ตอนที่ 183

สำแดงปาหี่ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ

สามศิษย์อัจฉริยะของนิกายกระบี่ฟ้า

เพียงเข้ามาเป็นแขกวันแรกของนิกายพันธมิตรสวรรค์ก็กล้าวางก้ามเขื่องโข

หอยุทธ์ฟงอวิ๋นเป็นสัญลักษณ์และหน้าตาของนิกายฝ่ายนอก

แน่นอนว่าการกระทำของสามศิษย์แห่งนิกายกระบี่ฟ้านั้นถือเป็นการยั่วยุหอยุทธ์ฟงอวิ๋นอย่างไม่ต้องสงสัย

ด้วยความกังวลเกี่ยวกับเกียรติศักดิ์ศรีของหอยุทธ์ฟงอวิ๋น

ศิษย์หลายคนเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและตัดสินใจจะไปที่จัตุรัสพร้อมกัน

จี้เทียนซิงและลู่หมิงหยางกลายเป็นกระดูกสันหลังของหอยุทธ์ไปแล้ว

ศิษย์หลายคนล้อมหน้าล้อมหลังพวกเขาและมุ่งหน้าไปที่จัตุรัสด้านนอก

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งทุกคนก็มาถึงที่หมาย

ที่ขอบจัตุรัสกลางลานกว้าง

จี้เทียนซิงและศิษย์คนอื่นๆของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นได้เห็นเหล่าศิษย์ฝ่ายนอกร่วมสองร้อยคนมามุงกันหนาแน่นและล้อมรอบเป็นวงกลม

ฝูงชนเว้นพื้นที่ว่างตรงกลางไว้ประมาณ

20 เมตร

เมื่อจี้เทียนซิงและคนอื่นๆแหวกฝูงชนเดินเข้าไปในจตุรัสก็เห็นชายหนุ่มสามคนในชุดคลุมสีฟ้ายืนอยู่กลางพื้นที่โล่ง

อาภรณ์ของชายทั้งสามนั้นแตกต่างจากอาภรณ์ของศิษย์นิกายพันธมิตรสวรรค์

มันมีสัญลักษณ์รูปกระบี่ปักอยู่บนหน้าอก

เห็นได้ชัดว่าคนทั้งสามนี้เป็นศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้าที่ถูกส่งมาสร้างปฏิสัมพันธ์ก่อนการประลองระหว่างนิกาย

สองคนในนั้นมีรูปร่างผอมสูงและดูสุขุม

พวกเขาคือศิษย์มากพรสวรรค์ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ

ชายสองคนนั้นกำลังร่ายรำเพลงกระบี่

กระบี่ของพวกมันกวัดแกว่งไปมากลางเวหาอย่างต่อเนื่อง

เพลงกระบี่ที่สำแดงออกมานั้นลื่นไหลดุจสายน้ำ

อ่อนโยนงดงามหมดจดด้วยท่วงท่าที่กระฉับกระเฉงพิศดาร

ประกอบกับรูปลักษณ์อันน่าดูของทั้งสอง ทำให้สามารถเรียกเสียงปรบมือจากศิษย์ฝ่ายนอกของนิกายได้อย่างท่วมท้น

ศิษย์ฝ่ายนอกส่วนใหญ่ไม่ทราบเกี่ยวกับการประลองหลงซาน พวกมันรู้แค่เพียงว่าอัจฉริยะแห่งนิกายกระบี่ฟ้ามาเยือนนิกายพันธมิตรสวรรค์ก็เพื่อแลกเปลี่ยนชี้แนะวรยุทธ์กัน

การที่ได้เห็นสองศิษย์อัจฉริยะของนิกายกระบี่ฟ้าที่มีรูปลักษณ์ท่วงท่าไม่สามัญธรรมดาสำแดงเพลงกระบี่อันยอดเยี่ยมลึกล้ำออกมา  เหล่าศิษย์ส่วนใหญ่ก็หัวใจพองโตและเต็มไปด้วยความชื่นชม

มีศิษย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เนื่องจากหากสังเกตดีๆจะพบว่าลึกลงไปในแววตาของศิษย์นิกายกระบี่ฟ้านั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาอวดดี

จากศิษย์ทั้งสามของนิกายกระบี่ฟ้า,  สองในนั้นกำลังร่ายรำเพลงกระบี่อันล้ำลึก

ส่วนคนที่สามยืนตะหง่านอย่างภาคภูมิ คนผู้นี้โดดเด่นสะดุดตาที่สุดในกลุ่ม

มันมีรูปร่างสูงโปร่งและตาใหญ่เป็นประกายเหมือนระฆังสีเงินคู่หนึ่ง

ผิวสีทองแดงของมันเต็มไปด้วยกลิ่นไอคมกล้าดุดันและความหยิ่งผยองคับฟ้า

มันยืนกอดอกกุมกระบี่ยักษ์สีแดงชาดไว้ในมืออย่างภาคภูมิใจ

กระบี่ยักษ์สีแดงชาดเล่มนี้มีความยาวประมาณ

1.5 ม. และมีความกว้างเท่ากับม้านั่งตัวเล็กๆตัวหนึ่ง เพียงมองวูบเดียวก็รับรู้ได้ทันทีว่ากระบี่เล่มนี้แฝงพลังทำลายล้างที่ไม่ธรรมดา

บุคคลผู้นี้ไม่สำแดงเพลงกระบี่และไม่พูด

มันยืนอย่างมั่นคงราวกับหอคอยที่ไม่มีวันหักโค่น มีบางครั้งที่มันกวาดสายตามองไปยังศิษย์คนอื่นๆด้วยความเยือกเย็นอยู่บ้างแต่ก็เป็นเพียงเสี้ยววินาที

จากนั้นรั้งสายตากลับไป

จี้เทียนซิง

ลู่หมิงหยางและศิษย์คนอื่นๆของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นคาดเดาได้ในทันทีว่ามือกระบี่ผู้นี้ย่อมเป็นฮั่งเชิน

สุดยอดอัจฉริยะของนิกายกระบี่ฟ้าที่มีพลังยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตขั้นที่ห้า !

หลังจากนั้นไม่นานศิษย์ทั้งสองของนิกายกระบี่ฟ้าก็หยุดร่ายรำเพลงกระบี่พร้อมกัน

พวกมันทั้งสองรวบกระบี่ไว้หลังมือ  จากนั้นประสานมือคารวะให้กับเหล่าศิษย์ทั้งหลายของนิกายพันธมิตรสวรรค์ที่มองดูอยู่รอบๆด้วยรอยยิ้มพลางกล่าวอย่างถ่อมตนว่า

“หยานตงไหลขายหน้าพวกท่านแล้ว”

“หยินเฟยหยางทำให้ทุกท่านต้องหัวเราะเยาะแล้ว”

พวกมันทั้งสองสอดกระบี่คืนฝัก

จากนั้นหยานตงไหลก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลาย

เพลงกระบี่ที่ข้าและศิษย์พี่หยินสำแดงเมื่อครู่นั้นก็คือหนึ่งในเต๋ากระบี่อันลี้ลับของนิกายกระบี่ฟ้า

มันเรียกว่าเพลงกระบี่เจ็ดสังหาร”

“ครั้งนี้ข้ากับศิษย์พี่ทั้งสองรวมถึงท่านอาจารย์ได้มาเยือนนิกายพันธมิตรสวรรค์ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นนิกายอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉิน

ข้าหวังว่าจะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและชี้แนะเพลงยุทธ์กับเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องที่น่าเลื่อมใสทั้งหลาย”

“ข้าผู้ต่ำต้อยและศิษย์พี่ทั้งสองเพิ่งเข้านิกายกระบี่ฟ้าได้เพียงสองเดือน

เพลงกระบี่เจ็ดสังหารก็ยังอยู่ในขั้นแรกเริ่มตั้งไข่

ขอศิษย์พี่ทั้งหลายโปรดชี้แนะอย่างเบามือด้วย”

ถึงแม้ว่าหยานตงไหลจะบอกต่อทุกคนว่าขอคำชี้แนะด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่สุภาพอ่อนอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตามจี้เทียนซิงและศิษย์บางคนกลับมองออกและเห็นแววตาที่เย่อหยิ่งจองหองของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน

!

การที่มันสำแดงเพลงกระบี่เจ็ดสังหารกับหยินเฟยหยาง

จุดประสงค์หลักย่อมมิใช่แค่ขอคำชี้แนะกับศิษย์ฝ่ายนอกเพียงอย่างเดียวแน่นอน !

ผู้ชมรอบจตุรัสส่วนใหญ่ยกเว้นกลุ่มของจี้เทียนซิงต่างก็มีพลังยุทธ์ในขอบเขตปราณแท้ขั้นเจ็ดเท่านั้น  จะมีใครหน้าไหนกล้าไปชี้แนะสั่งสอนหยานตงไหลและหยินเฟยหยาง

?

หลังจากได้ยินคำพูดของหยานตงไหลศิษย์ฝ่ายนอกที่กำลังดูอยู่รอบๆก็เริ่มพูดคุยกัน

“โอ้ว

สมแล้วที่เป็นศิษย์อัจฉริยะของนิกายกระบี่ฟ้า

เพลงกระบี่ของเขาช่างไม่ธรรมดายิ่งนัก !”

“ศิษย์พี่ทั้งสองท่านนี้ช่างมีฝีมือล้ำลึกแถมยังสุภาพอ่อนน้อม  ข้าเลื่อมใสพวกท่านยิ่งนัก !”

“ไอ้หยา ศิษย์พี่หยาน ท่านมิต้องสุภาพนักหรอก

เพลงกระบี่ของพวกท่านสูงส่งเกินอาจเอื้อม

พวกเราสำนึกตัวดีว่าคงไม่มีความสามารถพอที่จะไปชี้แนะพวกท่านได้”

ศิษย์ฝ่ายนอกส่วนใหญ่หลงเชื่อในเสน่ห์และความสุภาพอ่อนน้อมของหยานตงไหลและหยินเฟยหยาง

พวกมันรู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่เพียงแค่แข็งแกร่ง เพลงกระบี่ของก็ยังงดงามอีกทั้งทัศนคติก็ยังสุภาพอ่อนน้อมดูเป็นจอมยุทธ์ที่ดีมีคุณธรรม

หยินเฟยหยางมองดูฝูงชนด้วยรอยยิ้มอยู่ครู่หนึ่งและไม่เห็นใครออกมาแลกเปลี่ยนชี้แนะกระบวนท่า

มันจึงกล่าวว่า “พวกท่านทุกคนต่างก็เป็นศิษย์ที่น่าเลื่อมใส

การประลองชี้แนะนี้ก็เพื่อส่งเสริมความสามัคคีและมิตรภาพระหว่างทั้งสองฝ่าย

อย่าได้เกรงใจไปแล้ว"

“ในเมื่อพวกท่านไม่เต็มใจ

งั้นข้าก็มิอาจบีบบังคับให้ต้องโกรธเคืองหมางใจ

เอาเป็นว่าพวกเราสองนิกายมาพูดคุยเรื่องวรยุทธ์กันอย่างเปิดเผยแทน  เช่นนี้เป็นอย่างไร ?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้เหล่าศิษย์ทั้งหลายก็เข้าใจในทันทีว่าหยินเฟยหยางคิดจะกล่าวชี้แนะให้พวกมัน

ดังนั้นศิษย์จำนวนมากของหอยุทธ์ไป๋ลู่และเจี้ยงหลิวจึงกรูกันเข้ามาและกระตือรือร้นที่จะซักถามข้อสงสัยในเชิงกระบี่จากหยินเฟยหยางและหยานตงไหลกันอย่างคึกคัก

ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีพวกมันทั้งสองก็สร้างสัมพันธ์ที่ดูใกล้ชิดสนิทสนมกับศิษย์ฝ่ายนอกหลายๆคนของนิกายพันธมิตรสวรรค์

เมื่อได้เห็นภาพนี้

เหล่าสมาชิกของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นต่างก็มีสีหน้าเย็นชา

แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นข้องหมองใจ

ทันใดนั้นเองก็มีศิษย์ฝ่ายนอกคนหนึ่งที่สังเกตเห็นการคงอยู่ของเหล่าศิษย์หอยุทธ์ฟงอวิ๋น

ศิษย์ผู้นั้นร่ำร้องออกมาทันที “เฮ้ !  นั่นมิใช่เหล่าศิษย์พี่จากหอยุทธ์ฟงอวิ๋นหรอกหรือ

?”

“พวกเจ้าดูนี่สิ

ศิษย์พี่ศิษย์น้องจากหอยุทธ์ฟงอวิ๋นก็อยู่ที่นี่ด้วย !”

หลังจากเสียงแพร่กระจายออกไป

ศิษย์หลายคนก็หันไปมองจี้เทียนซิงและพรรคพวก สีหน้าแววตาของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความคาดหวังบางอย่าง...

ศิษย์ทั้งสิบของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นคืออัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของนิกายพันธมิตรสวรรค์ฝ่ายนอก

เหล่าศิษย์ที่อยู่รอบๆเริ่มขบคิดในใจว่าระหว่างอัจฉริยะของนิกายมันกับนิกายกระบี่ฟ้า

ฝ่ายไหนจะแข็งแกร่งกว่ากัน

จี้เทียนซิงและลู่หมิงหยางรวมไปถึงศิษย์อีกแปดคนของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นกลายเป็นจุดสนใจในทันที

หยินเฟยหยางและหยานตงไหลหันมามองจี้เทียนซิงกับพรรคพวกด้วยรอยยิ้มวูบหนึ่ง

แม้แต่ฮั่งเชินผู้ซึ่งมีสีหน้าเฉยชาและหยิ่งผยองก็ยังเหลือบมองพวกเขาด้วยความสนใจเล็กน้อย

จี้เทียนซิงเดินนำลู่หมิงหยางและคนอื่นๆผ่านฝูงชนเข้าไปเผชิญหน้ากับศิษย์ทั้งสามของนิกายกระบี่ฟ้ากลางจัตุรัส

ในเมื่อพวกเขาปรากฏตัวแล้ว

ตามมารยาทก็ควรกล่าวทักทายเหล่าศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้าและกู้หน้าของฝ่ายนอกกลับคืนมา

จี้เทียนซิงหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหยินเฟยหยางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์และเอ่ยปากถามว่า

“ศิษย์พี่หยินเฟยหยาง

ผู้น้องมีข้อสงสัยบางประการที่อยากจะขอคำชี้แนะจากท่าน”

“หากมีคนมาสำแดงปาหี่ด้วยฝีมืออันน้อยนิดต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง

ไม่ทราบว่าศิษย์พี่จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรหรือ ?”