ค่ำคืนแห่งการล่า
ราตรีย่างกราย
จี้เทียนซิงปีนขึ้นไปบนเนินเขาของภูเขาอู๋หยาและอยู่ในป่าทึบ
ทั่วบริเวณรอบๆเต็มไปด้วยเสียงของสัตว์ป่าอย่างต่อเนื่องและมักจะได้ยินเสียงของกิ่งไม้ใบหญ้าที่ดังกร๊อบแกร๊บตลอดเวลา
เขารู้ดีว่าสัตว์ร้ายที่ยึดครองดินแดนอยู่บนภูเขาเริ่มให้ออกหากิน
ตอนกลางคืนบนภูเขาอู๋หยานั้นเป็นดั่งสรวงสวรรค์สำหรับสัตว์ทุกชนิดซึ่งเป็นพื้นที่อันตรายสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์
จี้เทียนซิงเดินผ่านป่าทึบ
เขาไม่เพียงแค่ต้องคอยระวังการโจมตีจากเหล่าสัตว์ร้าย แต่ยังต้องคอยระวังสัตว์มีพิษตามต้นไม้กิ่งไม้อีกด้วย
เขานึกย้อนไปถึงประสบการณ์ในช่วงที่ออกค้นหาดอกไม้ดาราแดงบนเทือกเขาเย่
ช่วงนั้นเขายังไม่ฟื้นฟูพลังกลับคืนมาและมีพลังเท่าสามัญชนในระดับปรับแต่งกายาเท่านั้น
เขาต้องประสบกับการโจมตีของสัตว์อสูรจำนวนมากจนแทบจะดับดิ้นอยู่หลายครั้งหลายคราทีเดียว
หลายเดือนผ่านไป
เขาก็ต้องมาผจญภัยในภูเขาที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้เขาไม่เป็นกังวลอีกแล้ว
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน
เขาสามารถเพิกเฉยต่อสัตว์อสูรระดับต่ำและกลาง มีเพียงสัตว์อสูรระดับสูงเท่านั้นที่สามารถคุกคามเขาได้
ทันใดนั้นเองก็มีสัตว์ร้ายตัวหนึ่งนอนขดอยู่ในป่าไม่ไกล
จี้เทียนซิงจ้องมองมันผ่านความมืดและได้เห็นดวงตาสีเขียวอันก้าวร้าวคู่หนึ่ง
ลูกตาสีเขียวคู่นั้นกำลังจ้องมองมาที่เขา
เผยให้เห็นความเยือกเย็นและดุร้ายกระหายเลือด
“เหอๆ ระหว่างทางข้าเจอสัตว์อสูรเป็นสิบๆตัว
ซึ่งพวกมันต่างก็หลบหนีไม่ก็ซ่อนตัว
มิคาดว่าเจ้าสัตว์อสูรตัวนี้กลับกล้าจ้องมองข้าซะงั้น !”
จี้เทียนซิงแค่นเสียงพลางกุมกระบี่มังกรดำ
หลังจากนั้นไม่นานสัตว์อสูรที่อยู่เบื้องหน้าก็ไม่สามารถระงับความกระหายเลือดได้
มันคำรามเสียงต่ำและพุ่งดิ่งมาเหมือนระเบิด
เมื่อมันมาใกล้
จี้เทียนซิงก็เห็นรูปลักษณ์ของมันได้ชัดเจนขึ้น
มันคือหมาป่าวายุซึ่งนับว่าเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งชนิดหนึ่ง มันรวดเร็วและดุร้ายมาก
อุปนิสัยชอบลงมือเพียงลำพัง
ความแข็งแกร่งของมันเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณแท้ขั้นที่หก
“ฟุ่บ !”
หมาป่าวายุพุ่งผ่านความมืดมิดมาถึงด้านหน้าจี้เทียนซิง
จากนั้นก็ทะยานเข้าโจมตี มันมีขนาดใหญ่ถึงสี่เมตรและนำมาซึ่งกลิ่นอายดุร้ายน่าเกรงขาม
เป้าหมายของมันคือลำคอของเขานั่นเอง
จี้เทียนซิงไม่ได้หลบเลี่ยง
ดวงตาจ้องมองหมาป่าวายุอย่างเฉยชาจนกระทั่งมันเข้ามาใกล้เขาก็ชักกระบี่มังกรดำออกจากฝัก
“เช้ง !”
เสียงกระบี่อันกริบที่พ้นจากฝักดังเสียดแก้วหูและเปล่งแสงอันเยือกเย็นออกมา
มันหอบพัดเอาพลังอันรุนแรงเข้าใส่หมาป่าวายุทันที
หมาป่าวายุเพิ่งตระหนักได้ถึงพลังอันน่าเกรงขามและกลิ่นอายของกระบี่มังกรดำ
ทันใดนั้นดวงตาของมันก็ตื่นตระหนกตกใจ
แต่ทว่ามันกำลังอยู่กลางอากาศและเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยง
"ฉัวะ !"
เมื่อเสียงคมกระบี่แทรกเข้าเนื้อหนังดังขึ้น
คลื่นกระบี่สามเมตรก็ผ่าร่างของหมาป่าวายุออกเป็นสองซีกในพริบตา
มันยังไม่ทันจะได้ส่งเสียงกรีดร้องก็ร่วงหล่นเข้าไปในพงหญ้าในระยะไกลและโลหิตสีแดงชาดก็พรมผืนหญ้าในบริเวณนั้นไปทั่ว
จี้เทียนซิงสอดกระบี่คืนฝักด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ด้วยพลังของเขาตอนนี้ สัตว์อสูรทั่วไปก็เปรียบดั่งไก่ป่วยๆตัวหนึ่ง
จากนั้นเขาเดินไกลออกไปร้อยก้าวก็กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้และรอคอยอย่างเงียบงัน เขาต้องการใช้ศพและกลิ่นคาวเลือดที่ลอยไปตามสายลมของหมาป่าวายุเป็นเหยื่อล่อสัตว์อสูรตัวอื่นๆ
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
ป่าบนภูเขาอันเงียบสงบเริ่มมีเสียงฝีเท้าของสัตว์ร้าย ในไม่ช้าสัตว์อสูรตัวหนึ่งที่ได้กลิ่นคาวเลือดก็เริ่มเข้ามาใกล้ร่างของหมาป่าวายุ
มันคือเสือเพลิงแดงสามหัวตัวหนึ่ง
เมื่อมาถึงมันก็มองไปมองมารอบๆเพื่อตรวจสอบให้แน่ว่าไม่มีอันตรายอยู่ใกล้ๆ
จากนั้นมันก็อ้าปากกว้างและกลืนกินศพของหมาป่าวายุเข้าไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ
ศพสองซีกของหมาป่าวายุก็ถูกกลืนจนหมดสิ้น
และเสือเพลิงแดงสามหัวก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าสัตว์อสูรหลายตัวจะมาในช่วงเวลาใกล้ๆกัน
แต่ทว่าพวกมันล้วนล่าเหยื่อเพียงลำพัง ทันทีที่พวกมันเห็นการปรากฏตัวของเสือเพลิงแดงสามหัว
พวกมันก็แฝงตัวอยู่ในความมืดและไม่กล้าที่จะปรากฏตัว ไม่ก็ล่าถอยไปอย่างเงียบๆ
จี้เทียนซิงซ่อนตัวอยู่บนยอดไม้สูงตระหง่านและเห็นกระบวนการของพวกมันทั้งหมด เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกผิดหวัง
“สัตว์อสูรพวกนี้กินศพเร็วเกินไป
ส่วนตัวอื่นๆที่ด้อยกว่าก็ระแวดระวังเป็นอย่างมาก
ดูท่าว่าการใช้ศพเป็นเหยื่อล่อคงไม่เข้าท่าเสียแล้ว... ข้าต้องหาวิธีอื่น”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วและครุ่นคิดแผนการ
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเข็มทิศสื่อวิญญาณดาราที่เก็บไว้ในแหวนมิติ
มันเป็นสมบัติจากบรรพบุรุษตระกูลจี้ที่บิดาของเขามอบให้มันตอนไปตามหาดอกไม้ดาราแดงบนเทือกเขาเย่ เมื่อตอนที่จี้ชางคงมอบสิ่งนี้มาให้
เขาบอกว่าเข็มทิศสื่อวิญญาณดาราสามารถใช้สำรวจชีพจรวิญญาณ, สมบัติหายากตลอดจนจับสัมผัสวิญญาณของสัตว์อสูรได้
ดังนั้นจี้เทียนซิงจึงพกมันติดต่อไว้ตลอดเวลาและไม่เคยหยิบมาใช้เลยนับตั้งแต่ได้รับดอกไม้ดาราแดงเมื่อหลายเดือนก่อน
ตอนนี้เขาคิดจะทดลองใช้มันเพื่อสืบเสาะวิญญาณของสัตว์วิญญาณ
จี้เทียนซิงกระโดดลงจากยอดไม้และเดินเข้าไปในป่าทืบ
เขาวิ่งอย่างต่อเนื่องเข้าไปในป่าทึบของภูเขาอู๋หยา
เขาจับเข็มทิศสื่อวิญญาณดาราไว้ในมือซ้ายและทาบฝ่ามือขวากดทับลงไปบนนั้น
เพื่อใช้พลังปราณกระตุ้นการทำงานของข่ายอาคม
ซึ่งก่อนหน้านี้ตอนที่เขาใช้มันเพื่อตามหาดอกไม้ดาราแดง
เขามีพลังเพียงระดับปรับแต่งกายาเท่านั้นจึงไม่เข้าใจในความลึกลับของสมบัติชิ้นนี้
แน่นอนว่าย่อมไม่อาจใช้งานมันได้เต็มประสิทธิภาพ
ตอนนี้ต่างออกไป
จากความแข็งแกร่งและความสามารถทางด้านข่ายอาคม
เขาสามารถใช้งานคุณสมบัติทั้งหมดของมันได้ถึงเจ็ดส่วนแล้ว
จี้เทียนซิงเดินผ่านความมืดราวกับภูตผี
ส่วนเสี่ยวเฮยหลงก็กลับคืนร่างเป็นมังกรดำตัวเล็กและคอยติดตาม
มันพยายามเตือนให้เขาระวังรอบๆให้ดี
ระหว่างทางมีสัตว์อสูรจำนวนมากได้พบร่องรอยของจี้เทียนซิงและกระหายที่จะโจมตี
อย่างไรก็ตามพวกมันเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับต่ำถึงกลางเท่านั้น
ทันทีที่พวกมันเข้าใกล้ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเสี่ยวเฮยหลงและหวาดกลัวจนไม่กล้าแสดงตัวออกมา
หลังจากนั้นประมาณสองชั่วยาม
จี้เทียนซิงเดินทอดน่องเข้าไปในป่าเป็นระยะทางกว่า 30
ไมล์
ในที่สุดก็มาถึงส่วนลึกของภูเขาอู๋หยา
ในบริเวณนี้เขาได้พบกับสัตว์อสูรนับสิบๆตัว
แต่ก็ยังไม่มีสัตว์อสูรตัวใดที่กล้าโจมตีเขาก่อน
ทันใดนั้น
เข็มทิศสื่อวิญญาณดาราก็มีปฏิกิริยาตอบสนองและสว่างขึ้นเป็นสีเงินจางๆ
“ในที่สุดก็พบกลิ่นอายของสัตว์วิญญาณแล้ว !”
ดวงตาของจี้เทียนซิงเผยให้เห็นความยินดี
เขาจ้องมองไปที่เส้นสายและรูปแบบที่ปรากฏบนเข็มทิศอย่างรวดเร็ว
หลังจากสังเกตอย่างถี่ถ้วนและจดจำตำแหน่งได้แล้ว
เขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งพบเป้าหมายที่เชิงเขาอีกฝั่งหนึ่ง
ทันทีที่เขาเข้าใกล้
ต่อให้ไม่ต้องใช้เข็มทิศเขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงคลื่นรัศมีพลังของสัตว์วิญญาณที่อยู่ลึกเข้าไปในหลุมแห่งหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่ามีสัตว์วิญญาณอยู่ภายในหลุม
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved