ท้าทายเผ่าอสูร
เมื่อได้ยินคำพูดของเหยียนเซียนเซิง
จี้เทียนซิงก็ตะลึงงันพลางถามว่า
“ไปที่ตึกพนันเหยี่ยวเวหาเพื่อกระทำสิ่งหนึ่ง ? มิใช่ว่าให้ข้าไปเล่นพนันหรอกกระมัง ?”
เหยียนเซียนเซิงผุดยิ้มบางและมีท่าทางลึกลับยากจะคาดเดา เขากล่าวว่า
“มันเป็นการพนันจริง แต่มิใช่การพนันอย่างที่เจ้าคิด
มันเป็นการพนันด้วยการประลอง”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและถามว่า
“ขออภัยที่ถามมากความ
แล้วมันมีวิธีการอย่างไรหรือ ?”
เหยียนเซียนเซิงอธิบายอย่างช้าๆว่า
“ตึกพนันเหยี่ยวเวหามีทั้งการพนันด้วยเงินตราทั่วไปซึ่งเป็นการพนันด้านสว่าง
และมีการพนันลับในด้านมืดที่เรียกว่าการพนันของเหล่าจ้าวป่า
มีราชาไร้เทียมทานอยู่สองคนซึ่งทั้งคู่ต่างก็เป็นเผ่าพันธุ์อสูรที่แข็งแกร่ง”
“เจ้าต้องท้าทายหนึ่งในสองราชาและล้มพวกเขาให้ได้จึงจะมีสิทธิ์ได้พบเทียนอิงฟางจู้
(เถ้าแก่เหยี่ยวเวหา) เขาจะตอบสนองต่อความต้องการของเจ้า”
จี้เทียนซิงยกคิ้วขึ้นและเผยให้เห็นรอยยิ้มที่สนอกสนใจ
“อ้อ ?
มีกฎเช่นนี้ด้วยหรือนี่
?”
“เช่นนั้นข้าขอถามต่อ
เผ่าอสูรทั้งสองคนนั่นมีพลังฝีมือในขอบเขตใดหรือ ? แล้วกฏในการท้าทายมีอะไรบ้าง
?”
เหยียนเซียนเซิงอธิบายต่อไปว่า
“ยอดฝีมือคนแรกเรียกว่าเป่าจ้ง (หมีดุร้าย) มันมีพลังในขอบเขตปราณแท้ขั้นที่ห้าและเป็นยอดฝีมือแห่งตระกูลหมี
มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ที่ต่ำกว่าขอบเขตปราณแท้ขั้นห้าจึงจะสามารถท้าทายมันได้”
“คนที่สองชื่อว่าอันหยิง (เงาเร้นลับ)
มีพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นห้าและเป็นยอดฝีมือตระกูลหมาป่าที่เร้นกายในเงามืด ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าปราณจิตขั้นห้าถึงจะท้าทายมันได้”
“กฎกติกาในการท้าทายนั้นง่ายดายยิ่ง
สองฝ่ายประลองกันด้วยมือเปล่าห้ามใช้กำลังภายนอกเข้ามาช่วย อาทิเช่น อาวุธ อุปกรณ์ลับ
ยันต์คาถา เวทย์ ข่ายอาคม ฯลฯ สู้กันด้วยชีวิตและความตาย”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้จี้เทียนซิงก็ขมวดคิ้ว
ดวงตาเปล่งประกายอย่างเคร่งขรึม
เขารู้ดีว่าพลังยุทธ์ของเผ่าพันธุ์อสูรนั้นไม่ธรรมดา
มันเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั่วๆไป
ยอดฝีมือเผ่าอสูรที่มีพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นห้าจะมีพลังในการต่อสู้พอๆกับผู้ฝึกยุทธ์เผ่ามนุษย์ในระดับปราณจิตขั้นที่หก
หากผู้ฝึกยุทธ์เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่พึ่งพาอุปกรณ์วิเศษ, คาถาอาคมหรือข่ายปราณ ตลอดจนกำลังจากภายนอกอื่นๆก็ยากที่จะเทียบเผ่าอสูรได้
เขามองไปที่เหยียนเซียนเซิงและขมวดคิ้วถามว่า
“แบบนี้มิใช่ว่ากฎที่เทียนอิงฟางจู้ตั้งขึ้นมาจะยากไปหน่อยหรือ
? จะมีสักกี่คนเชียวที่ทำได้สำเร็จ ?”
เหยียนเซียนเซิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ถูกต้อง ! ย่อมยากเย็นอยู่แล้ว”
“ในปีที่ผ่านมามีผู้ท้าทายอย่างน้อยก็ร่วมสิบชีวิต
แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ผ่านการท้าทายและได้พบหน้าเทียนอิงฟางจู้ เหอๆ สหายน้อย เทียนอิงฟางจู้ไม่เพียงแค่เป็นมังกรผู้ทรงอำนาจ
แต่ยังเป็นยอดฝีมือท่านหนึ่งที่ยากจะพบพานอีกด้วย
ท่านเป็นผู้ดูแลจัตุรัสตงเชิงอีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสามเจ้าเมืองวิญญาณเพลิง
คิดว่าจะพบหน้าท่านได้ง่ายเหมือนสามัญชนทั่วไปหรือไง ?”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและคารวะอีกฝ่าย
“ขอบคุณเหยียนเซียนเซิงมากที่อธิบายโดยละเอียดเช่นนี้”
เหยียนเซียนเซิงสะบัดแขนเสื้อและกวาดเอาหินวิญญาณของจี้เทียนซิงเก็บไป
เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “สหายน้อยไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า หมู่ตึกป้าฟางของเราทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์จริงใจ
เจ้าจ่ายเงินเท่าไหร่ก็จะได้รับข้อมูลข่าวสารที่สมน้ำสมเนื้อเท่านั้น”
“ไปเถิด ขอให้สหายน้อยโชคดี”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและหันหลังเดินออกจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว
............
หลังออกจากหมู่ตึกป้าฟางเขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังจตุรัสตงเชินเพื่อค้นหาตึกพนันเหยี่ยวเวหา
พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า
ทั่วทั้งเมืองวิญญาณเพลิงจึงถูกอาบไล้ไปด้วยแสงอาทิตย์สีทอง
ชาวยุทธ์บนท้องถนนในเมืองเริ่มบางตาและเสียงร่ำร้องเรียกแขกของเหล่าพ่อค้าแม่ขายก็ทยอยหายไป
อย่างไรก็ตาม
จัตุรัสเมืองตงเชิงนั้นแตกต่างออกไปมันสงบเงียบและลึกลับอยู่ตลอดเวลา
มีถนนสายหลักสองสายในโซนนี้
ท้องถนนยังเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนอาวุธ เม็ดยา คาถาและอุปกรณ์อื่นๆ
นี่คือโลกของเหล่าชาวยุทธ์
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับวิทยายุทธ์สามารถพบเห็นได้ที่นี่
ถึงแม้ว่าจะมีร้านค้าที่ขายสิ่งของเหล่านี้ในส่วนอื่นของเมือง
แต่คุณภาพนั้นก็ยังห่างไกลหากนำมาเทียบกัน
ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปของเมืองวิญญาณเพลิงมักจะไปหาซื้อของที่จำเป็นในการบ่มเพาะที่ตลาด
แต่ทว่าสมบัติเงินทองของฆราวาสนั้นไร้ค่าในโซนนี้
และแทบจะไม่สามารถหาซื้อข้าวของดีๆได้
ในโซนนี้มีเพียงหินวิญญาณและอัญมณีเลอค่าเท่านั้นที่สามารถใช้เป็นสกุลเงินได้
แต่ทว่าหากผู้ฝึกยุทธ์ไม่มีหินวิญญาณและอัญมณีในครอบครองก็สามารถนำสิ่งของอื่นที่มีค่ามาแลกเปลี่ยนในอัตราที่เท่าเทียมกันได้
จี้เทียนซิงเดินไปจนสุดถนนฝั่งซ้ายของเมืองและได้เห็นตึกพนันเหยี่ยวเวหาในที่สุด
กล่าวได้ว่ามันเป็นสถานที่สำหรับการพนัน
มันเป็นวังที่มีรัศมีหนึ่งพันเมตร โดยมีการตกแต่งหรูหราอลังการทั้งภายในและภายนอก
ที่ประตูวังมีรูปปั้นของเทียนอิง
(เหยี่ยวเวหา ) ที่สูงถึงสิบเมตร
รูปปั้นเหยี่ยวเวหานั้นสดใสราวกับมีชีวิตจริงๆ
มันอยู่ในท่วงท่าที่กำลังโผบินบนฟ้าและดูทรงอำนาจมาก
หน้าประตูมียามในชุดเกราะดำยืนอยู่สองแถว
ทุกคนต่างก็มีพลังในขอบเขตปราณแท้ขั้นที่เจ็ดที่เต็มไปด้วยความดุดันแข็งแรง
มันเป็นเวลาช่วงเย็นซึ่งยังไม่มีแขกเหรื่อเข้ามาเสี่ยงโชคกันมากนัก
บรรยากาศภายในวังจึงดูเงียบสงัด แต่หากตกดึกเมื่อไหร่จะเป็นช่วงเวลาที่มีชีวิตชีวาที่สุดของธุรกิจการพนัน…
ก่อนที่จี้เทียนซิงจะได้เห็นบรรยากาศในห้องโถง
ชายชุดดำเข้าปรี่เข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“น้องชายท่านนี้ หากต้องการเล่นการพนันใดๆโปรดนั่งรอก่อนสักครู่
หรือถ้าหากมีเรื่องอื่นใดให้รับใช้โปรดเรียกหาข้าผู้แซ่เทียนได้ตลอดเวลา ข้าคือพ่อบ้านของตึกพนันเหยี่ยวเวหา”
จี้เทียนซิงพยักหน้าให้อีกฝ่ายและกล่าวอย่างสงบว่า
“ท่านพ่อบ้าน ข้ามาเยือนตึกพนันเหยี่ยวเวหาในวันนี้ก็เพราะอยากพบเทียนอิง”
“โอ้..... ? เจ้าอยากพบเถ้าแก่ของพวกเรางั้นหรือ
?”
พ่อบ้านเทียนเลิกคิ้วขึ้น
สีหน้าอันนอบน้อมเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มหยอกเย้าสนุกสนาน
“หากเจ้าต้องการพบเถ้าแก่ก็ต้องชนะการท้าทายให้สำเร็จก่อน
กฏข้อนี้น้องชายทราบดีแล้วกระมัง ?”
จี้เทียนซิงพยักหน้าอีกครั้งและกล่าวว่า
“แน่นอนว่าทราบ
มิฉะนั้นข้าคงไม่กล่าวตรงเข้าประเด็นเช่นนี้”
“เข้าใจแล้ว” ใบหน้าของพ่อบ้านเทียนเผยรอยยิ้มมากขึ้นและผายมือเชื้อเชิญอีกฝ่ายให้ตามมา “น้องชายโปรดมากับข้า”
จากนั้นพ่อบ้านเทียนก็พาจี้เทียนซิงไปที่มุมห้องโถงและเข้าไปที่ประตูหินสีดำ
ด้านหลังประตูหินเป็นทางเดินอันมืดมิดที่ทอดยาวลึกลงไปใต้พื้นดิน
ด้านข้างของทางเดินปกคลุมไปด้วยโคมไฟหินและพื้นดินที่เป็นระเบียบเรียบร้อยและแบนเรียบ เพียงมองวูบเดียวก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเส้นทางนี้มักมีผู้คนเดินเข้าออกอยู่เป็นประจำ
อีกครู่ต่อมาพ่อบ้านเทียนก็นำจี้เทียนซิงเดินไปจนสุดทางเดินและเข้าไปถึงห้องโถงใหญ่และกว้างขวาง
โถงกว้างสามเมตรนี้เป็นเหมือนบ้านประมูล
รอบๆห้องโถงเต็มไปด้วยที่นั่งสูงต่ำ
อย่างน้อยๆก็สามารถรองรับผู้คนได้นับพัน
กลางห้องโถงเป็นพื้นที่เปิดโล่งวงกลมที่มีรัศมี
100 เมตรเหมือนหลุมขนาดใหญ่ที่แบนราบ
อย่างไรก็ตาม
จี้เทียนซิงรับรู้ได้ในทันทีที่มองผ่านเพียงวูบเดียวว่ามันคือลานประลองอันมีชื่อเสียง
หลังจากนี้เขาจะต้องเข้าไปในลานแห่งนั้นและท้าทายเผ่าพันธุ์อสูรที่มีนามว่าอันหยิง
บัดนี้มีผู้คนมากหลายที่เฝ้าดูการท้าทายบนที่นั่งรอบๆเวทีและภายในห้องหรูหราบนชั้นสองของห้องโถง
พ่อบ้านเทียนนำทางจี้เทียนซิงเดินผ่านที่นั่งหลายแถวจนกระทั่งเข้าสู่เวที
จี้เทียนซิงได้เห็นประตูเหล็กสีดำขนาดใหญ่สองแห่งทางด้านทิศเหนือและทางด้านทิศใต้ของลานประลอง
มันสามารถมองเห็นผ่านรั้วของประตูเหล็กได้ มันคือห้องลับห้องหนึ่ง
จากนั้นผู้ดูแลของลานประลองก็บอกให้เขารั้งอยู่ในห้องลับและล็อคประตูเหล็ก
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved