ไร้ทางขัดขืน
“สารเลวน้อย ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ๆ นี่เพิ่งจะหมัดที่สองอย่าเพิ่งนอนวัดพื้นซี่ ลุกขึ้นมา !”
ชายชราเคราขาวโพลนแสยะยิ้มพลางเดินไปหาจี้เทียนซิงและกล่าววาจาดูหมิ่น
จี้เทียนซิงสะสมมวลโทสะไว้คับข้องเต็มอกจนแทบระเบิด
เขาพยายามผุดลุกขึ้นอย่างอ่อนล้าด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ดวงตาจับจ้องไปอยู่ที่ชายชราเคราขาว
“ผู้อาวุโส ท่านคิดจะฆ่าแกงกันจริงๆเลยหรือ ?!”
ชายชราหนวดเคราขาวยิ้มและกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม
“เหอะ เหตุใดศิษย์ของนิกายรุ่นนี้ถึงได้บอบบางนัก ?
แค่สองกระบวนท่าเอง ไม่ถึงตายหรอกน่า!”
“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าตกอยู่ในมือของตาเฒ่าผู้นี้หากคิดอยากตายก็ยังต้องให้ข้าอนุญาตเสียก่อน
!”
หลังจากกล่าวจบ
ชายชราหนวดเคราขาวก็คำรามอย่างเยือกเย็นและเหวี่ยงหมัดเข้าหาจี้เทียนซิงอีกครั้ง
ครั้งนี้จี้เทียนซิงโกรธจริงๆแล้ว
ในเมื่อกระบี่หลุดมือเขาจึงต้องใช้ไพ่ตายและกระตุ้นปราณกระบี่หกสายออกมา
“เช้ง เช้ง เช้ง..... !”
ปราณกระบี่ทองคำหกสายพวยพุ่งออกจากฝ่ามือและโบยบินโฉบไปมารอบๆร่างกายของเขาทันที
จากนั้นก็แตกตัวออกเป็นปราณกระบี่ 12สายและควบรวมเป็นริ้วลำแสงของตาข่ายกระบี่
“ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ !”
เมื่อข่ายกระบี่กางออก, ริ้วลำแสงของเส้นสายกระบี่สีทองนับหมื่นพันก็ฉวัดเฉวียนไปมาเป็นตาข่ายปกคลุมร่างในระยะสามเมตร
กำปั้นของชายชราเคราขาวกำลังจะถึงร่างของจี้เทียนซิงแต่กลับถูกปิดกั้นไว้ด้วยตาข่ายกระบี่
ข่ายกระบี่หลายเส้นสายแทงเข้าหาหมัดของชายชราและส่งเสียงดัง
‘เคร้ง’ ราวกับว่ามันแทงเข้ากับเหล็กกล้า
ชายชราชักกำปั้นกลับอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของเขาส่องประกายด้วยความประหลาดใจและจ้องมองปราณกระบี่ที่โบยบินไปมาด้วยความสนอกสนใจ
“โฮ่ๆ คาดไม่ถึงว่าไอ้หนูอย่างเจ้าก็มีของดีให้โอ้อวดอยู่บ้าง
!”
“ปราณกระบี่ควบแน่นชนิดนี้....
เหมือนข้าจะเคยได้ยินจากไหนมาก่อน…”
ชายชราเคราขาวขมวดคิ้วและริมฝีปากขยับพึมพำพูดกับตัวเอง หลังจากนั้นก็เงียบไปครู่ใหญ่จนกระทั่งคิดอะไรบางอย่างออก ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
แต่เขาก็รีบเก็บซ่อนแววตาที่ตื่นตะลึงเอาไว้อย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้จี้เทียนซิงได้สังเกตเห็น
จี้เทียนซิงเห็นอีกฝ่ายไม่ได้ลงมือต่อ
เขาเลยฉวยโอกาสพูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโส
หากท่านไม่คิดลงมือแล้วก็ช่วยฟังคำอธิบายของผู้เยาว์ก่อนได้หรือไม่ ?"
ชายชราเคราขาวรั้งสายตากลับมาและจ้องมองชายหนุ่มพร้อมกับตะโกนด้วยความโกรธ
“อธิบายมารดาเจ้าเถอะ ยังคิดจะเถียงอะไรอีก ?”
“หลังคาบ้านข้าพังยับเยินด้วยน้ำมือเจ้า
ต้นวิญญาณมรกตก็ถูกเจ้าทำลาย แม้แต่หญ้าวิญญาณเขียวหลายสิบใบก็ถูกเจ้าถอนรากถอนโคน
เจ้ายังมีหน้ามาบอกให้ข้าฟังเจ้าอธิบายอีกงั้นหรือ ? ตลกสิ้นดี !”
“เรื่องนี้....” จี้เทียนซิงพูดไม่ออก
เพียงแสดงสีหน้าที่เอียงอาย
โชคดียังดีที่ชายชราเคราขาวนั้นไม่ได้โกรธแค้นอย่างรุนแรงเหมือนตอนแรกอีกต่อไป สีหน้าของเขาดูสงบลงเล็กน้อย
จี้เทียนซิงสลายข่ายกระบี่และชักนำปราณกระบี่กลับเข้าร่าง
ในขณะนี้เองชายชราก็โบกพลังฝ่ามือไร้สภาพสายหนึ่งออกมาและห่อหุ้มกระบี่มังกรดำที่ตกอยู่มุมสวน
กระบี่มังกรดำถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังที่มองไม่เห็นและลอยมาที่เบื้องหน้าของชายชราทันที
ชายชราเคราขาวคว้ากระบี่มังกรดำและมองตาจี้เทียนซิงพลางเหยียดนิ้วออกมาและดีดไปที่ตัวกระบี่
“เฮอะ เจ้าตัวน้อยที่น่ารังเกียจ
เจ้าทำลายสวนโอสถของข้า !”
ถึงแม้ว่าฉากหน้าจะสงบลงไม่น้อยและเหมือนจะพูดกับจี้เทียนซิง แต่ที่จริงแล้วคำพูดเหล่านี้ชายชรากล่าวกับเสี่ยวเฮยหลง
เขารู้แต่แรกแล้วว่าทั้งหมดเป็นฝีมือใคร
สุดท้ายเสี่ยวเฮยหลงที่ถูกนิ้วดีดหลายครั้งคราก็เริ่มเจ็บปวดจนไม่ไหวและส่งเสียงร่ำร้องออกมา
จากนั้นชายชราก็เหยียดมือหยิบฝักกระบี่ที่อยู่ด้านหลังของจี้เทียนซิง
“ชึ่บ !”
เขาสอดกระบี่กลับเข้าไปในฝักและพูดกับจี้เทียนซิงด้วยใบหน้ามืดครึ้มว่า
“ไอ้หนู
เจ้าถูกริบกระบี่เล่มนี้ไว้กับข้าชั่วคราว นี่เป็นการลงโทษสำหรับเจ้า !”
“วะ ว่าไงนะ... !?”
จี้เทียนซิงหน้าถอดสีและตะโกนออกมาอย่างกระวนกระวายว่า
“ผู้อาวุโส กระบี่เล่มนั้นมีความสำคัญต่อข้ามาก
มันเปรียบได้ดั่งชีวิต....”
กระบี่มังกรดำไม่เพียงแค่เป็นไม้ตายของเขาเท่านั้น
แต่ยังเป็นความลับของเขาอีกด้วย ความลับนี้จะต้องไม่ถูกเปิดเผยเด็ดขาดมิฉะนั้นจะเกิดปัญหาใหญ่หลวงที่ไม่คาดฝันขึ้น
ชายชราจ้องหน้าจี้เทียนซิงและตะโกนออกมาว่า
“ผายลม ! ไอ้หนูอย่างเจ้าทำผิดมหันต์ต่อข้า ดังนั้นเจ้าไม่มีสิทธิ์มาต่อรองใดๆทั้งสิ้น !”
จากนั้นชายชราก็ชี้ไปที่สนามหญ้าที่เต็มไปด้วยใบไม้และแผ่นกระเบื้องที่แตกกระจายพลางตะโกนออกมาอีกครั้ง “นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องรับผิดชอบ
จงเก็บกวาดให้สะอาด!”
“นอกจากนี้ยังมีแผ่นกระเบื้องที่พังเสียหาย
เจ้าต้องซ่อมให้ข้าด้วย !”
จี้เทียนซิงแสดงสีหน้าอึดอัดและเต็มไปด้วยความโกรธพลางกล่าวว่า “ตาเฒ่า
นั่นเป็นฝีมือของท่านเองต่างหาก....
ท่านหนักมือเองจนกระเบื้องแตก ข้าไม่ได้ทำ!”
“อ๋อ เหรอ?”
ชายชราจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความโกรธแล้วพูดว่า
“ทำไม เจ้าไม่คิดจะรับผิดชอบใช่ไหม ?”
ฟุ่บ
!
ในขณะที่กล่าวจบชายชราก็วูบไหวร่างกายไปหยุดเบื้องหน้าจี้เทียนซิงในพริบตาและกวาดมือไปที่เอวของมัน
จี้เทียนซิงตื่นตระหนกและคิดจะกระโดดหลบตามสัญชาตญาณ แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นฝ่ามือที่รวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาดของชายชราไปได้
“ฟุ่บ !”
ถุงมิติที่เขาผูกติดไว้กับเข็มขัดถูกชายชราคว้าไว้ในมือทันที จี้เทียนซิงยังไม่ทันจะมีปฎิกิริยา ชายชราก็ล้วงมือไปในถุงมิติแล้วจับจิ้งจอกน้ำแข็งตัวน้อยที่ซ่อนอยู่ข้างในนั้นออกมา
เฉียนเยวี่ยที่น่าสงสาร
มันกำลังนอนหลับสบายอยู่ในถุงมิติแต่เมื่อถูกดึงออกมามันก็ตกตะลึงและตื่นตัวขึ้นในทันที
มันเปิดดวงตาที่ยาวเรียวและแหลมคมจับจ้องไปที่ชายชราหนวดเคราขาวพลางสะบัดตัวดิ้นรนขัดขืนอย่างหนักพลางตะโกนออกมาว่า
“ระยำ ! ลิงแก่หนวดขาวที่ไหนมาจับข้า ปล่อยข้านะโว้ย !"
โชคร้ายนัก ไม่ว่าเฉียนเยวี่ยจะดิ้นรนขัดขืนเพียงใดก็ไม่อาจสลัดหลุดจากน้ำมือของชายชราไปได้
จี้เทียนซิงหน้าซีดลงทันที
ดวงตากลายเป็นเย็นชา เขาคิดไม่ถึงว่าชายชราผู้นี้จะแข็งแกร่งถึงขั้นมองทะลุถุงมิติจนรู้ว่ามีจิ้งจอกน้ำแข็งซ่อนอยู่ข้างใน
!
ยิ่งไปกว่านั้นการที่ชายชราริบกระบี่มังกรดำของเขาเอาไว้ย่อมแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายรู้ความลับของกระบี่มังกรดำได้อย่างชัดเจน
!
ต่อหน้าชายชราผู้นี้จี้เทียนซิงรู้สึกราวกับว่าร่างกายเปลือยร้อนจ้อนไม่อาจปกปิดเรื่องราวใดๆได้เลย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว
ในใจของเขาก็รู้สึกเหมือนถูกแตะเกล็ดย้อนและเริ่มเกิดความรู้สึกเป็นปรปักษ์ขึ้น
เขาจ้องมองชายชราด้วยแววตาเยือกเย็นและกล่าวด้วยเสียงแข็งว่า “ผู้อาวุโส ! ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนต่างก็มีความลับและไพ่ตายของตัวเอง
เราท่านไม่ใช่ศัตรูคู่แค้นกันทำไมถึงได้ล่วงล้ำกันขนาดนี้”
“เอาเถอะ
วันนี้ข้าสู้ท่านไม่ได้แถมท่านยังเป็นผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งสูงส่งของนิกาย หากท่านคิดจะริบเอากระบี่และสัตว์อสูรของข้าไป
ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด แต่ท่านจงจำไว้ให้ดี
สักวันหนึ่งข้าจะกลับมาทวงคืน !”
ชายชราจ้องมองชายหนุ่มด้วยความรังเกียจพลางกล่าวว่า
“เฮอะ ไอ้หนู เจ้าคิดว่าคนอย่างข้าจะอยากได้กระบี่กับสัตว์เลี้ยงของเจ้างั้นหรือ ? ไร้สาระ ! เจ้าดูถูกข้าเกินไปนัก”
“ถึงแม้ว่ากระบี่กับจิ้งจอกน้ำแข็งน้อยตัวนี้จะหายากได้ยิ่ง
แต่ตาเฒ่าอย่างข้าเคยท่องไปในแผ่นดินหลักมาแล้วร่วมสองร้อยปี เจ้าคิดว่าข้าไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้ในโลกภายนอกหรือไง
?
เจ้ามันเด็กน้อยนัก !”
ไม่รู้ว่าทำไมยามที่ชายชรากล่าวถึงแผ่นดินหลัก
จี้เทียนซิงรู้สึกราวกับว่าร่างกายของอีกฝ่ายกำลังส่งเสียงกรีดร้องจนก้องโลก บรรยากาศรอบตัวของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิและเย้ยหยันกดขี่ผู้คน
รูปร่างผอมเตี้ยของเขานั้นดูยิ่งใหญ่อหังการราวกับยักษาที่ทำให้ผู้คนเพียงได้แต่แหงนหน้ามอง
หลังจากนั้นชายชราก็หยิกจิ้งจอกน้ำแข็งน้อยเฉียนเยวี่ยด้วยนิ้วมือ
จนเฉียนเยวี่ยอ้าปากงับนิ้วของเขา แต่ก็กัดไม่เข้า
ชายชราเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและกล่าวอย่างเงียบ
ๆ “ไอ้หนู ฟ้าเริ่มมืด
เจ้าควรกลับไปพักผ่อนที่หอยุทธ์ฟงอวิ๋นได้แล้ว กระบี่และสัตว์อสูรของเจ้า
ตาเฒ่าผู้นี้จะกักตัวพวกมันไว้ที่นี่ หากเจ้าต้องการกระบี่และสัตว์อสูรคืน
เจ้าจงกวาดพื้นทำความสะอาดที่นี่อย่างซื่อสัตย์ทุกวัน ! เมื่อใดที่ข้าเห็นความตั้งใจจริงของเจ้าและอารมณ์ดีขึ้นมา
ข้าจะคืนมันให้เจ้าเอง”
หลังจากนั้นชายชราก็จ้องมองไปที่กระบี่มังกรดำและจิ้งจอกน้ำแข็งเฉียนเยวี่ย
สุดท้ายก็หันหลังเดินลึกเข้าไปในสนาม
“เอ่อ.....”
จี้เทียนซิงก้าวเท้าเดินติดตามอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวและคิดจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ทว่าชายชรากลับโบกมือสะเปะสะปะและส่งพลังไร้สภาพสายหนึ่งผลักร่างจี้เทียนซิงออกจากสนามจนไปหยุดอยู่ที่หน้าประตู
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved