ผู้แข็งแกร่งคือมังกร
ผู้อ่อนแอก็คือหนอนแมลง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสาวงามในชุดขาวผู้นี้ก็คือหยุนเหยานั่นเอง
ถึงแม้นางจะไม่ได้พกร่มมาท่ามกลางเม็ดฝนตกที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องนี้ก็ตาม
แต่ทั่วร่างของนางกลับไม่มีรอยเปียกแม้แต่จุดเดียว ดวงหน้างดงามยังคงเย็นชาเช่นเดิม
นางดูราวกับนางฟ้ากลางสายฝน
นอกจากนี้
ตัวตนราวกับนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นเก้าอย่างนางจะเปียกปอนด้วยสายฝนเล็กน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร
?
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านมาได้อย่างไร ?”
จี้เทียนซิงยิ้มแย้มทักทายและผายมือเชื้อเชิญหยุนเหยาเข้าไปในห้อง
“มาหาเจ้า” หยุนเหยาพยักหน้าให้เล็กน้อยและเดินตามอีกฝ่ายเข้าไป
หลังจากนั่งลงเรียบร้อย
ดวงตาคู่งามของนางก็จ้องมองจี้เทียนซิงและถามว่า “เจ้าเป็นไงบ้าง
?"
จี้เทียนซิงโบกมือแล้วอธิบายว่า
“แค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อย พักอีกสักหลายวันก็คงดีขึ้น”
หยุนเหยาพยักหน้าและนำสิ่งของสองชิ้นออกจากแหวนมิติมาวางไว้หน้าจี้เทียนซิง
ซึ่งของทั้งสองชิ้นนี้ก็คือแหวนสีดำวงหนึ่งและขวดหยกสีขาว
หยุนเหยาอธิบายขึ้นว่า
“ท่านประมุขทราบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนภูเขามังกรแล้ว
ท่านพอใจมากกับผลงานของเจ้า”
“ของสองชิ้นนี้ท่านประมุขสั่งให้ข้านำมามอบให้เจ้า
รับไว้ซะสิ”
จี้เทียนซิงมองไปที่แหวนสีดำและขวดหยกสีขาวพร้อมกับถามด้วยความงุนงง
“ขวดนั้นย่อมเป็นโอสถ ข้าพอจะเดาออก แต่ว่าแหวนนั่นคืออะไรหรือศิษย์พี่ ?”
หยุนเหยาอธิบายให้อีกฝ่ายฟังว่า
“นี่คือสมบัติระดับล้ำลึกที่คุณภาพสูงสุดเรียกว่าแหวนมิติ
ภายในนั้นจะมีพื้นที่มิติที่เป็นเอกเทศ
เจ้าสามารถนำสิ่งของที่ใช้บ่อยๆเก็บไว้ในนั้นได้”
จี้เทียนซิงพยักหน้าเข้าใจในทันที
แหวนวงนี้มีคุณสมบัติแบบเดียวกับถุงมิติของเขา อย่างไรก็ตาม
เขามีถุงมิติของตระกูลจี้อยู่แล้วและไม่ต้องการแหวนมิติวงนี้
หยุนเหยาขมวดคิ้วและเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายว่า
“ศิษย์น้องเทียนซิง
แหวนมิติเป็นของล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่งนัก
ผู้ที่ได้ครอบครองมันล้วนแต่เป็นผู้อาวุโสและศิษย์ชั้นเลิศเท่านั้น
นอกจากนี้มันเป็นสิ่งของที่ท่านประมุขสั่งให้ข้านำมาให้เจ้า
เจ้าควรจะรับมันไว้”
จี้เทียนซิงพยักหน้า
“หากเป็นความประสงค์ของท่านประมุข
เช่นนั้นข้าก็จะรับมันไว้ ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่มากที่อุตส่าห์นำมาให้”
หยุนเหยากล่าวย้ำอีกครั้งว่า
“ในขวดนั่นมียาหยกน้ำค้างอยู่สองเม็ด
มันสามารถช่วยให้เจ้ารักษาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูพลังปราณได้อย่างรวดเร็ว
เจ้าอย่าได้ลืมใช้มัน”
“การประลองใหญ่เพิ่งจะจบลง นิกายเราก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการรับมอบสิทธิ์จากนิกายกระบี่ฟ้า ระหว่างนี้เจ้ารักษาตัวเองให้ดี”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและคว้าแหวนมิติกับขวดหยกขาวมาพร้อมทั้งชวนนางสนทนาอีกเล็กน้อย
หลังจากนั้นไม่นาน
หยุนเหยาก็ลุกขึ้นและกล่าวลา
เมื่อจี้เทียนซิงเดินออกไปส่งนาง
เขาก็พบว่าลู่หมิงหยางไม่ได้ยืนเอ๋อตากฝนอยู่กลางลานกว้างอีกแล้ว
และ....ในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
มีหลายครั้งที่จี้เทียนซิงคิดจะกินยาและเตรียมรักษาอาการบาดเจ็บ
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ
เนื่องจากในแต่ละครั้งที่กำลังจะโยนยาเข้าปากก็จะมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ซึ่งคนเหล่านั้นล้วนเป็นผู้มาเยี่ยมที่มาพร้อมกับของขวัญ
พวกมันทั้งหมดก็คือเหล่าศิษย์ที่ชื่นชมจี้เทียนซิง
พวกมันมาเพื่อดูอาการบาดเจ็บของเขาพร้อมนำของขวัญกับยารักษามาให้
ท้ายที่สุดแล้วทุกคนต่างรู้ดีว่าในตอนนี้จี้เทียนซิงก็คือศิษย์ฝ่ายนอกที่แข็งแกร่งที่สุดและเป็นดั่งวีรบุรุษของนิกายพันธมิตรสวรรค์ นับจากนี้เขาก็คือผู้ที่มีอนาคตไร้ขีดจำกัด
แต่สิ่งที่จี้เทียนซิงคาดไม่ถึงก็คือในบรรดาผู้คนมากมายที่มาเยี่ยมเยียนนี้
กลับมีอี้โม่และซื่อจิงเฉิงมาเคาะประตูพร้อมด้วยของขวัญเช่นกัน
ทันทีที่เขาเปิดประตูก็พบทั้งสองยืนอยู่และกำลังจ้องหน้าเขาด้วยรอยยิ้ม
“อ่า
ศิษย์พี่จี้ ได้พบท่านแล้ว”
“ศิษย์พี่จี้ ขออภัยที่ผู้น้องมาขัดจังหวะ
ขอท่านอย่าได้รังเกียจไป”
เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ของคนทั้งสองที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
จี้เทียนซิงก็ไม่อาจวางสีหน้าเย็นชาได้อีก
ดังนั้นเขาจึงต้องพาพวกมันทั้งสองเข้าไปในห้อง
หลังจากเข้าไปในบ้านแล้วพวกมันก็ยังไม่ยอมนั่งลง
แต่โค้งคารวะและพูดอย่างจริงใจว่า “ศิษย์พี่จี้
พวกเราสองคนมาหาท่านวันนี้ประการแรกก็เพื่อมาเยี่ยมอาการบาดเจ็บของท่าน
นอกจากนี้พวกเรายังคิดที่จะใช้โอกาสนี้ในการขอขมาต่อท่านที่ได้ทำผิดพลาดไปในอดีต
!”
“ก่อนหน้านี้ที่พวกเราเข้ามาในหอยุทธ์ฟงอวิ๋น
พวกเราไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน ดังนั้นจึงเต็มไปด้วยสถานการณ์ที่ทำให้ต้องเข้าใจผิดกันอยู่เสมอ
ดังนั้นมันจึงตามมาด้วยการทะเลาะถกเถียงกันโดยไม่พึงประสงค์”
“แรกเริ่มเดิมทีเป็นพวกเราเองที่มีสายตาแคบสั้นและยังคอยวิพากษ์วิจารณ์ถากถางศิษย์พี่จี้หลายครั้งหลายหน บัดนี้ ทุกครั้งที่พวกเรานึกถึงเรื่องที่ผ่านมาต่างก็รู้สึกละอายและไม่สบายใจ.....”
พฤติกรรมของพวกมันทั้งสองนั้นไม่ได้ดูเสแสร้งแกล้งทำ
มันเต็มไปด้วยคำขอโทษอย่างจริงใจจนทำให้จี้เทียนซิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่งและเผยรอยยิ้มจางๆวูบหนึ่งพลางกล่าวว่า
“เอาเถอะ
ทุกคนต่างก็เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักเดียวกัน
พวกเราต่างก็เป็นอัจฉริยะในดินแดนแว่นแคว้นต่างๆ
การที่หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีก็นับว่าเป็นเรื่องปกติสามัญ”
อี้โม่และซื่อจิงเฉิงพยักหน้าเสริมและกล่าวว่า
“ใช่เลย
ในอดีตพวกเราต่างก็เป็นอัจฉริยะที่ถูกยกย่องเชิดชูตั้งแต่เด็กจนคุ้นชิน
ความหยิ่งยโสจองหองจึงเป็นอะไรที่ติดตัวพวกเรามาจนเป็นวิสัย”
“แต่บัดนี้เมื่อได้มาเข้านิกายใหญ่และได้เห็นโลกแห่งมรรคายุทธ์ที่แท้จริง
มันขยายขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์ของพวกเข้าให้กว้างขึ้น
จนตระหนักได้ว่าภูเขานั้นสูงเพียงใด
มันทำให้พวกเราย้อนกลับมาคิดได้ว่าความหยิ่งยโสจองหองของผู้ฝึกยุทธ์ตัวเล็กๆอย่างเรานั้นมันไร้ค่าสิ้นดี”
“ก่อนหน้านี้มีข่าวลือไร้สาระเกี่ยวกับท่าน
ขอศิษย์พี่จี้ไม่ต้องกังวลไป
ด้วยระดับชื่อเสียงของท่านตอนนี้คงไม่จำเป็นต้องลดตัวไปอธิบายอะไรให้ใครเข้าใจ”
หลังจากคำพูดยืดยาวของพวกมัน
จี้เทียนซิงเข้าใจได้ในที่สุด การประลองหลงซานที่ผ่านมานั้นเขาโดดเด่นจนทำให้พวกมันทั้งสองคนชื่นชมจริงๆ
แต่เหตุผลนอกจากนี้ก็คือพวกมันทั้งสองรู้ว่า
นับจากนี้ไปเขาก็คือผู้ที่นิกายจับตามอง
ศักดิ์ฐานะของเขามีแต่จะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
ในกรณีเช่นนี้
พวกมันย่อมต้องเป็นกังวลว่าเขาจะตอบโต้หรือรังแกพวกมันเป็นการแก้แค้นในภายหลัง
ดังนั้นทั้งสองจึงรีบมาหาแต่เนิ่นๆเพื่อขอขมาโดยหวังว่าเขาจะโยนเรื่องความบาดหมางในอดีตทิ้งไปเสีย
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้เหล่านี้
จี้เทียนซิงก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้ม ในใจเริ่มขบคิดบางอย่าง
“หลังจากทั้งหมด พวกเราทุกคนต่างก็เกิดมาในยุคที่ผู้อ่อนแอบูชาผู้เข้มแข็ง
ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งก็คือมังกร ส่วนผู้อ่อนแอก็เป็นเหมือนมด”
“ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน สุดท้ายแล้วก็จะดูถูกคนที่ตนเองเห็นว่าอ่อนแอกว่าและเคารพนอบน้อมต่อยอดฝีมือ... เหอๆ ช่างเป็นสัจธรรมเสียจริง”
จี้เทียนซิงไม่ใช่คนใจแคบ
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ยึดติดต่อเรื่องเล็กน้อยพวกนี้
อี้โม่และซื่อจิงเฉิงไม่ได้มีความเกลียดชังอันใดที่ล้ำลึกจนถึงขั้นอยู่ร่วมโลกกับเขาไม่ได้
มันเป็นเพียงการเหม็นขี้หน้าชิงดีชิงเด่นและพิพาทกันทางวาจาก็เท่านั้น
ในเมื่อพวกมันยอมบากหน้าลดศักดิ์ศรีมาขอขมาด้วยความจริงใจ
เขาก็ไม่ได้คิดมากอันใดและตัดสินใจจะลืมเรื่องในอดีตทิ้งไปซะ
“เอาเถอะ
พวกเจ้าทั้งสองไม่ได้กังวลให้มากความแล้ว ในอนาคตทุกคนจะยังคงเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันเช่นเดิม
พวกเรายังต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขและช่วยเหลือเกื้อกูลกันไปอีกนาน
เรื่องเล็กน้อยที่ผ่านมานั้นข้าไม่ได้ติดใจอะไรแล้วจริงๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดของจี้เทียนซิง
ทั้งซื่อจิงเฉิงและอี้โม่ก็เผยรอยยิ้มด้วยความโล่งอกในที่สุด
พวกมันพูดคุยกับจี้เทียนซิงอยู่พักหนึ่งก่อนจะมอบผลไม้วิญญาณและโอสถฟื้นฟูหลายเม็ดก่อนจะอำลาจากไปด้วยความเบิกบาน
หลังจากส่งทั้งสองกลับไป
จี้เทียนซิงก็นั่งอยู่ในห้องพักใหญ่ๆจนกระทั่งถึงตอนเที่ยงก็ไม่มีใครมาเยี่ยมอีก ดังนั้นเขาจึงเข้าไปในห้องลับ
เขาหยิบแหวนมิติสีดำที่หยุนเหยานำมาให้และศึกษาอยู่ครู่หนึ่งเพื่อหาวิธีใช้งานมัน
พื้นที่ในแหวนวงนี้เป็นมิติแยกเช่นเดียวกับถุงมิติที่เขาได้มาจากบิดา
มันมีขนาดใหญ่เท่ากับห้องๆหนึ่ง
แต่ในทางตรงกันข้าม
แหวนมิตินั้นมีข้อดีมากกว่าก็คือพกพาสะดวก ดังนั้นจี้เทียนซิงจึงใช้สัมผัสญาณในการแสดงความเป็นเจ้าของแหวนมิติ
จากนั้นก็นำโอสถและของขวัญที่ผู้คนมอบให้
ใส่ไปในแหวนเพื่อรวดเร็วในการหยิบฉวยและเข้าถึงมัน
ส่วนจิ้งจอกน้ำแข็งตัวน้อยกับมังกรดำตัวน้อยนั้น
เขายังคงให้พวกมันอยู่ในถุงมิติและยกให้เป็นรังส่วนตัวของพวกมันไปเลย
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved