ตอนที่ 327 ชั้นสูงสุดของหอคอยเจ็ดดาว

ใช้ฟ้าดินเป็นดั่งข่ายอาคมคือวิถีที่ใกล้เคียงกับเทพเจ้า

มันช่างยากเย็นยิ่งที่จะทำลายการก่อตัวของข่ายอาคมระดับเทพเพื่อหาทางออกขึ้นสู่ด้านบนสุดของหอคอยเจ็ดดาว

หากไร้ซึ่งความสำเร็จอันยอดเยี่ยมของศาสตร์แห่งข่ายอาคม

หากปราศจากมุมมองที่กว้างใหญ่และสติปัญญาเหนือคน

มันยากที่จะมองผ่านการก่อตัวนี้

ด้วยเหตุนี้จึงไม่เคยมีศิษย์สาวกคนใดนอกจากหยุนเหยาที่สามารถทะลวงผ่านไปจนถึงยอดหอคอยเจ็ดดาวได้มาก่อน

จี้เทียนซิงเข้าใจในเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่กังวลและหวั่นไหว

ทักษะในศาสตร์แห่งข่ายอาคมของเขาเปรียบได้กับของปรมาจารย์ผู้หนึ่ง

อีกทั้งประสบการณ์และวิสัยทัศน์ก็จัดว่าสูงมาก ติดอยู่แค่เพียงระดับพลังบ่มเพาะของเขานั้นยังไม่ถึงขอบเขตปราณโอสถ

เฉียนเยวี่ยพาชายหนุ่มขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นเวลากว่าหนึ่งวันเต็มและพาเขาบินวนไปทั่ว

ด้วยวิธีการนี้ ทุ่งหญ้าและพื้นดินนับพันไมล์, ยอดเขาหลายสิบแห่งและทะเลสาบทั้งสองแห่งได้ประทับภาพอยู่ในใจของเขา

โลกในรัศมีหลายพันไมล์เหนือท้องฟ้าหดหายกลายเป็นภาพในใจเหมือนแผนที่ขนาดย่อมๆ

เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนยอดเขา ปิดตาลงนั่งสมาธิและวิเคราะห์แผนที่ขนาดย่อมๆในใจอย่างเงียบงันเพื่อคิดคำนวณหาวิธีในการทำลายมัน

เมื่อเวลาผ่านไป ดวงดาวเหนือท้องฟ้าก็เริ่มเคลื่อนไหว

ในไม่ช้าอีกสองวันได้ผ่านพ้นไป

เขาสรุปแผนที่ขนาดย่อมภายในใจนับพันครั้ง และหลังจากการคาดการณ์ได้พอสังเขปจากการคำนวณซ้ำๆ

ในที่สุดเขาก็พบวิธีที่จะทลายมัน

"ข่ายอาคมมหึมาที่ก่อตัวจากฟ้าดินครอบโลกทั้งใบนี้

มียอดเขาทั้งหมดเจ็ดร้อยสี่สิบเก้าลูก มีทะเลสาบทั้งสองฟากข้าง

ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก...."

"มันมีทั้งข่ายอาคมเก้าวิหารและอาคมเจ็ดดาว

นอกจากนี้ยังมีอาคมสี่มังกรและอื่นๆ...  เช่นนั้นข้าควรจะเริ่มทำลายอาคมเจ็ดดาว, หลิวเหอและสามขุนเขาเพื่อแยกความแตกต่างของพวกมัน...”

หลังจากคิดแผนได้เช่นนี้

จี้เทียนซิงก็ขึ้นขี่หลังเฉียนเยวี่ยบินสู่ท้องฟ้ามุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

สองชั่วโมงต่อมา เขาก็มาถึงภูเขาสูงถึงพันฟุตและเริ่มร่ายข่ายอาคมขึ้น เขาใช้เวลาตลอดทั้งวันในการสร้างข่ายอาคมขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมภูเขาทั้งลูก

ข่ายอาคมขนาดใหญ่ชักนำรัศมีพลังฟ้าดินจากทุกทิศทาง

รวบรวมเป็นพลังอันยิ่งใหญ่และเปลี่ยนรูปแบบการก่อตัวของข่ายอาคมเดิมบนยอดเขา

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น

ภูเขาสูงตระหง่านกว่าหลายพันฟุตและครอบคลุมพื้นที่ห้าสิบไมล์ได้เคลื่อนตัวช้าๆ

มันคลื่นตัวผ่านทุ่งหญ้าจนเกิดเสียงดัง ‘ครืน ครืน’ และย้ายตัวมันเองไปทางตะวันออกประมาณหนึ่งร้อยเมตรก่อนที่จะหยุดลง

ถึงแม้ว่ามันจะขยับไปเพียงร้อยเมตร ซึ่งจากระยะทางเพียงเท่านี้

มิได้สลักสำคัญอะไรหากเทียบกับขนาดอันมหึมาของมัน

อย่างไรก็ตาม หากคิดอย่างจริงจัง

การที่ภูเขาใหญ่กว่าพันฟุตสามารถขยับเคลื่อนไปไกลหลายร้อยเมตรได้เช่นนี้

เกิดขึ้นง่ายๆได้อย่างไร ?

ไม่ต้องพูดถึงยอดยุทธ์ในขอบเขตปราณจิต

ต่อให้เป็นผู้ที่มีพลังในขอบเขตปราณโอสถก็ไม่มีวันทำได้ !

มีเพียงใช้วิธีการก่อตัวของข่ายอาคมและพลังฟ้าดินที่มองไม่เห็นเท่านั้นจึงจะสามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้

!

เมื่อเห็นได้เห็นภูเขาสูงขยับออกไปร้อนเมตร

จี้เทียนซิงก็ผุดรอยยิ้มอย่างโล่งอก

ต่อมาเขาขี่เฉียนเยวี่ยขึ้นไปบนท้องฟ้า จนได้มองเห็นโลกจากที่สูง

มองเห็นการเคลื่อนไหวของภูเขาโดยรอบ

"ข้าได้วางข่ายอาคมไว้บนยอดเขาสูง

จนทำให้มันเขยื้อนเคลื่อนไหวออกไป ผลที่ตามมาจะทำให้ทั้งหมดเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่"

"เมื่อถึงตอนนั้น ยอดเขาทางตะวันออกก็สมควรเปลี่ยนแปลง......"

ขณะที่พูด

ด้วยรูปลักษณ์ที่คาดหวังเขามองไปทางตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์

แน่นอนว่าภูเขาสูงพันฟุตก็เริ่มสั่นสะเทือนและส่งเสียงดัง

"ครืน" จากนั้นก็เริ่มเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ

หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งร้อยอึดใจ

ยอดเขาสูงขยับไปหนึ่งร้อยเมตรก่อนจะหยุดลง

จี้เทียนซิงมองไปทางตะวันออกเฉียงใต้อีกครั้งพลางกระซิบแผ่วเบาว่า

“ยอดเขาขยับแล้ว..."

คำพูดของเขาเป็นเหมือนเจตจำนงของสวรรค์

ราวกับว่าเขาสามารถใช้พลังฟ้าดินเคลื่อนคล้อยสวรรค์โลกาและย้ายภูเขาทั้งสามลูกได้

เมื่อสิ้นเสียงของเขา ภูเขาทางตะวันออกเฉียงใต้ก็เริ่มขยับตัว

จนกระทั่งไม่กี่ชั่วโมงต่อมา

ยอดเขาสูงกว่าพันฟุตมากกว่าสี่สิบลูกได้ถูกพลังฟ้าดินผลักออกไปจนเคลื่อนที่จากจุดเดิมกว่าหนึ่งร้อยเมตรบนทุ่งหญ้า

ในที่สุด แม้แต่ทะเลสาบที่เหมือนไข่มุกทั้งสองแห่งก็เริ่มขยับตำแหน่งของมันอย่างน่าอัศจรรย์

จี้เทียนซิงเคลื่อนย้ายภูเขาลูกใหญ่ด้วยพลังของข่ายอาคม

แต่มันทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อข่ายอาคมขนาดมหึมาที่ครอบโลกใบนี้

มันทำให้ทะเลสาบและภูเขาแต่ละลูกถูกย้ายตำแหน่ง

ฉากที่น่ามหัศจรรย์นี้ทำให้ทั้งเฉียนเยวี่ยและเสี่ยวเฮยหลงได้เปิดหูเปิดตา

พวกมันชื่นชมในความสามารถของจี้เทียนซิงเป็นอย่างมาก

เมื่อเปรียบเทียบกับโลกใบนี้ที่มีขนาดกว้างใหญ่หลายพันไมล์

จี้เทียนซิงนั้นเล็กราวกับฝุ่นผง

อย่างไรก็ตาม เขาเปลี่ยนรูปแบบของฟ้าดินบนโลกใบนี้ด้วยวิถีแห่งข่ายอาคมอันลึกลับและทรงพลัง

โลกอันกว้างใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า เป็นเหมือนกระดานหมากรุกที่อยู่ภายใต้คำสั่งและการเคลื่อนไหวของเขา

วิธีการเฉกเช่นนี้ราวกับเทพเจ้า !

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เข้าถึงเวลากลางดึกและการเปลี่ยนแปลงสะท้านทั้งหลายก็เริ่มหยุดลงในที่สุด

ในใจกลางของทุ่งหญ้ารกร้าง ระหว่างภูเขาสูงตระหง่านเสียดฟ้าสองลูก, ท้องฟ้าเหนือเวหายามราตรีได้ส่องแสงสีขาวอันพร่างพราวออกมาอย่างฉับพลัน

แสงสีขาวสว่างจ้าเกิดการควบแน่นเป็นรูขนาดใหญ่บนท้องฟ้า

รูนั้นราวกับกระแสน้ำวนที่ดำสนิทราวกับน้ำหมึกจนมิอาจมองเห็นสิ่งใด

แต่จี้เทียนซิงรับรู้ได้ว่ากระแสน้ำวนนี้เป็นทางผ่านจากโลกชั้นที่หกไปสู่จุดสูงสุดของหอคคอยเจ็ดดาว

!

ในดวงตาของเขาปรากฏรอยยิ้มโล่งอก

จากนั้นเขาก็สั่งให้เฉียนเยวี่ยบินเข้าไปในนั้นทันที

"วู้ม !"

แสงสีขาวเหนือกระแสน้ำวนได้กลืนร่างของเขาเข้าไป

วินาทีต่อมา กระแสน้ำวนแสงสีขาวก็หายไปในทันใดและท้องฟ้ายามค่ำคืนก็กลับสู่ความมืดมิดเช่นเดิมราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเคยปรากฏขึ้นมาก่อน

………….

จี้เทียนซิงได้ผ่านเข้าสู่โลกชั้นที่เจ็ดของหอคอยเจ็ดดาวสำเร็จ

"วาบ !"

ด้วยแสงสว่างที่ปรากฏขึ้นสายหนึ่ง

เงาร่างของจี้เทียนซิงโผล่ออกมาจากอากาศเบาบางและลงบนพื้นสีดำ

พื้นที่รอบๆมีความกว้างสิบไมล์ ถูกปูด้วยหินชนวนสีดำโบราณนับไม่ถ้วนและยังมีร่องลึกที่สลักอยู่บนพื้น

ลำห้วยนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นเป็นเส้นสายที่หนาแน่นผสานกันเป็นลวดลายอันลึกลับขนาดใหญ่

จี้เทียนซิงมองออกได้ในทันที

แผ่นพื้นหินสีดำใต้ฝ่าเท้าของเขาคือข่ายอาคมขนาดใหญ่ชุดหนึ่ง

รอบนอกของพื้นหินสีดำเป็นทะเลเมฆสีขาวที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา

ราวกับว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด

จี้เทียนซิงเดินไปที่ขอบของข่ายอาคมและเพ่งสายตามองลึกเข้าไปในทะเลเมฆ

แต่เขาก็มิอาจพบเห็นสิ่งใดที่อยู่ใต้นั้นแม้แต่น้อย

เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและได้เห็นท้องฟ้าที่แจ่มจรัสอันกว้างใหญ่อยู่เหนือศีรษะ

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวสลัว

มีจำนวนนับหมื่นพันดวงก่อตัวขึ้นเป็นกลุ่มดาวอันลึกลับงดงาม

ดวงดาวนับไม่ถ้วนส่องสว่างไปด้วยแสงสีเงินระยิบระยับที่โรยลงมาบนข่ายอาคมสีดำ

ทำให้เส้นสายและลวดลายบนอาคมกระพริบไปด้วยแสงอันพร่ามัว

"นี่คือชั้นบนสุดของหอคอยเจ็ดดาว !"

"ไม่ผิดแน่

จากที่ศิษย์พี่ใหญ่เคยกล่าวไว้ นี่คือสถานที่ที่ใกล้เคียงกับหมู่ดาวมากที่สุด !"

จี้เทียนซิงแหงนหน้ามองหมู่ดาวอันเงียบสงัด

จับจ้องมองหาดวงดาวสีแดงซีดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

จากนั้นรอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นกล่าวว่า

"เค่อเค่อ

ในที่สุดข้าก็มาถึงยอดหอคอยเจ็ดดาวแล้ว !”

"ข้าเห็นแล้ว

ดวงดาวสีแดงที่เปล่งประกายตรงนั้นคือดาวขั้วโลกแดง

ข้าจะนำเจ้าและโลงหยกวิญญาณวางไว้ที่นี่

เจ้าจะได้ใช้พลังของมันปรับแต่งและเพิ่มพลังของสายเลือด"