พวกเจ้าติดพิษสุนัขบ้าแต่เด็กหรือ
?
เมื่อได้ยินประโยคนี้
ศิษย์หลายคนก็เผยรอยยิ้มของความสุขในความโชคร้ายของผู้อื่น
ทั้งซื่อจิงเฉิงและจี้หลิงต่างก็ยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันเมื่อครูฝึกฮั่นกล่าวถึงจี้เทียนซิง “ครูฝึกฮั่น ท่านลืมไปแล้วหรือ ? จี้เทียนซิงถูกลงโทษให้ไปกวาดพื้นทำความสะอาดตำหนักไท่อันเป็นเวลา
7 วัน”
"ถูกต้อง ! ครูฝึกฮั่น
คำถามของท่าน จี้เทียนซิงคงมิมีวันตอบได้เพราะในสมองของมันเต็มไปด้วยใบไม้และวัชพืชหมดแล้ว”
จี้เทียนซิงสีหน้าเย็นลงและจ้องมองไปที่จี้หลิงกับซื่อจิงเฉิงด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
จากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองฮั่นเฉียวเซิงและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ครูฝึกฮั่น สมุนไพรต้นนี้มิใช่เฟิงหลิงหลานแต่เป็นฮุ้ยเทียนเชวี่ย
(คืนสู่สวรรค์)”
เมื่อได้ยินคำตอบของจี้เทียนซิง
ฮั่นเฉียวเซิงก็นิ่งเงียบไปและศิษย์คนอื่นๆเริ่มขมวดคิ้ว
“ฮุ้ยเทียนเชวี่ย ? นี่มันเฟิงหลิงหลานชัดๆ
มันตาบอดไปแล้วหรือ ?”
“นั่นมันชื่อสมุนไพรอันใด ? ข้าไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน”
“สมุนไพรทั้ง 3,500
ชนิดที่ถูกบันทึกไว้ในตำราพันโอสถของนิกาย
ข้าจดจำได้ทั้งหมด ไม่มีทางที่สมุนไพรนี้จะเป็นฮุ้ยเทียนเชวี่ยไปได้ !”
“เหอะ ดูเหมือนว่าจี้เทียนซิงจะกวาดพื้นจนสมองพิการไปแล้ว
นั่นมันชื่อสมุนไพรผีสางอันใดกัน ?”
“ดูจากสีหน้าที่จริงจังของมัน
หากข้าไม่ได้อ่านตำราพันโอสถมาก่อน ข้าคงถูกมันหลอกเข้าจริงๆ !”
“เหอะ คอยดูเถอะ
มันกล้าเอ่ยชื่อสมุนไพรมั่วซั่วมาหลอกครูฝึกฮั่นเพื่อเอาตัวรอด
มันโดนลงโทษอีกกระทงแน่ !”
ซื่อจิงเฉิง
อี้โม่และจี้หลิงต่างก็หัวเราะเยาะเย้ยหยันและมองจี้เทียนซิงอย่างขบขัน
ฮั่นเฉียวเซิงยังคงมองหน้าจี้เทียนซิงอย่างสงบและกล่าวย้ำอีกครั้ง
“จี้เทียนซิง
ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือสมุนไพรที่มีชื่อว่าเฟิงหลิงหลาน
เจ้าแน่ใจนะว่ามันคือฮุ้ยเทียนเชวี่ย ?”
“เจ้าดูมันอย่างละเอียดหรือยัง? ข้าหวังว่าเจ้าจะลองคิดดูอีกครั้ง”
จี้เทียนซิงเพิกเฉยต่อการเยาะเย้ยของทุกคน
สีหน้าแววตาหนักแน่นมั่นคงและพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ครูฝึกฮั่น
ข้าแน่ใจว่ามันคือฮุ้ยเทียนเชวี่ย!”
“ย่อมได้ งั้นเจ้าก็ลองอธิบายลักษณะนิสัยและคุณสมบัติของมันให้ข้าฟังซิ”
ดวงตาของฮันเฉียวเซิงแฝงไปด้วยรอยยิ้ม
จี้เทียนซิงกล่าวต่อไปอย่างเรียบเฉย
“ฮุ้ยเทียนเชวี่ยมักจะเติบโตบนภูเขาที่สูงกว่า 3,000 เมตรและปกคลุมไปด้วยหิมะและเมฆสีขาว มันมีคุณสมบัติในการขัดเกลาจิตวิญญาณและพัฒนาสัมผัสทางจิตวิญญาณ…”
“ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของมันจะเหมือนกับเฟิงหลิงหลานแทบทุกกระเบียดนิ้ว
แต่มันก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรหลายคนผิดพลาดในการระบุตัวตนของมันมานักต่อนัก หากไม่ได้สังเกตมันอย่างละเอียดพอ
มันมีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างไปจากเฟิงหลิงหลาน !”
“รากของเฟิงหลิงหลานจะต้องเป็นสีขาวขุ่นเหมือนน้ำนมและพวกมันมักจะเติบโตแผ่ขยายออกไปด้านนอก ส่วนฮุ้ยเทียนเชวี่ยจะมีสีขาวเหมือนหิมะและนอกในบรรจบกัน…”
ฮั่นเฉียวเซิงฟังคำอธิบายของจี้เทียนซิงด้วยรอยยิ้ม
ส่วนซื่อจิงเฉิง
อี้โม่และจี้หลิงรวมไปถึงศิษย์อีกหลายคนต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
ในตอนแรกทุกคนตัดสินแล้วว่าจี้เทียนซิงกล่าวเพ้อเจ้อเพื่อเอาตัวรอด พวกเขามีความสุขกับความโชคร้ายของอีกฝ่าย
แต่เมื่อเพื่อเขาได้ฟังคำอธิบายยาวเหยียดของจี้เทียนซิงก็เริ่มคิดว่าเรื่องนี้มีเหตุผลรองรับเพราะลักษณะของสมุนไพรต้นนี้เป็นอย่างที่เขาอธิบายจริงๆ
!
พวกเขาหันไปมองหน้ากันเลิกลั่กด้วยความตกใจและงุนงง
“ไม่น่าเป็นไปได้ ! เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเฟิงหลิงหลาน
ฮุ้ยเทียนเชวี่ยที่ว่านั่นไม่ได้อยู่ในบันทึกตำราพันโอสถแม้แต่น้อย !”
“เจ้าหนูนั่นมั่วขึ้นมาเองหรือไม่ ?”
“ไม่ต้องกังวลไป
ครูฝึกฮั่นยังไม่ได้บอกเลยว่ามันใช่หรือไม่”
“สมุนไพรฮุ้ยเทียนเชวี่ยอะไรกัน
ตำราพันโอสถมิเห็นบันทึกไว้
ครูฝึกฮั่นไม่น่านำสมุนไพรนอกตำราออกมาทดสอบ”
ทุกคนกระซิบกระซาบกันและพูดคุยกันอย่างกว้างขวาง
จากนั้นห้องโถงหลักก็เข้าสู่ความเงียบสงบ
ฮั่นเฉียวเซิงวางสมุนไพรลงบนโต๊ะแล้วยืนขึ้น
เขามองไปที่จี้เทียนซิงด้วยแววตาชื่นชม
ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มและปรบมือเสียงดัง
“เยี่ยม
เยี่ยม เยี่ยมมาก !”
ฮั่นเฉียวเซิงกล่าวชมถึงสามครั้งติดต่อกัน
เมื่อเห็นภาพนี้ซื่อจิงเฉิง
อี้โม่และจี้หลิงต่างก็มีสีหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์และตกตะลึงโดยสิ้นเชิง
ศิษย์ที่เหลือต่างก็หันไปจ้องหน้าจี้เทียนซิงอย่างไม่อยากเชื่อ
การกล่าวชมของฮั่นเฉียวเซิงเปรียบเสมือนการเฉลยคำตอบ เขากล่าวกับจี้เทียนซิงว่า “จี้เทียนซิง คำตอบและการอธิบายของเจ้าถูกต้องสมบูรณ์ เม็ดยาต้นกำเนิดหยวนตันสมควรเป็นของเจ้า รับไปซะ”
ท้ายที่สุด
ฮั่นเฉียวเซิงก็หยิบเม็ดยาสีแดงเข้มจากถุงมิติสีดำและมอบให้กับจี้เทียนซิง
ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยและรับเม็ดยาต้นกำเนิดหยวนตันมาพร้อมกับคารวะฮั่นเฉียวเซิง
“ขอบคุณครูฝึกฮั่น !”
ฮั่นเฉียวเซิงยิ้มพลางโบกมือ
“ไม่จำเป็น
นี่คือสิ่งเจ้าสมควรได้รับจากความพยายามและความรอบรู้ของเจ้าเอง !”
จากนั้นฮั่นเฉียวเซิงก็หันไปมองซื่อจิงเฉิงและอี้โม่ที่หน้าเหวอไปแล้ว
“พวกเจ้าที่เหลือจงจดจำเอาไว้ให้ดี
บนโลกนี้มีหลายสิ่งที่ไม่มีบันทึกไว้ในตำรา
ต่อให้พวกเจ้าท่องจำได้ทุกตัวอักษรก็ไม่เพียงพอต่อความใฝ่รู้อันไร้สิ้นสุดของผู้ที่เรียกว่าอัจฉริยะที่แท้จริง
!”
“ข้าสั่งให้พวกเจ้าศึกษาจากในตำราพันโอสถก็จริง
แต่ไม่ได้บอกว่าจะทดสอบจากในตำราเท่านั้น พวกเจ้าไม่คิดที่จะไขว่คว้าหาความรู้ใหม่ๆนอกเหนือจากในตำราเลยหรือไง
?”
“ในอนาคตเมื่อพวกเจ้าเติบใหญ่กว่านี้จะต้องเผชิญกับความโหดเหี้ยมทารุณของโลกภายนอก
และย่อมได้พบเจอสุดยอดฝีมือที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
เจ้าจะนั่งนิ่งๆให้ผู้คนรุมสับทึ้งเช่นนั้นหรือ ?”
“หากเรื่องความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรแค่นี้พวกเจ้ายังไม่รอบคอบแล้วจะเป็นจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ในใต้หล้าได้อย่างไร
? กลับไปหาภรรยา
เลี้ยงบุตรธิดาเป็นจอมยุทธ์ในกะลาแคบๆต่อไปเถิด !”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายถูกตำหนิอย่างรุนแรงโดยฮั่นเฉียวเซิง
พวกเขาทั้งหมดต่างก้มหน้าและกำหมัดแน่น
แม้จะโดนดูถูกเหยียดหยามแต่พวกเขาก็ไม่กล้ามองหน้าฮั่นเฉียวเซิงตรงๆ
ส่วนซื่อจิงเฉิง, อี้โม่และจี้หลิงต่างก็เป็นผู้ที่เย้ยหยันจี้เทียนซิงมากที่สุด แต่ตอนนี้สีหน้าพวกเขากลายเป็นปั้นยากและบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ที่สุด
ในบรรดาศิษย์ทั้งสิบคน
ศาสตร์เกี่ยวกับโอสถสมุนไพรนั้นเดิมทีซื่อจิงเฉิงกับอี้โม่ต่างก็เป็นตัวเต็งและเป็นผู้ที่มีความมั่นใจมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม
ทั้งคู่กลับตรวจสอบชนิดของสมุนไพรผิดพลาดและยืนยันว่ามันเป็นเฟิงหลิงหลาน
สุดท้ายจี้เทียนซิงที่ถูกผู้คนหัวเราะเยาะและควรเป็นคนที่อยู่อันดับรั้งท้ายกลับรู้จักตัวตนแท้จริงของสมุนไพรชนิดนี้แถมยังระบุข้อแตกต่างของมันได้อย่างละเอียดยิบ
นี่นับเป็นการเหยียบหน้าอย่างรุนแรงต่อผู้เชี่ยวชาญโอสถเช่นซื่อจิงเฉิงและอี้โม่
!
พวกเขาทั้งคู่กำหมัดและกัดฟันแน่น
ในใจเต็มไปด้วยเพลิงโทสะที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อและจ้องมองจี้เทียนซิงอย่างไม่ละสายตา
พวกเขาคิดในใจว่า
ถ้าหากจี้เทียนซิงไม่ตอบถูก พวกเขาคงไม่ถูกครูฝึกฮั่นด่าทอจนเสียผู้เสียคนในที่สาธารณะ
!
ดังนั้นพวกเขาจึงเก็บความแค้นไว้ในใจและต้องคิดบัญชีกับจี้เทียนซิงในภายภาคหน้า
หลังจากฮั่นเฉียวเซิงอบรมบรรดาศิษย์เรียบร้อยก็ประกาศต่อไปว่า
“ในสัปดาห์หน้า หน้าที่ของพวกเจ้าทุกคนคือการเรียนรู้วิธีการจัดแบ่งประเภทของโอสถ และวิธีจับคู่การจ่ายยากับโอสถ”
จากนั้นตู้หวู่ก็เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่และหยิบตำราโบราณหนาเท่าก้อนอิฐสิบเล่มออกมาแจกจ่ายให้กับทุกคน
หน้าปกของตำราโบราณสีดำเล่มนี้เขียนไว้ว่า
[สูตรตำรับพันโอสถ]
ฮั่นเฉียวเฉิงกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
“สัปดาห์นี้พวกเจ้าทุกคนสามารถศึกษาและอ้างอิงจากตำรับพันโอสถดูก่อนได้”
หลังจากนั้นฮั่นเฉียวเซิงก็ออกจากห้องโถงใหญ่พร้อมกับตู้หวู่
ศิษย์ทั้งสิบต่างก็ถือตำรับพันโอสถไว้ในมือ
แต่ในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซื่อจิงเฉิงกับอี้โม่
พวกเขาจ้องจี้เทียนซิงด้วยดวงตาเย็นเฉียบแฝงไปด้วยความโกรธแค้น
เมื่อเห็นจี้เทียนซิงมีสีหน้าไม่แยแสและกำลังจะเดินออกจากห้องโถง
ซื่อจิงเฉิงก็ไปขวางทางไว้พลางกล่าวว่า “จี้เทียนซิง
! อย่าได้คิดว่าเพียงแค่เดาถูกจนได้รางวัลจากครูฝึกแล้วจะทำตัวจองหองเช่นนี้ต่อไปได้”
“เพียงแค่ระบุสมุนไพรได้จะมีประโยชน์อันใด ? เมื่อถึงสิ้นเดือนเจ้าจะต้องปรุงโอสถของจริง
ถึงเวลานั้นข้าจะเหยียบย่ำเจ้าให้จมธรณี !”
อี้โม่ก็เป็นอีกคนที่เดินมาหาจี้เทียนซิงและตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“จี้เทียนซิง อวดดีต่อไปเถอะ
เจ้าลักเล็กขโมยน้อยทำตัวเยี่ยงโจร ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องถูกขับจากหอยุทธ์ฟงอวิ๋น
!”
จี้เทียนซิงเอียงคอยักไหล่ไม่ตอบโต้ใดๆ เขากำลังอารมณ์ดีและคิดจะรีบกลับห้องเพื่อกินเม็ดยาต้นกำเนิดหยวนตันเพื่อพัฒนาพลังของเขา
แต่ซื่อจิงเฉิงและอี้โม่กลับไม่ยอมเลิกรา
ไม่เพียงก้นด่าสาปแช่งแต่ยังคิดจะทุบตีจนจี้เทียนซิงเหลืออด ใบหน้าของเขามืดครึ้ม
ดวงตาเย็นเยียบและจ้องมองไปที่คนทั้งสองพลางกล่าวว่า “เหอๆ ปกติแล้วข้าจะด่าศัตรูและคนที่เกลียดชังเท่านั้น
แต่พวกเจ้าทำให้ข้าเหลือจะทนแล้ว
ข้าอยู่ของข้าดีๆพวกเจ้าก็เอาแต่ดูถูกด่าทอข้าแบบไร้เหตุผล”
“ข้าเริ่มสงสัยแล้วสิว่าตอนเด็กพวกเจ้าทั้งสองได้ถูกสุนัขบ้ากัดมาหรือไม่
ถึงได้ไล่กัดชาวบ้านเขาไปทั่ว !"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved