ตอนที่ 352 จงซึมซับหมัดของข้าด้วยร่างกายเจ้า !

เมื่อเห็นว่าความขัดแย้งของทั้งสองนิกายได้รับการสะสาง

อีกทั้งเอี๋ยนเอ๋อร์ก็ปลอดภัยดี

จี้เทียนซิงมิอาจข่มอาการบาดเจ็บไว้ได้อีกต่อไป

คนอ้าปากพ่นศรโลหิตออกมาเป็นทางยาว

"พรู่ด .......  !! "

ทันทีที่เขาปิดตาลงอย่างโรยรา

สติสัมปชัญญะพลันสูญสิ้นและหงายหลังล้มตัวลง

“เทียนซิง

!”

หยุนเหยาอยู่ใกล้กับมันมากที่สุด นางร่ำร้องอย่างตื่นตระหนกพลันเหยียดแขนออกมาอย่างรวดเร็วและโอบกอดอีกฝ่ายไว้ในอ้อมแขน

ฉู่เทียนเซิงและอาวุโสทั้งหลายสีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลายไปอย่างสิ้นเชิง หัวใจตกวูบไปที่ตาตุ่ม

ผู้อาวุโสหลิงเหยาหยิบโอสถฟื้นฟูออกมาอย่างรวดเร็วและตรวจสอบอาการของจี้เทียนซิงในทันที

มันโคจรลมปราณเพื่อระงับอาการบาดเจ็บภายใน

สีหน้าของฉู่เทียนเซิงมืดมนเย็นชาราวกับน้ำแข็งขั้วโลก

คนตวัดศีรษะหันไปมองเทียนเจี้ยนจงและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เกาอวี่

เทียนซิงศิษย์ข้ารับฝ่ามือสุดกำลังของเจ้าต่อหน้าทุกคนแล้ว"

"นี่คือจุดสิ้นสุดของเรื่องราวบัดซบนี้

หากเจ้ายังกล้าสร้างปัญหาอีกล่ะก็ เจ้ากับข้าได้เห็นดีกันแน่  ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้เด็ดขาด !”

ทุกคนของนิกายกระบี่ฟ้าต่างก็คิดว่าหลังจากจบประโยคนี้อีกฝ่ายจะรีบนำคนกลับไป

แต่สิ่งที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดกลับเกิดขึ้น  ฉู่เทียนเซิงคำรามอย่างเย็นชาอีกครั้งว่า

“เรื่องบาดหมางของสองนิกายถือว่าลบล้างกันไป

แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้ากับข้าต้องเคลียร์กันแล้ว !”

"เกาอวี่ ! เจ้าทวงความยุติธรรมให้ซื่อเหวินหยูศิษย์เจ้า

ระบายความแค้นต่อศิษย์ข้าด้วยหนึ่งกระบวนท่า”

"บัดนี้ข้าก็จะทวงความยุติธรรมให้ศิษย์ทั้งสามของข้าเช่นเดียวกับที่เจ้าทำ

!

จงรับข้าสามกระบวนท่า !”

สิ้นคำ

ฉู่เทียนเซิงไม่สนใจว่าเทียนเจี้ยนจงจะยอมรับหรือไม่ คนก้าวยาวๆด้วยฝีเท้าหนักหน่วงไปหาอีกฝ่าย  เจตนาฆ่าฟันปะทุซ่านไปทั่วร่างกาย

ทันใดนั้นเทียนเจี้ยนจงก็หน้าถอดสีในทันที

ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธกริ้วพลางตะโกนว่า “ฉู่เทียนเซิง ! เรื่องมันจบไปแล้ว

อย่าได้หาเรื่องไม่เข้าท่า !”

ก่อนหน้านี้ที่มันซัดจี้เทียนซิงด้วยหนึ่งฝ่ามือ

มันใช้วิถีลับปราณฉีห้าธาตุและหัตถ์ทลายฟ้าซึ่งต้องสูญเสียพลังไปถึงสี่ส่วน

ในยามนี้มันจึงอ่อนแอลงไม่น้อยและหลงเหลือพลังเพียงหกส่วนจากเดิม

แล้วด้วยความแข็งแกร่งที่ไม่เต็มร้อยในตอนนี้

มันจะสามารถป้องกันสามกระบวนท่าของฉู่เทียนเซิงได้อย่างไร ?

ฉู่เทียนเซิงแสยะยิ้มด้วยสีหน้าเยือกเย็น “เจ้าทวงถามความยุติธรรมให้ศิษย์เจ้าได้

เหตุใดข้าจะทำบ้างไม่ได้เล่า ?!”

"ว่ากันด้วยเหตุด้วยผลนักใช่ไหม

? เช่นนั้นก็ซึมซับหมัดของข้าด้วยร่างกายเจ้าดูบ้างเถอะ

!”

พรึ่บ !

กล่าวจบฉู่เทียนเซิงก็ปลดปล่อยสัมผัสญาณครอบงำ

ตรึงไอพลังของเทียนเจี้ยนจงเอาไว้และปะทุปราณขุมมหึมาออกมา

แรงกดทับอันมหาศาลที่มิอาจจับต้องได้

แผ่กระจายปกคลุมไปทั่วทุกตารางนิ้ว

ยอดฝีมือต่างๆหน้าถอดสีโดยพลัน

พวกมันวิ่งหนีกระจัดกระจายไปทุกทิศทางเพื่ออยู่ให้ห่างจัตุรัสบนยอดเขา

“ท่านประมุขโกรธแล้ว

ถอยไปห่างๆเร็ว !”

เหล่าผู้อาวุโสของนิกายพันธมิตรสวรรค์รีบเรียกสัตว์วิญญาณออกมาขึ้นขี่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อชมดูจากระยะไกล

ทันใดนั้น ยอดฝีมือมากมายทั่วจัตุรัสหายไปหมดสิ้น

เหลือเพียงฉู่เทียนเซิงและเทียนเจี้ยนจงเท่านั้น

ทุกคนต่างรู้ดีว่าทั้งสองท่านนี้เป็นสุดยอดฝีมือในขอบเขตปราณฟ้าและเป็นหนึ่งในที่สุดของจอมยุทธ์ในอาณาจักรเทียนเฉิน

การเผชิญหน้าระหว่างประมุขสองนิกายใหญ่นั้นน่าสะพรึงกลัวและอันตรายยิ่ง

หากหนีไปไกลๆไม่ทันเวลา

คนจะถูกลูกหลงจนอาจตกตายโดยไม่รู้ตัว

วันนี้ต้นไม้กลายเป็นเรือไปแล้ว ต่อให้เทียนเจี้ยนจงโกรธแค้นแค่ไหนก็ต้องเผชิญหน้ากับโทสะของฉู่เทียนเซิงอยู่ดี

!  (ต้นไม้กลายเป็นเรือเป็นสุภาษิตจีน

เช่นเดียวกับหุงข้าวสารเป็นสุข หมายถึง

เรื่องราวซึ่งดำเนินมาถึงขั้นที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีก)

เทียนเจี้ยนจงยืนเชิดหน้าอย่างถือดีกลางจัตุรัสและระเบิดเสียงดังกังวานออกมาว่า

“ฉู่เทียนเซิง

! อย่าได้คิดว่าเจ้าเป็นอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉินแล้วข้าประมุขจะกลัวเจ้า

!"

"จะอย่างไรเสีย

ระหว่างเราย่อมต้องได้สู้กันสักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว

วันนี้ข้าก็ขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าบ่มเพาะไปได้ถึงขีดขั้นใดแล้ว  ถึงได้กล้าหยิ่งยโสอวดดีเช่นนี้ !”

ตูม !!

กล่าวจบ

เทียนเจี้ยนจงพลันระเบิดพลังชั่วชีวิต

วาดฝ่ามือออกไปรวบรวมพลังปราณเป็นม่านพลังหลากสีสันรอบตัว

"ปราการห้าธาตุเฉียนเฟิง

!"

นี่เป็นหนึ่งในวิถีลับห้าธาตุระดับปราณฟ้า

มันคือการควบแน่นพลังของธาตุทั้งห้าลงไปในม่านพลังซึ่งทำให้มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งยิ่ง

ฉู่เทียนเซิงเผยยิ้มเย็นพลางกล่าวเย้ยหยันว่า

“เกาอวี่

ข้าประมุขจะสำแดงให้เจ้าเห็นว่าหัตถ์ฟ้าทลายที่แท้จริงเป็นอย่างไร !”

"ฝ่ามือแรก

สำหรับการที่เจ้าสั่งคนมากรุ้มรุมหยุนเหยาศิษย์ข้า !”

สิ้นเสียง ฉู่เทียนเซิงยกฝ่ามือขวาขึ้นทันที โคจรพลังปราณหลายสายมารวมกันในฝ่ามือและซัดออกไปเป็นหัตถ์ปราณหลากสีสันขนาดมหึมา

ในขณะนั้นเองจัตุรัสที่มีพื้นที่กว่า 1,000 ไมล์ก็เต็มไปด้วยลำแสงหลากสีสันตระการตา

อากาศทั่วบริเวณนี้ถูกรีดออกไปจนทุกตารางนิ้วกลายเป็นเขตแดนสุญญากาศ

ความหวาดกลัวที่มองไม่เห็นราวกับภูผายักษ์ร่วงหล่นกดทับลงมาจากเวหา

สร้างแรงกดดันให้กับเทียนเจี้ยนจงอย่างร้ายแรง

เทียนเจี้ยนจงพยายามทุกวิถีทางในการโบกฝ่ามือของมัน  ร่ายเป็นหัตถ์หลากสีสันขนาดใหญ่และซัดเข้าหาฉู่เทียนเซิง

"ฉู่เทียนเซิง  ข้าฝึกฝนหัตถ์ฟ้าทลายมาร่วมสามสิบปี  จำเป็นต้องให้เจ้าสอนอีกหรือ ? เจ้ามันอวดดีเกินไปแล้ว !"

สิ้นเสียง

ฝ่ามือหลากสีสันขนาดใหญ่คู่หนึ่งก็ปะทะเข้าหาหัตถ์ฟ้าทลายของฉู่เทียนเซิง

"ปัง !!"

เสียงกัมปนาทดังกึกก้อง ผืนแผ่นดินแตกเป็นเสี่ยงๆ

ฝ่ามือคู่นั้นของเทียนเจี้ยนจงที่ซัดออกมาต้านทาน พลันปริแตกแหลกสลายไม่มีชิ้นดี

หัตถ์ฟ้าทลายเปี่ยมล้นไปด้วยพลังพิชิตฟ้าดิน แตกออกเป็นเปลวไฟเปล่งสีสันสดใส

ครอบคลุมทั่วทั้งจตุรัส

ร่างของเทียนเจี้ยนจงจมอยู่ใต้ฝ่ามือของหัตถ์ฟ้าทลายโดยพลัน

ม่านปราการห้าธาตุเฉียนเฟิงที่มันใช้ออกมานั้นมิอาจต้านทานพลังอันน่าสะพรึงกลัวของฉู่เทียนเซิงได้เลย

อั่ก  ...

!

เทียนเจี้ยนจงสีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลายในทันที

คนถูกตบจมธรณีพลางแค่นเสียงครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด

คลื่นกระแทกหลากสีสันที่เปี่ยมไปด้วยความรุนแรงแพร่กระจายและกวาดต้านไปทั่วทั้งภูเขา

ตำหนักและบ้านเรือนบนภูเขาหลายสิบแห่งถูกรื้อถอนพังราบบนพื้นในพริบตา

เมื่อคลื่นพลังหลากสีไหลผ่านป่าทึบ พวกมันก็ถูกบดขยี้เป็นเศษเล็กเศษน้อย

ไม่เพียงเท่านั้น ยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดกลายเป็นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับจะถล่มลงมา

กำแพงภูเขาปริแตกเป็นริ้วลำธารขนาดใหญ่

ก้อนหินตามซอกเขาถล่มครืนลงมาจนเกิดฝุ่นมหาศาลคละคลุ้ง

มันใช้นานพอดูกว่าที่ฝุ่นควันจะค่อยๆกระจายหายไป

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายซ่อนตัวอยู่ในระยะไกลและมองเห็นสถานการณ์บนจัตุรัสกว้าง

ดวงตาของพวกมันเบิกกว้างและตื่นตกใจต่อพลังของฉู่เทียนเซิง

จัตุรัสอยู่ในสภาพทรุดโทรมไม่มีชิ้นดีราวกับไม่เคยมีสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้มาก่อน

!

มันกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่กินรัศมีกว่า

1,000 ไมล์

ที่ด้านล่างของหลุมยักษ์

เทียนเจี้ยนจงนอนแผ่หลาอยู่บนกองหิน

ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยฝุ่นละอองและก้อนกรวด

สีหน้าของมันกลายเป็นมืดมนและหมองคล้ำ

ตูม  !

คนดีดปราดขึ้นจากหลุมอย่างรวดเร็วและยืนอยู่บนขอบ

‘อดีต’ จัตุรัส พลางสบถอย่างเคืองแค้น “ฉู่เทียนเซิง.......  เจ้าสารเลว

เจ้ามัน... !”

ก่อนที่มันจะพูดจบประโยค ฉู่เทียนเซิงที่ยืนตะหง่านดุจขุนเขาใหญ่พลันตะเบ็งเสียงพูดแทรกขึ้นมาว่า

"เกาอวี่

! รับกระบวนท่าที่สอง

!"

"หมัดนี้ ทวงความยุติธรรมให้เอี๋ยนเอ๋อร์ศิษย์ข้า

!”

“หมัดมังกรคชสาร !!

สิ้นเสียงของฉู่เทียนเซิง เงามายาหมัดสีทองอร่ามขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น, หอบหุ้มไปด้วยไอพลังไร้ต้านทานที่สามารถบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง   พุ่งซัดเข้าหาเทียนเจี้ยนจงอย่างรุนแรง

หากมองอย่างใกล้ชิดจะพบว่าหมัดมายาสีทองนี้ได้กลั่นตัวเป็นเงาวิญญาณคชสารโบราณ

ตามตำนานในสมัยโบราณ มังกรคชสารเป็นสัตว์ที่แข็งแรงทรงพลังที่สุดในฟ้าดิน

มันถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง

มันสามารถคว้าดวงดาวและแหวกว่ายไปตามท้องฟ้าอันกว้างใหญ่

ซึ่งหมัดมังกรคชสารของฉู่เทียนเซิงนี้เป็นวิชาหมัดในระดับปราณฟ้าที่มุ่งเน้นไปที่ความแข็งแกร่งและก้าวร้าวที่สุด

เงามายาหมัดสีทองขนาดใหญ่ที่ควบแน่นเป็นเงาวิญญาณมังกรคชสารนั้น

มีความยาวกว่า 100 เมตรและสูงกว่า 40 เมตร

มันกดทับครอบงำร่างของเทียนเจี้ยนจงในทันที

เทียนเจี้ยนจงที่ได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งความแข็งแกร่งของมันก็อ่อนโทรมลงอย่างรวดเร็ว

มันไม่มีเวลาพอที่จะหลบได้

มันทำได้เพียงควบรวมลมปราณสร้างเป็นม่านพลังปราณคุ้มกายเพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น

"ตูม !!"

เสียงดังสนั่นสะท้านพสุธาดังก้องออกไปอีกหลายร้อยไมล์

สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งนิกายกระบี่ฟ้า

หมัดมังกรคชสารกระแทกร่างและทำลายเกราะลมปราณของเทียนเจี้ยนจงในพริบตา

คนพ่นโลหิตสดฉีดพุ่งเป็นเส้นรุ้งสีแดงและร่วงลงกระแทกพื้น

ยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดสั่นครืนอย่างรุนแรงหลายครั้ง

และในที่สุดยอดเขาก็พังทลายลงมาโดยสมบูรณ์

"แกร่ก   แกร่ก

!"

รอยปริแตกเป็นร่องลำธารขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนยังคงแพร่กระจายออกไปทั่วทิศทาง

ก่อให้เกิดเสียงปริแตกดังไปทั่วบริเวณ