สำแดงปาหี่ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ
สามศิษย์อัจฉริยะของนิกายกระบี่ฟ้า
เพียงเข้ามาเป็นแขกวันแรกของนิกายพันธมิตรสวรรค์ก็กล้าวางก้ามเขื่องโข
หอยุทธ์ฟงอวิ๋นเป็นสัญลักษณ์และหน้าตาของนิกายฝ่ายนอก
แน่นอนว่าการกระทำของสามศิษย์แห่งนิกายกระบี่ฟ้านั้นถือเป็นการยั่วยุหอยุทธ์ฟงอวิ๋นอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยความกังวลเกี่ยวกับเกียรติศักดิ์ศรีของหอยุทธ์ฟงอวิ๋น
ศิษย์หลายคนเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและตัดสินใจจะไปที่จัตุรัสพร้อมกัน
จี้เทียนซิงและลู่หมิงหยางกลายเป็นกระดูกสันหลังของหอยุทธ์ไปแล้ว
ศิษย์หลายคนล้อมหน้าล้อมหลังพวกเขาและมุ่งหน้าไปที่จัตุรัสด้านนอก
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งทุกคนก็มาถึงที่หมาย
ที่ขอบจัตุรัสกลางลานกว้าง
จี้เทียนซิงและศิษย์คนอื่นๆของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นได้เห็นเหล่าศิษย์ฝ่ายนอกร่วมสองร้อยคนมามุงกันหนาแน่นและล้อมรอบเป็นวงกลม
ฝูงชนเว้นพื้นที่ว่างตรงกลางไว้ประมาณ
20 เมตร
เมื่อจี้เทียนซิงและคนอื่นๆแหวกฝูงชนเดินเข้าไปในจตุรัสก็เห็นชายหนุ่มสามคนในชุดคลุมสีฟ้ายืนอยู่กลางพื้นที่โล่ง
อาภรณ์ของชายทั้งสามนั้นแตกต่างจากอาภรณ์ของศิษย์นิกายพันธมิตรสวรรค์
มันมีสัญลักษณ์รูปกระบี่ปักอยู่บนหน้าอก
เห็นได้ชัดว่าคนทั้งสามนี้เป็นศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้าที่ถูกส่งมาสร้างปฏิสัมพันธ์ก่อนการประลองระหว่างนิกาย
สองคนในนั้นมีรูปร่างผอมสูงและดูสุขุม
พวกเขาคือศิษย์มากพรสวรรค์ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ
ชายสองคนนั้นกำลังร่ายรำเพลงกระบี่
กระบี่ของพวกมันกวัดแกว่งไปมากลางเวหาอย่างต่อเนื่อง
เพลงกระบี่ที่สำแดงออกมานั้นลื่นไหลดุจสายน้ำ
อ่อนโยนงดงามหมดจดด้วยท่วงท่าที่กระฉับกระเฉงพิศดาร
ประกอบกับรูปลักษณ์อันน่าดูของทั้งสอง ทำให้สามารถเรียกเสียงปรบมือจากศิษย์ฝ่ายนอกของนิกายได้อย่างท่วมท้น
ศิษย์ฝ่ายนอกส่วนใหญ่ไม่ทราบเกี่ยวกับการประลองหลงซาน พวกมันรู้แค่เพียงว่าอัจฉริยะแห่งนิกายกระบี่ฟ้ามาเยือนนิกายพันธมิตรสวรรค์ก็เพื่อแลกเปลี่ยนชี้แนะวรยุทธ์กัน
การที่ได้เห็นสองศิษย์อัจฉริยะของนิกายกระบี่ฟ้าที่มีรูปลักษณ์ท่วงท่าไม่สามัญธรรมดาสำแดงเพลงกระบี่อันยอดเยี่ยมลึกล้ำออกมา เหล่าศิษย์ส่วนใหญ่ก็หัวใจพองโตและเต็มไปด้วยความชื่นชม
มีศิษย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เนื่องจากหากสังเกตดีๆจะพบว่าลึกลงไปในแววตาของศิษย์นิกายกระบี่ฟ้านั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาอวดดี
จากศิษย์ทั้งสามของนิกายกระบี่ฟ้า, สองในนั้นกำลังร่ายรำเพลงกระบี่อันล้ำลึก
ส่วนคนที่สามยืนตะหง่านอย่างภาคภูมิ คนผู้นี้โดดเด่นสะดุดตาที่สุดในกลุ่ม
มันมีรูปร่างสูงโปร่งและตาใหญ่เป็นประกายเหมือนระฆังสีเงินคู่หนึ่ง
ผิวสีทองแดงของมันเต็มไปด้วยกลิ่นไอคมกล้าดุดันและความหยิ่งผยองคับฟ้า
มันยืนกอดอกกุมกระบี่ยักษ์สีแดงชาดไว้ในมืออย่างภาคภูมิใจ
กระบี่ยักษ์สีแดงชาดเล่มนี้มีความยาวประมาณ
1.5 ม. และมีความกว้างเท่ากับม้านั่งตัวเล็กๆตัวหนึ่ง เพียงมองวูบเดียวก็รับรู้ได้ทันทีว่ากระบี่เล่มนี้แฝงพลังทำลายล้างที่ไม่ธรรมดา
บุคคลผู้นี้ไม่สำแดงเพลงกระบี่และไม่พูด
มันยืนอย่างมั่นคงราวกับหอคอยที่ไม่มีวันหักโค่น มีบางครั้งที่มันกวาดสายตามองไปยังศิษย์คนอื่นๆด้วยความเยือกเย็นอยู่บ้างแต่ก็เป็นเพียงเสี้ยววินาที
จากนั้นรั้งสายตากลับไป
จี้เทียนซิง
ลู่หมิงหยางและศิษย์คนอื่นๆของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นคาดเดาได้ในทันทีว่ามือกระบี่ผู้นี้ย่อมเป็นฮั่งเชิน
สุดยอดอัจฉริยะของนิกายกระบี่ฟ้าที่มีพลังยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตขั้นที่ห้า !
หลังจากนั้นไม่นานศิษย์ทั้งสองของนิกายกระบี่ฟ้าก็หยุดร่ายรำเพลงกระบี่พร้อมกัน
พวกมันทั้งสองรวบกระบี่ไว้หลังมือ จากนั้นประสานมือคารวะให้กับเหล่าศิษย์ทั้งหลายของนิกายพันธมิตรสวรรค์ที่มองดูอยู่รอบๆด้วยรอยยิ้มพลางกล่าวอย่างถ่อมตนว่า
“หยานตงไหลขายหน้าพวกท่านแล้ว”
“หยินเฟยหยางทำให้ทุกท่านต้องหัวเราะเยาะแล้ว”
พวกมันทั้งสองสอดกระบี่คืนฝัก
จากนั้นหยานตงไหลก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลาย
เพลงกระบี่ที่ข้าและศิษย์พี่หยินสำแดงเมื่อครู่นั้นก็คือหนึ่งในเต๋ากระบี่อันลี้ลับของนิกายกระบี่ฟ้า
มันเรียกว่าเพลงกระบี่เจ็ดสังหาร”
“ครั้งนี้ข้ากับศิษย์พี่ทั้งสองรวมถึงท่านอาจารย์ได้มาเยือนนิกายพันธมิตรสวรรค์ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นนิกายอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉิน
ข้าหวังว่าจะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและชี้แนะเพลงยุทธ์กับเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องที่น่าเลื่อมใสทั้งหลาย”
“ข้าผู้ต่ำต้อยและศิษย์พี่ทั้งสองเพิ่งเข้านิกายกระบี่ฟ้าได้เพียงสองเดือน
เพลงกระบี่เจ็ดสังหารก็ยังอยู่ในขั้นแรกเริ่มตั้งไข่
ขอศิษย์พี่ทั้งหลายโปรดชี้แนะอย่างเบามือด้วย”
ถึงแม้ว่าหยานตงไหลจะบอกต่อทุกคนว่าขอคำชี้แนะด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่สุภาพอ่อนอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามจี้เทียนซิงและศิษย์บางคนกลับมองออกและเห็นแววตาที่เย่อหยิ่งจองหองของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
!
การที่มันสำแดงเพลงกระบี่เจ็ดสังหารกับหยินเฟยหยาง
จุดประสงค์หลักย่อมมิใช่แค่ขอคำชี้แนะกับศิษย์ฝ่ายนอกเพียงอย่างเดียวแน่นอน !
ผู้ชมรอบจตุรัสส่วนใหญ่ยกเว้นกลุ่มของจี้เทียนซิงต่างก็มีพลังยุทธ์ในขอบเขตปราณแท้ขั้นเจ็ดเท่านั้น จะมีใครหน้าไหนกล้าไปชี้แนะสั่งสอนหยานตงไหลและหยินเฟยหยาง
?
หลังจากได้ยินคำพูดของหยานตงไหลศิษย์ฝ่ายนอกที่กำลังดูอยู่รอบๆก็เริ่มพูดคุยกัน
“โอ้ว
สมแล้วที่เป็นศิษย์อัจฉริยะของนิกายกระบี่ฟ้า
เพลงกระบี่ของเขาช่างไม่ธรรมดายิ่งนัก !”
“ศิษย์พี่ทั้งสองท่านนี้ช่างมีฝีมือล้ำลึกแถมยังสุภาพอ่อนน้อม ข้าเลื่อมใสพวกท่านยิ่งนัก !”
“ไอ้หยา ศิษย์พี่หยาน ท่านมิต้องสุภาพนักหรอก
เพลงกระบี่ของพวกท่านสูงส่งเกินอาจเอื้อม
พวกเราสำนึกตัวดีว่าคงไม่มีความสามารถพอที่จะไปชี้แนะพวกท่านได้”
ศิษย์ฝ่ายนอกส่วนใหญ่หลงเชื่อในเสน่ห์และความสุภาพอ่อนน้อมของหยานตงไหลและหยินเฟยหยาง
พวกมันรู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่เพียงแค่แข็งแกร่ง เพลงกระบี่ของก็ยังงดงามอีกทั้งทัศนคติก็ยังสุภาพอ่อนน้อมดูเป็นจอมยุทธ์ที่ดีมีคุณธรรม
หยินเฟยหยางมองดูฝูงชนด้วยรอยยิ้มอยู่ครู่หนึ่งและไม่เห็นใครออกมาแลกเปลี่ยนชี้แนะกระบวนท่า
มันจึงกล่าวว่า “พวกท่านทุกคนต่างก็เป็นศิษย์ที่น่าเลื่อมใส
การประลองชี้แนะนี้ก็เพื่อส่งเสริมความสามัคคีและมิตรภาพระหว่างทั้งสองฝ่าย
อย่าได้เกรงใจไปแล้ว"
“ในเมื่อพวกท่านไม่เต็มใจ
งั้นข้าก็มิอาจบีบบังคับให้ต้องโกรธเคืองหมางใจ
เอาเป็นว่าพวกเราสองนิกายมาพูดคุยเรื่องวรยุทธ์กันอย่างเปิดเผยแทน เช่นนี้เป็นอย่างไร ?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้เหล่าศิษย์ทั้งหลายก็เข้าใจในทันทีว่าหยินเฟยหยางคิดจะกล่าวชี้แนะให้พวกมัน
ดังนั้นศิษย์จำนวนมากของหอยุทธ์ไป๋ลู่และเจี้ยงหลิวจึงกรูกันเข้ามาและกระตือรือร้นที่จะซักถามข้อสงสัยในเชิงกระบี่จากหยินเฟยหยางและหยานตงไหลกันอย่างคึกคัก
ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีพวกมันทั้งสองก็สร้างสัมพันธ์ที่ดูใกล้ชิดสนิทสนมกับศิษย์ฝ่ายนอกหลายๆคนของนิกายพันธมิตรสวรรค์
เมื่อได้เห็นภาพนี้
เหล่าสมาชิกของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นต่างก็มีสีหน้าเย็นชา
แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นข้องหมองใจ
ทันใดนั้นเองก็มีศิษย์ฝ่ายนอกคนหนึ่งที่สังเกตเห็นการคงอยู่ของเหล่าศิษย์หอยุทธ์ฟงอวิ๋น
ศิษย์ผู้นั้นร่ำร้องออกมาทันที “เฮ้ ! นั่นมิใช่เหล่าศิษย์พี่จากหอยุทธ์ฟงอวิ๋นหรอกหรือ
?”
“พวกเจ้าดูนี่สิ
ศิษย์พี่ศิษย์น้องจากหอยุทธ์ฟงอวิ๋นก็อยู่ที่นี่ด้วย !”
หลังจากเสียงแพร่กระจายออกไป
ศิษย์หลายคนก็หันไปมองจี้เทียนซิงและพรรคพวก สีหน้าแววตาของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความคาดหวังบางอย่าง...
ศิษย์ทั้งสิบของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นคืออัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของนิกายพันธมิตรสวรรค์ฝ่ายนอก
เหล่าศิษย์ที่อยู่รอบๆเริ่มขบคิดในใจว่าระหว่างอัจฉริยะของนิกายมันกับนิกายกระบี่ฟ้า
ฝ่ายไหนจะแข็งแกร่งกว่ากัน
จี้เทียนซิงและลู่หมิงหยางรวมไปถึงศิษย์อีกแปดคนของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นกลายเป็นจุดสนใจในทันที
หยินเฟยหยางและหยานตงไหลหันมามองจี้เทียนซิงกับพรรคพวกด้วยรอยยิ้มวูบหนึ่ง
แม้แต่ฮั่งเชินผู้ซึ่งมีสีหน้าเฉยชาและหยิ่งผยองก็ยังเหลือบมองพวกเขาด้วยความสนใจเล็กน้อย
จี้เทียนซิงเดินนำลู่หมิงหยางและคนอื่นๆผ่านฝูงชนเข้าไปเผชิญหน้ากับศิษย์ทั้งสามของนิกายกระบี่ฟ้ากลางจัตุรัส
ในเมื่อพวกเขาปรากฏตัวแล้ว
ตามมารยาทก็ควรกล่าวทักทายเหล่าศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้าและกู้หน้าของฝ่ายนอกกลับคืนมา
จี้เทียนซิงหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหยินเฟยหยางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์และเอ่ยปากถามว่า
“ศิษย์พี่หยินเฟยหยาง
ผู้น้องมีข้อสงสัยบางประการที่อยากจะขอคำชี้แนะจากท่าน”
“หากมีคนมาสำแดงปาหี่ด้วยฝีมืออันน้อยนิดต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง
ไม่ทราบว่าศิษย์พี่จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรหรือ ?”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved