กลับดำเป็นขาว
เมื่อได้เห็นลู่หมิงหยางปรากฏตัวพร้อมกับผู้ดูแลอาวุโสในชุดคลุมดำ
จี้เทียนซิงก็ร่ำร้องในใจว่า หลงกลมันเข้าแล้ว !
เขาเข้าใจทันทีว่าทั้งหมดเป็นการจัดฉากใส่ความครั้งมโหฬารของจี้หลิง
!
ทั้งตนเองและจี้เค่อถูกหลอกแล้ว
ส่วนเจียนอวี้และลู่หมิงหยางเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด !
ในเวลานี้เองผู้ดูแลนิกายในชุดคลุมดำก็มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมกับเหวี่ยงสายตาด้วยความโกรธพลางตะโกนว่า
“หยุดมือ !”
“ผู้ดูแลมาถึงแล้ว... ระยำเอ้ย ! ”
จี้เทียนซิงลอบสบถในใจ หากผู้ดูแลมาช้ากว่านี้อีกนิดเดียว
เขาก็จบชีวิตสุนัขของจี้หลิงได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม
ในเมื่อมีอาวุโสปรากฏตัว อีกทั้งตนเองก็มีฐานะเป็นศิษย์ของนิกายจึงไม่สามารถลงมือได้อีกต่อไป
จี้หลิงแสยะยิ้มมุมปากและลอบหัวเราะในใจ
แต่ฉากหน้าทำเป็นเสแสร้งและพร่ำเพ้อต่อผู้ดูแลอาวุโสอย่างบ้าคลั่ง “ผู้อาวุโส ท่านมาก็ดีแล้ว จี้เทียนซิง เจ้าสารเลวนี่คิดจะฆ่าข้า
ท่านต้องให้ความเป็นธรรมต่อข้า !”
ผู้ดูแลชุดคลุมดำมองจี้หลิงและถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ? พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี่ แล้วทำไมถึงจะถูกฆ่า?”
โดยไม่ต้องรอให้จี้เทียนซิงได้เปิดปาก
จี้หลิงก็ชิงตัดหน้าร่ายยาว “เรียนผู้อาวุโส
เรื่องเป็นเช่นนี้ ข้ากับจี้เทียนซิงต่างก็มาจากรัฐนภากระจ่างเหมือนกันและมีบุญคุณความแค้นต่อกัน
หลังจากได้เข้านิกายและฝึกฝนอยู่ในหอยุทธ์ฟงอวิ๋น มันคิดหาทางกำจัดข้าอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ไม่สบโอกาส ข้ามีหลานสาวผู้หนึ่งนามว่าจี้เค่อ
นางฝึกฝนอยู่ในหอยุทธ์ไป๋ลู่ จี้เทียนซิงวางแผนหลอกลวงนางมาที่นี่และใช้นางเป็นเหยื่อล่อเพื่อบีบคั้นข้า
!”
“หลังจากข้าทราบเรื่องจึงตามศิษย์พี่เจียนอวี้มาช่วยเหลือ
แต่สุดท้ายกลับคาดไม่ถึง....
สารเลวจี้เทียนซิงผู้นี้ทำร้ายนางบาดเจ็บและผลักนางตกหน้าผา !”
“หลังจากเกิดเหตุมันก็คิดจะฆ่าข้ากับศิษย์พี่เจียนอวี้ปิดปาก
โชคดีที่ผู้อาวุโสมาทันเวลา มิฉะนั้นคงตกตายกันหมดแล้ว !”
จี้เทียนซิงควันออกหูและเต็มไปด้วยความโกรธทันที
เขาชี้หน้าตะโกนใส่จี้หลิงและคำรามว่า “จี้หลิง
! เจ้ามันชั่วช้าสารเลวยิ่งกว่าเดรัจฉาน
หมูหมายังดีกว่าเจ้านับร้อยเท่า ! ทั้งหมดเป็นแผนการของเจ้าที่หลอกข้ากับจี้เค่อมาที่นี่ เจ้าเป็นคนผลักนางตกหน้าผาเอง
คนโหดเหี้ยมที่กล้าลงมือต่อญาติตัวเองอย่างเจ้ายังมีหน้ามาใส่ความข้าอีก !"
“คนชั่วช้าสามานย์ไร้ยางอายเช่นนี้ไม่ควรอยู่ให้รกโลก
!”
จี้หลิงหัวเราะเยาะและกล่าวว่า
"จี้เทียนซิง เจ้ามันเพ้อเจ้อ ! จี้เค่อเป็นญาติของข้า
ข้าดูแลรักถนอมนางมาตลอดจะผลักนางตกหน้าผาได้อย่างไร ?”
“หากเจ้าคิดจะหนีความผิดก็จงใช้สมองหาข้อแก้ตัวให้ดีกว่านี้หน่อยเถอะ
!”
เมื่อผู้ดูแลอาวุโสได้ยินคำพูดของจี้หลิงก็เริ่มขมวดคิ้ว
และหันไปมองจี้เทียนซิงด้วยสายตามืดครึ้ม
ในเวลานี้เองเจียนอวี้ก็หอบสังขารเข้ามา
ทั่วร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเลือดและสิ่งสกปรกจนดูน่าสมเพชไม่ต่างกับจี้หลิง
เมื่อเขาเห็นผู้ดูแลนิกายมาถึงก็พบว่าทุกอย่างเข้าทางแล้ว เขาโค้งคำนับอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ศิษย์เจียนอวี้คารวะผู้อาวุโส”
“ข้าขอเป็นพยานให้จี้หลิง เรื่องนี้เป็นอย่างที่จี้หลิงเล่ามาทั้งหมด
หลังจากเขาทราบเรื่องก็รีบมาหาข้าอย่างร้อนรนและชักชวนข้ามาที่ยอดเขากระบี่หยกแห่งนี้เพื่อช่วยหลานสาวของเขาจากเงื้อมมือมารร้ายจี้เทียนซิง”
“โชคไม่ดี เมื่อพวกเรามาถึงก็เห็นมันผลักแม่นางจี้เค่อตกหน้าผาไปแล้ว
พวกเราทั้งสองต่างก็โกรธแค้นและคิดจะจับตัวมันมอบให้นิกายลงโทษ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้...
มันคิดจะฆ่าพวกเราสองคนเพื่อปกปิดความผิด !”
“ผู้อาวุโส ตอนที่ท่านมาถึงคงได้เห็นเต็มสองตาแล้วว่าจี้เทียนซิงกำลังจะลงมือฆ่าจี้หลิง
ทุกอย่างเป็นความจริง !”
ในเวลานี้เอง
ลู่หมิงหยางก็ตีไข่ผสมโรงเข้าไปด้วยอย่างรวดเร็ว “ผู้อาวุโส
ข้าก็สามารถเป็นพยานให้จี้หลิงได้
พวกเขาทั้งสองมีเรื่องบาดหมางกันมานานแล้ว
จี้เทียนซิงวางตัวเป็นปฏิปักษ์กับจี้หลิงมาโดยตลอดและมักจะคอยหาโอกาสจัดการเขา
!”
“นอกจากนี้
เพียงวันที่สองที่จี้เทียนซิงเข้าร่วมหอยุทธ์ฟงอวิ๋น
มันยังกล้าขโมยผลไม้วิญญาณในสวนโอสถของนิกายจนถูกครูฝึกฮั่นลงโทษ”
“จอมวายร้ายที่ชั่วช้าสามานย์อย่างจี้เทียนซิงนับเป็นความอับอายเสื่อมเสียต่อนิกายของพวกเรานัก
!
ตอนนี้มันยังกล้าคิดจะสังหารศิษย์ร่วมสำนักอย่างไม่เกรงกลัวฟ้าดิน
ด้วยความผิดใหญ่หลวงเช่นนี้ พวกเราขอให้ผู้อาวุโสลงโทษสถานหนักด้วยขอรับ !”
จี้หลิง
เจียนอวี้ ลู่หมิงหยาง
ทั้งสามคนนี้ต่างประสานงานกันอย่างดีและเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
พวกเขายืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าจี้เทียนซิงฆ่าจี้เค่อและยังคิดจะฆ่าพวกเขาอีกด้วย
จี้เทียนซิงโกรธจนตัวสั่นและคิดจะสะบัดหน้าหนี
เขามีคำพูดเป็นร้อยคำคิดเอ่ยปาก แต่สุดท้ายคำพูดเหล่านั้นก็จุกอยู่ในลำคอเนื่องจากเขาไม่มีหลักฐานและไม่มีใครมาเป็นพยานให้ แน่นอนว่าผู้ดูแลคนนี้ย่อมไม่เชื่อเขา
หลังจากนั้นครู่หนึ่งผู้ดูแลชุดคลุมดำก็ครุ่นคิดอย่างหนักและสูดหายใจลึกร่ำร้องออกมาว่า
“จี้เทียนซิง จี้หลิง เจียนอวี้
นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก ทางนิกายจะต้องสอบสวนเรื่องนี้ให้ละเอียด ! ก่อนผลการสอบสวนจะประจักษ์ชัด พวกเจ้าทั้งสามต้องถูกกักตัวในห้องสงบของหอบัญญัติ
รอคอยการตัดสิน !”
“นอกจากนี้ข้าจะออกคำสั่งให้ส่งคนลงไปที่หน้าผาเพื่อค้นหาร่างของจี้เค่อก่อนเป็นอันดับแรก”
จากนั้นผู้ดูแลก็พาทุกคนออกจากยอดเขากระบี่หยกและกลับไปที่หอบัญญัติในนิกายพันธมิตรสวรรค์
จี้เทียนซิง
จี้หลิงและเจียนอวี้ถูกกักตัวไว้ในห้องสงบของหอบัญญัติเพื่อรอการสอบสวนและตัดสินโทษ
ไม่เพียงแค่นั้น
ทางนิกายได้ส่งคนลงไปใต้ผากระบี่หยกเพื่อค้นหาจี้เค่อ
......
ครึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องสงบหมายเลข
3 ของหอบัญญัติ
จี้เทียนซิงกำลังนั่งอยู่ที่มุมกำแพงช้อนสายตามองไปที่หน้าต่างเล็กๆ
ห้องสงบนี้เต็มไปด้วยความมืดมิด
มันมีความกว้างเพียงสามเมตร ภายในห้องไม่มีอะไรเลยแม้แต่เก้าอี้สักตัว พื้นและผนังเป็นหินสีน้ำตาลเข้มและมีเพียงหน้าต่างเหล็กขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นท้องฟ้าภายนอกกับฝ่ามือตัวเองเท่านั้น
ตอนนี้เป็นยามราตรีและท้องฟ้านอกหน้าต่างก็มืดสนิท
จี้เทียนซิงนั่งอยู่ที่มุมห้องที่เย็นชื้นตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว อารมณ์ของเขาเริ่มสงบลง
จากที่เคยโกรธแค้นจนคลั่งกลายเป็นความเฉยชาและหมดหนทาง
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ความจริงของเรื่องนี้และได้ย้ำกับผู้ดูแลไปหลายรอบแล้ว
แต่นิกายมีกฎที่เข้มงวดมากและผู้ดูแลคนนั้นย่อมไม่เชื่อคำพูดของเขาฝ่ายเดียวแน่นอน
ก่อนที่การสอบสวนจะมีความชัดเจน
สิ่งที่เขาทำได้ก็คืออยู่ในห้องเงียบๆและรอการตัดสินจากนิกาย
เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
หลังจากจบเรื่องนี้จะหาตัวจี้หลิงเพื่อล้างแค้น !
ทว่า
สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดตอนนี้ก็คือจี้เค่อ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากนั่งอธิษฐานให้นางเงียบๆ
“เค่อเค่อ เจ้าต้องไม่เป็นอะไร อย่าตายนะ !”
“ข้าสาบานว่าจะฆ่าจี้หลิงแก้แค้นให้เจ้าอย่างแน่นอน
!"
ภายในห้องอันเงียบเชียบและเย็นจับจิตแห่งนี้ทำให้เวลาดูเหมือนจะผ่านไปช้ามาก จนกระทั่งไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว
มีเสียงเปิดประตูห้องสงบดังขึ้น
ผู้ดูแลชุดคลุมดำผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้องและมองจี้เทียนซิงอย่างเฉยชาพลางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
"จี้เทียนซิง ออกมา !"
จี้เทียนซิงผุดลุกขึ้นยืนทันทีและถามอย่างใจจดใจจ่อ
“ผู้อาวุโส พวกท่านหาจี้เค่อพบหรือยัง ? นางเป็นอย่างไรบ้าง
?"
ผู้ดูแลชุดคลุมดำจ้องหน้าอีกฝ่ายและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“จี้เค่อยังไม่ตาย แต่อาการสาหัสและยังไม่ได้สติ”
จี้เทียนซิงรู้สึกผ่อนคลายลงในที่สุดและกระซิบแผ่วเบา
“นางยังไม่ตาย.... ! ขอบคุณสวรรค์
ข้ารู้ว่านางเป็นคนดวงแข็ง ต้องไม่ตายเช่นนี้แน่ !”
“ไปกับข้า !” จู่ๆผู้ดูแลชุดคลุมดำก็ตะโกนเสียงดัง
“ไปไหน ?”
จี้เทียนซิงถามจากจิตใต้สำนึก
“ผลการสอบสวนเป็นที่ชัดเจนหรือยัง ? ข้าถูกปล่อยตัวแล้วใช่ไหม
?”
ผู้ดูแลชุดดำมองจี้เทียนซิงอย่างไร้อารมณ์และกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
“เรื่องนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยละเอียดนัก แต่....
โดยพื้นฐานแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าผู้คนก็คือเจ้ากำลังจะฆ่าศิษย์ร่วมสำนัก !”
“อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังคงต้องรอจนกว่าจี้เค่อจะฟื้นและฟังคำอธิบายของนางก่อน บรรดาผู้คุมกฎถึงจะสรุปบทลงโทษได้”
“ดังนั้นก่อนที่จี้เค่อจะฟื้น หอบัญญัติจึงตัดสินใจจะขังเจ้าไว้ที่ถ้ำวายุทมิฬบนไหล่เขา เจ้าอย่าได้ขัดขืนหรือคิดหนี !”
"อะไร ? บ้าชัดๆ
!”
จี้เทียนซิงกล่าวอย่างร้อนใจ “เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะจี้หลิงจัดฉากหมายสังหารข้ากับจี้เค่อ
เมื่อมันลงมือพลาดจึงกลับดำเป็นขาวใส่ความข้าต่างหาก ข้ากับจี้เค่อเป็นสหายที่ดีต่อกันตั้งแต่เด็ก
ข้าจะไปทำร้ายนางได้อย่างไร
พวกท่านขังข้าไม่ได้ !”
“หุบปาก !” ผู้ดูแลชุดดำคำรามพลางสะบัดปลายแขนเสื้อ เขากล่าวต่อไปด้วยเสียงเย็น “เจ้าไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ดังนั้นก่อนจี้เค่อจะฟื้นขึ้นมาเล่าเรื่องราวทั้งหมด
เจ้าต้องทำตามมติของหอบัญญัติ !”
“เจ้าจะต้องไปถ้ำวายุทมิฬกับข้าเดี๋ยวนี้ !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved