จุดอ่อนของมัน
ในที่สุดจี้เทียนซิงก็เข้าใจแล้วว่าการถูกกลืนกินแก่นชีวิตนั้นเป็นอย่างไร
เพลิงวิญญาณฟ้าบุกเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างเงียบเชียบ
มันทำให้รู้สึกเย็นเยือกไปทั่วสรรพางค์กาย
เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังชีวิตกำลังไหลออกไปอย่างรวดเร็ว
ร่างกายคล้ายกับว่ามันกำลังเสื่อมสภาพและโรยรายิ่งขึ้น
โชคดีที่เขาเป็นวัยรุ่น
หลังจากถูกกลืนแก่นชีวิตเข้าไปจำนวนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาของเขาก็ยังไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก
หากเขาเป็นชายแก่ผมขาวและถูกกลืนกินแก่นชีวิตเยี่ยงนี้
เกรงว่าชีวิตคงอยู่ห่างประตูยมโลกไม่ไกลนัก...
อาการบาดเจ็บที่หลั่งโลหิตนั้นยังไม่น่ากลัวเทียบเท่ากับการที่รู้สึกว่าชีวิตของตนเองถูกสูบกลืนไปเรื่อยๆจนตายอย่างช้าๆ
จี้เทียนซิงหัวเสียกับเจ้ากระดูกยักษ์ตนนี้มาก
แต่เขาก็รู้ตัวว่ายังไม่อาจกำราบมันได้อย่างสิ้นเชิง เขาทำได้เพียงหลบหลีกการโจมตีและค้นหาจุดอ่อนของมันอย่างเงียบๆ
ส่วนอาการบาดเจ็บของเฉียนเยวี่ยนั้นหนักหนาเกินไป
แม้แต่จะบินก็ยังยากและเป็นไปไมได้ที่จะให้มันช่วยต่อสู้กับกระดูกยักษ์ตัวนี้
ดังนั้น
จี้เทียนซิงจึงให้มันกลับเข้าไปในถุงมิติเพื่อให้มันได้พักผ่อนและฟื้นฟูพลังปราณกลับมา
เขาจึงต้องเผชิญหน้ากับมันตามลำพังและหนีไปในป่าเรื่อยๆ เขาเพ่งสมาธิทั้งมวลไปที่การโคจรย่างก้าวไร้เงาเพื่อให้ความเร็วพุ่งสูงถึงขีดสุด
เงาร่างของเขากระพริบไปมาซ้ายทีขวาทีผ่านชั้นหมอกในป่า
เสียงดัง
“เป้ง เป้ง เป้ง”
ดังขึ้น กระดูกยักษ์ก้าวไปข้างหน้าและกระทืบเท้าเหยียบลงบนพื้นดินจนเกิดหลุมขนาดใหญ่และสั่นสะเทือนไปทั่ว
มันดูเหมือนจะหงุดหงิดอย่างสมบูรณ์และเปิดปากพ่นเพลิงวิญญาณฟ้าครั้งแล้วครั้งเล่า
“ตูม !! ตูม !!”
เสียงกัมปนาทดังกึกก้องสั่นสะท้อนออกมาในท้องฟ้าสลัว
เสาเพลิงวิญญาณฟ้าระเบิดออกกลายเป็นหลุมขนาดยักษ์หนึ่งหลุม
และตามมาอีกหนึ่งหลุมในเวลาไล่เลี่ยกัน สาดฝุ่นละอองกระจุยกระจายไปทั่วท้องฟ้า
คลื่นกระแทกอันรุนแรงที่เกิดจากเสาเพลิงสีฟ้ากวาดไปทั่วทุกทิศทุกทาง
เงาร่างของจี้เทียนซิง
บางครั้งก็คล้ายกับจมอยู่ใต้เปลวไฟสีฟ้าและบางครั้งก็คล้ายกับถูกไฟโหมกระหน่ำพัดผ่าน
สถานการณ์ของเขากลายเป็นอันตรายยิ่งยวดราวกับการเต้นอยู่บนปลายคมมีด
ในช่วงเวลาสั้นๆกระดูกยักษ์สีขาวก็ไล่ล่าเขาไปไกลกว่าสิบไมล์และพ่นเพลิงวิญญาณฟ้าระเบิดเป็นเสาเพลิงสูงกว่าสิบเสา
หลายต่อหลายครั้งที่เขาถูกจู่โจมด้วยคลื่นกระแทกจากแรงระเบิดอันรุนแรง
มันทำให้อาการบาดเจ็บของเขาเพิ่มขึ้น มุมปากปรากฏโลหิตไหลไม่ขาดสาย
แต่นี่เป็นเพียงอาการบาดเจ็บเล็กน้อย สิ่งที่รุนแรงยิ่งกว่าก็คือพลังของเขาถูกกลืนหายไปกับเพลิงวิญญาณฟ้า
อีกทั้งลมหายใจก็เริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ
ผิวหนังทั่วร่างของเขากลายเป็นสีเทาและปกคลุมไปด้วยกลิ่นไอมรณะอันรุนแรง
เขาไม่รู้ว่าตนเองจะทนไปได้อีกนานแค่ไหน
เขาจะมีชีวิตรอดพ้นจากป่าแห่งความตายนี้ได้หรือไม่
ก่อนที่จะเข้าสู่เทือกเขาหมอกเร้นลับ
เขารู้แค่เพียงว่าสถานที่นี้เต็มไปด้วยการต่อสู้ที่ดุเดือดขั้นวิกฤติ และมีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถกลับออกมาได้แบบมีชีวิต
แต่เมื่อมาถึงจุดนี้และได้สัมผัสด้วยตัวเอง
ในที่สุดเขาก็เข้าใจตำนานได้อย่างถ่องแท้แล้ว
มันน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงร่ำลือหลายเท่านัก !
“เพลิงวิญญาณฟ้าที่แยกตัวออกมาจากกระดูกยักษ์ดูเหมือนจะโผล่ออกมาจากดวงตาของมัน…...”
“แต่ตัวของมันสูงกว่าสองร้อยเมตร ข้าไม่สามารถทะยานขึ้นไปโจมตีดวงตาของมันได้เลย...”
ในระหว่างที่เขาหนีจากการโจมตีของกระดูกยักษ์
เขาก็ครุ่นคิดหาวิธีต่อกรอย่างกระตือรือร้น
“หนีไม่ได้
มิฉะนั้นข้าคงต้องอ่อนล้าจนหมดเรี่ยวแรงและตกตายกลายเป็นหนึ่งในโครงกระดูกที่นี่แน่
ต้องวัดดวงกันดูล่ะ !”
หลังจากนั้นไม่นาน
เมื่อเขาหนีจากการโจมตีของเสาเพลิงสีฟ้าได้อีกครั้ง เขาก็ฉวยโอกาสทดลองตอบโต้
ฮ่ะ !
จี้เทียนซิงกัดฟันคำรามลั่น
เขาใช้สองมือกุมกระบี่มังกรดำไว้แน่นจนเส้นเอ็นปูดโปนขึ้นที่หลังมือ คนระเบิดพลังปราณชั่วชีวิตออกมา พลางตวัดกระบี่สุดเรี่ยวแรงไปที่เท้าข้างซ้ายของโครงกระดูกยักษ์
โครงกระดูกยักษ์นั้นอยู่ไม่ไกลจากเขาและนิ้วเท้าของมันเพียงนิ้วเดียวก็ใหญ่พอๆกับตัวเขาทั้งร่าง
"เป้ง !!!!!!!"
คลื่นกระบี่อันพร่างพราวนำมาซึ่งพลังเบิกปฐพี
มันกระทบเข้าใส่เท้าข้างซ้ายของกระดูกยักษ์จนเกิดเสียงระเบิดดังอึกทึก
พลังคลื่นกระแทกขนาดใหญ่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว
จี้เทียนซิงปลิวไถลออกไปไกลหลายสิบเมตร
เท้าซ้ายของกระดูกยักษ์ถูกทุบเป็นหลุมลงครึ่งหนึ่งในจุดนั้นและยุบตัวด้วยกระดูกหักจำนวนมากที่กระจายอยู่รอบๆ
ร่างกายของมันมีขนาดใหญ่เกินไป
เมื่อเท้าซ้ายถูกทุบออกมันจึงไม่สามารถรองรับสมดุลของร่างกายได้อีกต่อไป
มันเดินโซเซและในที่สุดร่างสูงใหญ่ของมันก็ล้มลงมาราวกับภูเขาที่พังทลายลงมาบนโลก
“ครืน............ครืน ! ”
เสียงที่ดังกึกก้องราวกับโลกแตกก้องกังวานไปทั่วป่า
แผ่นดินถูกทับจนเกิดหลุมลึกขนาดใหญ่และพื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
มีโอกาสแล้ว....
!
ฟุ่บ ! ฟุ่บ !
จี้เทียนซิงฉวยโอกาสนี้อย่างไร้ความลังเล
กระตุ้นปราณกระบี่สองสายที่ส่องประกายเพื่อใช้เพลงกระบี่ดาราเหินมุ่งเป้าไปที่ดวงตาของกระดูกยักษ์
“วายุอัสนีบาต !!”
ปราณกระบี่ทองคำพุ่งไปซ้ายหนึ่งขวาหนึ่งหมายจะพิฆาตกระดูกยักษ์
พวกมันผสานกันก่อเกิดเป็นสายลมที่พัดกระหน่ำทำให้เกิดสายฟ้าสีทองขนาดใหญ่ในทันที เป้าหมายคือดวงตาของซ้ายของมัน
“ครืน !!”
เสียงสนั่นราวกับสายฟ้าระเบิดก้องผ่าท้องนภา
ดวงตาข้างซ้ายของกระดูกยักษ์ถูกทุบทำลายและเปลวไฟสีฟ้าที่ดวงตาซ้ายของมันก็สลัวลง
มันไม่สามารถส่งเสียงกรีดร้องหรือคำรามได้ มันพยายามลุกขึ้นและเปิดปากของมันอีกคราเพื่อพ่นเสาเพลิงวิญญาณฟ้าออกมา
จี้เทียนซิงไหวตัวอยู่ก่อนแล้วว่ามันจะต้องตอบโต้กลับ
เขาสามารถล่าถอยได้ทันเวลาก่อนที่มันจะเปิดปาก
“ตูมมมม !”
เสาเพลิงสีฟ้าขนาดใหญ่พุ่งกระแทกพื้นดิน
ลำธารหลายร้อยเมตรถูกระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
คลื่นกระแทกที่เกิดจากพลังอันรุนแรงของเพลิงวิญญาณฟ้าได้โหมกระหน่ำกวาดต้อนพื้นดินร่วมหลายร้อยเมตร
เมื่อเห็นฉากนี้
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วทันที ดวงตาของเขาเปล่งประกายไปด้วยข้อสงสัย
"เกิดอะไรขึ้น ? ข้าได้ทำลายดวงตาข้างซ้ายของมันแล้ว
ไฉนมันถึงยังปล่อยเพลิงวิญญาณฟ้าออกมาได้โดยที่พลังแทบไม่ลดทอนลง ?”
“หรือว่า........ แหล่งกำเนิดเพลิงวิญญาณฟ้าของมันจะไม่ใช่ดวงตา ?”
เมื่อตระหนักถึงข้อพิรุธนี้
ชายหนุ่มจ้องมองไปทั่วร่างกระดูกยักษ์เพื่อค้นหาต้นกำเนิดพลังเพลิงวิญญาณฟ้าของมัน
ทันใดนั้นเขาได้พบเบาะแส
ในร่างของยักษ์กระดูกขาวมีกลุ่มก้อนเปลวไฟสีฟ้าสามกลุ่ม
ทั้งสองกลุ่มแรกยังคงเป็นดวงตาของมันที่ถึงแม้ว่าจะลึกลับและหนาวเย็น
แต่กลับไม่แข็งแกร่งเท่ากับกลุ่มที่สาม
เปลวไฟสีฟ้าจุดที่สามนั้นอยู่ในลำคอของมัน
มันเป็นดวงตาเพลิงที่ใหญ่กว่าและน่าทึ่งยิ่งกว่า !
"ที่นี่เอง !"
จี้เทียนซิงตื่นตัวทันที
ดวงตาของเขาส่องประกายความหวัง
เขากระตุ้นคลื่นปราณกระบี่อีกสายหนึ่งขึ้นมาเพื่อโจมตีต่อเนื่อง
“ประกายแสง มังกรแดง !! ”
กระบี่เพลิงทองคำยาวกว่าสองเมตรปะทุขึ้น
ห้อมล้อมไปด้วยเปลวไฟสีทองราวกับมังกรทองตัวหนึ่งที่มีอำนาจในการทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง
มันพุ่งเข้าขย้ำช่วงลำคอของกระดูกยักษ์อย่างรวดเร็ว
“แกร่ก !”
เสียงปริแตกที่คมชัดดังขึ้น
กระดูกสีขาวในลำคอของกระดูกยักษ์ถูกบดขยี้โดยประกายแสงมังกรแดงจนมีหลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น
แสงปราณกระบี่ลักษณ์มังกรทองทะลวงลำคอของมันลอดผ่านช่องโหว่และระเบิดเข้าใส่กลุ่มเปลวเพลิงสีฟ้าที่น่าทึ่งและลึกลับที่สุดในทันที
"บึ้ม !!"
กลุ่มแสงเพลิงสีฟ้าและลำแสงประกายแสงมังกรแดงระเบิดในเวลาเดียวกัน
กลายเป็นเปลวไฟอันยิ่งใหญ่ตระการตา
พื้นที่หลายร้อยเมตรรอบๆถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟที่ลุกลามอย่างรวดเร็วจนท่วมท้นร่างของจี้เทียนซิง
หลังจากนั้นไม่นานคลื่นไฟสีฟ้าก็จางหายไปและป่าก็กลับมาสงบลงอีกครั้ง
กระดูกยักษ์มหึมายังคงนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นและไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ
เมื่อกลุ่มแสงไฟในลำคอของมันถูกทำลาย พลังต้นกำเนิดที่คอยเกื้อหนุนมันก็หายไป
ไฟสีฟ้าบนดวงตาทั้งสองข้างของมันก็เริ่มจางลง สุดท้ายก็ดับมอดอย่างรวดเร็ว
แกร่ก
แกร่ก แกร่ก
เสียงคมชัดของกระดูกเสียดสีดังขึ้น
ร่างของกระดูกยักษ์เริ่มยุบตัวและกลายเป็นกองกระดูกหักผุพังอย่างรวดเร็ว
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved