ตอนที่ 353 ข่มเหงรังแกอย่างสาสม

จุดสูงสุดของยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์พังพินาศกลายเป็นซากปรักหักพังโดยสมบูรณ์

ป่าเขียวชอุ่มที่เคยมีอยู่มากมายกลายเป็นเหี้ยนเตียน

เหลือเพียงตอไม้และเศษใบไม้เกรอะเกลื่อนไปทั่วพื้น

ไม่เพียงแค่นั้น ยอดเขาที่มีรัศมีหลายไมล์ก็ถูกแยกออกเป็นหลายส่วน

ใกล้ๆกับภูเขาที่พวกมันต่อสู้กัน

ก้อนหินถล่มลงมาจากยอดทับถมเป็นซากปรักหักพัง

เสียง ฟู่...ฟู่ ดังขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานานโดยไม่หยุด

ในใจกลางของภูเขา เดิมทีเคยมีตำหนักทองคำหลังหนึ่งแต่บัดนี้มันหายไปหมดสิ้นแล้ว

กลายเป็นซากปรักหักพังทับถมกันบนพื้น

ท่ามกลางซากปรักหักพังมีหลุมขนาดใหญ่หลุมหนึ่ง

หลุมยักษ์แห่งนี้เกิดขึ้นจากการระเบิดของหมัดมังกรคชสาร

ท่ามกลางเสียงแตกและเสียงสายลมหวีด

เทียนเจี้ยนจงคลานออกมาจากซากปรักหักพังของหลุมลึก

ในขณะนี้ทั่วร่างของมันถูกปกคลุมไปด้วยก้อนหินและฝุ่น

สารรูปสกปรกเลอะเทอะไร้ซึ่งอำนาจบารมีเหมือนกาลก่อน

หากมองผ่านๆย่อมไม่มีผู้ใดจดจำมันได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้มันยังถูกโจมตีด้วยหมัดมังกรคชสารซ้ำเข้าไปอีกรอบจนได้รับบาดเจ็บสาหัสภายใน

โลหิตไหลทะลักออกจากปากจมูกอย่างต่อเนื่อง ฝีเท้าแต่ละก้าวของมันดูหนักอึ้งไม่น้อย

"ฉู่เทียนเซิง

ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นๆชิ้น !”

เทียนเจี้ยนจงยืนคำรามอย่างอ่อนล้าอยู่บนซากปรักหักพัง

ฉู่เทียนเซิงไม่สนใจเสียงก้นด่าของอีกฝ่าย

คนทะยานพุ่งไปร่วมร้อยเมตรมาหยุดเบื้องหน้ามัน

"เกาอวี่  รับกระบวนท่าที่สามของข้า !

ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าปราณฉีห้าธาตุที่แท้จริงเป็นอย่างไร

!"

"ฝ่ามือนี้เพื่อทวงความยุติธรรมให้เทียนซิงศิษย์ข้า”

"ขวานข่ายสวรรค์ !"

สิ้นเสียงของฉู่เทียนเซิง

มันกางฝ่ามือขึ้นเหนือศีรษะ ตั้งฉากเป็นมุมเก้าสิบองศา จากนั้นในหมู่เมฆครึ้มเหนือภูเขาพลันปรากฏฝ่ามือหลากสีที่ปกคลุมทั่วฟ้าขึ้น

ฝ่ามือยักษ์ขนาดกว้างกว่า 100 เมตรผุดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตาโดยการหลอมรวมปราณฉีห้าธาตุกับพลังลมปราณอันมหาศาลของฉู่เทียนเซิง

เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงยิ่ง

เนื่องจากกระบวนท่านี้เรียกว่าขวานข่ายสวรรค์

มันจึงมิได้ซัดลงไปที่ศีรษะ แต่การโจมตีของมันเป็นการตัดไปด้านข้าง

ครืน..........ครืน  !

ฝ่ามือหลากสีสันอันสวยงามเปรียบเสมือนขวานยักษ์เล่มนึงที่โหมกระหน่ำลงมา

มันทะลุผ่านเมฆดำเป็นชั้นๆ จากจากฟากฟ้ามุ่งตรงไปที่เทียนเจี้ยนจง

"บูม !"

ด้วยเสียงที่ดังสนั่นสั่นสะเทือนทั่วนภา

ฝ่ามือยักษ์กระแทกไปบนยอดเขา

ในขณะนั้นยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ทำให้ฝุ่นและเศษหินแตกสลายนับไม่ถ้วน

ไม่เพียงเท่านั้น ยอดเขาทั้งลูกก็ถูกผ่าออกเป็นสองส่วนด้วยฝ่ามือเดียว

!

ยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีประวัติอันยาวนานมิอาจต้านทานพลังทำลายของยอดยุทธ์ระดับปราณฟ้าได้อีกต่อไป  มันแยกเป็นสองส่วน

ถูกผ่ากลางและบางส่วนทรุดตัวลงไปในทันที

ชั่วครู่หนึ่ง เสียงของยอดเขาที่พังทลายและยุบตัวก็ดังก้องไปทั่วดินแดน

พื้นรอบๆยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งเป็นอาณาเขตของนิกายกระบี่ฟ้าเริ่มสั่นไหวและได้รับผลกระทบอย่างมาก

การทำลายยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ก่อให้เกิดความเสียหายต่อข่ายปราณปกปักษ์นิกายกระบี่ฟ้าอย่างมหันต์  ข่ายปราณที่ครอบคลุมเหนือท้องฟ้าหลายร้อยไมล์กลายเป็นการแยกส่วนและเต็มไปด้วยช่องโหว่

ฝุ่นหนาแทรกซึมอยู่ในชั้นฟ้ามากมาย

พวกมันลอยฝุ้งอยู่เป็นเวลานานโดยไม่สลายไป

ศิษย์สาวกจำนวนมากของนิกายกระบี่ฟ้าหวาดกลัวขนลุกขนชัน

พวกมันวิ่งหนีแตกฮือและไปให้ห่างจากยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์

หลังจากผ่านไปราวๆครึ่งชั่วยาม

เสียงสะเทือนก้องฟ้าก็ค่อยๆจางลง

ยอดเขาพินาศไปครึ่งลูก

เหลือไว้เพียงภูเขาเล็กๆใต้เชิงเขา

อย่างไรก็ตาม ยอดเขาหลักของนิกายนี้ถูกทำลายจนพังพินาศราบเป็นหน้ากลอง

ผู้ฝึกยุทธ์ในทุกทิศทุกทางต่างก็ได้ประจักษ์ต่อสายตากับกระบวนการพินาศของยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์

พวกมันอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงและผ่านไปนานก็ยังไม่ได้สติกลับมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประมุขนิกายพันใบไม้ร่วงและนิกายเจิ้นหวู่ต่างก็ได้เห็นความแข็งแกร่งและความน่ากลัวของฉู่เทียนเซิงด้วยสายตาของพวกมันเอง

พวกมันรู้สึกว่าโชคดีมากที่มีเพียงเทียนเจี้ยนจงเท่านั้นที่ไปหาเรื่องนิกายพันธมิตรสวรรค์

มิฉะนั้นพวกมันอาจโดนหางเลขไปด้วย

หากฉู่เทียนเซิงลงมือเช่นนี้กับนิกายของพวกมัน

แน่นอนว่ารากฐานของนิกายของพวกมันคงพินาศย่อยยับ

ในเวลาเดียวกัน  เทียนเจี้ยนจงก็คลานออกมาจากซากปรักหักพัง

ทั่วร่างชโลมไปด้วยเลือด

อาการบาดเจ็บของมันรุนแรงมาก อวัยวะภายในได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

ลมปราณปั่นป่วน ความแข็งแกร่งของมันลดลงฮวบฮาบจนแทบไม่เหลือหลอ

โลหิตปกคลุมทั่วร่างของมันผสมกับฝุ่นจนกลายเป็นโคลนสีแดงเข้มที่เกาะรอบตัวไปทั่ว

มันนอนพะงาบอยู่ในซากปรักหักพัง หอบหายใจอย่างหนักหน่วงเหมือนสุนัขที่เกลือกกลิ้งอยู่ในบ่อโคลน

สารรูปดูไม่จืด

ฟุ่บ !

ในขณะนี้เองฉู่เทียนเซิงควบแน่นลมปราณเป็นปีกเพลิงคู่หนึ่ง

บินไปลอยกลางอากาศเหนือศีรษะของมันด้วยท่วงท่างามสง่า  พลางกล่าวว่า “เกาอวี่ สามกระบวนท่าผ่านไป

เรื่องราวของพวกเราถือว่าจบกัน"

"แต่จงจำใส่สมองไว้ให้ดี

การที่ข้าประมุขสามารถยืนหยัดอยู่เกือบพันปีในดินแดนดาราบรรพกาลได้นั้นก็เพราะพลังของข้ามิได้สามัญธรรมดาอย่างที่เจ้าเข้าใจ”

"ข้าประมุขมีหน้าที่ดูแลทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเฉิน

ข้าสามารถทำให้นิกายกระบี่ฟ้าของเจ้าคงอยู่หรือดับสูญก็ได้ทั้งนั้น !"

"หากข้าคิดจะลงมือจริงๆแล้วล่ะก็  เฮอะ

เกรงว่าไม่ถึงครึ่งวัน

นิกายกระบี่ฟ้าจะถูกลบชื่อไปจากดินแดนดาราบรรพกาลและอาณาจักรเทียนเฉิน !"

"วันนี้เป็นเพียงการเตือนเท่านั้น

หากเจ้ากล้าคิดอะไรไม่ดีอีกล่ะก็ ข้าประมุขจะมาเด็ดหัวเจ้า !"

เทียนเจี้ยนจงนอนอยู่ในซากปรักหักพัง

มันพยายามที่จะเปิดตาที่ครึ่งปิดครึ่งเปิดของมันแหงนมองฉู่เทียนเซิงที่ลอยตัวอยู่บนฟ้า

เพียงอ้าปากโลหิตก็ไหลออกมาไม่หยุดและพูดอะไรไม่ออก

ในที่สุดมันก็เข้าใจแล้วว่าถึงแม้ทั้งสองจะเป็นยอดฝีมือระดับปราณฟ้าเช่นเดียวกัน

แต่ระดับพลังของฉู่เทียนเซิงนั้นก็ยังสูงกว่ามันอยู่หลายขั้น

ตอนนี้มันต้องลงเอยในสารรูปน่าสังเวช

ต่อให้มันโกรธแค้นจนเส้นเลือดฝอยปริแตกก็ยังไม่อาจพูดอะไรออกไปให้ขายหน้าได้

ดวงตาของฉู่เทียนเซิงจ้องมองไปที่เทียนเจี้ยนจงอย่างเย็นชา

จากนั้นก็สะบัดปลายแขนเสื้อบินจากไป

"ฟุ่บ !"

มันบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ไกลออกไปหลายพันเมตร มารวมกลุ่มกับคนของนิกายพันธมิตรสวรรค์พลางกล่าวว่า

"เสร็จเรื่องแล้วกลับกันเถอะ!"

ฉู่เทียนเซิงสะบัดแขน ปล่อยสัตว์พานะของมัน, อินทรีมังกรออกมาและขึ้นหลังมันเดินทางต่อไป

ผู้อาวุโสและผู้ดูแลทุกคนพยักหน้า

โอบร่างจี้เทียนซิงและเอี๋ยนเอ๋อร์ที่ยังหมดสติ

ขี่สัตว์วิญญาณติดตามฉู่เทียนเซิงออกเดินทางกลับนิกายพันธมิตรสวรรค์

ท่ามกลางซากปรักหักพังของ ‘อดีต’ ยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ เทียนเจี้ยนจงจ้องมองการจากไปของชาวนิกายพันธมิตรสวรรค์

มันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยโทสะที่พุ่งถึงขีดสุดและสบถออกมา

"ฉู่เทียนเซิง.......  สักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว

ข้าจะเอาคืนเป็นสิบเท่า !”

"ข้าจะล้างบางชาวนิกายพันธมิตรสวรรค์ให้หมดสิ้น

แม้แต่หมูหมาก็ไม่ให้เหลือสักตัว !”

"มีเพียงเลือดของทุกคนในนิกายเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถล้างความอัปยศในวันนี้ได้

!!”

หลังจากเทียนเจี้ยนจงพูดจบ

มันก็พยายามข่มอาการบาดเจ็บผุดลุกขึ้นยืนอย่างโรยรา  เดินกะโผลกกะเผลกไปยังภูเขา

ยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายสิ้น ทั่วทั้งนิกายกระบี่ฟ้าตกอยู่ในสภาพยุ่งเหยิง

ศิษย์รับใช้และสาวกนับไม่ถ้วนต่างวิ่งกันให้วุ่น

เหล่าผู้เฒ่าและผู้ดูแลหลายคนกำลังยุ่งอยู่กับการกำกับดูแลเหล่าศิษย์ในการเคลียร์ซากปรักหักพังของยอดเขา

ทันทีที่เทียนเจี้ยนจงเดินโซเซไปได้ไม่กี่ก้าว

หวงฟู่คนสนิทก็วิ่งแจ้นตาลีตาเหลือก ยื่นแขนออกไปพยุงมันพลางกล่าวอย่างขุ่นแค้นว่า

“นิกายพันธมิตรสวรรค์ช่างหยิ่งผยองและรังแกผู้คนเกินไปแล้ว

!"

“ท่านประมุข  ฉู่เทียนเซิงเป็นผู้ดูแลอาณาจักรเทียนเฉินทั้งหมด

พวกเราไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อกรกับพวกมันได้ในยามนี้"

"อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถส่งสาสน์ว่ากล่าวต่อเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไปถึงลานจักรพรรดิแห่งจ้งโจวเพื่อแจ้งต่อ

‘พวกเขาเหล่านั้น’ ถึงความผิดของนิกายพันธมิตรสวรรค์และฉู่เทียนเซิง

ให้เรื่องนี้ผ่านไปเข้าหูตี้จวิน (เทวราชา)”

“ข้าน้อยไม่เชื่อหรอกว่าลานจักรพรรดิจะไม่สามารถควบคุมบงการนิกายพันธมิตรสวรรค์ได้

!”