ตอนที่ 336 แผนการของเทียนจี้เจิ้นเหริน

หลังจากสดับรับฟังข้อเสนอของเทียนจี้เจิ้นเหริน

เทียนเจี้ยนจงพลันขมวดคิ้ว

คนส่ายหัวไปมาอย่างไม่ลังเลและกล่าวชัดถ้อยชัดคำว่า

“เรื่องนี้ทำไม่ได้และไม่มีวันเป็นไปได้

!”

"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาแปดนิกายเต็มไปด้วยความขัดแย้งแก่งแย่งก็จริงอยู่

ฉากหน้าพวกเราดูสงบท่ามกลางความกินแหนงแคลงใจ

แต่เรามิอาจหักกันซึ่งหน้าเช่นนี้ได้ !”

"จี้เทียนซิงและหยุนเหยาเดินทางมาร่วมฉลองวันเกิดข้า

หากลงมือสังหารพวกมัน นี่มันผิดจรรยาบรรณโดยสิ้นเชิง !"

"เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราจะไม่เพียงแค่ต้องทานรับความโกรธเกรี้ยวของนิกายพันธมิตรสวรรค์และสู้รบแตกหัก

แต่พวกเราจะเป็นที่ครหาและถูกนิกายอื่นรวมหัวกันถล่มจนพินาศ !”

เมื่อกล่าวถึงตอนนี้

เทียนเจี้ยนจงก็เงียบไปครู่หนึ่งและกล่าวด้วยน้ำเสียงขมขื่นว่า “ที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดก็คือความแข็งแกร่งและภูมิหลังของนิกายกระบี่ฟ้าเรา

มิอาจเทียบได้กับมรดกสืบทอดนับพันปีของนิกายพันธมิตรสวรรค์หากต้องปะทะกัน"

เทียนจี้เจิ้นเหรินขมวดคิ้ว

มุมปากแสยะยิ้มอย่างถือดีพลางขบคิดในใจอย่างดื้อรั้นว่า “เฮอะ ! เจ้าพวกเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ต่ำต้อย หน้าซื่อใจคด!"

"เทียนเจี้ยนจงฝันจะทำลายนิกายพันธมิตรสวรรค์และขึ้นแทนที่พวกมัน

กลายเป็นจักรพรรดิองค์แรกของอาณาจักรเทียนเฉิน  โอกาสดีๆถวายพานมาถึงตรงหน้าแล้วแท้ๆกลับไม่กล้าลงมือ

หากทำลายสองศิษย์อัจฉริยะของพวกมันไปเรื่องทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น  แต่เจ้าบ้านี่ยังมีหน้ามาคำนึงถึงคุณธรรม

รักษาหน้าตาในสังคมของจอมปลอม !"

“หากเป็นเผ่ามารอย่างพวกข้า

มาหนึ่งฆ่าหนึ่งมาสิบฆ่าสิบ

แม้แต่หมูเห็ดเป็ดไก่ในนิกายพันธมิตรสวรรค์ก็จะไม่มีเหลือ !"

แม้ภายในใจของเทียนจี้เจิ้นเหรินจะกรีดร้องด้วยความคับข้อง

แต่ฉากหน้ายังคงต้องวางตัวสงบเยือกเย็น

มันยกมือขึ้นลูบเคราด้วยความมั่นใจและกระซิบกระซาบกับเทียนเจี้ยนจงด้วยรอยยิ้มพลางกล่าวว่า

“ประมุข, เราผู้เฒ่าเข้าใจความกลัดกลุ้มกังวลของท่านดี

บุคลสูงส่งอย่างท่านจะลดตัวลงไปสังหารหยุนเหยาและจี้เทียนซิงอย่างไร้ยางอายได้อย่างไรเล่า

?”

"ถ้าหากลงมือขึ้นมาจริง

นิกายพันธมิตรสวรรค์ย่อมเดือดดาลและยกกำลังมาต่อสู้แตกหักกับนิกายเราเป็นแน่  สุดท้ายย่อมส่งผลกระทบต่อแผนการใหญ่ของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"

"สังหารพวกมันทั้งสองเป็นการตัดแขนฉู่เทียนเซิง

เราผู้เฒ่าได้ขบคิดเรื่องนี้มานานจนได้ความคิดดีๆขึ้น

ซึ่งเรื่องนี้จะสามารถจัดการพวกมันทั้งสองโดยไม่ก่อให้เกิดความบาดหมางระหว่างสองนิกาย

ให้ท่านทำตามนี้....."

จากนั้นเทียนจี้เจิ้นเหรินก็ลอบส่งข้อความผ่านทางสัมผัสญาณ

เพื่อบอกแผนการของมันให้แก่เทียนเจี้ยนจง

เทียนเจี้ยนจงขมวดคิ้วและรับฟัง

จากนั้นสีหน้าและการแสดงออกของมันก็ค่อยๆผ่อนคลายลง

จนกระทั่งฟังแผนลับจนจบ

คนเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมาและพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ใช้ได้ !  วิเศษ

วิเศษมาก แผนนี้ของเจิ้นเหรินช่างหมดจดงดงามยิ่งนัก !"

"หากใช้วิธีนี้ เรื่องราวก็จะต่างออกไป

เอาตามนี้เลย !

ฮ่าๆๆ"

เทียนเจี้ยนจงปรบมือชอบใจครั้งแล้วครั้งเล่า  จ้องมองเทียนจี้เจิ้นเหรินด้วยรอยยิ้มอันพึงพอใจ

............

เวลาสี่วันติดต่อกันที่จี้เทียนซิงปิดด่านบ่มเพาะอยู่ในห้องลับ

เขาได้นำผลไม้วิญญาณกว่ายี่สิบลูกที่ได้รับจากหอคอยเจ็ดดาวมาใช้และกลั่นกรองพลังแห่งดวงดาวที่เหลือทั้งหมดในร่าง

ด้วยความช่วยเหลือของพลังทั้งสอง

ในสองวันแรกของการปิดด่าน เขาสามารถบรรเทาจุดฝังเข็มได้อีกสองจุด

จุดฝังเข็มแปดจุดของชีพจรกระบี่เส้นที่เจ็ดได้ถูกบรรเทา

ในที่สุดเขาก็มาถึงขอบเขตปราณจิตขั้นที่แปดได้สำเร็จ !

ตอนนี้ผ่านไปสี่วัน ความแข็งแกร่งของจี้เทียนซิงได้รับการปรับปรุงเป็นอย่างมาก

กลิ่นอายของเขายิ่งลึกลับและทรงพลังมากขึ้น

พอรุ่งเช้าของวันที่ห้า

ชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้นและออกจากภวังค์บ่มเพาะ เดินออกจากห้องลับ

วันนี้เป็นวันเกิดของเทียนเจี้ยนจง เขาจะต้องรีบมุ่งหน้าไปยังนิกายกระบี่ฟ้าพร้อมกับหยุนเหยาและเอี๋ยนเอ๋อร์

เขาล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อคลุมสีขาวตัวใหม่

จากนั้นก็เดินออกจากลานเทียนซิงพร้อมกับปลุกเฉียนเยวี่ยออกมาจากถุงมิติ

ก่อนหน้านั้นเขาได้นัดหมายกับหยุนเหยาและเอี๋ยนเอ๋อร์ไว้ให้มาพบกันที่จตุรัสใต้ยอดเขาฉิงเทียน

เมื่อเขาขี่เฉียนเยวี่ยบินมาจนถึงจัตุรัสที่เชิงเขาก็ได้เห็นว่าหยุนเหยาและเอี๋ยนเอ๋อร์ได้มาถึงก่อนแล้ว

หยุนเหยายืนอยู่ด้านหลังของกระเรียนขาว

ส่วนเอี๋ยนเอ๋อร์ขี่หลังพยัคฆ์ขาวเพลิงคะนอง

จี้เทียนซิงทักทายทั้งสอง

จากนั้นก็ขึ้นหลังเฉียนเยวี่ยบินขึ้นไปบนฟ้าตามหลังกระเรียนวิญญาณของหยุนเหยา  มุ่งหน้าไปยังนิกายกระบี่ฟ้าตามๆกัน

น่าเสียดายที่เสี่ยวไป๋ยังไม่สามารถบินได้และสามารถวิ่งได้บนพื้นได้เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เสี่ยวไป๋ในตอนนี้เป็นสัตว์วิญญาณที่ควบแน่นแกนอสูรและปรับแต่งเพลิงคะนอง

ความแข็งแกร่งของมันเปรียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ในขอบเขตปราณโอสถ

แม้ว่ามันจะวิ่งอย่างดุเดือดบนบก ผ่านภูเขา

สันเขา ยอดเขาและแม่น้ำสายแล้วสายเล่าด้วยความรวดเร็วยิ่ง

แต่ความเร็วของมันก็ไม่ได้ตกลงมากนัก

จากนิกายพันธมิตรสวรรค์ไปถึงนิกายกระบี่ฟ้ามีระยะทางมากกว่า

800 ไมล์

ซึ่งทั้งสามคนใช้เวลาเพียงสองชั่วยามครึ่งเท่านั้นก็ไปถึงจุดหมายได้ในที่สุด

ในเวลานี้คือช่วงสาย

อีกครึ่งชั่วยามจะถึงเที่ยงวัน งานฉลองวันเกิดของเทียนเจี้ยนจงแบ่งเป็นสองช่วง

ช่วงแรกเริ่มขึ้นในตอนเที่ยง ส่วนช่วงที่สองเป็นงานสังสรรค์เริ่มในตอนค่ำ

จี้เทียนซิงและหยุนเหยาคิดคำนวณเวลาได้พอเหมาะพอเจาะ

การมาถึงของพวกเขานั้นถูกต้องไม่ช้าและไม่เร็วจนเกินไป

ใต้ประตูของนิกายกระบี่ฟ้ามีศิษย์สาวกในชุดคลุมสีขาวยืนเรียงกันเป็นสองแถว

แต่ละคนกอดอกกุมกระบี่ด้วยท่วงท่าห้าวหาญและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

มีผู้อาวุโสทั้งสองและผู้ดูแลหลายคนยืนที่ประตูภูเขาเพื่อทักทายแขกเหรื่อและให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

จี้เทียนซิงเก็บเฉียนเยวี่ยกลับไปด้วยสีหน้าสงบเยือกเย็น

คนเดินข้ามจตุรัสหน้าของประตูภูเขาและตามฝูงชนด้านหน้าไป

โดยบังเอิญ กลุ่มคนที่เดินนำหน้าทั้งสามกลับเป็นคนของนิกายพันใบไม้ร่วง

ผู้นำคือประมุขนิกาย ถัดจากมันคือผู้อาวุโสอีกสองคนและตามด้วยหัวหน้าศิษย์, เฉียวซวน

เมื่อแปดวันก่อนเฉียวซวนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากน้ำมือของจี้เทียนซิง

ตอนที่อยู่ใต้หอคอยเจ็ดดาว

หลังจากพักฟื้นไปแปดวัน อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของมันได้หายเป็นปกติไม่มีอาการผิดปรกติแทรกซ้อนใดๆ

แต่ความแข็งแกร่งของมันยังไม่ฟื้นฟูกลับมาเต็มที่

ประมุขนิกายนำผู้อาวุโสทั้งสองและเฉียวซวนมาถึงที่ประตูภูเขา

จากนั้นสองนิกายต่างพูดคุยสนทนากันด้วยความสนิทสนมและกระตือรือร้น

ทั้งสองฝ่ายกล่าววาจากันไม่กี่คำ

จากนั้นประมุขนิกายพันใบไม้ร่วงก็พาเฉียวซวนและสมาชิกผ่านประตูไป

เดินทางมุ่งหน้าต่อไปยังยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์

ในขณะนั้นเอง

เฉียวซวนก็ตระหนักถึงการมาถึงของจี้เทียนซิง

รอยยิ้มของมันแข็งค้าง

สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ดวงตาเปล่งประกายด้วยแสงเย็นเยือกพลางจ้องมองจี้เทียนซิงอย่างไม่พอใจ

ไม่มีผู้ใดทราบว่าเฉียวซวนหันไปกระซิบกระซาบอันใดกับประมุขนิกายพันใบไม้ร่วง

จนทำให้เขาต้องหันหน้ากลับไปมองจี้เทียนซิงและจ้องมองด้วยสีหน้าราบเรียบ

อย่างไรก็ตาม

ประมุขนิกายพันใบไม้ร่วงมิได้หยุดเดิน มันพยักหน้าให้กับอาวุโสทั้งสองและเฉียวซวน  เดินสองมือไพล่หลังขึ้นเขาต่อไปอย่างไม่แยแส

จี้เทียนซิงเห็นภาพนี้แต่เขาก็มิได้จริงจังมากนัก

ความคิดของเฉียวซวนและประมุขของมันนั้น

ไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ว่ามีเจตนาไม่ดีกับเขาเป็นแน่

ในเวลานี้เองหยุนเหยานำเทียบเชิญมอบให้กับสองอาวุโสใต้ประตูภูเขาและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

“ผู้เยาว์หยุนเหยา

หัวหน้าศิษย์นิกายพันธมิตรสวรรค์นำศิษย์น้องมาด้วยสองคนเพื่อร่วมอวยพรวันเกิดให้แก่ท่านประมุขนิกายกระบี่ฟ้า"

รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของสองอาวุโสหายวับไปทันที

คนขมวดคิ้วพร้อมกันจ้องมองหยุนเหยาพลางถามอย่างไม่พอใจว่า “นี่เป็นเทียบเชิญโดยตรงจากท่านประมุขเราถึงประมุขนิกายพันธมิตรสวรรค์

เหตุใดประมุขฉู่ถึงไม่ให้เกียรติมาด้วยตนเองแต่กลับส่งศิษย์สามคนมาเท่านั้น ?”

หยุนเหยาคาดเดาได้แต่แรกแล้วว่าผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ฟ้าจะต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้

นางเอ่ยตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “ท่านอาจารย์มีภารกิจมากมายและไม่สะดวกเดินทางมาด้วยตัวเอง

ดังนั้นท่านจึงมอบหมายให้พวกเราทั้งสามเป็นตัวแทน"

สองอาวุโสของนิกายกระบี่ฟ้ายังคงไม่พอใจพลางสบถแผ่วเบาในใจ

แต่ฉากหน้าดูเหมือนไม่ใส่ใจ กล่าวต่อไปว่า “เช่นนี้พวกเจ้าทั้งสามโปรดเข้าไปนั่งรอในห้องโถงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ก่อน"

หยุนเหยาประสานมือคารวะ

จากนั้นพาจี้เทียนซิงและเอี๋ยนเอ๋อร์ข้ามประตูภูเขามุ่งหน้าต่อไปยังยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์

ทันทีหลังจากนั้นประมุขนิกายเจิ้นหวู่ก็ได้นำหัวหน้าศิษย์มาถึงเป็นลำดับต่อมา

ผู้อาวุโสทั้งสองปรี่เข้าไปคารวะทักทายด้วยรอยยิ้มในทันที

ประมุขนิกายเจิ้นหวู่พูดคุยกับสองอาวุโสไม่กี่คำ

จากนั้นก็มองไปที่ด้านหลังของจี้เทียนซิงและหยุนเหยาพลางเอ่ยปากเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงยียวน

“โฮ่

นิกายพันธมิตรสวรรค์นี่นับวันชักจะทำตัวใหญ่โตคับฟ้าขึ้นทุกวันๆ !"

"วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบ 200 ปีของท่านประมุขเทียนเจี้ยนจง

กระทั่งเรื่องราวสำคัญของทั้งดินแดนดาราบรรพกาลเยี่ยงนี้แต่ฉู่เทียนเซิงกลับปฏิเสธที่จะมา

แสดงว่ามันไม่เห็นนิกายกระบี่ฟ้าอยู่ในสายตากระมัง ?!"

สองผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ฟ้าที่ไม่พอใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยในทันที ดวงตาของพวกมันเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

พวกมันก็คิดแบบเดียวกันกับประมุขนิกายเจิ้นหวู่

แต่เนื่องจากมีผู้คนมากมายจากทั่วสารทิศที่อยู่ใต้ประตูภูเขา

สถานการณ์คึกคักวุ่นวายมากจนทั้งสองไม่อยากเสียเวลาต่อว่าให้มากความ

“หึ !”

ประมุขนิกายเจิ้นหวู่พ่นลมผ่านจมูก

จากนั้นก็นำหัวหน้าศิษย์และเหล่าผู้ติดตามเดินข้ามประตูไปด้วยรอยยิ้มมุมปาก

ต่อมาคนของนิกายตันติง นิกายเฟิงฮั่วและนิกายฤทัยจันทราก็ทยอยกันมาถึงและก้าวข้ามประตูภูเขา

มุ่งหน้าไปยังโถงต้อนรับบนยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์