ตอนที่ 85

จิ้งจอกผู้หิวโหย

หลังจากกำจัดจี้ชางคงและ

5 สมาชิกตระกูลจี้

ปัญหาภายในของตระกูลก็นับว่าถูกขจัดสิ้นในที่สุด

จี้เทียนซิงล้างแค้นให้ตนเองและบิดาได้สำเร็จและจัดการภาระหน้าที่ตามที่บิดาได้มอบหมายเสร็จสิ้น

นอกจากนี้ยังช่วยสะสางปัญหาเรื่องรากฐานความมั่นคงของตระกูลที่คาราคาซังมานับศตวรรษ

!

แน่นอนว่าการกวาดล้างครั้งใหญ่ขนาดนี้และการสูญเสียอาวุโสใหญ่ทั้งสองคนย่อมทำให้ฐานอำนาจและธุรกิจภายในตระกูลได้รับผลกระทบอยู่บ้าง

เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จี้เทียนซิงพอจะไว้ใจและฝากฝังเรื่องราวในตระกูลไว้ได้

ซึ่งก็มีเพียงหอเงากระบี่และสมาชิกนอกรัฐอีก 4 คน

จี้เทียนซิงต้องทำหน้าที่ประมุขของเขาอย่างแข็งขันในทุกๆวันเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจการค้าและโรงหลอมกระบี่ของตระกูล

เขาวางแผนที่จะทำให้ธุรกิจของตระกูลจี้กลับมายิ่งใหญ่และเป็นกำลังสำคัญในอนาคต

..........

ผ่านไปสามวันโดยไม่รู้ตัว

ในช่วงสามวันมานี้เขายุ่งมากทุกวัน

เขาส่งเสริมและเลื่อนขั้นผู้บริหารคนใหม่หลายคนที่มีความน่าเชื่อถือ, วางแผนและวางกฏระเบียบใหม่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลจี้ ซึ่งท้ายที่สุดก็ทำให้ความวุ่นวายปั่นป่วนภายในเริ่มอยู่ตัว

จากการประเมินคร่าวๆ

เขาคาดว่าผ่านไปประมาณหนึ่งเดือนทุกสิ่งทุกอย่างภายในตระกูลจะกลับมาเป็นปกติ

เช้าตรู่ของวันต่อมา

จี้เทียนซิงชำระล้างร่างกายหลังตื่นนอน เสียงของฮวนเอ๋อก็ดังออกมาจากหน้าประตูห้อง

“คุณชายใหญ่คะ นายท่านเพิ่งออกจากห้องลับและเรียกให้ท่านเข้าพบ”

“อืม ประเดี๋ยวข้าจะไปพบท่าน”  จี้เทียนซิงตอบรับและออกจากห้องไปยังบ้านของบิดา

เมื่อมาถึงลานกว้างและเดินเข้าไปในห้อง

จี้เทียนซิงก็เห็นบิดานั่งอยู่บนเตียงและกำลังสนทนากับมู่ซานเงียบๆ

ทันทีที่เห็นบุตรชาย

จี้ชางคงก็เผยยิ้มและกวักมือเรียก “เทียนซิง

เจ้ามาแล้ว !"

เมื่อเห็นการฟื้นตัวและอารมณ์ที่ดูสดใสของบิดา

จี้เทียนซิงก็รู้สึกเบาใจขึ้นเล็กน้อย เขากล่าวทักทายบิดาอย่างรวดเร็ว “ท่านพ่อ อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง”

จี้ชางคงผงกหัวเล็กน้อยและกล่าวว่า

“พิษได้ถูกขจัดไปหมดแล้ว ส่วนอาการบาดเจ็บก็คงที่

นับจากนี้ไปคงไม่มีปัญหาอะไร”

จี้เทียนซิงรู้สึกโล่งใจและกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

“ท่านพ่อ ในระหว่างที่ท่านเก็บตัวฟื้นฟู

ช่วงสองสามวันมานี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายนักภายในตระกูล  ข้าจะค่อยๆเล่าให้ท่านฟัง ... ”

จี้ชางคงส่ายหัวและกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เทียนซิง เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมู่ซานเล่าให้พ่อฟังหมดแล้ว”

“ถึงแม้จะหวังไว้ลึกๆ

แต่พ่อก็ยังคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะฟื้นคืนพลังยุทธ์ทั้งหมดกลับมาได้จริงๆ

เจ้าทำลายค่ายกลที่ไม่มีผู้ใดทำลายได้

อีกทั้งยังได้อันดับหนึ่งในการคัดเลือกเข้านิกายอีกด้วย  เยี่ยมมาก !”

"ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ทำให้พ่อผิดหวัง

ด้วยความสามารถของเจ้า ย่อมทำให้รากฐานเก่าแก่ตระกูลจี้มั่นคงยิ่งกว่าเดิมและเป็นที่โจษจันไปทั่วอาณาจักร

!”

อดพูดไม่ได้ว่า

อารมณ์ของจี้ชางคงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี เลือดลมเดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น

บุตรชายของมันได้ผ่านการทดสอบเข้ารับตำแหน่งของตระกูลในพื้นที่ต้องห้าม

เท่านั้นยังไม่พอ ในการประลองคัดเลือกก็ได้อันดับที่หนึ่งจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วรัฐนภากระจ่าง

มีบุตรที่เชิดหน้าชูตาเช่นนี้

มันจะไม่ตื้นตันและรู้สึกภูมิใจได้อย่างไรในฐานะบิดา !

นอกจากนี้จี้เทียนซิงยังสามารถควบคุมปัญหาภายในตระกูลได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทั้งที่มีอายุเพียง

17 ปีเท่านั้น

ทั้งหมดนี้ทำให้จี้ชางคงรู้สึกเหลือเชื่อ

!

เมื่อเห็นสีหน้าของบิดาที่แดงก่ำและเต็มไปด้วยอารมณ์

จี้เทียนซิงผุดยิ้มบางและกล่าวย้ำด้วยความเป็นห่วงว่า “ท่านพ่อ ถึงแม้ข้าจะจัดการภัยร้ายทั้งหมดในตระกูลได้

แต่ธุรกิจของตระกูลย่อมปั่นป่วนวุ่นวายเป็นเงาตามตัว ดังนั้นช่วงนี้ข้าจึงได้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งและแผนงาน

คาดว่าทุกอย่างคงเป็นปกติภายในเดือนสองเดือน"

“ท่านต้องกลับมาเป็นเสาหลักของตระกูลจี้ต่อไป

ช่วงนี้ท่านควรพักผ่อนให้มากๆและรักษาตัวเพื่อฟื้นฟูให้เร็วที่สุด !”

จี้ชางคงโบกมือและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“เทียนซิง

เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องอาการบาดเจ็บของพ่อหรอก พ่อจัดการมันได้"

“พ่อรู้ว่าเจ้าคิดจะก้าวไปสู่จุดสูงสุดของมรรคายุทธ์และเป้าหมายของเจ้าก็คือเข้าสู่นิกายหนุนสวรรค์ให้ได้  ดังนั้นเรื่องอื่นๆเจ้าไม่ต้องกังวลให้มากความ

จงฝึกฝนอย่างตั้งใจที่นิกายเถิด”

“หลังจากเจ้าไปแล้ว

พ่อจะกลับมาจัดการทุกอย่างในตระกูลเอง เรื่องเล็กน้อยอย่าได้เก็บมาคิดให้ว้าวุ่น”

ถึงแม้บิดาจะปลอบใจ

แต่จี้เทียนซิงก็ยังเป็นกังวลอยู่ เขากล่าวว่า “แต่ว่าท่านพ่อ

อาการบาดเจ็บของท่านยังไม่หายสนิท หากข้าไม่อยู่แล้วตระกูลหลิงหวนกลับมาหาเรื่อง

ท่านจะทำอย่างไรเล่า ?”

ชี้ชางคงชี้ไปที่มู่ซานที่ยืนข้างๆและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“ข้าได้แจ้งมู่ซานให้เรียกยอดฝีมือทั้ง 16

ของหอเงากระบี่กลับมาคุ้มครองตระกูลจี้แล้ว

ด้วยพลังยุทธ์ของมู่ซานและยอดฝีมือที่เหลือ ตระกูลหลิงไม่กล้าลงมือแน่นอน”

จี้เทียนซิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า “เข้าใจแล้วท่านพ่อ งั้นข้าจะกลับบ้านไปเตรียมตัวก่อน อีก 5

วันให้หลังข้าจะออกเดินทางไปนิกายหนุนสวรรค์”

หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดและส่งมอบภารกิจในตระกูล

จี้เทียนซิงก็สนทนาเรื่อบเปื่อยกับบิดาอีกเล็กน้อย  จากนั้นก็ล่าถอยออกไป

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

ชายหนุ่มก็กลับมาที่จวนของตัวเอง ในขณะที่เขาเดินไปที่ประตูห้องก็ได้ยินเสียงต่ำสองเสียงดังมาจากข้างใน

“เหอะ ! เหล่าจี้ทำตัวใช้การไม่ได้เสียจริง

ช่วงนี้เอาแต่สนใจเรื่องราวในตระกูลจี้จนไม่มีเวลาหาข้าวหาปลาให้ข้ากิน ดูซิ

ข้าต้องทำตัวเป็นโจรลักเล็กขโมยน้อย หาอาหารกินเอง ”

แน่นอน

เสียงนี้ย่อมเป็นของเฉียนเยวี่ย...

“ถูกต้องอย่างที่เจ้าพูด ! ไม่กี่วันก่อนข้าอุตส่าห์ช่วยมันสู้จนสิ้นพลังลมปราณไปไม่น้อย  ร่างกายของข้าอ่อนแอลงมาก

ข้าต้องการสารอาหารฟื้นฟูพละกำลัง…”

เสียงนี้จี้เทียนซิงย่อมคุ้นเคย

มันเป็นเสียงของเสี่ยวเฮยหลง (มังกรดำตัวน้อย)

“เฮ้ย ! เสี่ยวเฮยหลงอย่าเนียนเซ่

เจ้ากินไวเกินไปแล้ว เหลือให้ข้าบ้าง !”

เสียงของเฉียนเยวี่ยดังอู้อี้ขึ้นอีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่าในปากของมันมีอาหารอยู่เต็มไปหมด

จี้เทียนซิงนวดหว่างคิ้วและผลักเปิดประตูเข้าไปทันที

ภาพที่เห็นคือ

โต๊ะกลมในห้องนั้นเต็มไปด้วยอาหารท่าทางน่าอร่อย

มันเต็มไปด้วยอาหารหลากหลาย

ไม่ว่าจะเป็นผลไม้สดและอาหารรสเลิศ มีทั้งไก่ย่าง เป็ดย่าง

เนื้อแกะย่างวางซ้อนกันเป็นเนินเหมือนภูเขาลูกน้อย

กรงเล็บน้อยๆของเฉียนเยวี่ยและเสี่ยวเฮยหลงจิกทึ้งอาหารเหล่านั้นและกินดื่มไม่หยุด

ในขณะที่จี้เทียนซิงเดินเข้ามาในห้อง

เฉียนเยวี่ยก็กางกรงเล็บน้อยๆของมันเพื่อแย่งไก่ย่างจากเสี่ยวเฮยหลง

เมื่อทั้งสองได้ยินเสียงเปิดประตู

พวกมันก็หยุดการแก่งแย่งและหันขวับไปมองที่ประตู

จี้เทียนซิงจ้องมองพวกมันอย่างเหนื่อยหน่ายใจและกล่าวด้วยความผิดหวังว่า

“เหอะ... พวกเจ้าขโมยอาหารของข้ากินอีกแล้ว !”

อึก.....

เสี่ยวเฮยหลงกลืนน่องไก่ลงคออย่างรวดเร็ว

จากนั้นก็กลายร่างเป็นกระบี่มังกรดำมุดเข้าไปในฝักกระบี่ที่แขวนอยู่ข้างกำแพงทันที

เฉียนเยวี่ยเช็ดปากที่มันแผลบและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“เหล่าจี้อย่าเพิ่งมีโทสะ ! ข้าไม่ได้ตั้งใจขโมยกินนะ”

มันหันหน้าไปทางกระบี่มังกรดำที่แขวนอยู่และชี้โบ้ชี้เบ้พลางกล่าวอย่างมาดมั่นว่า

“ทั้งหมดเป็นความผิดของเสี่ยวเฮยหลง !  มันร่ำร้องว่าหิวโหยจนข้าสงสารเลยต้องไปขโมยอาหารในครัวมาให้มัน

!”

“มันบ่นอุบกับข้ามาหลายวันแล้วว่ามันช่วยเจ้าในการประลองวันนั้นจนสูญเสียพลังปราณไปมากโข

อีกทั้งยังเจ็บเอวเลยต้องหาอะไรกินเพื่อฟื้นฟูพลังอ่า....”

กระบี่มังกรดำที่แขวนอยู่ข้างกำแพงกวัดแกว่งไปมาหลายครั้งตามมาด้วยเสียงจางๆของเสี่ยวเฮยหลง

"ระยำ ! อย่าโยนเผือกร้อนมาให้ข้า

ข้าไม่รู้เรื่อง เป็นจิ้งจอกสารเลวตัวนั้นต่างหากที่หิวโหยแล้วไปขโมยมาเอง”

จี้เทียนซิงยกยิ้มมุมปากและเอ่ยขึ้นตัดบทพวกมันทันที

“สรุปว่าเป็นเพราะเฉียนเยวี่ยหิวโหย

กล่าวเช่นนี้รวบรัดและตรงประเด็นใช่หรือไม่ ?”