สร้างเงื่อนไข
ภายในตำหนักฉิงเทียน
นอกจากฉู่เทียนเซิงแล้วก็ยังมีอีกบุคลหนึ่ง
บุคลผู้นี้ก็คือเซี่ยงหวู่จี้นั่นเอง
เขานั่งทางซ้ายของห้องโถงใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่าขณะนี้จะเป็นเวลาเที่ยงที่ทั้งอากาศร้อนและอึดอัด
แต่ทว่าในตำหนักฉิงเทียนกลับเต็มไปด้วยรัศมีกดทับและบรรยากาศที่เย็นยะเยือก
จี้เทียนซิงเห็นสีหน้าของฉู่เทียนเซิงและเซี่ยงหวู่จี้ก็รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยจะดี ต้องมีเรื่องสำคัญบางอย่างเป็นแน่
เขารีบเดินเข้าไปในห้องโถงอย่างรวดเร็วและกำหมัดคารวะฉู่เทียนเซิงกับเซี่ยงหวู่จี้
“ศิษย์คารวะท่านประมุขและผู้อาวุโสเซี่ยงขอรับ !”
ฉู่เทียนเซิงพยักหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ลุกขึ้น”
“ข้าประมุขเรียกตัวเจ้าเป็นการด่วนย่อมมีเรื่องสำคัญที่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
จี้เทียนซิงสีหน้างุนงงและถามว่า
“ท่านประมุข
ท่านมีเรื่องสำคัญอันใดถึงต้องให้ข้าช่วยงั้นหรือ ?”
หากเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่แม้กระทั่งตัวประมุขยังนั่งไม่ติด
เช่นนั้นศิษย์ฝ่ายนอกอย่างเขาจะมีปัญญาช่วยแก้ปัญหาอะไรได้ ?
นี่คือสิ่งที่จี้เทียนซิงกำลังคิดอยู่ในใจ
ฉู่เทียนเซิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“ข้าต้องการพลังสายเลือดกระบี่ลี้ลับของเจ้าเพื่อเปิดใช้งานมหาข่ายปราณแขนงหนึ่งที่อยู่ภายใต้ยอดเขาเมฆาสีชาดแห่งนี้
!”
“ใต้ยอดเขามีถ้ำอาคมที่มีผนึกของมหาข่ายปราณ
มันมีไว้เพื่อสยบปีศาจไร้พ่ายตนหนึ่ง…”
จากนั้นฉู่เทียนเซิงก็ค่อยๆเล่าเรื่องราวของเผ่าพันธุ์ปีศาจและอาคมเก้ามังกรผนึกปีศาจ
จี้เทียนซิงเงียบไปและรับฟังข่าวสารเหล่านี้อย่างตั้งอกตั้งใจ
อันที่จริงเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาบ้างแล้วแต่ก็ไม่ละเอียดมากนัก
เขารู้ว่าจี้หลิงต้องตาฉู่เทียนเซิงอย่างมากก็เพราะสายเลือดกระบี่ลี้ลับในร่างกายที่ทำให้สามารถเปิดใช้งานมหาข่ายปราณได้
อย่างไรก็ตาม
สายเลือดที่จี้หลิงช่วงชิงมาจากจี้เทียนซิงนั้นเจือจางเกินไปจึงทำให้กระบวนการนี้ล้มเหลวในที่สุด
นอกจากนี้
จี้เทียนซิงก็ไม่ทราบเรื่องอื่นและไม่รู้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน
บัดนี้ได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของฉู่เทียนเซิงก็ทำให้เขาเข้าใจจุดเริ่มต้นและจุดจบของเรื่อง
หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับปีศาจไร้พ่ายและมหาข่ายปราณ
ฉู่เทียนเซิงก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า “เมื่อหนึ่งเดือนก่อน
ยอดฝีมือเผ่าพันธุ์ปีศาจบุกเข้ามาในนิกายและพยายามทำลายมหาข่ายปราณที่ผนีกปีศาจตนนั้นเอาไว้”
“ต่อมาเมื่อไม่กี่วันก่อน
นังปีศาจตนหนึ่งแนบร่างปลอมตัวมากับศิษย์สตรีของนิกายฤทัยจันทรา
และลอบแฝงตัวอยู่ในนิกายทำบางอย่างลับๆล่อๆ”
“เมื่อคืนนี้นังปีศาจและมหาปุโรหิตนำพากองทัพยอดฝีมือเผ่าปีศาจจำนวนมากบุกเข้ามาโจมตีมหาข่ายปราณ
หมายจะช่วยจักรพรรดิปีศาจที่ถูกผนึกไว้ออกมาให้จงได้ โชคดีที่ข้าตรวจพบพวกมันทันเวลาและร่วมมือกับท่านอาจารย์อาจนทำให้พวกมันล่าถอยกลับไป”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้
รูม่านตาของจี้เทียนซิงก็หดวูบและเผยความตื่นตระหนก
“ที่แท้นั่งปีศาจนั่นก็สิงอยู่ในร่างของศิษย์นิกายฤทัยจันทรานี่เอง
มิน่าเล่าข้าถึงได้คิดอยู่เสมอว่าแม่นางซู่หลานผู้นั้นดูแปลกๆ !”
“ดูเหมือนว่าสัญชาตญาณของข้าจะยังไม่ถดถอย มันน่าเหลือเชื่อนักที่เผ่าพันธุ์ปีศาจสามารถหาวิธีน่ารังเกียจเช่นนี้ลอบเข้ามาจนได้
!”
ในใจของจี้เทียนซิงเต็มไปด้วยความตกใจและเป็นกังวล
เขาไม่รู้ว่าซวนซวนจะได้รับอันตรายหรือไม่
ในเวลานี้ฉู่เทียนเซิงก็กล่าวต่อไปว่า
“ระยะนี้เผ่าปีศาจมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
มีบ่อยครั้งที่พวกมันลอบเข้ามาหาทางทำลายมหาข่ายปราณเพื่อช่วยจักรพรรดิปีศาจ พวกมันช่างบ้าคลั่งนัก !”
“นอกจากนี้ผู้อาวุโสหลายคนของนิกายก็ไปประจำการอยู่ที่ภูเขามังกรจึงทำให้การป้องกันของนิกายอ่อมแอลง ดังนั้นในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้
ข้ากับอาจารย์อาเซี่ยงจึงเห็นพ้องต้องกันว่า
เราควรเปิดใช้งานอาคมเก้ามังกรผนึกปีศาจทันที !”
จี้เทียนซิงรู้ว่าเผ่าปีศาจเคยลอบเข้ามาในนิกายพันธมิตรสวรรค์เมื่อตอนที่เขาถูกขังอยู่ในถ้ำวายุทมิฬ
ในตอนนั้นเขาเกือบถูกองค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยฆ่าตาย
เพียงหนึ่งเดือนต่อมานังปีศาจตนนั้นก็สิงร่างของซู่หลานและลอบเข้ามาในนิกายพันธมิตรสวรรค์อย่างเงียบเชียบเพื่อทำลายผนึกของมหาข่ายปราณ
ในเวลาเพียงสองเดือนเผ่าพันธุ์ปีศาจลอบเข้ามาทำการครั้งแล้วครั้งเล่า
การเคลื่อนไหวของพวกมันนับวันยิ่งอุกอาจและโอหังมากนัก
เดิมทีฉู่เทียนเซิงคิดจะรอดูความประพฤติของจี้เทียนซิงแล้วค่อยฝึกฝนให้เขาอย่างลับๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์เป็นเรื่องเร่งด่วนมาก
ฉู่เทียนเซิงไม่มีทางเลือกจึงต้องเรียกตัวเขากลับนิกายโดยด่วนเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้
จี้เทียนซิงเข้าใจทุกอย่างและกล่าวกับฉู่เทียนเซิงอย่างเคร่งขรึมว่า
“ท่านประมุข ความปลอดภัยของนิกายและการป้องกันเผ่าพันธุ์ปีศาจเป็นความรับผิดชอบและเรื่องที่สมควรทำ
หากพลังอันน้อยนิดของข้าสามารถสร้างประโยชน์ให้กับนิกายได้
ข้าก็ยินดีช่วยอย่างไม่ขัดข้องขอรับ”
“เพียงแต่ว่าข้ามีบางอย่างต้องกล่าวกับท่านให้เข้าใจก่อน เชื่อว่าท่านประมุขคงทราบดีว่าข้าถูกจี้หลิงใช้วิธีการต่ำช้าช่วงชิงพลังบ่มเพาะและสายเลือดกระบี่ลี้ลับไปตั้งแต่ก่อนจะเข้านิกายพันธมิตรสวรรค์
ดังนั้นตอนนี้พลังสายเลือดของข้าจะมีผลหรือไม่ก็ยังไม่รู้
ข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเปิดใช้งานอาคมเก้ามังกรผนึกปีศาจได้หรือไม่”
ชายหนุ่มรู้ดีว่าฉู่เทียนเซิงต้องเคยสืบเรื่องพวกนี้มาก่อนแล้ว
แต่เหตุผลที่เขาต้องพูดจากปากตนเองอีกครั้งก็เพื่ออยากทราบทัศนคติของฉู่เทียนเซิง
นอกจากนี้
จี้เทียนซิงก็มองการณ์ไกลและคิดหาทางออกให้อนาคตตัวเองไว้ล่วงหน้า
หากท้ายที่สุดแล้วเขาไม่สามารถเปิดใช้งานอาคมเก้ามังกรผนึกปีศาจได้สำเร็จ
ฉู่เทียนเซิงจะปฏิบัติต่อเขาอย่างไร
แน่นอน
จิ้งจอกเฒ่าที่มีอายุมานานอย่างฉู่เทียนเซิงและเซี่ยงหวู่จี้มีหรือจะไม่เข้าใจความคิดของจี้เทียนซิง พวกเขาทั้งสองหันไปสบตากันและเผยรอยยิ้มออกมา
เซี่ยงหวู่จี้เหลือบมองที่เขาและกล่าวอย่างไม่พอใจว่า
“ทำไม ? เจ้ากังวลบ้าบออะไรวะไอ้หนู
?”
“ตอนนี้เจ้าก็มีสถานะเป็นเหมือนลูกศิษย์ข้า
หากเจ้าไม่สามารถเปิดใช้งานอาคมเก้ามังกรผนึกปีศาจได้จริงๆ
แต่ตราบใดที่เจ้าหุบปากให้สนิทและอย่าเปิดเผยความลับสุดยอดของนิกายออกไป
ไม่มีใครหน้าไหนกล้าทำอะไรเจ้าหรอก ต่อให้เป็นประมุขนิกายก็อย่าได้ฝัน !”
ฉู่เทียนเซิงพยักหน้าเสริมและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า
“จี้เทียนซิง พวกข้าเข้าใจความกลัดกลุ้มกังวลของเจ้าดี”
“จริงๆแล้วไม่ว่าเจ้าจะสามารถเปิดใช้งานอาคมเก้ามังกรผนึกปีศาจได้สำเร็จหรือไม่
พวกข้าไม่ได้ตั้งความหวังไว้มากนัก ข้าสองคนได้พูดคุยกันและตัดสินใจแล้ว
พวกเราเพียงแค่ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ จากนั้นก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาก็แล้วกัน”
“เรื่องสายเลือดกระบี่ลี้ลับของเจ้านั้น
โยนมันทิ้งไปซะ ด้วยพรสวรรค์และศักยภาพของเจ้าที่แสดงออกมา
มันบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าเจ้าเป็นศิษย์หายากและควรค่าแก่การฝึกฝน”
“ตราบใดที่เจ้าภักดีต่อนิกายนี้และสาบานต่อสวรรค์ว่าจะไม่แพร่งพรายความลับสุดยอดของนิกายออกไป
ข้าประมุขก็ยังคงยินดีที่จะปลูกฝังเจ้าด้วยทรัพยากรทั้งหมดของนิกาย”
“ที่สำคัญ หากข้าไม่เห็นความสำคัญของเจ้า
ข้าจะมอบป้ายคำสั่งสวรรค์ให้เจ้าทำไมเล่า ?”
เนื่องจากทั้งเซี่ยงหวู่จี้และฉู่เทียนเซิงต่างก็แสดงความรู้สึกและความจริงใจออกมา
ในที่สุดความสงสัยและความหวาดระแวงของชายหนุ่มก็หมดไป
เขากำหมัดคารวะให้ฉู่เทียนเซิงและเซี่ยงหวู่จี้ทันทีพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“ในเมื่อท่านประมุขและผู้อาวุโสเซี่ยงจริงใจต่อข้า
เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องพะวงในการปฏิบัติภารกิจนี้ให้นิกายแล้ว !”
เมื่อเห็นฉากนี้เซี่ยงหวู่จี้แสยะยิ้มและเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางกระซิบว่า
“เหอะๆ ตาแก่อย่างข้ากะไว้แล้วไม่มีผิด
กระต่ายเจ้าเล่ห์จะเป็นนกที่ดีได้อย่างไร”
“ไอ้หนู เจ้ารู้ว่าประมุขจำเป็นต้องหยิบยืมพลังสายเลือดของเจ้าเพื่อเปิดใช้งานอาคม
เจ้าเลยถือโอกาสนี้สำรวจเจตนาของเขาและสร้างเงื่อนไขต่อรองงั้นหรือ ? ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์เอ้ย”
จี้เทียนซิงย่อมได้เสียงคำพูดค่อนแคะของเซี่ยงหวู่จี้
แต่เขาแสร้งทำเป็นหูทวนลมโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
เขาสามารถจงรักภักดีต่อนิกายพันธมิตรสวรรค์ได้
แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่านิกายจะมองเขาแบบไหนและเห็นคุณค่าของเขาเพียงพอหรือไม่
เขาไม่มีทางยอมเป็นคนโง่และยอมตายเพื่อนิกายที่ไม่เห็นคุณค่าของเขาแน่นอน
หากเขาหมดประโยชน์เมื่อไหร่ สักวันหนึ่งก็ย่อมถูกเขี่ยทิ้งจากนิกายอย่างไร้ค่า
ฟิ้ว
!
ฉู่เทียนเซิงดีดนิ้วและส่งเม็ดยาสีแดงเข้มเม็ดหนึ่งเข้าหาจี้เทียนซิงพลางกล่าวว่า
“จี้เทียนซิง นี่คือเม็ดยาวิญญาณโลหิต
มันจะช่วยเจ้าปรับแต่งสายเลือดของเจ้าได้ จงกินมันทันที
หลังจากเจ้าดูดซับมันสำเร็จ
พวกข้าจะพาเจ้าไปที่ถ้ำและเริ่มดำเนินการเคลื่อนมหาอาคมทันที !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved