่และซัดเข้าหาฉู่เทียนเซิง
"ฉู่เทียนเซิง ข้าฝึกฝนหัตถ์ฟ้าทลายมาร่วมสามสิบปี จำเป็นต้องให้เจ้าสอนอีกหรือ ? เจ้ามันอวดดีเกินไปแล้ว !"
สิ้นเสียง
ฝ่ามือหลากสีสันขนาดใหญ่คู่หนึ่งก็ปะทะเข้าหาหัตถ์ฟ้าทลายของฉู่เทียนเซิง
"ปัง !!"
เสียงกัมปนาทดังกึกก้อง ผืนแผ่นดินแตกเป็นเสี่ยงๆ
ฝ่ามือคู่นั้นของเทียนเจี้ยนจงที่ซัดออกมาต้านทาน พลันปริแตกแหลกสลายไม่มีชิ้นดี
หัตถ์ฟ้าทลายเปี่ยมล้นไปด้วยพลังพิชิตฟ้าดิน แตกออกเป็นเปลวไฟเปล่งสีสันสดใส
ครอบคลุมทั่วทั้งจตุรัส
ร่างของเทียนเจี้ยนจงจมอยู่ใต้ฝ่ามือของหัตถ์ฟ้าทลายโดยพลัน
ม่านปราการห้าธาตุเฉียนเฟิงที่มันใช้ออกมานั้นมิอาจต้านทานพลังอันน่าสะพรึงกลัวของฉู่เทียนเซิงได้เลย
อั่ก ...
!
เทียนเจี้ยนจงสีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลายในทันที
คนถูกตบจมธรณีพลางแค่นเสียงครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด
คลื่นกระแทกหลากสีสันที่เปี่ยมไปด้วยความรุนแรงแพร่กระจายและกวาดต้านไปทั่วทั้งภูเขา
ตำหนักและบ้านเรือนบนภูเขาหลายสิบแห่งถูกรื้อถอนพังราบบนพื้นในพริบตา
เมื่อคลื่นพลังหลากสีไหลผ่านป่าทึบ พวกมันก็ถูกบดขยี้เป็นเศษเล็กเศษน้อย
ไม่เพียงเท่านั้น ยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดกลายเป็นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับจะถล่มลงมา
กำแพงภูเขาปริแตกเป็นริ้วลำธารขนาดใหญ่
ก้อนหินตามซอกเขาถล่มครืนลงมาจนเกิดฝุ่นมหาศาลคละคลุ้ง
มันใช้นานพอดูกว่าที่ฝุ่นควันจะค่อยๆกระจายหายไป
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายซ่อนตัวอยู่ในระยะไกลและมองเห็นสถานการณ์บนจัตุรัสกว้าง
ดวงตาของพวกมันเบิกกว้างและตื่นตกใจต่อพลังของฉู่เทียนเซิง
จัตุรัสอยู่ในสภาพทรุดโทรมไม่มีชิ้นดีราวกับไม่เคยมีสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้มาก่อน
!
มันกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่กินรัศมีกว่า
1,000 ไมล์
ที่ด้านล่างของหลุมยักษ์
เทียนเจี้ยนจงนอนแผ่หลาอยู่บนกองหิน
ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยฝุ่นละอองและก้อนกรวด
สีหน้าของมันกลายเป็นมืดมนและหมองคล้ำ
ตูม !
คนดีดปราดขึ้นจากหลุมอย่างรวดเร็วและยืนอยู่บนขอบ
‘อดีต’ จัตุรัส พลางสบถอย่างเคืองแค้น “ฉู่เทียนเซิง....... เจ้าสารเลว
เจ้ามัน... !”
ก่อนที่มันจะพูดจบประโยค ฉู่เทียนเซิงที่ยืนตะหง่านดุจขุนเขาใหญ่พลันตะเบ็งเสียงพูดแทรกขึ้นมาว่า
"เกาอวี่
! รับกระบวนท่าที่สอง
!"
"หมัดนี้ ทวงความยุติธรรมให้เอี๋ยนเอ๋อร์ศิษย์ข้า
!”
“หมัดมังกรคชสาร !!
”
สิ้นเสียงของฉู่เทียนเซิง เงามายาหมัดสีทองอร่ามขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น, หอบหุ้มไปด้วยไอพลังไร้ต้านทานที่สามารถบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง พุ่งซัดเข้าหาเทียนเจี้ยนจงอย่างรุนแรง
หากมองอย่างใกล้ชิดจะพบว่าหมัดมายาสีทองนี้ได้กลั่นตัวเป็นเงาวิญญาณคชสารโบราณ
ตามตำนานในสมัยโบราณ มังกรคชสารเป็นสัตว์ที่แข็งแรงทรงพลังที่สุดในฟ้าดิน
มันถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง
มันสามารถคว้าดวงดาวและแหวกว่ายไปตามท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
ซึ่งหมัดมังกรคชสารของฉู่เทียนเซิงนี้เป็นวิชาหมัดในระดับปราณฟ้าที่มุ่งเน้นไปที่ความแข็งแกร่งและก้าวร้าวที่สุด
เงามายาหมัดสีทองขนาดใหญ่ที่ควบแน่นเป็นเงาวิญญาณมังกรคชสารนั้น
มีความยาวกว่า 100 เมตรและสูงกว่า 40 เมตร
มันกดทับครอบงำร่างของเทียนเจี้ยนจงในทันที
เทียนเจี้ยนจงที่ได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งความแข็งแกร่งของมันก็อ่อนโทรมลงอย่างรวดเร็ว
มันไม่มีเวลาพอที่จะหลบได้
มันทำได้เพียงควบรวมลมปราณสร้างเป็นม่านพลังปราณคุ้มกายเพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น
"ตูม !!"
เสียงดังสนั่นสะท้านพสุธาดังก้องออกไปอีกหลายร้อยไมล์
สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งนิกายกระบี่ฟ้า
หมัดมังกรคชสารกระแทกร่างและทำลายเกราะลมปราณของเทียนเจี้ยนจงในพริบตา
คนพ่นโลหิตสดฉีดพุ่งเป็นเส้นรุ้งสีแดงและร่วงลงกระแทกพื้น
ยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดสั่นครืนอย่างรุนแรงหลายครั้ง
และในที่สุดยอดเขาก็พังทลายลงมาโดยสมบูรณ์
"แกร่ก แกร่ก
!"
รอยปริแตกเป็นร่องลำธารขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนยังคงแพร่กระจายออกไปทั่วทิศทาง
ก่อให้เกิดเสียงปริแตกดังไปทั่วบริเวณ
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved