จิ้งจอกผู้หิวโหย
หลังจากกำจัดจี้ชางคงและ
5 สมาชิกตระกูลจี้
ปัญหาภายในของตระกูลก็นับว่าถูกขจัดสิ้นในที่สุด
จี้เทียนซิงล้างแค้นให้ตนเองและบิดาได้สำเร็จและจัดการภาระหน้าที่ตามที่บิดาได้มอบหมายเสร็จสิ้น
นอกจากนี้ยังช่วยสะสางปัญหาเรื่องรากฐานความมั่นคงของตระกูลที่คาราคาซังมานับศตวรรษ
!
แน่นอนว่าการกวาดล้างครั้งใหญ่ขนาดนี้และการสูญเสียอาวุโสใหญ่ทั้งสองคนย่อมทำให้ฐานอำนาจและธุรกิจภายในตระกูลได้รับผลกระทบอยู่บ้าง
เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จี้เทียนซิงพอจะไว้ใจและฝากฝังเรื่องราวในตระกูลไว้ได้
ซึ่งก็มีเพียงหอเงากระบี่และสมาชิกนอกรัฐอีก 4 คน
จี้เทียนซิงต้องทำหน้าที่ประมุขของเขาอย่างแข็งขันในทุกๆวันเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจการค้าและโรงหลอมกระบี่ของตระกูล
เขาวางแผนที่จะทำให้ธุรกิจของตระกูลจี้กลับมายิ่งใหญ่และเป็นกำลังสำคัญในอนาคต
..........
ผ่านไปสามวันโดยไม่รู้ตัว
ในช่วงสามวันมานี้เขายุ่งมากทุกวัน
เขาส่งเสริมและเลื่อนขั้นผู้บริหารคนใหม่หลายคนที่มีความน่าเชื่อถือ, วางแผนและวางกฏระเบียบใหม่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลจี้ ซึ่งท้ายที่สุดก็ทำให้ความวุ่นวายปั่นป่วนภายในเริ่มอยู่ตัว
จากการประเมินคร่าวๆ
เขาคาดว่าผ่านไปประมาณหนึ่งเดือนทุกสิ่งทุกอย่างภายในตระกูลจะกลับมาเป็นปกติ
เช้าตรู่ของวันต่อมา
จี้เทียนซิงชำระล้างร่างกายหลังตื่นนอน เสียงของฮวนเอ๋อก็ดังออกมาจากหน้าประตูห้อง
“คุณชายใหญ่คะ นายท่านเพิ่งออกจากห้องลับและเรียกให้ท่านเข้าพบ”
“อืม ประเดี๋ยวข้าจะไปพบท่าน” จี้เทียนซิงตอบรับและออกจากห้องไปยังบ้านของบิดา
เมื่อมาถึงลานกว้างและเดินเข้าไปในห้อง
จี้เทียนซิงก็เห็นบิดานั่งอยู่บนเตียงและกำลังสนทนากับมู่ซานเงียบๆ
ทันทีที่เห็นบุตรชาย
จี้ชางคงก็เผยยิ้มและกวักมือเรียก “เทียนซิง
เจ้ามาแล้ว !"
เมื่อเห็นการฟื้นตัวและอารมณ์ที่ดูสดใสของบิดา
จี้เทียนซิงก็รู้สึกเบาใจขึ้นเล็กน้อย เขากล่าวทักทายบิดาอย่างรวดเร็ว “ท่านพ่อ อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง”
จี้ชางคงผงกหัวเล็กน้อยและกล่าวว่า
“พิษได้ถูกขจัดไปหมดแล้ว ส่วนอาการบาดเจ็บก็คงที่
นับจากนี้ไปคงไม่มีปัญหาอะไร”
จี้เทียนซิงรู้สึกโล่งใจและกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“ท่านพ่อ ในระหว่างที่ท่านเก็บตัวฟื้นฟู
ช่วงสองสามวันมานี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายนักภายในตระกูล ข้าจะค่อยๆเล่าให้ท่านฟัง ... ”
จี้ชางคงส่ายหัวและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เทียนซิง เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมู่ซานเล่าให้พ่อฟังหมดแล้ว”
“ถึงแม้จะหวังไว้ลึกๆ
แต่พ่อก็ยังคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะฟื้นคืนพลังยุทธ์ทั้งหมดกลับมาได้จริงๆ
เจ้าทำลายค่ายกลที่ไม่มีผู้ใดทำลายได้
อีกทั้งยังได้อันดับหนึ่งในการคัดเลือกเข้านิกายอีกด้วย เยี่ยมมาก !”
"ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ทำให้พ่อผิดหวัง
ด้วยความสามารถของเจ้า ย่อมทำให้รากฐานเก่าแก่ตระกูลจี้มั่นคงยิ่งกว่าเดิมและเป็นที่โจษจันไปทั่วอาณาจักร
!”
อดพูดไม่ได้ว่า
อารมณ์ของจี้ชางคงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี เลือดลมเดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น
บุตรชายของมันได้ผ่านการทดสอบเข้ารับตำแหน่งของตระกูลในพื้นที่ต้องห้าม
เท่านั้นยังไม่พอ ในการประลองคัดเลือกก็ได้อันดับที่หนึ่งจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วรัฐนภากระจ่าง
มีบุตรที่เชิดหน้าชูตาเช่นนี้
มันจะไม่ตื้นตันและรู้สึกภูมิใจได้อย่างไรในฐานะบิดา !
นอกจากนี้จี้เทียนซิงยังสามารถควบคุมปัญหาภายในตระกูลได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทั้งที่มีอายุเพียง
17 ปีเท่านั้น
ทั้งหมดนี้ทำให้จี้ชางคงรู้สึกเหลือเชื่อ
!
เมื่อเห็นสีหน้าของบิดาที่แดงก่ำและเต็มไปด้วยอารมณ์
จี้เทียนซิงผุดยิ้มบางและกล่าวย้ำด้วยความเป็นห่วงว่า “ท่านพ่อ ถึงแม้ข้าจะจัดการภัยร้ายทั้งหมดในตระกูลได้
แต่ธุรกิจของตระกูลย่อมปั่นป่วนวุ่นวายเป็นเงาตามตัว ดังนั้นช่วงนี้ข้าจึงได้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งและแผนงาน
คาดว่าทุกอย่างคงเป็นปกติภายในเดือนสองเดือน"
“ท่านต้องกลับมาเป็นเสาหลักของตระกูลจี้ต่อไป
ช่วงนี้ท่านควรพักผ่อนให้มากๆและรักษาตัวเพื่อฟื้นฟูให้เร็วที่สุด !”
จี้ชางคงโบกมือและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“เทียนซิง
เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องอาการบาดเจ็บของพ่อหรอก พ่อจัดการมันได้"
“พ่อรู้ว่าเจ้าคิดจะก้าวไปสู่จุดสูงสุดของมรรคายุทธ์และเป้าหมายของเจ้าก็คือเข้าสู่นิกายหนุนสวรรค์ให้ได้ ดังนั้นเรื่องอื่นๆเจ้าไม่ต้องกังวลให้มากความ
จงฝึกฝนอย่างตั้งใจที่นิกายเถิด”
“หลังจากเจ้าไปแล้ว
พ่อจะกลับมาจัดการทุกอย่างในตระกูลเอง เรื่องเล็กน้อยอย่าได้เก็บมาคิดให้ว้าวุ่น”
ถึงแม้บิดาจะปลอบใจ
แต่จี้เทียนซิงก็ยังเป็นกังวลอยู่ เขากล่าวว่า “แต่ว่าท่านพ่อ
อาการบาดเจ็บของท่านยังไม่หายสนิท หากข้าไม่อยู่แล้วตระกูลหลิงหวนกลับมาหาเรื่อง
ท่านจะทำอย่างไรเล่า ?”
ชี้ชางคงชี้ไปที่มู่ซานที่ยืนข้างๆและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“ข้าได้แจ้งมู่ซานให้เรียกยอดฝีมือทั้ง 16
ของหอเงากระบี่กลับมาคุ้มครองตระกูลจี้แล้ว
ด้วยพลังยุทธ์ของมู่ซานและยอดฝีมือที่เหลือ ตระกูลหลิงไม่กล้าลงมือแน่นอน”
จี้เทียนซิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า “เข้าใจแล้วท่านพ่อ งั้นข้าจะกลับบ้านไปเตรียมตัวก่อน อีก 5
วันให้หลังข้าจะออกเดินทางไปนิกายหนุนสวรรค์”
หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดและส่งมอบภารกิจในตระกูล
จี้เทียนซิงก็สนทนาเรื่อบเปื่อยกับบิดาอีกเล็กน้อย จากนั้นก็ล่าถอยออกไป
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
ชายหนุ่มก็กลับมาที่จวนของตัวเอง ในขณะที่เขาเดินไปที่ประตูห้องก็ได้ยินเสียงต่ำสองเสียงดังมาจากข้างใน
“เหอะ ! เหล่าจี้ทำตัวใช้การไม่ได้เสียจริง
ช่วงนี้เอาแต่สนใจเรื่องราวในตระกูลจี้จนไม่มีเวลาหาข้าวหาปลาให้ข้ากิน ดูซิ
ข้าต้องทำตัวเป็นโจรลักเล็กขโมยน้อย หาอาหารกินเอง ”
แน่นอน
เสียงนี้ย่อมเป็นของเฉียนเยวี่ย...
“ถูกต้องอย่างที่เจ้าพูด ! ไม่กี่วันก่อนข้าอุตส่าห์ช่วยมันสู้จนสิ้นพลังลมปราณไปไม่น้อย ร่างกายของข้าอ่อนแอลงมาก
ข้าต้องการสารอาหารฟื้นฟูพละกำลัง…”
เสียงนี้จี้เทียนซิงย่อมคุ้นเคย
มันเป็นเสียงของเสี่ยวเฮยหลง (มังกรดำตัวน้อย)
“เฮ้ย ! เสี่ยวเฮยหลงอย่าเนียนเซ่
เจ้ากินไวเกินไปแล้ว เหลือให้ข้าบ้าง !”
เสียงของเฉียนเยวี่ยดังอู้อี้ขึ้นอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าในปากของมันมีอาหารอยู่เต็มไปหมด
จี้เทียนซิงนวดหว่างคิ้วและผลักเปิดประตูเข้าไปทันที
ภาพที่เห็นคือ
โต๊ะกลมในห้องนั้นเต็มไปด้วยอาหารท่าทางน่าอร่อย
มันเต็มไปด้วยอาหารหลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นผลไม้สดและอาหารรสเลิศ มีทั้งไก่ย่าง เป็ดย่าง
เนื้อแกะย่างวางซ้อนกันเป็นเนินเหมือนภูเขาลูกน้อย
กรงเล็บน้อยๆของเฉียนเยวี่ยและเสี่ยวเฮยหลงจิกทึ้งอาหารเหล่านั้นและกินดื่มไม่หยุด
ในขณะที่จี้เทียนซิงเดินเข้ามาในห้อง
เฉียนเยวี่ยก็กางกรงเล็บน้อยๆของมันเพื่อแย่งไก่ย่างจากเสี่ยวเฮยหลง
เมื่อทั้งสองได้ยินเสียงเปิดประตู
พวกมันก็หยุดการแก่งแย่งและหันขวับไปมองที่ประตู
จี้เทียนซิงจ้องมองพวกมันอย่างเหนื่อยหน่ายใจและกล่าวด้วยความผิดหวังว่า
“เหอะ... พวกเจ้าขโมยอาหารของข้ากินอีกแล้ว !”
อึก.....
เสี่ยวเฮยหลงกลืนน่องไก่ลงคออย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็กลายร่างเป็นกระบี่มังกรดำมุดเข้าไปในฝักกระบี่ที่แขวนอยู่ข้างกำแพงทันที
เฉียนเยวี่ยเช็ดปากที่มันแผลบและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“เหล่าจี้อย่าเพิ่งมีโทสะ ! ข้าไม่ได้ตั้งใจขโมยกินนะ”
มันหันหน้าไปทางกระบี่มังกรดำที่แขวนอยู่และชี้โบ้ชี้เบ้พลางกล่าวอย่างมาดมั่นว่า
“ทั้งหมดเป็นความผิดของเสี่ยวเฮยหลง ! มันร่ำร้องว่าหิวโหยจนข้าสงสารเลยต้องไปขโมยอาหารในครัวมาให้มัน
!”
“มันบ่นอุบกับข้ามาหลายวันแล้วว่ามันช่วยเจ้าในการประลองวันนั้นจนสูญเสียพลังปราณไปมากโข
อีกทั้งยังเจ็บเอวเลยต้องหาอะไรกินเพื่อฟื้นฟูพลังอ่า....”
กระบี่มังกรดำที่แขวนอยู่ข้างกำแพงกวัดแกว่งไปมาหลายครั้งตามมาด้วยเสียงจางๆของเสี่ยวเฮยหลง
"ระยำ ! อย่าโยนเผือกร้อนมาให้ข้า
ข้าไม่รู้เรื่อง เป็นจิ้งจอกสารเลวตัวนั้นต่างหากที่หิวโหยแล้วไปขโมยมาเอง”
จี้เทียนซิงยกยิ้มมุมปากและเอ่ยขึ้นตัดบทพวกมันทันที
“สรุปว่าเป็นเพราะเฉียนเยวี่ยหิวโหย
กล่าวเช่นนี้รวบรัดและตรงประเด็นใช่หรือไม่ ?”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved