กระบี่มังกรเพลิง
เสียงของจี้เทียนซิงไม่ดังมาก
แต่มันแพร่กระจายอย่างชัดแจ้งไปทั่วทั้งจัตุรัส
ในช่วงเวลานั้นเสียงกระซิบและการโต้เถียงรอบๆกลุ่มคนดูพลันชะงักค้างลงอย่างกะทันหัน
ศิษย์สาวกนิกายหลายร้อยคนต่างก็เหลียวหน้ามองดูจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว เผยให้เห็นอาการตกใจ
ทั่วทั้งจัตุรัสเงียบไปวูบหนึ่ง
จากนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น
“ทะ...ท้าทายอันดับที่สาม ?”
“จี้เทียนซิงเพิ่งเอาชนะไป๋หวู่เชินและได้ครองอันดับที่สี่
แต่มันกลับไม่พอใจจนประกาศท้าทายอันดับที่สามเลยงั้นหรือ ? อันดับที่สามคือศิษย์พี่อาวุโสถังอี้ลั่วเชียวนะ
!”
“เมื่อครู่นี้มันพล่ามอะไร ? ไม่ต้องการเสียเวลา ? หมายความว่ามันรีบจัดเลยงั้นสิ
?”
“สวรรค์ ! การจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์ของนิกายเราเป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์
มันเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญยิ่ง ยังมีเรื่องอะไรที่สำคัญกับเขามากกว่าเรื่องนี้หรือ ?”
“ผู้ชายคนนี้บ้าบิ่นเกินไปแล้ว ! ดูสีหน้าเฉื่อยชาของมันให้ดีสิ
เห็นชัดๆว่ามันมิได้ใส่ใจต่อการจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์แม้แต่น้อย !”
“ฮ่าๆๆ …วิเศษ มีละครชั้นเยี่ยมให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาอีกแล้ว
!
เดาว่าศิษย์พี่ถังก็คงคาดไม่ถึงว่าจี้เทียนซิงจะท้าทายเขาทันทีใช่หรือไม่ ?”
ศิษย์สาวกของนิกายฝ่ายในหลายร้อยคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดวงตาของพวกเขาประกายไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
สีหน้าของถังอี้ลั่วมืดมนลงในทันที
คนขมวดคิ้วไปที่จี้เทียนซิงบนลานประลอง ดวงตาทอประกายขุ่นเคืองและเกลียดชัง
“ไอ้บัดซบเอ๊ย ! มันต้องอาฆาตพยาบาทข้ามาก่อนแล้วแน่นอน
ไม่งั้นจู่ๆมันจะรีบประกาศท้าทายอันดับของข้าเช่นนี้ได้อย่างไร !”
ใบหน้าของเฉินซู่ก็มิได้เป็นธรรมชาติมากนัก เขาพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ก่อนหน้าที่มันจะประลองกับไป๋หวู่เชิน
พวกเราเพียงเมตตาพูดจาหวังดีกับมันไม่กี่คำ ข้าก็ไม่คิดว่าจะใจแคบเยี่ยงนี้”
“ศิษย์น้องถัง
จะอย่างไรเสียมันก็ย่อมท้าทายอันดับของเจ้าไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี เจ้าสมควรรีบตัดไฟแต่ต้นลมเสีย"
"ไป ! แสดงเคล็ดวิชาอันร้ายกาจของเจ้าออกมา
ให้เจ้าเด็กเมื่อวานซืนได้รับรู้ถึงความพิเศษของอันดับสามในรายชื่อขั้นสวรรค์ !”
เฉินซู่กล่าวให้กำลังใจอย่างแผ่วเบาฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ
แต่สีหน้าท่าทางของถังอี้ลั่วนั้นมิได้ดูดีนัก
อารมณ์ของเขาค่อนข้างหนักอึ้งและกลัดกลุ้ม
ดวงตาของมันจ้องมองไปที่เฉินซู่พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า
“หึ ศิษย์พี่เฉิน อย่าได้ด่วนดีใจไป
ท่านสมควรภาวนาให้ข้าเป็นผู้ชนะจะดีกว่า มิฉะนั้น หากข้าแพ้ขึ้นมา ต่อไปก็ถึงตาท่านแล้ว
!”
เฉินซู่ถูกถังอี้ลั่วพูดแทงใจดำแต่เขาก็มิได้อับอาย
เพียงกล่าวอย่างไร้อารมณ์ว่า “ศิษย์น้องถัง ระวังด้วย”
“เฮอะ”
ถังอี้ลั่วแค่นเสียงเย็นและเลิกสนใจอีกฝ่าย
จากนั้นก็เดินไปที่กลางจัตุรัสอย่างช้าๆ
ถึงแม้เขาจะไม่ชอบขี้หน้าจี้เทียนซิง
แต่หลังจากได้เห็นอีกฝ่ายลงมือก็รู้สึกกริ่นเกรงอยู่หลายส่วน เขากลัวว่าตนเองจะมีสภาพเหมือนไป๋หวู่เชิน
ดำเป็นเถ้าถ่านโดยที่ยังไม่มีโอกาสแสดงวิชาลับเพื่อต่อสู้อย่างสมศักดิ์ศรี
อย่างไรก็ตามเขาเป็นหัวกะทิในบรรดาศิษย์ทั้งหมดและเป็นถึงยอดฝีมืออันดับสามในรายชื่อขั้นสวรรค์
ซึ่งเป็นที่เทิดทูนบูชาในสายตาของศิษย์นับไม่ถ้วน ในช่วงเวลาสำคัญที่อยู่ต่อหน้าทุกคนเช่นนี้
เขาจะกล้าเปิดเผยความหวาดกลัวออกมาได้อย่างไร ?
อัจฉริยะย่อมต้องแสดงออกถึงความมั่นใจและหยิ่งทนงของผู้เป็นอัจฉริยะ
มิฉะนั้นแล้วจะต่างอะไรกับสามัญชน ?
ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของผู้คนนับไม่ถ้วน
ถังอี้ลั่วก้าวลงจากตำแหน่ง
ใบหน้าของเขาสงบเยือกและเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ดวงตาจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงอย่างเฉื่อยชาไร้อารมณ์พลางกล่าวว่า
“ศิษย์น้องจี้
เจ้าเพิ่งประลองกับศิษย์น้องไป๋มาหมาดๆสมควรกลับไปพักผ่อนบ้าง
เหตุใดถึงได้ด่วนท้าทายกันนักเล่า ?”
“หากเจ้าดึงดันเช่นนี้ ต่อให้ข้าชนะเจ้าได้ก็คงไม่รู้สึกว่าชนะอย่างแท้จริง”
กล่าวถึงตอนนี้ถังอี้ลั่วก็เผยรอยยิ้มจริงใจออกมา
ดูราวกับว่าเขาเป็นห่วงเป็นใยจี้เทียนซิงจริงๆ
เมื่อเขาเห็นจี้เทียนซิงเงียบไปจึงกล่าวต่อไปว่า
“การต่อสู้ของเจ้ากับศิษย์น้องไป๋นั้นดุร้ายรุนแรงเนื่องจากเป็นความบาดหมางส่วนตัว
ต่อให้พิกลพิการไป ทุกคนย่อมเข้าใจดีและเป็นเรื่องสมเหตุสมผล "
“แต่ตอนนี้พวกเรากลับสู่การประลองจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์
พวกเราคือศิษย์พี่ศิษย์น้องที่มิได้มีความแค้นต่อกัน อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นศิษย์ร่วมสำนัก
ถึงแม้ว่าพวกเราจะต้องประหัตถ์ประหารกันบนเวทีเดียวกัน
ทั้งหมดก็เพื่อการแข่งขันจัดอันดับ พวกเราไม่สมควรหนักมือทำร้ายกัน ศิษย์น้องจี้ ที่ข้าพูดมาทั้งหมดเจ้าว่าถูกต้องหรือไม่ ?”
จี้เทียนซิงเอียงศีรษะเล็กน้อยเมื่อได้เห็นอีกฝ่ายกล่าววาจายืดยาวราวกับกำลังพูดเรื่องที่ชอบธรรม
เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามอย่างเคร่งขรึมว่า
“ที่พูดมาทั้งหมด
ความหมายของเจ้าคือ ?”
ถังอี้ลั่วยิ้มแผ่วเบาและกล่าวว่า
“เพื่อมิให้เสียบรรยากาศ พวกเราสมควรเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
ไม่จำเป็นต้องหักหาญกันให้เสียน้ำใจหรือเอากันถึงชีวิต....”
ดวงตาของจี้เทียนซิงเปล่งประกาย
คนเผยรอยยิ้มมุมปากและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ใช้หัตถ์เปลวอัคคีกับเจ้า อย่าได้กลัวไปนัก”
ถึงแม้ว่าคำพูดของเขาจะกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
แต่มันก็ทำให้ถังอี้ลั่วรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายออกปากว่าจะไม่ใช้ฝ่ามือเพลิงที่น่ากลัวนั่น
เท่ากับว่าถังอี้ลั่วบรรลุจุดประสงค์ในวาจายืดยาวเพิ่งกล่าวออกไปเรียบร้อยแล้ว ในใจของเขาลอบแสยะยิ้มและเย้ยหยัน
“จิ๊ๆๆ จี้เทียนซิงเอ๋ยจี้เทียนซิง ด้วยระดับพลังปราณของเจ้า
หากมิใช่เพราะเคล็ดวิชาลับนั่น เจ้าจะเอาชนะไป๋หวู่เชินได้อย่างไร”
“ในเมื่อเจ้าอวดดีจนลืมตัว
รับปากข้าต่อหน้าผู้คนว่าจะไม่ใช้มัน เช่นนั้นข้าก็ยินดีสนอง !”
ในเวลาเดียวกันเย่หงก็ประกาศเสียงดังว่า
“การจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
!”
“การต่อสู้รอบแรก รายชื่อขั้นสวรรค์อันดับที่สี่ จี้เทียนซิง
ท้าทายอันดับที่สามถังอี้ลั่ว !”
เมื่อเสียงของเขาลดลง
การจัดอันดับก็เริ่มต้นขึ้น
ประกายแสงสีทองกระพริบขึ้นในมือของถังอี้ลั่ว
ปรากฏกระบี่สีทองเล่มหนึ่งขึ้นมา
“ศิษย์น้องจี้ รับกระบวนท่านี้ดู !”
ถังอี้ลั่วคำรามเสียงเย็น
คนพุ่งเป็นริ้วลำแสงสีทองเข้าหาจี้เทียนซิงในพริบตา
“หนึ่งกระบี่ภูผาวายุ !!”
ในขณะนั้นถังอี้ลั่วพลันปะทุพลังเต็มสิบส่วนและใช้ออกด้วยเพลงกระบี่ขั้นสุดยอดของตนเองออกมา
เขารู้ว่าพลังของจี้เทียนซิงมิอาจประเมินได้ด้วยสามัญสำนึกทั่วไป
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเก็บออมพลังและใช้ออกด้วยเพลงกระบี่ที่รุนแรงที่สุดด้วยพลังทั้งหมด
ร่างของเขาราวกับหลวมรวมเข้ากับกระบี่ในมือ
กลายเป็นคลื่นลำแสงกระบี่ขนาดใหญ่กว่าห้าเมตรที่กระแทกเข้าหาจี้เทียนซิงอย่างดุดัน
“ซัวะ !”
คลื่นกระบี่ที่กว้างใหญ่นี้เปรียบเสมือนวายุสังหารจากเก้าสวรรค์ที่แผ่พัดลงมาสะกดขุนเขา
พลังของมันรุนแรงเกรี้ยวกราดอย่างสุดขั้ว
ในช่วงเวลานั้นเอง
ลานประลองร้อยเมตรก็ส่องสว่างไปด้วยแสงสีทองและมวลอากาศเต็มไปด้วยเจตน์กระบี่อันดุร้าย
จี้เทียนซิงถูกปิดกั้นไว้ด้วยคลื่นกระบี่ขนาดใหญ่จนแทบหายใจไม่ออก
เขารู้สึกอึดอัดจากแรงกดทับที่หนักหน่วงนี้และตกอยู่ในอันตราย
ศิษย์สาวกหลายร้อยคนในจัตุรัสเต็มไปด้วยเสียงอุทานตกใจ
บางคนถอนหายอย่างชื่นชมต่อเพลงกระบี่อันน่าทึ่งของถังอี้ลั่ว
ทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่า
หากจี้เทียนซิงไม่ใช้หัตถ์เปลวอัคคี เขาจะต้านทานเพลงกระบี่นี้ได้อย่างไร ?
ทว่า
จี้เทียนซิงยังไม่หลบเลี่ยงและยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง
เมื่อคลื่นกระบี่ล้างปฐพีใกล้จะตกกระทบ
ฝักกระบี่สีดำเล่มหนึ่งพลันปรากฏวูบขึ้นในมือของเขา
“เช้ง !”
ในที่สุดชายหนุ่มก็ใช้กระบี่
และเมื่อกระบี่ที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในฝักสีดำได้ถูกชักออกมา เสียงแหลมแสบแก้วหูพลันกระทบโสตในทันที
“ฮู่ม !!
”
เสียงคำรามของมังกรตัวหนึ่งปะทุขึ้นไปทั่วสี่ทิศแปดทางและแผ่กระจายไปทั่วจัตุรัสและขุนเขา ผู้ชมทั้งหลายต่างก็ตัวสั่นเทาไปด้วยความตกตะลึง
กระบี่มังกรดำเปลี่ยนเป็นกระบี่ยักษ์สีแดงก่ำขนาดใหญ่เล่มหนึ่ง
มันดูราวกับมังกรเพลิงสีแดงสถิตย์อยู่ที่ตัวกระบี่ มันนำมาซึ่งพลังในการทำลายล้างปฐพีที่เหวี่ยงฟาดเข้าใส่ถังอี้ลั่วในฉับพลัน
มังกรเพลิงสีแดงชาดขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยฟันและเขี้ยวโห่ร้องกู่ก้องเหนือนภา
มันดูเหมือนจะแผดเผาทุกสรรพสิ่งในโลกให้เป็นจุล !
“ครืน......... !!”
กระบี่ทั้งสองกระทบกันอย่างดุร้ายบนอากาศระเบิดเป็นเสียงดังกัมปนาทอย่างรุนแรง
หนึ่งคือกระบี่ภูผาวายุที่สามารถเบิกผ่าขุนเขา
อีกหนึ่งคือกระบี่มังกรเพลิงที่โอบล้อมไปด้วยเปลวไฟอันร้อนระอุ
ทั้งสองล้วนเป็นกระบี่ชั้นยอดที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ถังอี้ลั่วและจี้เทียนซิงต่างก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีความสามารถสูงสุดของนิกายพันธมิตรสวรรค์
การปะทะกันของสองมือกระบี่ช็อคโลกนี้
คือการเผชิญหน้ากันของสองอัจฉริยะในศาสตร์กระบี่อีกด้วย !
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved