อาคมทั้ง
4
จี้เทียนซิงถอนหายใจ
สุดท้ายก็ต้องยอมรับ
เขารับเฉียนเยวี่ยและกระบี่มังกรดำมา
เอาพวกมันเก็บไว้ในถุงมิติตามเดิม
แน่นอนว่ามีผลไม้วิญญาณและโอสถวิเศษมากมายที่เหลือกองพะเนินอยู่บนโต๊ะ
เขาก็กวาดพวกมันมาทั้งหมดเช่นกัน...
เซี่ยงหวู่จี้เห็นการกระทำของเขาก็ขมวดคิ้ว
แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขานั่งลงบนเก้าอี้ไม้และจิบสุราพลางกล่าวอย่างผ่อนคลายว่า “ไอ้หนู ภารกิจของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นเดือนนี้ เจ้าต้องเรียนรู้อะไร”
จี้เทียนซิงตอบตามความจริง
“เรียนผู้อาวุโส เดือนนี้ครูฝึกฮั่นมอบหมายให้พวกเราศึกษาเรื่องข่ายอาคม
สิ้นเดือนจะมีการประเมิน”
“หืม ? ข่ายอาคม ?”
เซี่ยงหวู่อึ้งไปวูบหนึ่ง
ดวงตาของเขาเปล่งประกายระยิบระยับ
เขาจ้องไปที่จอกสุราและยกดื่มจนหมดในรวดเดียว
ในใจขบคิดลับๆ “ฉิวอวี้เป็นอัจฉริยะแห่งข่ายอาคมที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของนิกายและอาณาจักรเทียนเฉิน
ไม่มีใครเทียบนางได้ หากไอ้หนูเทียนซิงผู้นี้เป็นทายาทของนางจริง
มันก็สมควรสืบทอดพรสวรรค์แต่กำเนิดทางด้านข่ายอาคมจากนางมาบ้าง“
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เซี่ยงหวู่จี้ก็วางจอกสุราลงและถามจี้เทียนซิงว่า
“ไอ้หนู
เจ้าน่าจะเป็นคุณชายผู้ร่ำรวยในเมืองของเจ้าสินะ
ตระกูลของเจ้าทำมาหากินอะไร ?”
จี้เทียนซิงไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆตาแก่เหม็นผู้นี้ถึงได้ถามเรื่องฐานะครอบครัว
แต่เขาก็ตอบไปตามความเป็นจริงว่า “เรียนผู้อาวุโส
ตระกูลจี้ของผู้เยาว์ทำการค้าเกี่ยวกับการหลอมสร้างอาวุธขอรับ”
“หลอมศัตราวุธ ?”
เซี่ยงหวู่จี้ขมวดคิ้วและคิดในใจลับๆ
“ข้าคิดว่าพวกเขาเป็นตระกูลขุนนางผู้เชี่ยวชาญข่ายอาคมเสียอีก ...ไม่คิดว่าจะเป็นผู้หลอมสร้างอาวุธ”
“แต่เอาเถอะ อย่างไรซะศาสตร์แห่งการหลอมอาวุธก็มีบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์แห่งอาคม
ด้วยพรสวรรค์ของฉิวอวี้ แม้จะเป็นการหลอมสร้างอาวุธก็ย่อมทำให้ธุรกิจการค้าของรุ่นลูกรุ่นหลานในตระกูลนางเจริญรุ่งเรืองได้แน่นอน”
เงียบไปชั่วครู่เซี่ยงหวู่จี้ก็ถามจี้เทียนซิงอีกครั้งว่า
“ไอ้หนู เจ้าเคยพบย่าหรือย่าทวดของเจ้าหรือไม่ ?”
จี้เทียนซิงส่ายหัวและกล่าวอย่างสงบว่า
“เท่าที่ข้าทราบ
ตอนนี้ข้ามีเพียงท่านพ่อและท่านลุงเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านปู่เสียไปแล้ว
ส่วนท่านย่าหรือท่านย่าทวด ข้าก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
“อ้อ...” เซี่ยงหวู่จี้พยักหน้าและไม่ถามอะไรอีก
“พรสวรรค์โดยกำเนิดในด้านข่ายอาคมของฉิวอวี้สร้างความตกตะลึงให้ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเฉินและเป็นความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของตาแก่อย่างข้า...”
“ในเมื่อไอ้หนูนี่เป็นลูกหลานของฉิวอวี้ศิษย์ข้า ข้าต้องอบรมบ่มเพาะมันให้ดี มิให้ฉิวอวี้ต้องขายหน้า
!”
หลังจากตัดสินใจแล้วเซี่ยงหวู่จี้ก็ลุกขึ้นและเดินออกไป
เขาเดินไปที่สนามและยืนอยู่บนพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหินสีฟ้าและกวักมือเรียกจี้เทียนซิง
“ไอ้หนู เจ้ามานี่”
จี้เทียนซิงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเรียกเขาทำไม
แต่ก็เดินไปอย่างว่าง่ายและยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย
เซี่ยงหวู่จี้ชี้ไปที่พื้นหินสีฟ้าใต้ฝ่าเท้าของเขาและถามด้วยใบหน้าที่น่าเกรงขามว่า
“มองที่พื้นให้ดีและบอกข้ามาซิว่าเจ้าเห็นอะไร?”
จี้เทียนซิงก้มหน้ามองลงไปที่พื้นใต้ฝ่าเท้าและสังเกตอย่างละเอียด พื้นหินสีฟ้าชิ้นนี้มีความยาวประมาณหกเมตร
เพียงมองทั่วไปย่อมเห็นว่ามันเป็นพื้นหินสีฟ้าธรรมดาๆ
อย่างไรก็ตาม
หลังจากเขาเพ่งสายตามองอยู่หลายรอบก็เห็นว่าขนาดของแผ่นหินฟ้านั้นแตกต่างกัน ลำดับและทิศทางก็ยังต่างกันออกไปอีกด้วย
ช่องว่างระหว่างข้อต่อของแผ่นหินเหมือนเป็นเส้นเดียว
และมีรูปแบบที่แน่นอนมันดูราวกับว่าเป็นลวดลายที่แปลกประหลาดที่ถูกสร้างขึ้น
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้นก็หันหน้าไปหาเซี่ยงหวู่จี้และกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ผู้อาวุโส หากข้าเดาไม่ผิด สิ่งนี้น่าจะเป็นข่ายอาคม !"
เซี่ยงหวู่จี้พยักหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ถูกต้อง”
ในใจของเขาเกิดความคิดขึ้น
“การมองเห็นข่ายอาคมเป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานของผู้ฝึกฝนในศาสตร์นี้
ดูเหมือนว่าไอ้หนูนี่จะมีความสามารถทางด้านนี้ไม่น้อยทีเดียว
ถึงกับใช้เวลาไม่นานมองออกว่ามันเป็นข่ายอาคม
ข้าต้องทดสอบมันอีกหน่อยแล้ว”
เขามองไปที่จี้เทียนซิงอย่างสงบและถามว่า
“โดยทั่วไปแล้วข่ายอาคมแบ่งออกเป็นสี่ประเภท อาคมมายา อาคมกับดัก อาคมพิฆาตและอาคมเสริม”
“เจ้าลองดูดีๆซิว่ามันเป็นอาคมประเภทใด ? หากเจ้าไม่แน่ใจ ข้าอนุญาตให้เจ้าใช้พลังปราณเพื่อตรวจสอบ”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและมองไปยังข่ายอาคมที่เท้าอย่างต่อเนื่อง เขามีพื้นฐานเกี่ยวกับศาสตร์แห่งอาคมมาบ้าง และรู้ว่าอาคมมีสี่ประเภท
มายา กับดัก พิฆาตและเสริมสร้าง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาคมเสริมสร้างจะใช้ในการเพาะปลูกและบ่มเพาะสมุนไพรวิญญาณ
ตัวอย่างเช่นภายในห้องลับภายในห้องพักของเขาก็มีข่ายอาคมที่ใช้รวบรวมพลังต้นกำเนิดฟ้าดินเพื่อเสริมการบ่มเพาะ นี่เรียกว่าอาคมเสริมสร้าง
หลังจากการสังเกตอย่างละเอียด
จี้เทียนซิงก็มีคำตอบในเบื้องต้นแล้ว เขาคาดว่าอาคมบนพื้นก็คืออาคมเสริมสร้าง
ทว่า
เขาก็ยังไม่ตอบคำถามในทันที
แต่ก้มลงอัดฝ่ามือพลังปราณลงไปบนพื้นเพื่อใช้สำรวจอาคมอย่างละเอียดอีกรอบ
พลังปราณของเขาถูกถ่ายเทลงบนพื้นหินสีฟ้า
เขาค้นพบในทันทีว่าใต้ผืนดินนั้นอบอุ่นชุ่มชื้นจนทำให้รากไม้สีเขียวขนาดใหญ่กำลังพุ่งพล่าน
หลังจากยืนยันแน่ชัดก็กล่าวกับเซี่ยงหวู่จี้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ผู้อาวุโส
ข้าคิดว่าอาคมที่นี่เป็นอาคมเสริมสร้างที่ใช้ในการเพาะปลูกสมุนไพรขอรับ”
เซี่ยงหวู่จี้พยักหน้าและเผยรอยยิ้ม
“ใช่ ถูกต้องแล้วไอ้หนู นี่คืออาคมวิญญาณพฤกษาที่ช่วยเสริมการเติบโตของบรรดาสมุนไพรที่ข้าเพาะเลี้ยงไว้”
“ในเมื่อไอ้หนูอย่างเจ้ามีพรสวรรค์ในศาสตร์อาคมอยู่บ้าง
วันนี้ตาแก่อย่างข้าจะทดสอบเจ้า”
วู้ม....
จากนั้นเซี่ยงหวู่จี้ก็โบกมือเป็นลำแสงปราณสีน้ำเงินเข้มและทาบลงบนพื้นหินสีฟ้า
พื้นหินส่องแสงสีฟ้าจ้าขึ้นมาในทันทีและช่องว่างระหว่างหินแต่ละก้อนก็เริ่มกลายเป็นสีฟ้าและแผ่ซ่านพลังอันลึกลับออกมา
ภายในพริบตา
กลุ่มก้อนลำแสงสีน้ำเงินเข้มกระจุกหนึ่งก็ก่อตัวขึ้น
ก้อนลำแสงนี้มีรูปลักษณ์เหมือนชามขนาดใหญ่ที่คว่ำไว้ มันปกคลุมทั่วร่างจี้เทียนซิง
จี้เทียนซิงมองไปรอบๆและพบว่าภาพรอบๆตัวได้เปลี่ยนไป
ลานกว้างหายไป
ตำหนักรอบๆก็หายไปเช่นกัน
เขาอยู่ท่ามกลางป่าเขียวชอุ่มที่กว้างใหญ่ไพศาล
ที่เท้าของเขาปรากฏทุ่งหญ้าสีเขียวอันอ่อนนุ่มอยู่รายรอบ
ต้นไม้ใหญ่ตั้งสูงตระหง่านจนมองไม่เห็นข้างๆ
เขามองไม่เห็นสถานการณ์นอกป่าแม้แต่น้อย
เมื่อแหงนศีรษะขึ้นฟ้าก็พบว่ามันเป็นม่านแสงสีน้ำเงินเข้มปกคลุมอยู่
เห็นได้ชัดว่าเซี่ยงหวู่จี้เปิดใช้งานอาคมวิญญาณพฤกษาใส่ตัวเขา ทำให้เขาติดอยู่ในนี้
ในขณะที่จี้เทียนซิงมองไปรอบๆ
เซี่ยงหวู่จี้ปรากฏตัวขึ้นจากอากาศที่เบาบางข้างๆเขาและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไอ้หนู ตอนนี้เจ้าอยู่ในอาคมวิญญาณพฤกษาของข้า หากเจ้าสามารถไขความลับของอาคมและออกไปจากที่นี่ได้ จงไปหาข้าที่ห้องโถง ข้ามีรางวัลให้เจ้า”
“….แต่ว่า
หากเจ้าออกไปไม่ได้ งั้นก็จงอยู่ถอนหญ้าให้ข้าในนี้ไปตลอดกาล !”
เซี่ยงหวู่จี้แสยะยิ้ม
จากนั้นร่างของเขาก็หายวูบไปในอากาศที่เบาบางราวกับหมอกควัน
เมื่อออกจากอาคมวิญญาณพฤกษา
เซี่ยงหวู่จี้ก็เดินไพล่หลังไปที่ห้องโถงใหญ่ เขานั่งเอนกายบนเก้าอี้ไม้ขนาดใหญ่เพื่อจิบสุราและฮัมเพลงเบาๆ
ภายในลานอันเงียบสงบ
มีโดมแสงสีน้ำเงินขนาดเพียงหกตารางเมตรปรากฏขึ้น
นั่นก็คืออาคมวิญญาณพฤกษาที่เซี่ยงหวู่จี้ร่ายไว้นั่นเอง
เมื่อมองจากภายนอกจะดูเหมือนว่าข่ายอาคมนี้มีขนาดแค่หกตารางเมตรเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคือโลกใบเล็กที่ลึกลับอยู่ข้างใน
เซี่ยงหวู่จี้หยิบน้ำเต้าสุราออกมารินใส่จอกและมองไปที่โดมแสงน้ำเงินในลานกว้างด้วยรอยยิ้ม เขากระซิบแผ่วเบาว่า “หึๆ ถึงแม้ว่าอาคมวิญญาณพฤกษานี้จะเป็นแค่ของเล่นในระดับล้ำลึก
แต่เอาเข้าจริงก็มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตปราณจิตเท่านั้นถึงจะสามารถทำลายมันลงได้”
“เจ้าหนู
หากเจ้าสามารถออกมาได้ภายในหนึ่งวันก็แสดงว่าเจ้าสืบทอดพรสวรรค์ด้านศาสตร์อาคมของฉิวอวี้มาเต็มๆ หากเป็นเช่นนั้น
ตาแก่ผู้นี้ก็มีรางวัลให้เจ้า
ถ้าไม่งั้นเจ้าก็ไม่คู่ควรให้คนอย่างข้าต้องเสียเวลามาอบรม...”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved