ตอนที่ 145

อาคมทั้ง

4

จี้เทียนซิงถอนหายใจ

สุดท้ายก็ต้องยอมรับ

เขารับเฉียนเยวี่ยและกระบี่มังกรดำมา

เอาพวกมันเก็บไว้ในถุงมิติตามเดิม

แน่นอนว่ามีผลไม้วิญญาณและโอสถวิเศษมากมายที่เหลือกองพะเนินอยู่บนโต๊ะ

เขาก็กวาดพวกมันมาทั้งหมดเช่นกัน...

เซี่ยงหวู่จี้เห็นการกระทำของเขาก็ขมวดคิ้ว

แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขานั่งลงบนเก้าอี้ไม้และจิบสุราพลางกล่าวอย่างผ่อนคลายว่า “ไอ้หนู ภารกิจของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นเดือนนี้ เจ้าต้องเรียนรู้อะไร”

จี้เทียนซิงตอบตามความจริง

“เรียนผู้อาวุโส เดือนนี้ครูฝึกฮั่นมอบหมายให้พวกเราศึกษาเรื่องข่ายอาคม

สิ้นเดือนจะมีการประเมิน”

“หืม ?  ข่ายอาคม ?”

เซี่ยงหวู่อึ้งไปวูบหนึ่ง

ดวงตาของเขาเปล่งประกายระยิบระยับ

เขาจ้องไปที่จอกสุราและยกดื่มจนหมดในรวดเดียว

ในใจขบคิดลับๆ “ฉิวอวี้เป็นอัจฉริยะแห่งข่ายอาคมที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของนิกายและอาณาจักรเทียนเฉิน

ไม่มีใครเทียบนางได้ หากไอ้หนูเทียนซิงผู้นี้เป็นทายาทของนางจริง

มันก็สมควรสืบทอดพรสวรรค์แต่กำเนิดทางด้านข่ายอาคมจากนางมาบ้าง“

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เซี่ยงหวู่จี้ก็วางจอกสุราลงและถามจี้เทียนซิงว่า

“ไอ้หนู

เจ้าน่าจะเป็นคุณชายผู้ร่ำรวยในเมืองของเจ้าสินะ

ตระกูลของเจ้าทำมาหากินอะไร ?”

จี้เทียนซิงไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆตาแก่เหม็นผู้นี้ถึงได้ถามเรื่องฐานะครอบครัว

แต่เขาก็ตอบไปตามความเป็นจริงว่า “เรียนผู้อาวุโส

ตระกูลจี้ของผู้เยาว์ทำการค้าเกี่ยวกับการหลอมสร้างอาวุธขอรับ”

“หลอมศัตราวุธ ?”

เซี่ยงหวู่จี้ขมวดคิ้วและคิดในใจลับๆ

“ข้าคิดว่าพวกเขาเป็นตระกูลขุนนางผู้เชี่ยวชาญข่ายอาคมเสียอีก  ...ไม่คิดว่าจะเป็นผู้หลอมสร้างอาวุธ”

“แต่เอาเถอะ อย่างไรซะศาสตร์แห่งการหลอมอาวุธก็มีบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์แห่งอาคม

ด้วยพรสวรรค์ของฉิวอวี้ แม้จะเป็นการหลอมสร้างอาวุธก็ย่อมทำให้ธุรกิจการค้าของรุ่นลูกรุ่นหลานในตระกูลนางเจริญรุ่งเรืองได้แน่นอน”

เงียบไปชั่วครู่เซี่ยงหวู่จี้ก็ถามจี้เทียนซิงอีกครั้งว่า

“ไอ้หนู เจ้าเคยพบย่าหรือย่าทวดของเจ้าหรือไม่ ?”

จี้เทียนซิงส่ายหัวและกล่าวอย่างสงบว่า

“เท่าที่ข้าทราบ

ตอนนี้ข้ามีเพียงท่านพ่อและท่านลุงเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านปู่เสียไปแล้ว

ส่วนท่านย่าหรือท่านย่าทวด ข้าก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

“อ้อ...”  เซี่ยงหวู่จี้พยักหน้าและไม่ถามอะไรอีก

“พรสวรรค์โดยกำเนิดในด้านข่ายอาคมของฉิวอวี้สร้างความตกตะลึงให้ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเฉินและเป็นความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของตาแก่อย่างข้า...”

“ในเมื่อไอ้หนูนี่เป็นลูกหลานของฉิวอวี้ศิษย์ข้า  ข้าต้องอบรมบ่มเพาะมันให้ดี มิให้ฉิวอวี้ต้องขายหน้า

!”

หลังจากตัดสินใจแล้วเซี่ยงหวู่จี้ก็ลุกขึ้นและเดินออกไป

เขาเดินไปที่สนามและยืนอยู่บนพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหินสีฟ้าและกวักมือเรียกจี้เทียนซิง

“ไอ้หนู เจ้ามานี่”

จี้เทียนซิงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเรียกเขาทำไม

แต่ก็เดินไปอย่างว่าง่ายและยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย

เซี่ยงหวู่จี้ชี้ไปที่พื้นหินสีฟ้าใต้ฝ่าเท้าของเขาและถามด้วยใบหน้าที่น่าเกรงขามว่า

“มองที่พื้นให้ดีและบอกข้ามาซิว่าเจ้าเห็นอะไร?”

จี้เทียนซิงก้มหน้ามองลงไปที่พื้นใต้ฝ่าเท้าและสังเกตอย่างละเอียด พื้นหินสีฟ้าชิ้นนี้มีความยาวประมาณหกเมตร

เพียงมองทั่วไปย่อมเห็นว่ามันเป็นพื้นหินสีฟ้าธรรมดาๆ

อย่างไรก็ตาม

หลังจากเขาเพ่งสายตามองอยู่หลายรอบก็เห็นว่าขนาดของแผ่นหินฟ้านั้นแตกต่างกัน ลำดับและทิศทางก็ยังต่างกันออกไปอีกด้วย

ช่องว่างระหว่างข้อต่อของแผ่นหินเหมือนเป็นเส้นเดียว

และมีรูปแบบที่แน่นอนมันดูราวกับว่าเป็นลวดลายที่แปลกประหลาดที่ถูกสร้างขึ้น

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง

จากนั้นก็หันหน้าไปหาเซี่ยงหวู่จี้และกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ผู้อาวุโส หากข้าเดาไม่ผิด สิ่งนี้น่าจะเป็นข่ายอาคม !"

เซี่ยงหวู่จี้พยักหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ถูกต้อง”

ในใจของเขาเกิดความคิดขึ้น

“การมองเห็นข่ายอาคมเป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานของผู้ฝึกฝนในศาสตร์นี้

ดูเหมือนว่าไอ้หนูนี่จะมีความสามารถทางด้านนี้ไม่น้อยทีเดียว

ถึงกับใช้เวลาไม่นานมองออกว่ามันเป็นข่ายอาคม

ข้าต้องทดสอบมันอีกหน่อยแล้ว”

เขามองไปที่จี้เทียนซิงอย่างสงบและถามว่า

“โดยทั่วไปแล้วข่ายอาคมแบ่งออกเป็นสี่ประเภท  อาคมมายา อาคมกับดัก อาคมพิฆาตและอาคมเสริม”

“เจ้าลองดูดีๆซิว่ามันเป็นอาคมประเภทใด ? หากเจ้าไม่แน่ใจ ข้าอนุญาตให้เจ้าใช้พลังปราณเพื่อตรวจสอบ”

จี้เทียนซิงพยักหน้าและมองไปยังข่ายอาคมที่เท้าอย่างต่อเนื่อง เขามีพื้นฐานเกี่ยวกับศาสตร์แห่งอาคมมาบ้าง และรู้ว่าอาคมมีสี่ประเภท

มายา กับดัก พิฆาตและเสริมสร้าง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาคมเสริมสร้างจะใช้ในการเพาะปลูกและบ่มเพาะสมุนไพรวิญญาณ

ตัวอย่างเช่นภายในห้องลับภายในห้องพักของเขาก็มีข่ายอาคมที่ใช้รวบรวมพลังต้นกำเนิดฟ้าดินเพื่อเสริมการบ่มเพาะ  นี่เรียกว่าอาคมเสริมสร้าง

หลังจากการสังเกตอย่างละเอียด

จี้เทียนซิงก็มีคำตอบในเบื้องต้นแล้ว เขาคาดว่าอาคมบนพื้นก็คืออาคมเสริมสร้าง

ทว่า

เขาก็ยังไม่ตอบคำถามในทันที

แต่ก้มลงอัดฝ่ามือพลังปราณลงไปบนพื้นเพื่อใช้สำรวจอาคมอย่างละเอียดอีกรอบ

พลังปราณของเขาถูกถ่ายเทลงบนพื้นหินสีฟ้า

เขาค้นพบในทันทีว่าใต้ผืนดินนั้นอบอุ่นชุ่มชื้นจนทำให้รากไม้สีเขียวขนาดใหญ่กำลังพุ่งพล่าน

หลังจากยืนยันแน่ชัดก็กล่าวกับเซี่ยงหวู่จี้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ผู้อาวุโส

ข้าคิดว่าอาคมที่นี่เป็นอาคมเสริมสร้างที่ใช้ในการเพาะปลูกสมุนไพรขอรับ”

เซี่ยงหวู่จี้พยักหน้าและเผยรอยยิ้ม

“ใช่ ถูกต้องแล้วไอ้หนู นี่คืออาคมวิญญาณพฤกษาที่ช่วยเสริมการเติบโตของบรรดาสมุนไพรที่ข้าเพาะเลี้ยงไว้”

“ในเมื่อไอ้หนูอย่างเจ้ามีพรสวรรค์ในศาสตร์อาคมอยู่บ้าง

วันนี้ตาแก่อย่างข้าจะทดสอบเจ้า”

วู้ม....

จากนั้นเซี่ยงหวู่จี้ก็โบกมือเป็นลำแสงปราณสีน้ำเงินเข้มและทาบลงบนพื้นหินสีฟ้า

พื้นหินส่องแสงสีฟ้าจ้าขึ้นมาในทันทีและช่องว่างระหว่างหินแต่ละก้อนก็เริ่มกลายเป็นสีฟ้าและแผ่ซ่านพลังอันลึกลับออกมา

ภายในพริบตา

กลุ่มก้อนลำแสงสีน้ำเงินเข้มกระจุกหนึ่งก็ก่อตัวขึ้น

ก้อนลำแสงนี้มีรูปลักษณ์เหมือนชามขนาดใหญ่ที่คว่ำไว้ มันปกคลุมทั่วร่างจี้เทียนซิง

จี้เทียนซิงมองไปรอบๆและพบว่าภาพรอบๆตัวได้เปลี่ยนไป

ลานกว้างหายไป

ตำหนักรอบๆก็หายไปเช่นกัน

เขาอยู่ท่ามกลางป่าเขียวชอุ่มที่กว้างใหญ่ไพศาล

ที่เท้าของเขาปรากฏทุ่งหญ้าสีเขียวอันอ่อนนุ่มอยู่รายรอบ

ต้นไม้ใหญ่ตั้งสูงตระหง่านจนมองไม่เห็นข้างๆ

เขามองไม่เห็นสถานการณ์นอกป่าแม้แต่น้อย

เมื่อแหงนศีรษะขึ้นฟ้าก็พบว่ามันเป็นม่านแสงสีน้ำเงินเข้มปกคลุมอยู่

เห็นได้ชัดว่าเซี่ยงหวู่จี้เปิดใช้งานอาคมวิญญาณพฤกษาใส่ตัวเขา  ทำให้เขาติดอยู่ในนี้

ในขณะที่จี้เทียนซิงมองไปรอบๆ

เซี่ยงหวู่จี้ปรากฏตัวขึ้นจากอากาศที่เบาบางข้างๆเขาและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไอ้หนู ตอนนี้เจ้าอยู่ในอาคมวิญญาณพฤกษาของข้า หากเจ้าสามารถไขความลับของอาคมและออกไปจากที่นี่ได้  จงไปหาข้าที่ห้องโถง ข้ามีรางวัลให้เจ้า”

“….แต่ว่า

หากเจ้าออกไปไม่ได้ งั้นก็จงอยู่ถอนหญ้าให้ข้าในนี้ไปตลอดกาล !”

เซี่ยงหวู่จี้แสยะยิ้ม

จากนั้นร่างของเขาก็หายวูบไปในอากาศที่เบาบางราวกับหมอกควัน

เมื่อออกจากอาคมวิญญาณพฤกษา

เซี่ยงหวู่จี้ก็เดินไพล่หลังไปที่ห้องโถงใหญ่ เขานั่งเอนกายบนเก้าอี้ไม้ขนาดใหญ่เพื่อจิบสุราและฮัมเพลงเบาๆ

ภายในลานอันเงียบสงบ

มีโดมแสงสีน้ำเงินขนาดเพียงหกตารางเมตรปรากฏขึ้น

นั่นก็คืออาคมวิญญาณพฤกษาที่เซี่ยงหวู่จี้ร่ายไว้นั่นเอง

เมื่อมองจากภายนอกจะดูเหมือนว่าข่ายอาคมนี้มีขนาดแค่หกตารางเมตรเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคือโลกใบเล็กที่ลึกลับอยู่ข้างใน

เซี่ยงหวู่จี้หยิบน้ำเต้าสุราออกมารินใส่จอกและมองไปที่โดมแสงน้ำเงินในลานกว้างด้วยรอยยิ้ม  เขากระซิบแผ่วเบาว่า “หึๆ ถึงแม้ว่าอาคมวิญญาณพฤกษานี้จะเป็นแค่ของเล่นในระดับล้ำลึก

แต่เอาเข้าจริงก็มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตปราณจิตเท่านั้นถึงจะสามารถทำลายมันลงได้”

“เจ้าหนู

หากเจ้าสามารถออกมาได้ภายในหนึ่งวันก็แสดงว่าเจ้าสืบทอดพรสวรรค์ด้านศาสตร์อาคมของฉิวอวี้มาเต็มๆ  หากเป็นเช่นนั้น

ตาแก่ผู้นี้ก็มีรางวัลให้เจ้า

ถ้าไม่งั้นเจ้าก็ไม่คู่ควรให้คนอย่างข้าต้องเสียเวลามาอบรม...”